กลุ่มสตาร์ทอัพเกาหลีได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการสื่อสารของเกาหลีหรือ KCC เพื่อขอให้มีการตรวจสอบว่า แอปเปิล, กูเกิลละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการซื้อในแอปหรือไม่
Epic Games เปิดเผยว่าแอปเปิลแจ้งแบนบัญชีนักพัฒนาของ Epic บนทุกแพลตฟอร์มของแอปเปิลในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะทำให้แอพของ Epic ทุกตัวบน iOS/macOS ถูกแบนตามไปด้วย (รวมถึง Unreal Engine)
Epic บอกว่าการแบนครั้งนี้จะส่งผลใหญ่หลวง เพราะเกมจำนวนมากบน iOS/macOS ที่เรียกใช้เครื่องมือของ Unreal Engine (เช่น SDK หรือ API) อาจทำงานไม่ได้เช่นกัน
Epic ได้ยื่นให้ศาลคุ้มครองเรื่องนี้ โดยระบุว่าการแบนบัญชีนักพัฒนาของแอปเปิลจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Epic อย่างมหาศาล
Facebook เปิดให้ธุรกิจ ครีเอเตอร์ เจ้าของเพจสร้างรายได้ผ่านอีเว้นท์ออนไลน์บน Facebook ได้ โดยสามารถสร้างอีเว้นท์, ตั้งราคาเข้าชม, โปรโมท และให้กดจ่ายเงินได้ในเพจอีเว้นท์นั้นๆ เลย เปิดใช้งานใน 20 ประเทศ ยังไม่มีไทย
Facebook บอกด้วยว่าธุรกิจกำลังต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ Facebook จึงไม่เก็บค่าธรรมเนียมใดๆ เลยจากการจ่ายเงินผ่านอีเว้นท์อย่างน้อยก็จนถึงปีหน้า ในขณะเดียวกันก็ได้ร้องขอไปยัง Apple ให้ช่วยลดภาษี App Store 30% หรืออนุญาตให้ใช้งาน Facebook Pay เพื่อให้ธุรกิจได้รับเงินเต็มๆ แต่ Apple ปฏิเสธคำร้องขอ เท่ากับผู้ใช้งาน Facebook บน iOS จะได้เงินที่ควรได้น้อยลง Facebook ยังแนบรูปที่ใช้ส่งคำร้องไปยัง Apple มาด้วย
ไม่กี่ชั่วโมงหลัง Epic ทำระบบจ่ายเงินของ Fortnite บนมือถือเอง เพื่อเลี่ยงจ่ายส่วนแบ่ง 30% ให้แอปเปิล-กูเกิล แอปเปิลก็แบนเกม Fortnite ออกจาก App Store ตามคาด
แต่ดูเหมือนว่านี่เป็นแผนของ Epic อยู่แล้ว สิ่งที่ตามมาทันทีคือ Epic ยื่นฟ้องแอปเปิลต่อศาลแคลิฟอร์เนียในข้อหาผูกขาด (คำฟ้องเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว) ในคำฟ้องพูดถึงโฆษณา 1984 ที่สร้างชื่อให้แอปเปิลในยุค Macintosh ว่าตอนนั้นแอปเปิลต้องการเป็นผู้ทำลายการผูกขาดของ IBM แต่พอมาถึงปี 2020 แอปเปิลกลายเป็นผู้ผูกขาดยิ่งกว่า IBM ด้วยซ้ำ
Facebook สามารถนำแอพ Facebook Gaming เวอร์ชัน iOS ขึ้น App Store ได้สำเร็จ หลังจากต้องยอมตัดฟีเจอร์ instant games ออก เพราะผิดกฎของแอปเปิล
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวว่า Facebook Gaming ไม่สามารถขึ้น App Store ได้เพราะแอปเปิลไม่ยอมให้มี "เกมในแอพ" ซึ่งเป็นข้อห้ามเดียวกับที่เพิ่งเป็นข่าวกรณีห้ามเกมสตรีมมิ่ง xCloud และ Stadia
ไมโครซอฟท์เพิ่งเปิดตัวบริการเกมสตรีมมิ่ง Project xCloud อย่างเป็นทางการ โดยรองรับเฉพาะอุปกรณ์กลุ่ม Android เท่านั้น จึงเกิดคำถามตามมาว่าฝั่ง iOS จะเป็นอย่างไร เพราะไมโครซอฟท์ยังปิดการทดสอบ xCloud บน iOS ไปพร้อมกันด้วย
วันนี้มีคำตอบชัดเจนแล้วจากทางแอปเปิล ว่าบริการเกมสตรีมมิ่งลักษณะนี้ (ทั้ง xCloud หรือ Stadia) ผิดนโยบายของ App Store เนื่องจากแอปเปิลไม่สามารถตรวจสอบเนื้อหาของเกมที่สตรีมมาได้
แอปเปิลระบุว่าเกมใดๆ ที่เปิดให้เล่นบน iOS จำเป็นต้องถูกตรวจสอบบนมาตรฐานเดียวกัน เพื่อปกป้องผู้ใช้ และเพื่อความเป็นธรรมกับนักพัฒนาที่เผยแพร่เกมแบบปกติ (ผ่านการดาวน์โหลด ไม่ใช่สตรีม)
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แอปเปิลได้นำแอปจำนวน 29,800 แอปออกจาก App Store ในประเทศจีน ตามคำขอของทางการของจีน เนื่องจากไม่มีใบอนุญาต ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนี้เป็นแอปเกมมากถึง 26,000 แอป
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แอปเปิลให้เวลาถึงเดือนมิถุนายนในการส่งใบอนุญาตสำหรับเกมบน App Store จนมีการลบเกมไปแล้วกว่า 2,500 เกมในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม รัฐบาลจีนได้พยายามบังคับให้แอปเกมเหล่านี้ขอใบอนุญาตอย่างเป็นทางการจากจีนเพื่อเปิดใช้งาน in-app purchase มาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว ทั้งบน App Store ของแอปเปิล และแอนดรอยด์ แต่ในปีนี้แอปเปิลเข้มงวดกว่าเดิมมาก
ในการไต่สวนบริษัทเทคโนโลยีใหญ่เรื่องผูกขาดโดยสภาคองเกรส แอปเปิลถูกตั้งคำถามเรื่องการลบแอปพลิเคชั่นจัดการเวลาบนหน้าจอซึ่งเป็นคู่แข่งออกจาก App Store หลังเปิดตัว iOS 12 ซึ่งมีฟีเจอร์คล้ายๆ กันนั้น ถือเป็นการพยายามกีดกันคู่แข่งหรือไม่
โดยหลังจากแอปเปิลเปิดตัวฟีเจอร์ Screen Time มีผู้ผลิตแอปพลิเคชั่นภายนอกพบว่าแอปของตัวเองถูกตรวจสอบโดยแอปเปิลมากขึ้น หรือในบางกรณีก็ถูกปฏิเสธไม่ให้อัพเดต หรือถูกลบออกจาก App Store ไปเลย
Sensor Tower เผย รัฐบาลจีนลบแอปเกมกว่า 2,500 เกม จาก iOS จีน หนึ่งในนั้นมี Hay Day, Nonstop Chuck Norris, Contract Killer Zombies 2, Solitaire เนื่องจากเกมเหล่านี้ยังไม่มีใบอนุญาตจากจีนในการเปิดใช้งาน
จีนเป็นตลาดใหญ่อันดับ 1 สำหรับเกมมือถือ สร้างรายได้ให้แอปเปิล 12.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 แต่ในขณะเดียวกันจีนก็มีกฎเข้มงวดเรื่องการกำกับเนื้อหาเกม กำหนดให้ทุกเกมต้องได้รับอนุญาตจาก National Press and Publication Administration เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหาไม่ผิดกฎรัฐบาล
สหภาพยุโรปเพิ่งผ่านร่างแก้ไขกฎหมายว่าด้วยความเป็นธรรมและความโปร่งใสต่อบริการแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ช่วยลดอำนาจของเจ้าของแพลตฟอร์มแอปสโตร์อย่าง Apple, Google เหนือนักพัฒนาแอปลง โดยการแก้ไขกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ราวฤดูใบไม้ร่วงนี้ (ช่วงเดือนกันยายนเป็นต้นไป)
ใจความหลัก ๆ ของการแก้ไขกฎหมายนี้ก็มี
ชั่วโมงที่ผ่านมาแอปบน iOS จำนวนมากรวมถึงแอปธนาคารของไทย, Spotify, หรือแอปอีคอมเมิร์ชเกิดปัญหาเปิดแล้วแครชในทันที นักพัฒนาจำนวนมากคาดว่าปัญหาเกิดจาก Facebook SDK โดยแอปที่ได้รับผลกระทบอาจจะมีอัตราการแครชถึง 65%
น่าสุดนักพัฒนาบางส่วนระบุว่าเฟซบุ๊กน่าจะแก้ปัญหาไปแล้ว บางรายระบุว่าจะเลิกใช้ SDK ในเวอร์ชั่นต่อไป
ที่มา - Facebook iOS SDK
ความขัดแย้งระหว่างแอพอีเมล Hey ของ Basecamp กับแอปเปิล ดูจะยุติลงแล้ว เมื่อแอปเปิลอนุมัติให้แอพ Hey เวอร์ชัน 1.0.2 ซึ่งเป็นเวอร์ชันแก้บั๊ก สามารถขึ้นเผยแพร่บน App Store ได้แล้ว
Jason Fried ซีอีโอของ Basecamp ยังอ้างคำพูดของ Phil Schiller ผู้บริหารแอปเปิลที่ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch ถึงแนวทางที่แอปเปิลอยากให้ Hey ปรับปรุง (ทำไมไม่คุยกันเองตรงๆ ก็ไม่แน่ใจ) โดย Schiller บอกว่าแอพ Hey ดาวน์โหลดมาแล้วใช้งานไม่ได้เลยถ้าไม่ได้จ่ายเงิน จึงอยากให้ Hey ออกเวอร์ชันฟรีที่ใช้งานอีเมลแบบพื้นๆ และเวอร์ชันเสียเงินเพื่ออัพเกรดความสามารถ
สำนักข่าว South China Morning Post อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยตัวตนระบุว่าแอปเปิลกำลังแจ้งผู้จัดจำหน่ายเกมจำนวนมากให้ขอใบอนุญาตทางการจีนให้ทันวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ไม่เช่นนั้นเกมจะถูกถอนออกจาก App Store ในจีน
จีนมีแนวทางตรวจสอบเนื้อหาเกมก่อนจัดจำหน่ายได้มาตั้งแต่ปี 2018 กระบวนการตรวจสอบนั้นมีรายละเอียดมากและกระบวนการล่าช้าจนกระทั่ง Tencent ต้องถอนการขออนุญาตเกม PUBG ออกไป แนวทางการอนุญาตจำกัดความรุนแรง รวมถึงห้ามมีเลือด หากมีระบบแต่งงานจะจำกัดอายุผู้เล่น เป็นต้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการยุโรป (European Commission หรือ EC) หน่วยงานรัฐบาลของสหภาพยุโรป (EU) ประกาศเริ่มสอบสวนแอปเปิลอย่างเป็นทางการ ในข้อหา "ผูกขาด" แยกเป็น 2 กรณีคือ App Store และ Apple Pay
กรณีของ App Store เริ่มมาจากเรื่องร้องเรียนของ Spotify และผู้ให้บริการอีบุ๊กอีกราย (ที่ EC ไม่ได้ระบุชื่อ) ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงกับแอปเปิลในบริการ Apple Music และ Apple Books
ประเด็นที่เป็นปัญหาคือ เงื่อนไขการหักส่วนแบ่งรายได้ 30% เมื่อจ่ายเงินสมัครบริการผ่าน in-app purchase (IAP) และเงื่อนไขที่แอปเปิลห้ามไม่ให้มีลิงก์หรือข้อความชวนไปจ่ายเงินนอกแอพ
The New York Times รายงานข่าวว่าเฟซบุ๊กประสบปัญหาไม่สามารถส่งแอพ Facebook Gaming เวอร์ชัน iOS ขึ้นเผยแพร่บน App Store ได้ เพราะโดนแอปเปิลปฏิเสธ แถมโดนปฏิเสธมา 5 รอบแล้วด้วย
เฟซบุ๊กเปิดตัวบริการ Facebook Gaming มาตั้งแต่ปี 2019 โดยเริ่มจากเวอร์ชันเว็บ และเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ก็ออกแอพเวอร์ชันมือถือ ซึ่งเวอร์ชัน Android อยู่บน Play Store เรียบร้อยแล้ว
Phil Schiller หัวหน้าฝ่ายการตลาดของแอปเปิล ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch ในประเด็นที่แอปอีเมล Hey ของ Basecamp ถูกปฏิเสธนำขึ้น App Store จนทำให้ David Heinemeier Hansson พาร์ทเนอร์ของ Basecamp ออกมาวิจารณ์ในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากแอปเปิลกำหนดให้แอปต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกผ่าน App Store เท่านั้น
Schiller ย้ำว่าแอปเปิลจะไม่เปลี่ยนแปลงกฎกติกาดังกล่าว ส่วนที่กล่าวว่าแอปอย่าง Netflix หรือ Spotify สามารถเลือกจ่ายเงินค่าสมาชิกนอกแอปได้นั้น เพราะแอปกลุ่มนั้นถือเป็นแอปแบบ reader กล่าวคือเป็นแอปที่แสดงคอนเทนต์ภายนอก แต่กรณีของแอปอีเมลนั้นไม่เข้าข่าย
Basecamp แอพจัดการโครงการชื่อดัง (บริษัทของ David Heinemeier Hansson ผู้สร้าง Ruby on Rails) เปิดตัวบริการใหม่ Hey เป็นระบบอีเมลแนวคิดใหม่ ที่แก้ปัญหาความน่ารำคาญหลายเรื่องของอีเมล
Hey มีแนวคิดใหม่ๆ ที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น ระบบป้องกันคนแปลกหน้าส่งอีเมลมารบกวน โดยทุกครั้งที่ได้รับอีเมลจากคนที่ไม่รู้จัก อีเมลจะเข้าไปอยู่ในกล่อง The Sreener ให้เรากดเลือกว่าจะรับอีเมลจากบุคคลนั้นอีกหรือไม่
Apple ถอด Pocket Casts แอปพลิเคชั่น Podcast รายใหญ่ออกจาก App Store จีนตามคำสั่งของรัฐบาลจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะมีเนื้อหาที่ขัดต่อกฎหมายจีน
Pocket Casts เล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเผยว่าได้รับการติดต่อจาก Apple ว่ารัฐบาลจีนขอให้ลบแอปนี้จาก App Store แต่ก็ไม่ได้แจ้งว่าเนื้อหาใดบ้างที่ขัดต่อกฎหมายจีน ทั้งยังบอกให้สอบถามไปยังหน่วยงานบริหารและจัดการไซเบอร์สเปซของจีนโดยตรง อย่างไรก็ตาม Pocket Casts เชื่อว่าแอปพ็อดคาสต์ควรจะเป็นช่องทางเปิดที่ปราศจากการเซ็นเซอร์ของรัฐบาล ผู้พัฒนาจึงไม่สนใจคำร้องขอของรัฐบาลจีน ก่อนที่แอปจะโดนลบจาก App Store จีนหลังจากนั้น 2 วัน
ในวันนี้ ผู้ใช้ iOS อาจสังเกตว่าแอปที่ขึ้นแจ้งเตือนให้อัพเดตใน App Store มีจำนวนมากกว่าปกติ หลายแอปอาจเพิ่งอัพเดตไปไม่กี่วันก่อน แต่ก็ขึ้นมาให้อัพเดตอีกครั้ง ย้อนหลังไปถึง 10 วัน
แม้ไม่มีการชี้แจงอย่างเป็นทางการจากแอปเปิล แต่คาดว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับปัญหาที่ผู้ใช้งานบัญชี Family Sharing ไม่สามารถเปิดแอปได้ โดยแสดงข้อความเตือน "This app is no longer shared with you" จึงคาดว่าเป็นปัญหาใบรับรองยืนยันการซื้อแอปถูกต้องหมดอายุ ซึ่งการดาวน์โหลดแอปใหม่เป็นการอัพเดตข้อมูลใบรับรองดังกล่าวนั่นเอง
ที่มา: MacRumors
มีรายงานจากผู้ใช้ iOS บางส่วน พบปัญหาไม่สามารถเปิดแอปที่ใช้งานเป็นประจำได้ตามปกติ โดยขึ้นข้อความเตือนว่า "This app is no longer shared with you" และระบุว่าเพื่อใช้งานแอปนี้ ต้องซื้อแอปจาก App Store จากนั้นก็เด้งไปที่ App Store ในหน้าแอปนั้น และมีตัวเลือกเดียวคือ Open จากนั้นก็วนลูปแบบนี้
คาดว่าปัญหาดังกล่าวเกิดจากระบบตรวจสอบแอปว่าผ่านการซื้อถูกต้องหรือไม่ของแอปเปิล ซึ่งในหน้า System Status ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ระบุว่ามีปัญหาใด ทั้งนี้รายงานปัญหาพบทั้งใน iOS 13.5 เวอร์ชันล่าสุด และเวอร์ชันเก่ากว่านั้น
9to5Mac อ้างข้อมูลจากโค้ดที่พบของ iOS 14 ว่ามี API ตัวใหม่ ซึ่งมีชื่อเรียกภายในว่า Clips ซึ่งทำให้ผู้ใช้ iOS เข้าถึงการทำงานของแอปต่าง ๆ โดยไม่ต้อง install แอปนั้นก็ได้
โดย Clips API ทำงานผ่านตัวสแกน QR Code ปกติเวลาสแกน QR Code ของแอปใด ๆ จะเป็นการเรียก Safari เพื่อไปที่หน้าดาวน์โหลดแอปนั้นลงเครื่อง กรณีไม่มีแอป แต่บนคุณสมบัติใหม่นี้ ผู้พัฒนาแอปสามารถเลือกให้แสดงเนื้อหาที่ต้องการจากแอปได้เลยผ่านตัวเว็บเพจ
ข้อมูลระบุว่าแอปที่มีการทดสอบ Clips API แล้ว ซึ่งคาดว่าเพื่อใช้นำเสนอใน WWDC ปีนี้ ได้แก่ OpenTable, Yelp, DoorDash, Sony (แอป PS4) และ YouTube
Apple ออกแถลงการเมื่อวันพุธนี้ ว่าจะเลิกหักค่าธรรมเนียมในการทำรายการผ่าน In-app purchase ของแอปสตรีมมิ่งบางแอปที่ “ผ่านเกณฑ์” เช่น Amazon’s Prime Video
ก่อนหน้านี้ หากผู้ใช้ต้องการซื้อหรือเช่าหนังและเพลง ไปจนถึงสมัคร subscription รายเดือนบนแอปสตรีมมิ่งต่างๆ ผ่าน App Store ทาง Apple จะบังคับให้ผู้ใช้ ใช้ช่องทางการจ่ายเงินของ Apple เท่านั้น และเรียกเก็บค่าบริการตั้งแต่ 15 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของยอดเงินทั้งหมดที่แอปสตรีมมิ่งนั้นจะได้รับ
แอปเปิลแจ้งนักพัฒนาแอป เรื่องการขยายเวลาข้อกำหนดที่แอปส่งใหม่จะต้องรองรับ iOS 13 และเงื่อนไขต่าง ๆ จากเดิม 30 เมษายน ออกไปเป็น 30 มิถุนายน 2020
ข้อกำหนดเหล่านี้เป็นเรื่องปกติเมื่อแอปเปิลออกระบบปฏิบัติการใหม่อยู่แล้ว อาทิ แอปต้องพัฒนาจาก iOS 13 SDK, รองรับการแสดงผลบนหน้าจอ iPhone และ iPad ทุกขนาดจอ
ที่น่าสนใจของข้อกำหนดการพัฒนาแอปในปีนี้คือเงื่อนไขที่ทุกแอปที่มีระบบบัญชีผู้ใช้งาน จะต้องรองรับการล็อกอินด้วย Sign in with Apple ซึ่งเงื่อนไขนี้ก็เลื่อนกำหนดออกไปเป็น 30 มิถุนายน 2020 ด้วยเช่นกัน
ที่มา: แอปเปิล
แอปเปิลแจ้งนักพัฒนาแอปว่าบริการ App Store จะขยายเพิ่มเติมไปอีก 20 ประเทศ จากเดิมที่มีให้บริการอยู่แล้วใน 155 ประเทศ ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับนักพัฒนาได้เข้าถึงตลาดใหม่มากขึ้น
ทั้งนี้นักพัฒนาต้องไปยอมรับเงื่อนไขบริการใหม่ในเว็บ Apple Developer เพื่อให้แอปของตนมีให้ดาวน์โหลดใน 20 ประเทศใหม่ ส่วนแอปแบบเสียเงินต้องเข้าไปเลือกรูปแบบราคาค่าบริการด้วย ก่อนวันที่ 10 เมษายน
20 ประเทศใหม่ที่ App Store จะเปิดให้บริการได้แก่ อัฟกานิสถาน, กาบอง, โกตดิวัวร์, จอร์เจีย, มัลดีฟส์, เซอร์เบีย, บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, แคเมอรูน, อิรัก, โคโซโว, ลิเบีย, มอนเตเนโกร, โมร็อกโก, โมซัมบิก, เมียนมาร์, นาอูรู, รวันดา, ตองกา, แซมเบีย และวานูอาตู
แอปเปิลมีนโยบาย Universal Purchase มาได้สักระยะ เราสามารถซื้อแอพครั้งเดียว ใช้ได้บนทุกระบบปฏิบัติการในเครือ (iOS, iPadOS, watchOS, macOS, tvOS) โดยไม่ต้องซื้อซ้ำ
วันนี้แอปเปิลประกาศเปิดใช้ Universal Purchase บน Mac App Store แล้ว นักพัฒนาจำเป็นต้องสร้าง bundle ID ของแอพตัวเอง โดยใช้ ID ตัวนี้กับแอพบนทุกแพลตฟอร์ม
ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทั้งเรื่องเครื่องมือ (Mac Catalyst), ระบบการจ่ายเงินในแอพ หรือการเก็บสถิติ สามารถอ่านได้จากหน้า Apple Support
ที่มา - Apple