เป็นเรื่องที่พอคาดเดากันได้ แต่ตอนนี้ไมโครซอฟท์ยืนยันแล้วว่า Windows Phone 7 จะมี default search engine ได้เพียงอันเดียวคือ Bing เท่านั้น
Greg Sullivan ผู้บริหารของไมโครซอฟท์บอกว่า Bing ผูกกับตัวระบบปฏิบัติการอย่างมาก ดังนั้นการเปลี่ยน default search engine เป็นตัวอื่นจึงทำได้ยาก (ไมโครซอฟท์เลยไม่เปิดโอกาสให้ทำเสียเลย) อย่างไรก็ตาม Sullivan บอกว่า search engine ยี่ห้ออื่นสามารถสร้าง app หรือ hub บน Windows Phone 7 ได้ เพียงแต่จะไม่มีวันเป็น default
ที่มา - Pocket-lint
หลังจากมหากาพย์ข้ามปีระหว่างยาฮูกับไมโครซอฟท์ จบลงด้วยข้อตกลงว่ายาฮูจะดึงผลการค้นหาจาก Bing ไปใช้แทน และยาฮูจะยุบทีม search engine แล้วโอนพนักงานให้ไมโครซอฟท์ (อ่านรายละเอียดใน สรุปความ: เกิดอะไรขึ้นระหว่างไมโครซอฟท์กับยาฮู) ซึ่งกระบวนการทั้งหมดต้องใช้เวลาพอสมควร ที่ผ่านมาเราค่อยๆ เห็นข่าวอย่าง ข้อตกลงยาฮู-ไมโครซอฟท์ ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลแล้ว และ ยาฮูเริ่มโอนพนักงานบางส่วนให้ไมโครซอฟท์ แสดงให้เห็นความคืบหน้าเรื่อยๆ
บริษัทเก็บสถิติ Hitwise เผยส่วนแบ่งตลาด search engine ประจำเดือนมิถุนายน 2010 (เฉพาะตลาดสหรัฐ)
นี่เป็นสัญญาณที่ดีของไมโครซอฟท์ แม้ว่าหนทางโค่นกูเกิลจะยังอีกยาวไกลก็ตาม ว่าแต่อย่าลืมทำ index ภาษาไทยให้มันดีๆ ด้วยนะครับ
ที่มา - Hitwise
ส่วนแบ่งตลาดค้นหาข้อมูลล่าสุดที่ออกโดย comScore ประจำเดือนพฤษภาคมนั้น Bing และยาฮู ได้ส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น ส่วนกูเกิลกลับลดลงเล็กน้อย แต่ comScore ได้ตั้งข้อสงสัยว่า Bing และยาฮูอาจใช้เทคนิคบางอย่างเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดค้นหาข้อมูลของตนเอง
Business Insider ได้เปิดประเด็นว่า ทั้ง Bing และยาฮูได้รวมลิงก์ที่มาจากเว็บท่า MSN และยาฮู รวมถึงลิงก์จากการแสดงผลภาพแบบสไลด์โชว์เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผลการค้นหาอีกด้วย
เมื่อประมาณสองปีที่แล้ว (สมัยที่ Bing ยังมีชื่อว่า Live Search) ทาง Blognone เคยมีข่าว ไมโครซอฟท์จะจ่ายเงินคืนให้กับผู้ใช้ Live Search
จ่ายเงินคืนให้กับผู้ใช้ Live Search เมื่อผู้ใช้ได้ทำการซื้อสินค้าผ่านจากผลการค้นหาของทางเว็บ ซึ่งเงินที่จะสามารถเคลมคืนมาได้นั้นจะขึ้นอยู่กับราคาของสินค้า
แนวทางนี้เป็นจุดเด่นอันหนึ่งของ Live Search ที่คู่แข่งอย่างกูเกิลและยาฮูไม่มี แต่สองปีให้หลัง ไมโครซอฟท์ประกาศปิดโครงการนี้แล้ว (สิ้นสุด 30 ก.ค.) โดยบอกว่าไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่คาดไว้ในตอนแรก แต่ก็ยังทิ้งท้ายว่ามันเป็นการทดลอง และไมโครซอฟท์ก็ได้ประสบการณ์ที่คุ้มค่ากลับไป
คำว่า "ศัตรูของศัตรูอาจเป็นมิตร" อาจใช้กับวงการไอทีได้ดีที่สุดในช่วงนี้ เราเห็นความเคลื่อนไหวของคู่ Google/Adobe กันไปแล้ว คราวนี้อาจเป็นคิวของ Apple/Microsoft บ้าง
เว็บไซต์ TechCrunch อ้างแหล่งข่าวในวงการ บอกว่า iPhone รุ่นสี่ที่จะเปิดตัวเดือนมิถุนายนนี้ จะเปลี่ยนมาใช้ Bing เป็นเครื่องมือค้นหาหลักแทนกูเกิล อย่างไรก็ตามมีแหล่งข่าวอีกสายแจ้งมาว่า กูเกิลจะยังอยู่บน iPhone เช่นกัน และ "เรื่องราวมันซับซ้อนกว่าที่เห็นมาก"
เดี๋ยวก็รู้ครับว่าข่าวนี้จริงแค่ไหน
ที่มา - TechCrunch
comScore ได้เปิดเผยส่วนแบ่งตลาดผู้ใช้การค้นหาทางอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ ประจำเดือนเมษายน พบว่ายอดผู้ใช้ยาฮูเพิ่มขึ้นจาก 16.9% เป็น 17.7% และ Bing ก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 11.7% เป็น 11.8% ส่วนกูเกิลตกลงเล็กน้อยจาก 65.1% เป็น 64.4%
comScore ได้ระบุว่าที่ยอดผู้ใช้ยาฮูและ Bing เพิ่มขึ้นเนื่องมาจาก site navigation แบบใหม่ที่ผูกคอนเทนต์และผลลัพธ์การค้นหาที่เกี่ยวข้องจากหลายช่องทางเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถนำเสนอผลลัพธ์การค้นหากับผู้ใช้ขณะที่ผู้ใช้เข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆ ได้ และการนำเสนอผลัพธ์ดังกล่าวยังตรงกับเงื่อนไขใการนับการค้นคืน (query) การค้นหาข้อมูลต่างๆ ของ comScore อีกด้วย
ในวันเดียวกับที่กูเกิลเพิ่มฟีเจอร์นำทางจักรยานบนมือถือแอนดรอยด์ ไมโครซอฟท์ก็เพิ่มฟีเจอร์นำทางบน Bing Maps บนวินโดวส์โฟน (ใช้ได้เฉพาะในสหรัฐฯ เท่านั้น) โดยมากับหน้าจอหลัก (home screen) ของโปรแกรมใหม่แบบใหม่ สามารถเลือกเส้นทางที่สั้นที่สุดหรือเร็วที่สุด รวมถึงเส้นทางที่เลี่ยงการจราจรติดขัดหรือเส้นทางที่ต้องเสียเงินได้ด้วย
ที่มา: Bing Community ผ่าน LiveSide.net
สำนักข่าว CNET มีโอกาสสัมภาษณ์ David Webster ซึ่งเป็น chief marketing strategist ของไมโครซอฟท์ เกี่ยวกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์ในช่วงหลัง เช่น Windows 7, Office 2010, Xbox, Windows Phone ฯลฯ
ความน่าสนใจอยู่ที่ Bing ซึ่งเขาเปิดเผยกระบวนการการตั้งชื่อว่า ไมโครซอฟท์อยากได้ชื่อสั้นๆ พยางค์เดียว ฟังแล้วสะกดไม่ผิด ซึ่งตอนแรกมีคนเสนอ "Bang" ซึ่งเป็นคำพูดที่ให้ความรู้สึกว่า "หาเจอแล้ว" แต่สุดท้ายไม่เอาชื่อนี้ เพราะมันใช้ในฐานะคำกริยา (เช่น "I bang it" เหมือนกับ "I google it") ไม่ค่อยเหมาะ เลยเปลี่ยนเป็น Bing ที่มีเสียงใกล้เคียงกันแทน
ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ให้กับ Bing อีกหนึ่งชุด โดยจะทยอยเพิ่มเข้ามาเรื่อยๆ ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงกลางปี
มีภาพประกอบสำหรับบางฟีเจอร์ครับ
ข่าวค่อนข้างเก่าแล้ว แต่ผมเพิ่งรู้ และก็ยังไม่มีคนเขียนลง Blognone ดังนั้นก็ขอเล่านะครับ
เรื่องมีอยู่ว่าผมใช้ Google แล้วเจอหน้าผลการค้นหาแบบใหม่ ละม้ายคล้าย Bing พอสมควร (ดูรูปหลัง break) คือไม่ซ่อนแถบทางด้านข้างสำหรับจำกัดผลการค้นหา
ผมนึกว่าเพิ่งจะเริ่มทำ แต่จากการหาข่าวดูพบว่าลองมาได้ประมาณสี่เดือนแล้ว
โดยส่วนตัวผมว่าแบบนี้ดีกว่าเอาไปซ่อนนะ เห็นชัดดีว่าทำอะไรได้บ้าง ตอนก็ต้องรอดูว่า Google จะเอามาใช้จริงหรือไม่
ที่มา - Gizmodo
โมโตโรล่าประกาศจับมือเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์ นำบริการ Bing ขึ้นบนแอนดรอยด์โฟน โดยเริ่มแรกโมโตโรล่าจะใส่ฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลกับแผนที่ลงมือถือที่ขายในประเทศจีนก่อน จากนั้นค่อยขยายไปยังมือถือในภูมิภาคอื่นต่อไป
ผู้บริหารจากฟากไมโครซอฟท์ยังกล่าวอีกว่า เรายินดีที่จะขยายความร่วมมือกับโมโตโรล่า ในการนำบริการ Bing Location-based Services ลงมือถือใหม่ในอนาคต อีกด้วย
แม้ว่าเมื่อก่อนแอปเปิลกับกูเกิลเคยมีความสัมพันธ์อันหวานชื่น ถึงขนาด Eric Schmidt มานั่งเป็นบอร์ดบริหารของแอปเปิล แต่ภายหลังเมื่อธุรกิจเริ่มซ้อนทับกันเอง (โดยเฉพาะมือถือ) เราก็เริ่มเห็นความร้าวฉานของแอปเปิลกับกูเกิลออกมาเรื่อยๆ (ผมว่าไม่มีกรณีไหนเกิน Google Voice นะ)
เมื่อกูเกิลเริ่มปันใจ อาจถึงเวลาที่แอปเปิลจำต้องมีรักใหม่ เพียงแต่รักครั้งนี้อาจชื่อว่า "ไมโครซอฟท์"
นิตยสาร BusinessWeek อ้างแหล่งข่าววงในว่า แอปเปิลกับไมโครซอฟท์กำลังคุยกันอยู่ว่า iPhone อาจเปลี่ยน default search engine มาเป็น Bing แทน Google Search รายละเอียดอื่นๆ ตอนนี้ยังไม่มี แต่นักวิเคราะห์คาดว่า Safari บนแมคอาจเปลี่ยนมาใช้ Bing เช่นกัน และในระยะยาวก็เป็นไปได้ว่าแอปเปิลจะทำ search engine เอง
ขอมาตามต่อกับประเด็นที่ Bing ทำสารบัญเว็บช้ามาก อยากให้เร็วต้องโพสต์ URL ในฟอรัมเพื่อใส่เข้าสารบัญเว็บด้วยมือ ทาง Ars Technica ได้สอบถามไมโครซอฟท์ไป ได้คำตอบว่ากำลังปรับปรุงอยู่ ทั้งเพิ่มการค้นหาโดย crawler (โปรแกรมที่วนซ้ำค้นหาและรวบรวมข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต) ตัวล่าสุดที่ยังเป็นรุ่นเบต้าอยู่นั้นเป็นสองเท่า นอกจากนั้นยังเพิ่มขนาด sitemap เป็น 50K, ปรับปรุงให้ผู้ดูแลเว็บควบคุม crawler ได้ง่ายขึ้นด้วย และปลายปีที่แล้วยังเพิ่มความสามารถที่จะวนซ้ำค้นหาและดึงผลลัพธ์ล่าสุดบนอินเทอร์เน็ตในเวลาเพียงไม่กี่นาที ซึ่งช่วยให้สามารถทำสารบัญเว็บที่มีการเปลี่ยนแปลงโดเมนบ่อย (เช่นเว็บข่าว) ได้ดียิ่งขึ้น
ช่วงนี้ ชื่อ URL สั้นหรือ URL shortening กำลังเป็นเรื่องฮิต เราเห็นทั้ง goo.gl, fb.me, youtu.be คราวนี้เป็นคิวของ Bing บ้าง
แม้จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีคนสังเกตเห็นแล้วว่าพนักงานของไมโครซอฟท์จะใช้ binged.it สำหรับลิงก์ใน Twitter ซึ่งถ้าลองกดเข้าไปดูจะพบว่าเป็นบริการของ bit.ly นั่นเอง (ตามข่าว bit.ly Pro ก่อนหน้านี้)
ชื่อดีมีความหมายครับ แต่ทว่า bing.com ยาว 7 ตัว ส่วน binged.it ยาว 8 ตัวนะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีผู้ใช้คนหนึ่งได้โพสต์ใน Bing Forums ว่าเขาได้ส่งเว็บไซต์ของเขาไปยัง Webmaster Console มาได้ 6 สัปดาห์แล้ว แต่เพึ่งได้รับการใส่เข้าสารบัญเว็บ (indexing) โดยความช่วยเหลือของคุณ Brett แต่กูเกิลและยาฮูนั้นทำสารบัญเว็บไปแล้ว 400 กับ 200 หน้าตามลำดับ จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้ Bing ใส่เว็บไซต์ของเขาเข้าสารบัญเว็บ หลังจากนั้นคุณ Brett Yount ซึ่งเป็น Program Manager ที่ Bing Webmaster Center ได้ตอบกลับว่า
เป็นที่ทราบกันในวงการว่า MSNbot ทำงานช้า แนะนำให้อ่าน FAQs โดยเฉพาะฟอรัม indexing เป็นแนวทาง
ซึ่งเมื่อตามเข้าไปอ่านในฟอรัมดังกล่าว ได้ระบุไว้ดังนี้
เพึ่งเปิดตัวไปได้สองวันเองสำหรับโปรแกรม Bing บนไอโฟน ก็มีผู้ใช้จำนวนมากรายงานถึงปัญหาต่างๆ ทั้งฟีเจอร์ค้นหาด้วยเสียงที่ทำให้โปรแกรมล่มและไม่แสดงผลลัพธ์การค้นหาหากใช้งานนอกสหรัฐฯ และความเข้ากันได้กับไอพอดทัชรุ่นแรก ไมโครซอฟท์ก็ได้ออกมาประกาศว่ากำลังแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ แต่ก็ได้งดปล่อยโปรแกรมดังกล่าวสำหรับพื้นที่อื่นนอกสหรัฐฯ ไปก่อน แล้วจะอัพเดตโปรแกรมรุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้
ที่มา: Bing Community ผ่าน Ars Technica
หลังมีข่าวลือว่าไมโครซอฟท์กำลังซุ่มพัฒนาแอพฯ Bing และเมสเซนเจอร์บนไอโฟนไปเมื่อสองวันที่แล้ว เมื่อคืนนี้ (ตามเวลาสหรัฐฯ) ไมโครซอฟท์ก็ได้ปล่อย Bing สำหรับไอโฟนให้ดาวน์โหลดผ่าน App Store แล้ว หน้าตาเป็นอย่างไรดูได้จากภาพท้ายข่าว
นอกจากนั้นไมโครซอฟท์ยังประกาศผ่านทวิตเตอร์ ว่า ในวันพรุ่งนี้ (ตามเวลาสหรัฐฯ) จะเปิดตัวทวิตเตอร์แอพฯ สำหรับ Zune HD ด้วย
Neowin ได้อ้างแหล่งข่าวว่าขณะนี้ไมโครซอฟท์กำลังซุ่มพัฒนาแอพฯ Bing และเมสเซนเจอร์บนไอโฟนอยู่ โดยคาดว่าน่าจะเปิดตัวในช่วงเดียวกับ Windows Live Wave 4 (ประมาณเดือนมีนาคมปีหน้า)
ข่าวนี้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา คุณ David Raissipour จากไมโครซอฟท์ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับไอโฟนว่า "We are actively working on it" ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับทาง C|Net
ที่มา: Neowin.net
Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิลไปให้สัมภาษณ์นักข่าวในประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวว่า "คนที่แคร์เรื่องความเป็นส่วนตัวไม่ควรโพสต์ข้อมูลใดๆ ลงในอินเทอร์เน็ต" โดยขยายความต่อว่าบริษัทในอเมริกาทุกแห่ง ซึ่งรวมถึงกูเกิลด้วย ต้องปฏิบัติตามกฎหมายความมั่นคงของชาติ (Patriot Act) และมีโอกาสโดนรัฐบาลเรียกดูข้อมูลได้เสมอ
คำพูดนี้ทำให้ Asa Dotzler ผู้จัดการฝ่ายชุมชนของ Mozilla ไม่พอใจ โดยเขาเสนอให้ Firefox เปลี่ยนไปใช้ Bing แทน เนื่องจากมีนโยบายด้านความเป็นส่วนตัวที่ดีกว่ากูเกิล
ผลการศึกษาจาก Chitika Research ดูว่าโฆษณาบน search engine เจ้าไหนมีอัตรา click-through-rate (CTR) สูงกว่ากัน พบว่าโฆษณาบน Bing มีโอกาสถูกคลิกสูงกว่ากูเกิลถึง 75%
ในบรรดา search engine ทั้งห้าตัวที่ทำการศึกษา กูเกิลมีอัตรา CTR ต่ำสุดคือ 0.98% ส่วนตัวเลขของ Bing อยู่ที่ 1.74% อย่างไรก็ตามแชมป์ด้าน CTR กลับเป็น AOL คือ 2.50% ที่เหลือได้แก่ Yahoo! 1.37% และ Ask 1.76%
อย่าลืมว่านี่เป็นการวัดผลเฉพาะ CTR เป็นเปอร์เซ็นต์ ถ้านับจำนวนครั้งของการคลิก ก็คงต้องยกให้กูเกิลเหมือนเดิม
ที่มา - Ars Technica
comScore ได้รายงานจำนวนผู้ใช้บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯ พบว่ามีผู้ใช้ Bing เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 9.4 ในเดือนที่แล้วเป็น 9.9 ในเดือนนี้
ฟากกูเกิลก็มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 64.9 ในเดือนที่แล้วเป็น 65.4 ในเดือนนี้ แต่ยาฮูมีผู้ใช้ลดลงจากร้อยละ 18.8 ในเดือนที่แล้วเป็น 18.0 ในเดือนนี้
ที่มา: comScore ผ่าน Silicon Alley Insider ผ่าน ZDNet
ไมโครซอฟท์เตรียมอัพเดต Bing สัปดาห์หน้า โดยจะให้ Wolfram Alpha เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลสุขภาพและด้านโภชนาการแล้วส่งมาแสดงผลบน Bing นอกจากนั้นจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่จะแสดงข้อมูลสภาพอากาศและงานแสดงนิทรรศการของท้องถิ่น และปรับปรุงฟีเจอร์เดิม ได้แก่ Bing Shopping และการพรีวิวเว็บไซต์ก่อนที่จะเราจะคลิกลิงก์ลงไป โดยจะเริ่มเปิดให้กับบางกลุ่มผู้ใช้ก่อน แล้วจะเปิดให้ผู้ใช้ทั้งหมดในอีกหลายสัปดาห์ต่อจากนั้น
ในที่สุดก็มีความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับ Wolfram Alpha จริงๆ เป็นไปตามข่าวลือก่อนหน้านี้ (ดูข่าวเก่า)
ที่มา: ZDNet
ไมโครซอฟท์เปิดตัว Bing Video แล้ว โดยหากเข้า video.msn.com จะถูกเปลี่ยนไปยัง bing.com/videos/browse ส่วนวีดีโอนั้นจะมาจาก MSN Video เดิมโดยเล่นบนซิลเวอร์ไลท์แทน Flash นอกจากนั้น Bing Video จะสามารถค้นหารายการทีวี รวมถึงคอนเทนต์จาก Hulu, ABC และ YouTube ได้ด้วย
ในการเล่นวีดีโอนั้น Bing Video ได้มีฟีเจอร์ Dim Lights ที่จะช่วยเน้นเฉพาะพื้นที่แสดงวีดีโอ โดยเปลี่ยนพื้นที่รอบนอกวีดีโอเป็นเฉดสีดำ ดังแสดงในรูปท้ายข่าว
เมื่อวานนี้ไมโครซอฟท์ได้ปล่อยคลิปโฆษณาของ Visual Studio 2010 และ Bing รวม 2 คลิป โดยคลิปโฆษณา Visual Studio 2010 ใช้ชื่อว่า "Bug Killer" นำเสนอฟีเจอร์ของ Visual Studio รุ่นใหม่พร้อมกับการกำจัด bug คือผู้หญิงพูดมาก 2 คน ออกมาสอดรับกับเทศกาลฮาโลวีน และคลิปโฆษณา Bing ใช้ชื่อว่า "Bing goes the Internet" โดยให้กลุ่มนักเรียนของโรงเรียนแห่งหนึ่งเป็นนายแบบ-นางแบบโฆษณา ลองดูวีดีโอได้จากข้างล่าง
ที่มา: ZDNet