หน่วยงานด้านป้องกันการผูกขาดของ EU ซึ่งมีผลงานโดดเด่นมาแล้วในการปรับบริษัทไอทีอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์หรืออินเทล กำลังผลักดันกฎระเบียบใหม่ที่มีชื่อว่า Digital Agenda ซึ่งปรับนิยามของคำว่า "ผูกขาด" เสียใหม่ จากเดิมที่บอกว่าต้องเป็นเจ้าตลาด (dominant) กลายเป็นมีส่วนแบ่งในระดับที่มีนัยสำคัญ (significant) ก็ถือว่าผูกขาดแล้ว
กฎนี้กำหนดให้ EU เข้าไปแทรกแซงผู้เล่นที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงๆ ให้เพิ่มความเข้ากันได้ (interoperability) สำหรับคู่แข่ง เพื่อสร้างการแข่งขัน
เรื่องมีอยู่ว่าบริษัท Navx ในฝรั่งเศส ขายซอฟต์แวร์ที่ช่วยระบุตำแหน่งเรดาห์จับความเร็วของจราจรฝรั่งเศส (จะได้หลบตำรวจได้) และขายโฆษณาบน AdWords ของกูเกิล แต่ภายหลังกูเกิลเห็นว่าซอฟต์แวร์ของ Navx ส่งเสริมให้คนทำผิดกฎหมาย เลยถอนโฆษณาของ Navx ออกไปจาก AdWords
Navx ซึ่งรายได้หดหายไปมาก ได้ร้องต่อ French Competition Authority หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของฝรั่งเศส ซึ่งตัดสินว่ากูเกิลผูกขาดตลาดจริง โดยมีส่วนแบ่ง 90% ของ search engine ในฝรั่งเศส
ข่าวนี้เป็นข่าวต่อจาก แอปเปิลอาจถูกสอบสวนจากกรณีห้ามนักพัฒนาใช้เครื่องมือพัฒนาอื่น และ แอปเปิลอาจยอมให้ใช้เครื่องมือพัฒนาภายนอก เพื่อเลี่ยงข้อหาผูกขาด
ล่าสุดหนังสือพิมพ์ Wall Street Journal รายงานข้อมูลวงในว่า FTC หรือคณะกรรมการการค้าของสหรัฐ จะเข้าสอบสวนแอปเปิลในกรณีผูกขาดซอฟต์แวร์บนมือถือแล้ว ประเด็นที่คาดว่าจะโดนคงเป็นเรื่องห้ามใช้เครื่องมือพัฒนาอื่น, กรณีของ Flash และล่าสุดคือ กรณีของ AdMob บน iPhone
ข่าวเดิม แอปเปิลอาจโดนข้อหาผูกขาดจากการขายเพลงออนไลน์
ล่าสุดหนังสือพิมพ์ New York Post อ้างแหล่งข่าวหลายรายบอกว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ติดต่อบริษัทสื่อและบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ เพื่อขอข้อมูลและมุมมองที่มีต่อแอปเปิล
แหล่งข่าวจากฮอลลีวู้ดรายหนึ่งบอกว่า ไม่มีใครสามารถกำหนดอุตสาหกรรมได้เพียงลำพัง กรณีของ Adobe ยิ่งแต่สร้างความขุ่นเคืองให้กับบริษัทอื่นๆ ส่วนบริษัทสื่ออีกแห่งบอกว่า ถ้าแอปเปิลอยากผูกขาดตลาด ก็ควรจะศึกษาผลลัพธ์ของผู้ที่เคยผูกขาดหรือควบคุมอย่างเข้มงวดคนอื่นๆ ว่าจบลงอย่างไร
จากการสืบสวนข้อมูลจากปี 2006 เกี่ยวกับการที่แอปเปิลได้บังคับค่ายเพลงต่าง ๆ ให้ขายเพลงที่ราคาเดียวที่ $0.99 นั้น ตอนนี้ New York Times ได้ออกมารายงานว่ากระทรวงยุติธรรมของสหรัฐได้เริ่มการสืบสวนเกี่ยวกับการผูกขาดการขายเพลงออนไลน์ของแอปเปิลอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ทางกระทรวงได้จับตามาดูที่ข้อตกลงและการเจรจากับค่ายเพลงต่าง ๆ ของแอปเปิล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่แอปเปิลได้เคยพยายามที่จะล้มข้อตกลงระหว่างอเมซอนกับค่ายเพลงต่าง ๆ ในการร่วมแคมเปญ Daily Deal บน Amazon MP3 Store
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 กูเกิลประกาศเข้าซื้อบริษัทโฆษณาบนมือถือ AdMob แต่ก็โดนสกัดดาวรุ่งโดย FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ) เข้ามาตรวจสอบว่าการซื้อ AdMob จะช่วยให้กูเกิลผูกขาดตลาดหรือไม่
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งปี ตอนนี้ FTC ออกมาประกาศแล้วว่าไม่มีปัญหา กูเกิลสามารถเดินหน้าควบรวม AdMob ได้เลย
จากข่าวเก่า แอปเปิลอาจถูกสอบสวนจากกรณีห้ามนักพัฒนาใช้เครื่องมือพัฒนาอื่น หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal ได้รายงานข้อมูลจากแหล่งข่าววงในว่า แอปเปิลอาจยอมปรับแก้เงื่อนไขในการพัฒนาโปรแกรม เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนสอบสวนจากคณะกรรมการทางการค้าของสหรัฐ (FTC) และกระทรวงยุติธรรม
แหล่งข่าววงใน FTC บอกว่าทาง FTC และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เริ่มสอบสวนเรื่องนี้เนื่องเพราะคำร้องเรียนจากแอปเปิล และเหล่านักพัฒนา
Michael Chang ซีอีโอของบริษัทโฆษณาบนมือถือรายหนึ่งให้ความเห็นว่า เงื่อนไขของแอปเปิลทำให้การพัฒนาข้ามแพลตฟอร์มมือถือมีราคาแพงมาก การเขียนโปรแกรมข้ามแพลตฟอร์มด้วย Flash CS5 จะช่วยลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้มาก
มีรายงานจาก New York Post ว่ากระทรวงยุติธรรม และคณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ กำลังประชุมกันในไม่กี่วันนี้ว่าจะดำเนินการสอบสวนแอปเปิลในกรณีกีดกันไม่ให้นักพัฒนาใช้เครื่องมือพัฒนาอื่นนอกจาก XCode และคอมไพล์เลอร์ของแอปเปิล
ไม่มีการยืนยันข่าวนี้อย่างเป็นทางการจากหน่วยงานทั้งสอง และแม้จะเป็นจริงนี่จะเป็นการตัดสินใจเพื่อ "สอบสวน" หรือไม่เท่านั้นหากมีการสอบสวนจริงก็ยังต้องมีการตัดสินใจต่อไปอีกว่าจะมีการดำเนินการต่อไปหรือไม่
ที่มา - New York Post
หนังสือพิมพ์ Daily Telegraph รายงานว่าคณะกรรมการของ EU ได้รับการร้องเรียนจากเว็บไซต์ในยุโรป 3 ราย ได้แก่ Foundem จากอังกฤษ, Ciao จากฝรั่งเศส (ซึ่งเป็นของไมโครซอฟท์) และ ejustice.fr จากฝรั่งเศส ว่ากูเกิลได้ใช้กลเม็ดเอาเว็บเหล่านี้ออกจากผลการค้นหาของตัวเอง เนื่องจากว่าเว็บเหล่านี้ให้บริการสืบค้นเช่นเดียวกับกูเกิล
ภายหลังกูเกิลได้เอาเว็บเหล่านี้กลับมาคืนในผลการค้นหา ซึ่ง Foundem ระบุว่ามีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นทันทีถึง 10,000% หลังกลับมาในผลค้นหาแล้ว
กูเกิลปฏิเสธว่าผลการค้นหามาจากอัลกอริทึมของกูเกิลเอง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการของ EU ได้ส่งจดหมายไปยังกูเกิลให้ตอบคำถามทางเทคนิคบางอย่างแล้ว
ความร่วมมือด้านการค้นหาระหว่างยาฮู-ไมโครซอฟท์ ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐและสหภาพยุโรปแล้ว และทั้งสองบริษัทจะเดินหน้าเต็มตัวในการรวมระบบค้นหาครั้งนี้
เมื่อการรวมระบบเสร็จสมบูรณ์ ผู้ใช้ยาฮูจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างไปจากเดิมมากนัก เพราะหน้าตาของยาฮูจะยังเหมือนเดิมทุกประการ สิ่งที่เปลี่ยนไปมีแค่วิธีการเรียงลำดับผลการค้นหา และโฆษณาเท่านั้น (ดูภาพประกอบ สิ่งที่อยู่ในกรอบซ้ายมาจากไมโครซอฟท์) ยาฮูจะเป็นคนเพิ่มส่วนประกอบอื่นๆ เข้ามาเอง
รายละเอียดของข้อตกลงนี้ อ่านได้จาก สรุปความ: เกิดอะไรขึ้นระหว่างไมโครซอฟท์กับยาฮู
ประธานาธิบดีซาร์โกซีของฝรั่งเศสได้กล่าวในงานประชุมกับตัวแทนจากอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และศิลปะว่า เขาต้องการให้หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของฝรั่งเศสมองหาวิธีเก็บภาษีจากกูเกิล (รวมไปถึงเว็บใหญ่เจ้าอื่นๆ) ซึ่งครองตลาดโฆษณาออนไลน์ในฝรั่งเศส แต่กลับไปเสียภาษีที่ประเทศแม่ของตัวเอง
สื่อฝรั่งเศสรายงานต่อว่า รัฐบาลฝรั่งเศสอาจนำภาษีที่เก็บได้จากยักษ์ออนไลน์เหล่านี้ไปใช้ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่กำลังแย่จากการแข่งขันในโลกดิจิทัล ตามร่างเอกสารของรัฐบาลฝรั่งเศส ไม่ว่าเว็บจะอยู่ที่ไหนในโลก แต่ถ้าคนฝรั่งเศสเป็นคนคลิกแบนเนอร์หรือลิงก์โฆษณา ก็เข้าข่ายจะโดนภาษี
นอกจากเรื่องภาษีแล้ว ฝรั่งเศสยังมองถึงการลงมาทำโครงการสแกนหนังสือ ลักษณะเดียวกับ Google Books อีกด้วย
หลังจาก FTC ฟ้องอินเทลข้อหาผูกขาด GPU ไม่ทันไร ก็เข้าไปตรวจสอบกูเกิลต่อ หลังจากกูเกิลซื้อบริษัทโฆษณาบนมือถือ AdMob และ FTC เห็นว่าเข้าข่ายการผูกขาด
ในบล็อก Google Public Policy กูเกิลเปิดเผยว่า FTC ได้ขอข้อมูลการซื้อกิจการ AdMob จากกูเกิลถึงสองครั้ง และกูเกิลคาดว่าการซื้อกิจการครั้งนี้จะไม่สำเร็จง่ายๆ
ข่าวนี้คงทำให้อินเทลหายใจโล่งขึ้นมาสักหน่อย หลังจากเพึ่งโดนคณะกรรมการด้านการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ (FTC) ฟ้องร้องข้อหาผูกขาด GPU ไป (ดูข่าวเก่า โดยคุณ mk) โดยโฆษกของคณะกรรมการดังกล่าวได้ชี้แจงว่าไม่ได้ตั้งธง (เป้าหมาย) ที่จะ "หั่น" บริษัทอินเทลแต่อย่างไร แต่ต้องการให้อินเทลแก้ไขพฤติกรรมที่มองได้ว่าเป็นการผูกขาดก็เท่านั้น
ที่มา: InformationWeek ผ่าน Electronista
ดูเหมือนไมโครซอฟท์กำลังจัดทำเอกสารทางเทคนิคของวินโดวส์รุ่นถัดไปจากวินโดวส์ 7 (ที่เราเรียกๆ กันว่า "วินโดวส์ 8") ทั้งรุ่นไคลเอ็นท์และเซิร์ฟเวอร์ให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แล้ว โดยเว็บไซต์ CodenameWindows** ได้ให้ข้อสังเกตว่าเป็นไปได้ที่ไมโครซอฟท์จะทำวินโดวส์ 8 Build แรกๆ ออกมาแล้ว เพื่อยื่นให้หน่วยงานป้องกันการผูกขาดทำการทดสอบได้
ที่มา: เว็บไซต์กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ผ่าน CodenameWindows
** CodenameWindows เป็นเว็บไซต์นำเสนอด้านระบบปฏิบัติการวินโดวส์โดยเฉพาะ และไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทไมโครซอฟท์แต่อย่างไร
FTC หรือคณะกรรมการด้านการค้าของรัฐบาลสหรัฐ ได้ยื่นฟ้องอินเทลในข้อหาผูกขาด CPU และ GPU
ในส่วนของการผูกขาด CPU ไม่มีอะไรใหม่เพราะอินเทลโดนมาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นคำฟ้องจาก AMD หรือคณะกรรมการยุโรป (ข้อหาเหมือนกันคืออินเทลใช้ลูกเล่นตุกติก เช่น บีบราคา ขายพ่วง โกงเบนช์มาร์ค ฯลฯ) แต่ที่น่าสนใจคือ FTC พ่วงข้อหา "อินเทลจะผูกขาดตลาด GPU แบบออนบอร์ด" มาด้วย
ทางสหภาพยุโรปได้ทำการถอนฟ้องคดีผูกขาดทางการค้าของไมโครซอฟท์ที่ฝัง Internet Explorer ลงไปในวินโดวส์แล้ว หลังจากที่ไมโครซอฟท์ทำหน้าจอเลือกเบราว์เซอร์ตอนเปิดเครื่องครั้งแรกเสร็จสิ้น (ดูข่าวเก่า) โดยระบบนี้จะเริ่มใช้งานในเดือนมีนาคมปีหน้านี้
ในทศวรรษที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ต้องเสียค่าปรับให้กับ EU ไปแล้วกว่า 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการถอนฟ้องครั้งนี้ก็ทำให้โล่งใจขึ้นอีกว่า ไมโครซอฟท์จะไม่ต้องเสียเงินก้อนโตให้กับ EU อีก
ที่มา - AppleInsider
ก่อนหน้านี้สักพักถ้าใครจำได้ ที่ทางไมโครซอฟท์ได้เสนอหน้าจอที่ให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งเบราว์เซอร์ตามคำสั่งของ EU (ดูข่าวเก่า) และทาง Mozilla ได้ออกมาโต้แย้งเพราะการเรียงตามลำดับตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ไมโครซอฟท์ใช้จะทำให้ Apple Safari อยู่อันแรก (ดูข่าวเก่า)
ล่าสุดทางไมโครซอฟท์ได้เสนอหน้าจอนี้แบบแก้ไขให้กับ EU ใหม่ โดยได้ปรับให้ลำดับการแสดงเบราว์เซอร์แต่ละครั้งเป็นแบบสุ่มแทน
ที่มา - AppleInsider
ตั้งแต่ปี 2550 ที่ผ่านมา ศาลผู้บริโภคของฝรั่งเศสได้เริ่มตัดสินว่าผู้ผลิตและจำหน่ายพีซีในฝรั่งเศสมีหน้าที่ต้องคืนเงินค่าระบบปฏิบัติการและโปรแกรมอื่นๆ ให้แก่ผู้บริโภคที่ไม่ต้องการโปรแกรมเหล่านั้น
หลังจากอินเทลยอมตกลงกับเอเอ็มดีนอกศาล จ่ายเงินไป 1.25 พันล้านดอลลาร์ ก็ได้มีข่าวลือจาก Wall Street Journal ว่าอินเทลได้ว่าจ้างคุณ Douglas Melamed มาเป็นทนายความ
Intel และ AMD ประกาศยอมความในคดีเกี่ยวกับการกีดกันการค้าของอินเทลแล้ว โดย Intel จะจ่ายเงินให้ AMD 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และยินยอมที่จะไม่ดำเนินการใดๆเพื่อกัน AMD ออกจากตลาด ส่วน AMD จะยกฟ้องคดีความต่างๆ ที่ได้ทำการยื่นฟ้องต่อ Intel ในหลายๆประเทศ
ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงการยินยอมให้ AMD ใช้ GlobalFoundries เป็นโรงงานผลิตซีพียูของ AMD ด้วย หลังจากที่ Intel ออกมาตอบโต้ว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิ์ในการผลิตชิพ x86 ที่ทำไว้กับอินเทล (ข่าวเก่า)
คงเป็นข่าวดีของเอเอ็มดี จากนี้ไปก็สู้กันด้วยคุณภาพสินค้าล้วนๆแล้วล่ะนะ
เป็นซี่รีย์เรื่องยาวอีกเรื่องหนึ่ง สำหรับกรณี ballot screen ให้เลือกเบราว์เซอร์บนวินโดวส์ 7 ที่จะวางขายในยุโรป ล่าสุดไมโครซอฟท์ได้ปรับปรุงแล้วส่งให้ European Commission (EC) พิจารณาใหม่แล้วเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา ทาง EC ก็รับลูกต่อทันที บอกว่าเตรียมที่จะทดสอบหน้าจอที่ได้รับการปรับปรุงกับผู้ใช้งานจริง
ดูท่าจะยังไม่จบกับกรณื ballot screen หน้าจอให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์สามารถเลือกเบราว์เซอร์ได้ บนวินโดวส์ 7 ที่จะวางขายในทวีปยุโรป (ดูข่าวเก่า: ไมโครซอฟท์ยอมให้มี ballot screen ในวินโดวส์ 7 E) โดยคุณ Thomas Vinje ทนายของโอเปร่าและหน่วยงาน European Committee for Interoperable Systems (ECIS) องค์กรที่ไม่หวังผลกำไร ส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างระบบที่ต่างกันและเงื่อนไขทางตลาดของ ICT เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเสรีและลูกค้ามีทางเลือก (ซึ่งโอเปร่าเป็นสมาชิกด้วย) ได้ออกมาพูดผ่าน Wall Street Journal หลังจากตรวจสอบข้อเสนอ ballot screen จากทางไมโครซอฟท์ว่า "การที่ผู้ใช้งานต้องยืนยัน ตอบคำถาม และงงกับการแจ้งเตือนมากมายก่อ
เมื่อเดือนพฤษภาคม คณะกรรมการยุโรป (European Commission) สั่งปรับเงินอินเทล 1.45 พันล้านดอลลาร์ ข้อหาผูกขาดตลาดซีพียูด้วยวิธีผิดกฎหมาย (ข่าวเก่า) ความคืบหน้าของคดีนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกเป็นปี
หลังจากมีข่าวปรับอินเทลออกมา คณะกรรมการยุโรปก็โดนวิจารณ์ว่าไม่สามารถแสดงหลักฐานว่าอินเทลทำผิดอะไรบ้าง ตอนนี้หลักฐานที่ว่าถูกเผยออกมาบางส่วนแล้วครับ
จาก แอปเปิลปฏิเสธโปรแกรม Google Voice ไม่ให้เข้า App Store และ AT&T: เราไม่ได้แบน Google Voice เป็นหน้าที่ของแอปเปิลต่างหาก ความคืบหน้าล่าสุดคือ FCC ซึ่งเทียบได้กับ กทช. ของสหรัฐออกโรงมายุ่งกับเรื่องนี้แล้ว เริ่มจากการส่งจดหมายไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งสาม ขอคำตอบแบบเคลียร์ๆ จากกรณีการแบน Google Voice ที่เกิดขึ้น
คำถามที่ FCC ส่งถึงตัวแทนฝ่ายกิจการรัฐบาลของแอปเปิลมี 6 ข้อ สรุปสั้นๆ ดังนี้
จากกรณี EU สั่งให้ไมโครซอฟท์ปรับแต่งวินโดวส์เพื่อป้องกันการผูกขาดเบราว์เซอร์ จนมีข่าว Windows 7 E ที่ตัด IE ออกไป แต่ช่วงหลังก็มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า ไมโครซอฟท์ให้ผู้ใช้ในยุโรปเลือกใช้เบราว์เซอร์ได้ใน Windows 7 เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ตอนนี้ยืนยันแล้วว่าไมโครซอฟท์ตัดสินใจเลือกทางหลัง แปลว่าไม่ขาย Windows 7 E แล้ว และใช้ Windows 7 เวอร์ชันเดียวกันหมดทั่วโลก