มีข้อมูลเพิ่มเติมจากเอกสารประกอบการพิจารณาคดี ระหว่าง Epic Games กับกูเกิล ประเด็น Google Play ผูกขาด โดยพบว่ากูเกิลพยายามเจรจากับ Netflix เพื่อให้กลับมาใช้ระบบ In-App จ่ายเงิน พร้อมให้ข้อเสนอยอมลดส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมลง จากอัตราปกติที่ 30% แลกกับการไม่สร้างระบบจ่ายเงินแยกออกมาต่างหาก แสดงให้เห็นว่ากูเกิลก็สามารถลดอัตราค่าธรรมเนียมลงเป็นพิเศษได้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้มีเอกสารจากฝั่งแอปเปิลในคดี Epic Games ว่าแอปเปิลพยายามเจรจาขอลดส่วนแบ่งกับ Netflix ซึ่งเป็นบริการที่มีคนสมัครใช้งาน subscription ยอดนิยมตัวหนึ่ง
หน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางธุรกิจและการค้าของสหราชอาณาจักร (Competition and Markets Authority หรือ CMA) ออกรายงานสอบสวนเรื่องการควบกิจการระหว่าง NVIDIA กับ Arm มีเนื้อหาตรงตามข่าวก่อนหน้านี้ ว่า CMA "เป็นกังวล" (concerned) ต่อการซื้อกิจการครั้งนี้
เหตุผลของ CMA คือ NVIDIA มีโอกาสจำกัดการเข้าถึงทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ของ Arm ไม่ให้คู่แข่งใช้งาน ซึ่งจะเป็นการกีดกันการแข่งขันในหลายตลาด เช่น ศูนย์ข้อมูล เกม รถยนต์อัตโนมัติ และ IoT ส่งผลให้คุณภาพของสินค้าต่ำลงหรือราคาแพงขึ้นตามมา
CMA ระบุว่าถึงแม้ NVIDIA ให้คำมั่นว่าจะไม่กีดกันคู่แข่ง แต่ CMA บอกว่ามาตรการที่เสนอมายังไม่เพียงพอ
เดือน พ.ค. ปี 2020 Facebook ประกาศควบรวมกิจการ Giphy เว็บพอร์ทัลรวมรูป GIF หลังจากนั้นไม่นาน หน่วยงานด้านการแข่งขันและตลาด (Competition and Markets Authotiry - CMA) ของสหราชอาณาจักรเข้ามาสอบสวนการควบรวมกิจการว่าจะส่งผลต่อการแข่งขันในกลุ่มผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียหรือไม่
ล่าสุด มีรายงานจาก CMA ว่าต้องการยับยั้งการควบรวมโดยให้เหตุผลว่า GIF เป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งที่โพสต์ลงโซเชียลมีเดียในหลากหลายแพลตฟอร์ม การลดตัวเลือกหรือคุณภาพของ GIF อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวิธีที่ผู้คนใช้โซเชียลมีเดีย ด้าน Facebook บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของ CMA และจะเดินหน้าแก้ไขความเข้าใจผิดต่อไป
วุฒิสมาชิกสหรัฐ Richard Blumenthal, Marsha Blackburn และ Amy Klobuchar เสนอกฎหมาย Open App Markets Act มีเป้าหมายเพื่อกำกับดูแลตลาดแอปพลิเคชัน โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ Google และ Apple ที่มีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขของตลาดแอป โดยเฉพาะเรื่องการบังคับเงื่อนไขจ่ายเงินในแอป ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ Apple โดนเพ่งเล็งเรื่องผูกขาดในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
อินเดียมีมาตรการคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั้งโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซมานาน ล่าสุดศาลฎีกาอินเดีย สั่งอนุมัติให้มีการสอบสวน Amazon, Walmart, Flipkart ว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายผูกขาดหรือไม่
NVIDIA เริ่มดำเนินการซื้อ Arm บริษัทชิปสัญชาติอังกฤษเจ้าของสถาปัตยกรรม ARM ต่อจาก Softbank มูลค่า 40 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2020 และดีลจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายนปีนี้
แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Oliver Dowden รัฐมนตรีว่าการดิจิทัล วัฒนธรรม สื่อ และกีฬา ยื่นเรื่องต่อหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางธุรกิจและการค้า (Competition and Markets Authority) ว่าการซื้อบริษัทครั้งนี้เข้าข่ายมีปัญหาด้านการผูกขาดหรือข้อกังวลด้านความมั่นคงอื่นหรือไม่
กูเกิลเพิ่มทางเลือก เลื่อนใช้นโยบายชำระเงินในแอปหรือ Play Billing (แอปที่จัดจำหน่ายผ่าน Google Play จะถูกบังคับให้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าดิจิทัล in-app purchase ผ่านระบบของกูเกิลอย่างเข้มงวดขึ้น) ไปเป็นเดือนมีนาคม 2022 จากเดิมที่มีผลเดือนกันยายนนี้
เนื่องจากนักพัฒนา Android ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะทีมวิศวกรที่อยู่ในเขตพื้นที่ระบาดหนัก เกิดความลำบากเมื่อต้องอัพเดตระบบให้ทันตามเวลา โดยบริษัทและนักพัฒนารายใดที่ต้องการเลื่อนนโยบายชำระ ต้องเข้าไปยื่นอุทธรณ์การขยายเวลาผ่านศูนย์ช่วยเหลือ
Tencent กำลังถูกรัฐบาลจีนจับตามองในทุกด้าน หน่วยงานกำกับดูแลตลาดหรือ State Administration for Market Regulation’s (SAMR) กำลังตรวจสอบการซื้อกิจการที่ผ่านมาของ Tencent ส่งผลให้บริษัทต้องระงับแผนควบรวมตรีมมิ่งเกม Huya, DouYu รวมถึงไม่สามารถเซ็นสัญญาใช้เพลงแต่เพียงผู้เดียวเพื่อสร้างความได้เปรียบในสตรีมมิ่งเพลง
ล่าสุด อาจเป็นสัญญาณผ่อนคลายความกดดันจากรัฐบาล เมื่อ SAMR อนุมัติแผนเข้าซื้อบริการค้นหา Sogou โดยเป็นการอนุมัติอย่างไม่มีเงื่อนไข
หน่วยงานป้องกันการผูกขาดฝรั่งเศส (Autorité de la concurrence) สั่งปรับกูเกิล 500 ล้านยูโร หรือประมาณ 20,000 ล้านบาทฐานละเลยไม่เจรจาค่าใช้เนื้อข่าวจากสำนักข่าวบนเว็บไซต์ หลังจากทางหน่วยงานออกคำสั่งให้กูเกิลต้องเจรจาหาแนวทางจ่ายค่าใช้เนื้อหาบนเว็บตั้งแต่ปี 2020
กูเกิลระบุว่าผิดหวังกับการสั่งปรับครั้งนี้ และบริษัทกำลังพยายามทำตามกระบวนการ โดยการเจรจากับสำนักข่าว AFP ก็ใกล้ได้ข้อตกลงแล้ว
ต่อจากประเด็นหน่วยกำกับดูแลจีนระงับแผน Tencent ในการควบรวมสตรีมมิ่งเกม Huya, DouYu ล่าสุด Tencent Music ก็ไม่รอด Reuters รายงานว่าหน่วยกำกับดูแลตลาดให้ Tencent Music ระงับการเซ็นสัญญากับค่ายเพลงโดยใช้เพลงแบบเอ็กซ์คลูซีฟ
Reuters รายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลตลาดของจีนจะระงับแผนการควบรวมของ Tencent กับสตรีมมิ่งเกมสองแห่งคือ Huya, DouYu ที่ Tencent ประกาศไว้เมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเข้าข่ายครอบงำตลาด
จากประเด็นอัยการกว่า 30 รัฐในสหรัฐฯ ฟ้องกูเกิลเรื่องผูกขาดร้านค้าแอป ซึ่งพุ่งเป้าที่การเก็บค่าคอมมิชชั่น 30% แต่ในเอกสารส่งฟ้องยังมีรายละเอียดเพิ่มระบุว่า กูเกิลพยายามกีดกันร้านค้าแอปคู่แข่งโดยเฉพาะ Samsung Galaxy Store เพื่อให้ตัวเองได้เป็นร้านค้าแอปแห่งเดียวบนอุปกรณ์แอนดรอยด์
กูเกิลเจอฟ้องใหญ่เรื่องผูกขาดอีกครั้ง กลุ่มอัยการ 36 รัฐและวอชิงตัน ดี.ซี. ฟ้องกูเกิลคดีผูกขาดร้านค้าแอปบนมือถือแอนดรอยด์ ที่กูเกิลบังคับให้นักพัฒนาแอปทั้งหมดที่ใช้ Google Play Store ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 30% สำหรับการขายสินค้าหรือบริการดิจิทัล
การฟ้องร้องเกิดขึ้นหลังจากกูเกิลประกาศลดค่าธรรมเนียมสำหรับนักพัฒนาบน Play Store เหลือ 15% สำหรับรายได้ 1 ล้านดอลลาร์แรกและสำหรับแอปกลุ่ม Media วิดีโอ เพลง อีบุ๊ก แต่ในขณะเดียวกัน กูเกิลเองก็ออกกฎแอปที่จำหน่ายผ่าน Google Play จะถูกบังคับให้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าดิจิทัล (in-app purchase) ผ่านระบบของกูเกิลอย่างเข้มงวดขึ้น โดยมีผล 30 กันยายนนี้
Margrethe Vestager ประธานกรรมาธิการต่อต้านการผูกขาดแห่งสหภาพยุโรป ที่ก่อนหน้านี้พูดถึงการเตรียมออกร่างกฎหมายให้ Apple ต้องอนุญาตให้มีแอปสโตร์อื่นนอกจากของ Apple เองบน iOS เพื่อให้การแข่งขันทางการค้าเป็นไปได้อย่างเท่าเทียมมากขึ้น
กรรมการด้านการค้าของสหรัฐหรือ FTC ประกาศยื่นฟ้อง Broadcom ในข้อหาผูกขาดตลาดอุปกรณ์บรอดแบนด์และชิปสำหรับ set-top box ที่ใช้กับทีวี
FTC ระบุว่า Broadcom ใช้วิธีทำ exclusive deal ร่วมกับผู้ขายสินค้าและผู้ให้บริการเพื่อกีดกันไม่ให้ซื้อชิปจากคู่แข่งตั้งแต่ปี 2016 แล้วอย่างน้อย 10 บริษัท ถ้าไม่มีการทำ exclusive deal ลูกค้าจะต้องจ่ายในราคาที่สูงกว่า, เวลาในการส่งสินค้าช้ากว่า และซัพพอร์ตจะตอบช้ากว่า ซึ่ง FTC ระบุว่าเป็นการกระทำผูกขาดอย่างผิดกฎหมาย (illegally monopolizing)
คณะกรรมการยุโรป (European Commission) หน่วยงานบริหารของสหภาพยุโรป ประกาศเข้าสอบสวนพฤติกรรมของกูเกิล ว่ากีดกันบริษัทอื่นในการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ในการโฆษณาออนไลน์
EC ระบุว่ากูเกิลทำทุกอย่างในธุรกิจโฆษณาออนไลน์ ตั้งแต่การเก็บข้อมูลของผู้ใช้เพื่อโฆษณาแบบเจาะจง (targeted advertising) ไปจนถึงการขายพื้นที่โฆษณา
ข้อสงสัยของ EC คือธุรกิจโฆษณาแบบแสดงแบนเนอร์ (display ad คือไม่ใช่ search ad) ของกูเกิลเลือกปฏิบัติ หากเป็นโฆษณาของกูเกิลเองจะเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าเป็นโฆษณาของบริษัทอื่น (third party) จะเข้าไม่ถึงข้อมูลในระดับเดียวกัน
Federal Cartel Office (FCO) หน่วยงานด้านต่อต้านการผูกขาดของเยอรมนี (ชื่อภาษาเยอรมันคือ Bundeskartellamt) ประกาศเริ่มกระบวนการสืบสวนแอปเปิล ว่ามีพฤติกรรมผูกขาดตลาดหรือไม่ จากประเด็น App Store ที่กำลังร้อนแรงในช่วงหลัง เพราะเป็นช่องทางที่แอปเปิลใช้บีบการทำงานของบริษัท third party รายอื่น โดยเฉพาะเรื่องการบังคับจ่ายเงินในแอพ และการหักส่วนแบ่ง 30%
เยอรมนีเพิ่งออกกฎหมายการแข่งขันการค้าฉบับใหม่ German Competition Act ช่วงต้นปี 2021 ทำให้ FCO มีอำนาจมากขึ้น โดยเฉพาะการสอบสวนบริการดิจิทัลที่มีความไม่ชัดเจนเรื่องพรมแดนการทำธุรกิจ
การสอบสวนของ FCO เพิ่งอยู่ในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ประกาศนี้เป็นการแจ้งต่อแอปเปิลและสาธารณะให้รับทราบ
หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดฝรั่งเศส (Autorité de la concurrence) สั่งปรับกูเกิล 220 ล้านยูโร หรือ 8,400 ล้านบาทฐานให้บริการโฆษณาโดยอาศัยอำนาจเหนือตลาดของตัวเองเอื้อประโยชน์เข้าตัวเอง
กูเกิลมีธุรกิจโฆษณาสองฝั่ง คือฝั่งแสดงโฆษณาหรือ Google AdSense และการแสดงโฆษณาบนบริการต่างๆ ของกูเกิล เช่น YouTube อีกด้านหนึ่งกูเกิลมีบริการ Google AdX สำหรับการซื้อพื้นที่โฆษณา
ทางฝรั่งเศสระบุว่าบริการซื้อโฆษณา หรือ AdX ของกูเกิลเข้าถึงข้อมูลการขอแสดงโฆษณาของผู้ซื้อโฆษณารายอื่นๆ ที่ซื้อโฆษณาผ่านบริการของกูเกิลได้ทำให้กูเกิลได้เปรียบจนแพลตฟอร์มอื่นแข่งขันไม่ได้ ขณะเดียวกันก็กระทบต่อเว็บและสื่อต่างๆ ที่อาศัยรายได้จากโฆษณา
คณะกรรมการยุโรป (European Commission หรือ EC) ร่วมกับคณะกรรมการแข่งขันของสหราชอาณาจักร (Competition and Markets Authority หรือ CMA) ประกาศสอบสวน Facebook ว่าใช้ข้อมูลโฆษณาในระบบตัวเอง เพื่อเอาเปรียบคู่แข่งในตลาดที่ทับซ้อนกันหรือไม่
กรณีของ EC สนใจตลาดลงประกาศซื้อขายของบุคคลรายย่อย (classified ads) ที่ Facebook มีบริการ Facebook Marketplace มาแข่งกับเว็บลงประกาศซื้อขายรายอื่นๆ แต่เว็บลงประกาศเหล่านี้ก็ซื้อโฆษณาผ่านบริการ Facebook ที่เป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คเช่นกัน ทำให้ EC สนใจว่า Facebook นำข้อมูลโฆษณาเหล่านี้มาเรียนรู้พฤติกรรมของคู่แข่ง แล้วพัฒนาให้ Facebook Marketplace ได้เปรียบกว่าหรือไม่
นอกจากคดี Sony ถูกฟ้องแบบกลุ่มกรณีผูกขาดการขายเกมดิจิทัลบน PlayStation ยังอีกคดีฟ้องผูกขาดแพลตฟอร์มจัดจำหน่ายเกมในช่วงนี้คือ บริษัทเกมอินดี้ Wolfire Games ฟ้อง Valve ว่าผูกขาดช่องทางขายเกมบนพีซีด้วย Steam Gaming Platform
ในคำฟ้องนี้บอกว่า ธุรกรรม 75% ของเกมพีซีขายผ่าน Steam โดยเสียส่วนแบ่ง 30% ให้กับ Valve ซึ่งทำรายได้ให้ Valve มหาศาลถึงปีละ 6 พันล้านดอลลาร์ (ตัวเลขประเมินเพราะ Valve ไม่เคยเปิดเผยรายได้) เมื่อ Steam ได้รับความนิยมสูง มีคนใช้เยอะ ทำให้เกมต้องผูกติดกับบริการ Steam Gaming Platform (ส่วนที่จัดการรายชื่อเพื่อน มัลติเพลเยอร์ และอื่นๆ) เพื่อให้ขายได้
คดีฟ้องผูกขาดของวงการเกมไม่ได้มีแต่ Epic vs Apple เท่านั้น บริษัทเกมรายอื่นอย่าง Valve ก็โดนด้วย กรณีล่าสุดคือ Sony ที่ถูกผู้ใช้ฟ้องแบบกลุ่ม (class-action) ข้อหาผูกขาดการขายเกมแบบดิจิทัล
ก่อนที่จะมีคอมเมนต์ "แพลตฟอร์มของตัวเองทำอะไรก็ได้" ดังที่เจอบ่อยครั้ง ควรอ่านบริบทของเรื่องนี้ก่อน ในอดีต Sony อนุญาตให้ลูกค้าซื้อ download code จากร้านค้าปลีกอื่นๆ เช่น GameStop และ Amazon เพื่อมา redeem ในระบบของ PlayStation ได้
คดีความผูกขาดและการปะทะระหว่าง Apple และ Epic เผยให้เห็นรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเว็บไซต์ 9to5Mac พบเอกสารอีเมลส่งกันภายในองค์กรในปี 2018 ที่ระบุว่า Apple พยายามยับยั้งไม่ให้ Netflix ทดสอบยกเลิกระบบ IAP ของ Apple (In-App Purchase) เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนหักส่วนแบ่ง 30% โดย Apple พยายามทำทุกทาง แสดงให้เห็นว่า การตัดสินใจของ Netflix ส่งผลต่อ Apple อย่างมาก
Carson Oliver ผู้อำนวยการฝ่ายการจัดการธุรกิจ App Store ระบุในอีเมลว่า จากการตัดสินใจของ Netflix ที่จะทดสอบไม่รับสมาชิกผ่าน App Store นั้นจะส่งผลต่อประสบการณ์ลูกค้า และโอกาสในการร่วมมือกันทางการตลาดระหว่าง Apple และ Netflix นอกจากนี้ Oliver ยังระบุถึงมาตรการโต้กลับ Netflix ด้วยเช่น ดึงเนื้อหาของ Netflix ออกจากแพลตฟอร์มในช่วงการทดสอบ
คณะกรรมการยุโรป (European Commission) ส่งจดหมายถึงแอปเปิล ให้รับทราบว่า EC ประเมินเบื้องต้น (preliminary view) ว่าแอปเปิลกีดกันการแข่งขันในตลาดเพลงสตรีมมิ่ง
มุมมองของ EC คือ แอปเปิลใช้เงื่อนไขเรื่อง in-app purchase (IAP) บน App Store ทำให้บริการ Apple Music ของตัวเองได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่งรายอื่นๆ
จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้มาจากคำร้องเรียนของ Spotify ทำให้ EC เริ่มเข้ามาสอบสวนแอปเปิลในเดือนมิถุนายน 2020 และได้ข้อสรุป (เบื้องต้น) ว่าแอปเปิลกีดกันการแข่งขันจริง จากนโยบายบังคับ IAP ผ่าน App Store และห้ามนักพัฒนาแอพโฆษณาวิธีการจ่ายเงินทางอื่น
หน่วยงานกำกับดูแลตลาดของประเทศจีน (State Administration for Market Regulation ตัวย่อ SAMR) สั่งปรับเงิน Alibaba ในข้อหาผูกขาด เป็นเงินสูงถึง 1.8 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 8.7 หมื่นล้านบาท)
SAMR เริ่มสอบสวน Alibaba ในข้อหาผูกขาดตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 หลังรัฐบาลจีนสั่งเบรกแผนการ IPO ของ Ant Group บริษัทในเครือเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2020 และได้ข้อสรุปว่า Alibaba ใช้อำนาจเหนือตลาด (market dominance) ในทางมิชอบ กีดกันไม่ให้ผู้ค้ารายย่อยไปขายของบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายอื่น ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย และพฤติกรรมนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2015
Alibaba ระบุว่ายอมรับคำตัดสินของ SAMR และยินดีปฏิบัติตามทุกประการ
หลังคณะกรรมการด้านการค้าของสหรัฐ (Federal Trade Commission หรือ FTC) ยื่นฟ้อง Qualcomm ในปี 2017 ด้วยข้อหาผูกขาดตลาดชิปโมเด็มสมาร์ทโฟน โดยใช้เทคนิคด้านค่าค่าไลเซนส์สิทธิบัตร เพื่อกีดกันผู้ผลิตสมาร์ทโฟนไม่ให้ใช้ชิปของคู่แข่ง
คดีนี้ Qualcomm ถูกศาลชั้นต้นตัดสินว่าผิดจริงในเดือนมิถุนายนปี 2019 ก่อน Qualcomm จะยื่นอุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสิน ยกคำร้องของ FTC ในเดือนตุลาคมปี 2020