เมื่อเดือนพฤษภาคม คณะกรรมการยุโรป (European Commission) สั่งปรับเงินอินเทล 1.45 พันล้านดอลลาร์ ข้อหาผูกขาดตลาดซีพียูด้วยวิธีผิดกฎหมาย (ข่าวเก่า) ความคืบหน้าของคดีนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกเป็นปี
หลังจากมีข่าวปรับอินเทลออกมา คณะกรรมการยุโรปก็โดนวิจารณ์ว่าไม่สามารถแสดงหลักฐานว่าอินเทลทำผิดอะไรบ้าง ตอนนี้หลักฐานที่ว่าถูกเผยออกมาบางส่วนแล้วครับ
จาก แอปเปิลปฏิเสธโปรแกรม Google Voice ไม่ให้เข้า App Store และ AT&T: เราไม่ได้แบน Google Voice เป็นหน้าที่ของแอปเปิลต่างหาก ความคืบหน้าล่าสุดคือ FCC ซึ่งเทียบได้กับ กทช. ของสหรัฐออกโรงมายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว เริ่มจากการส่งจดหมายไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งสาม ขอคำตอบแบบเคลียร์ๆ จากกรณีการแบน Google Voice ที่เกิดขึ้น
คำถามที่ FCC ส่งถึงตัวแทนฝ่ายกิจการรัฐบาลของแอปเปิลมี 6 ข้อ สรุปสั้นๆ ดังนี้
จากกรณี EU สั่งให้ไมโครซอฟท์ปรับแต่งวินโดวส์เพื่อป้องกันการผูกขาดเบราว์เซอร์ จนมีข่าว Windows 7 E ที่ตัด IE ออกไป แต่ช่วงหลังก็มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไมโครซอฟท์ให้ผู้ใช้ในยุโรปเลือกใช้เบราว์เซอร์ได้ใน Windows 7 เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ตอนนี้ยืนยันแล้วว่าไมโครซอฟท์ตัดสินใจเลือกทางหลัง แปลว่าไม่ขาย Windows 7 E แล้ว และใช้ Windows 7 เวอร์ชันเดียวกันหมดทั่วโลก
วานนี้ (24 ก.ค.) European Commission (EC) ได้ประกาศรับข้อเสนอจากทางไมโครซอฟท์ที่ยอมให้มี ballot-screen ให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถเลือกเบราว์เซอร์ได้ แทนที่วินโดวส์ 7 E ที่ไม่ติดตั้งเบราว์เซอร์ใดๆ เลย (ดูประกาศฉบับเต็มได้จาก EU ที่นี่) (ดูข่าวก่อนหน้าโดยคุณ toandthen)
หลังจากที่ตอนแรกไมโครซอฟท์ได้ตัดสินใจที่จะทำวินโดวส์เวอร์ชั่นพิเศษสำหรับตลาดในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปที่จะไม่มีเบราว์เซอร์ใด ๆ ติดตั้งมาให้เลย ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ตัดสินใจที่ให้ผู้ใช้สามารถที่จะเลือกใช้เว็บเบราว์เซอร์หลักชนิดใดก็ได้ โดยจะมีหน้าเลือกเบราว์เซอร์ให้เมื่อทำการบูทเครื่องครั้งแรก
แม้ว่าวินโดวส์เวอร์ชั่นนี้จะมี IE ติดตั้งให้อยู่แล้วก็ตาม แต่ผู้ใช้เองจะสามารถที่จะเลือกระงับการใช้งานได้ ส่วนผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เองก็จะสามารถเลือกที่จะติดตั้งเว็บเบราว์เซอร์อื่น ๆ ใดก็ได้ตามที่คิดว่าเหมาะสม
มีรายงานจากเกาหลีใต้ว่าทางองค์กรควบคุมดูแลการค้าขายแห่งเกาหลีใต้ได้สั่งปรับบริษัทผลิตซีพียูสำหรับอุปกรณ์พกพารายใหญ่อย่าง Qualcomm เป็นจำนวนเงินถึง 208 ล้านดอลลาร์หรือกว่าเจ็ดพันล้านบาท ในข้อหาการซื้อขายที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเข้าข่ายการผูกขาด อีกทั้งยังออกคำสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าวด้วย
โดยเจ้าหน้าที่ขององค์กรดังกล่าวได้ตามสำรวจ Qualcomm มากว่าสามปี และพบว่ามีการโก่งราคาอุปกรณ์ของตัวเองหากว่าสินค้าชิ้นนั้นใช้อุปกรณ์ของบริษัทอื่น แต่จะลดราคาให้กับผู้ผลิตที่ใช้อุปกรณ์ของ Qualcomm ทั้งหมด
แต่ทว่า ผู้จัดการของ Qualcomm ประจำประเทศเกาหลีใต้ นายชายองคู ได้ออกมาปฏิเสธและจะยื่นอุทธรณ์ให้ถึงที่สุด
อินเทลยื่นคำอุทธรณ์ต่อการตัดสินปรับ 1 พันล้านยูโรหรือประมาณ 50,000 ล้านบาทไปเมื่อสองเดือนก่อน โดยมีใจความสำคัญว่าการสั่งปรับนั้นเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน
ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลคำอุทธรณ์นี้แต่อย่างใด แต่โดยสรุปแล้วประเด็นที่อินเทลร้องต่อการตัดสินนั้นคือคณะกรรมการที่สอบสวนคดีนี้เป็นหน่วยงานทางการปกครอง ขณะที่การปรับมูลค่ามากๆ แค่นี้ควรถูกตัดสินด้วยกระบวนการทางศาล
ศาลนัดฟังคำตัดสินในเรื่องนี้ในปี 2010 ขณะที่การยื่นคำอุทธรณ์ในรูปแบบเดียวกันนี้ยังไม่เคยมีครั้งใดที่สำเร็จ
ที่มา - ArsTechnica
Wall Street Journal รายงานว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังพิจารณาเบื้องต้นว่า AT&T โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐนั้นเข้าข่ายการผูกขาด iPhone หรือไม่
ข้อหาที่ AT&T อาจจะโดนในอนาคตก็คือ ทำลายโอกาสแข่งขันของโอเปอเรเตอร์รายเล็ก โดยการผูกขาดโทรศัพท์รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงไว้แต่เพียงผู้เดียว ขณะนี้ยังเป็นแค่การพิจารณาเบื้องต้นของกระทรวงยุติธรรม และยังไม่ได้เริ่มสืบสวนอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ล็อบบี้ยิสต์ของกูเกิลอยู่เบื้องหลังการพิจารณาครั้งนี้
ที่มา - Business Insider
กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้ออกมายืนยันถึงการเริ่มการสืบสวนการลงทุนของกูเกิลในฟีเจอร์ Book Search โดยการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้ผู้เขียนหนังสือและสำนักพิมพ์เป็นจำนวนเงินสูงถึง 125 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (รวมถึงประเด็นที่กูเกิลจะแบ่งส่วนแบ่งการขายหนังสือผ่าน Book Search กับผู้เขียนหนังสือและสำนักพิมพ์ด้วย) ว่าขัดกับกฏการป้องกันการผูกขาดหรือไม่
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายการป้องการผูกขาดได้กล่าวว่าการเริ่มการสืบสวนดังกล่าวเนื่องจากมีสัญญาณที่กูเกิลจะเติบโตเป็นผู้เล่นรายเดียว โดยไม่มีคู่แข่งเข้ามาเล่นด้วยในเรื่องของการค้นหาหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ระดับโลกเช่นนี้
หลังจากไมโครซอฟท์ได้ประกาศข้อเสนอที่จะปล่อย Windows 7 E ที่ไม่มี Internet Explorer ออกมาจำหน่ายให้กับลูกค่าทั่วไปและผ่านผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการจากโรงงาน (OEMs) แล้ว (ดูข่าวเก่า ไปแล้ว ก็มีเสียงตอบรับจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น European Commission (EC) หรือกระทั่งหัวเรี่ยวหัวแรงในศึกครั้งนี้อย่าง Opera
แม้ว่าในตอนนี้เบราว์เซอร์ IE6 ยังคงมีผู้ใช้งานอย่างมากมาย ซึ่งส่งผลให้ผู้พัฒนาเว็บไซต์ส่วนใหญ่ต้องประสบปัญหาในการแก้ CSS เพื่อให้ IE6 สามารถแสดงผลได้อย่างถูกต้อง และในบางเว็บไซต์เจ้าของเว็บไซต์ถึงกับไม่ให้บริการเมื่อใช้งานผ่าน IE6
ดูเหมือนว่า AMD คงจะดีใจไม่น้อยจากการที่สหภาพยุโรปทำการปรับอินเทล หลังจากการทำผิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด โดยการปรับหน้าหลักของเว็บตัวเอง ให้มีธงของสหภาพยุโรปและมีข้อความเขียนไว้ว่า "สหภาพยุโรปพบอินเทลกระทำการผิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดและทำร้ายผู้บริโภค"
นอกจากนี้แล้ว AMD ยังมีหน้า Break Free ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดของอินเทล และข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ทั้งหมด ให้ผู้ที่สนใจอีกด้วย
ที่มา - AMD
AMD เคยร้องเรียนไปในปี 2000 ว่า Intel จ่ายเงินให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อไม่ให้ใช้ชิพจาก AMD
สหภาพยุโรปตัดสินให้ปรับบริษัท Intel 1,450 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 50,000 ล้านบาท) จ่ายค่าปรับในข้อหา ละเมิดกฎห้ามผูกขาดสินค้าของยุโรป ค่าปรับนี้ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับครั้งที่ไมโครซอร์ฟโดนปรับ 1,300 ล้านดอลลาร์
โดย Intel ได้มีการให้ส่วนลดลับ ๆ อย่างผิดกฎหมายกับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในยุโรป เพื่อจะขับไล่คู่แข่งออกจากตลาด และมีการพบว่า Media Saturn ผู้ค้าปลีกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของยุโรปได้รับเงินจาก Intel เพื่อจะขายคอมพิวเตอร์ที่มีชิพ Intel อย่างเดียว
สหภาพยุโรปสั่งให้ Intel หยุดกระทำการที่ผิดกฎหมายดังกล่าวในทันที
ดูจากรายงานสหภาพยุโรปแล้ว ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าทางสหภาพยุโรปเตรียมที่จะทำการปรับอินเทล เนื่องจากการกระทำผิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดทางการค้า
คาดว่าฝ่ายบริหารสหภาพยุโรป นอกจากที่จะทำการปรับอินเทลแล้ว ยังจะบังคับให้อินเทล เลิกการตัดราคาให้กับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อีกต่อไปด้วย เพื่อที่ผู้แข่งขันที่อยู่ในตลาดรายอื่น ๆ สามารถตีตลาดได้มากขึ้น
ทางสหภาพยุโรป ยังมีหลักฐานยืนยันอีกเช่นกันว่า ทางอินเทลนั้นมีการแจกเงินคืน (Rebate) ให้กับผู้ผลิต OEM เพื่อที่จะชะลอการปล่อยสินค้าของพวกเขาที่ใช้ชิปจาก AMD แล้วให้ปล่อยสินค้าที่มีส่วนชิปจากอินเทลก่อน
ข่าวนี้เป็นข่าวต่อเนื่องจาก Opera ร้องเรียน EU กรณีไมโครซอฟท์ผูกขาดเบราว์เซอร์ (ธ.ค. 2007) ครับ
ความคืบหน้าของกรณีนี้คือ EU ก็ได้เริ่มการสอบสวนไปตามขั้นตอน และก่อนหน้านี้ Mitchell Baker ซึ่งเป็นประธานของ Mozilla ก็ได้ออกมาสนับสนุน EU (บล็อก) และประกาศว่า Mozilla ยินดีให้ความร่วมมือ เช่น ให้ข้อมูลต่างๆ ในฐานะคู่แข่งร่วมวงการ และเคยฟาดฟันกันมาตั้งแต่สมัย Netscape
เป็นที่รู้กันว่าคนจำนวนมากไม่ต้องการใช้งาน Vista แม้จะซื้อเครื่องมาใหม่ก็ตามทำให้ไมโครซอฟท์ต้องยอมที่นะเปิดช่วงเวลาดาวน์เกรดกันนานนับปี แต่การเก็บเงินค่าดาวน์เกรดนี้ก็ส่งผลให้ไมโครซอฟท์ถูกฟ้องในที่สุด
คำฟ้องมาจากผู้ใช้ในเมือง Los Angeles ที่ชื่อว่า Emma Alvarado โดยเธอระบุในคำฟ้องของเธอว่าการที่ไมโครซอฟท์เก็บค่าธรรมเนียมการดาวน์เกรดเป็นจำนวน 59.25 ดอลลาร์นั้นเป็นการผูกขาดทางการค้า เนื่องจากไมโครซอฟท์ไม่ยอมปล่อยให้ผู้ผลิตขาย XP ได้โดยตรง ทั้งที่ผู้ใช้จำนวนถึง 1 ในสามต้องการใช้งานมัน ส่งผลให้ผู้ใช้ทั้งหมดต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
จากข่าวเก่า ไมโครซอฟต์ถอนตัวจากยาฮู, กูเกิลทำข้อตกลง 800 ล้านดอลลาร์สำเร็จ และ บทสรุปไมโครซอฟท์-ยาฮู-กูเกิล ยก 2 มีข่าวว่าหน่วยงานที่ตรวจสอบการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังจับตาดีล 800 ล้านของกูเกิลและยาฮู ถึงแม้ว่ากูเกิลจะแสดงความมั่นใจว่าดีลนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี โดยเหตุผลของกูเกิลคือ เป็นดีลที่ไม่ผูกมัดรายเดียว (non-exclusive) ต่อยาฮู
ตอนนี้ข่าวยืนยันแล้ว โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังสอบถามบริษัทโฆษณาออนไลน์และสื่อหลายแห่ง ว่ามีความเห็นอย่างไรต่อดีลนี้
ข้อโต้แย้งของฝ่ายคัดค้าน (นำโดยไมโครซอฟท์) และฝ่ายสนับสนุน (นำโดยกูเกิล) มีหลายอย่างดังนี้
วันที่ 10 มิย.2551 นีลี่ โครส (Neelie Kroes) หัวหน้าคณะกรรมาธิการด้านการแข่งขันอย่างเสรีของสหภาพยุโรป ปราศรัยในการสัมนาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซล สนับสนุนให้องค์กรธุรกิจและหน่วยงานของรัฐในสหภาพยุโรป ใช้ซอฟต์แวร์ที่มีมาตราฐานเปิด
เธอกล่าวว่า "การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่มีมาตราฐานเปิด คือการตัดสินใจทางธุรกิจที่ชาญฉลาดอย่างแท้จริง" "มันมีปัญหาความไม่ปลอดภัยอย่างร้ายแรง ในการใช้ซอฟต์แวร์ที่มาจากบริษัทเดียว" เธอยกย่องเมืองมิวนิค กระทรวงการต่างประเทศเยอรมัน และหน่วยงานหนึ่งของตำรวจฝรั่งเศส ที่ได้เปลี่ยนไปใช้ซอฟต์แวร์ที่มีมาตราฐานเปิดแล้ว
เมื่อวันพฤหัสที่ ๑๓ ธันวาคม ศกนี้ โอเปร่า บริษัทซอฟท์แวร์นอรเวย์ได้ยื่นฟ้อง ไมโครซอฟท์ต่อคณะกรรมาธิการยุโรปว่าการติดตั้ง IE ผนวกรวมกับวินโดวส์ เป็นการ กระทำความผิดตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของยุโรป
คดีนี้ยื่นฟ้องหลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้แพ้คดีครั้งประวัติศาสตร์ในข้อหาผนวกรวมโปรแกรม มีเดียเพลเยอร์กับวินโดวส์ เมื่อเดือนกันยายน ศกนี้ เพียงไม่ถึง ๒ เดือน
ในคดีก่อน ศาลอุทธรณ์ยุโรปได้พิพากษาตามมติของคณะกรรมาธิการยุโรปว่า การติดตั้งโปรแกรมมัลติมีเดียเพลเยอร์ผนวกรวมกับวินโดวส์ เป็นการกระทำความผิด ตามกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของยุโรป ให้ไมโครซอฟท์จำหน่ายวินโดวส์ที่ไม่มี โปรแกรมมัลติมีเดียเพลเยอร์ และจ่ายค่าปรับจำนวนมหาศาลเป็นเงิน ๔๙๗.๒ ล้านยูโร หรือเท่ากับ ๗๓๖ ล้านเหรียญสหรัฐ