กูเกิลประกาศไลบรารีที่แยกจาก OpenSSL เป็น BoringSSL มาตั้งแต่กลางปี และพยายามนำมาใช้งานกับ Chrome เป็นโครงการแรกที่ใช้งานนอกกูเกิล จนตอนนี้แพตช์ล่าสุดก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่กูเกิลเตรียมจะเปลี่ยนมาใช้ BoringSSL
กระบวนการเปลี่ยนไลบรารี SSL เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน มีโครงการภายในที่ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก การแพตช์สองรอบก่อนหน้านี้ล้มเหลวเพราะกระทบกับ WebRTC และ WebView
การแพตช์ครั้งล่าสุดมีคอมเมนต์แนบท้ายว่าหากมีใครได้รับผลกระทบให้ถอนแพตช์นี้ออกได้เลยแล้วค่อยคุยกันทีหลัง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการใช้งานบิททอร์เรนท์เป็นที่นิยมในปัจจุบันอย่างมาก และมีโปรแกรมสำหรับใช้งานลักษณะนี้อยู่จำนวนมาก หนึ่งในโปรแกรมยอดนิยมคงหนีไม่พ้น uTorrent ที่มีผู้ดาวน์โหลดนับล้านต่อเดือน
ล่าสุดมีรายงานว่า Chrome เบราว์เซอร์จากกูเกิล แจ้งเตือนว่าไฟล์ติดตั้งโปรแกรม uTorrent เวอร์ชันล่าสุดเป็นไฟล์อันตราย และบล็อคการติดตั้งโปรแกรมดังกล่าว ทำให้ยอดการติดตั้งของ uTorrent ตกลงไปพอสมควรในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเหตุผลของการแจ้งเตือนนี้มาจากระบบวิเคราะห์ความปลอดภัยของกูเกิลพบว่ามี 4 เว็บไซต์ที่ให้ดาวน์โหลด uTorrent นั้นเกี่ยวข้องกับการแพร่กระจายมัลแวร์ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา
จากข่าว รายงานชี้ Chrome ทำให้เครื่องบริโภคใช้พลังงานมากขึ้นสูงสุด 25% เนื่องจากบั๊กเก่าตั้งแต่ปี 2012 ที่กูเกิลไม่ยอมแก้ไขสักที
แต่การเป็นข่าวดังไปทั่วโลกย่อมสร้างแรงกดดันต่อกูเกิล และเว็บไซต์ PCWorld ได้รับแจ้งจากกูเกิลว่ามอบหมายเป็นการภายในให้ทีมงาน Chrome แก้ปัญหานี้ และทีมงานก็เริ่มลงมือทำงานแล้ว
ระหว่างนี้ผู้ใช้ Chrome บนโน้ตบุ๊ก็ควรปิดโปรแกรมเมื่อไม่ใช้งาน หรือใช้เบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ แทนครับ
ที่มา - PCWorld
กูเกิลปล่อย Chrome beta เวอร์ชัน 37 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นสองอย่างได้แก่การรองรับ DirectWrite API บนวินโดวส์ และรองรับ HTML element ตัวใหม่อย่าง dialog เพิ่มเข้ามา
ในส่วนของ DirectWrite API นั้นถูกเอามาแทนเอนจินเดิมสำหรับเรนเดอร์ตัวอักษรอย่าง Graphics Device Interface (GDI) ที่เก่าแก่มากแล้ว (ใช้มาตั้งแต่ช่วงกลางยุค 80) การเปลี่ยนไปใช้ DirectWrite API จะทำให้ Chrome สามารถเรนเดอร์ตัวอักษรได้เร็วขึ้น ความละเอียดสูงขึ้น ว่ากันง่ายๆ คือสวยขึ้นมาก ดูภาพเทียบได้ท้ายข่าวเลย
ดูเหมือน Chrome จะกลายเป็นข่าวร้ายสำหรับแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กเข้าเสียแล้ว หลังจากมีนักเขียนของ Forbes ออกมาบอกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้เบราว์เซอร์ Chrome นั้นกินไฟมากกว่าเจ้าอื่นๆ
ภายหลังงาน Google I/O 2014 ที่ผ่านไป ซีอีโอคนล่าสุดของกูเกิล Larry Page ได้ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของกูเกิลที่แสดงออกมาผ่านการนำเสนอบนเวทีในงานว่า ซอฟต์แวร์ของกูเกิลจะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น ผ่านแอนดรอยด์และ Chrome เป็นตัวกลางระหว่างอุปกรณ์ที่หลากหลาย ขณะที่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ผู้คนมักจะตั้งแง่และมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนที่จะยอมรับมันได้
Larry Page กล่าวว่ากูเกิลมีแผนเกี่ยวกับโลกที่อุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่นทีวี แล็ปท็อป แท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน เชื่อมถึงกันผ่านซอฟต์แวร์ (multiscreen world) มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว โดยมีแอนดรอยด์และ Chrome เป็นตัวกลาง โดยซอฟต์แวร์เหล่านี้จะคอยช่วยเหลือผู้ใช้ทุกๆ เรื่องและทุกๆ ที่ที่ต้องการ
Chrome กำลังเพิ่มความสามารถให้ผู้ใช้เข้าตรวจสอบพฤติกรรมของแอพพลิเคชั่นและส่วนขยายที่ติดตั้งลงใน Chrome ได้ โดยต้องติดตั้ง Chrome Apps & Extensions Developer Tool เสียก่อน
การบันทึกประวัติการทำงานมีประโยชน์ทั้งสำหรับนักพัฒนาที่สามารถตรวจสอบการทำงานเพื่อหาข้อบกพร่องของแอพพลิเคชั่นที่อาจจะเรียก API บางตัวบ่อยผิดปกติ และสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ความสามารถนี้ก็ยังเป็นประโยชน์ เพราะเข้าไปดูได้ว่าแอพพลิเคชั่นใดพยายามแก้ไขหน้าเว็บ หรือส่งข้อมูลกลับไปบ่อยเพียงใด ถ้ามีการส่งข้อมูลหรือยุ่งกับหน้าเว็บมากๆ ก็ควรถอดแอพพลิเคชั่นนั้นออก
จากข่าวก่อนหน้านี้ Chrome เริ่มทดสอบแสดง "origin chip" หรือเฉพาะชื่อโดเมนของเว็บไซต์ แทนการแสดง URL แบบเต็มในช่อง Omnibox
เป้าหมายของการแสดง origin chip คือเน้นโดเมนเนมเพื่อป้องกันปัญหา phishing แต่ล่าสุดทีมงาน Chrome ได้ปรับลดความสำคัญของฟีเจอร์นี้จากระดับสูงสุด (P1) ลงมาเหลือระดับ P3 แล้ว โดยไม่ได้ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะเหตุใด (น่าจะเกิดจากการทดสอบกับผู้ใช้จริงแล้วผลออกมาไม่ดีนัก)
เบราว์เซอร์อื่นที่เริ่มแสดง URL เฉพาะโดเมนในลักษณะเดียวกันคือ Safari บน OS X 10.10 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ก่อนครับ
ไมโครซอฟท์ได้ออกส่วนเสริม OneNote Clipper สำหรับ Chrome ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งาน OneNote สามารถบันทึกหน้าเว็บจากเบราว์เซอร์ Chrome เพื่อนำไปเก็บไว้อ่านต่อทีหลังจาก OneNote ได้โดยแค่กดปุ่ม OneNote Clipper เท่านั้น ติดตั้งส่วนเสริมดังกล่าวได้จากหน้าเว็บของ OneNote หรือจาก Chrome Web Store
กูเกิลขยายบริการร้านขายเนื้อหาดิจิทัล Google Play ไปไกลกว่าแอนดรอยด์แล้ว โดยผู้ใช้ Chrome บนพีซี หรือ Chromebook สามารถนั่งดูภาพยนตร์หรือรายการทีวีที่ซื้อไว้ในบัญชี Google Play ของตัวเองได้ด้วย
ผู้ที่อยากดูภาพยนตร์บนพีซีจำเป็นต้องติดตั้งส่วนเสริมชื่อ Google Play Movies & TV จาก Chrome Web Store จากนั้นก็เลือกภาพยนตร์ที่ต้องการจากแอพโดยตรง
ถึงแม้เบราว์เซอร์ของ Google (ทั้ง Chrome และ แอนดรอยด์เบราว์เซอร์) จะครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ของตลาดโลกไป แต่ในสหรัฐ กลับเป็นรอง Internet Explorer มาตลอด ล่าสุด Adobe Digital Index (ADI) ได้เปิดเผยว่าเบราว์เซอร์ของ Google มีสัดส่วนตลาดในสหรัฐ แซงหน้า IE เป็นครั้งแรกแล้ว
จากข่าว Chrome เตรียมยกเลิก API ของปลั๊กอินเบราว์เซอร์แบบเดิม เมื่อปีที่แล้ว ล่าสุดทีมงาน Chrome ออกมาเผยแผนการยกเลิกปลั๊กอินแบบ NPAPI แล้ว
จากข่าวเก่าเมื่อปีที่แล้ว Chrome จะเริ่มปิดไม่ให้ลงส่วนเสริมนอก Chrome Web Store ช่วงต้นปีหน้า วันนี้กูเกิลเริ่มใช้นโยบายนี้แล้วกับ Chrome รุ่นบนวินโดวส์ครับ
สำหรับส่วนเสริมใหม่ที่เพิ่งลงคงไม่มีปัญหาเพราะต้องผ่าน Chrome Web Store เพียงทางเดียว แต่ส่วนเสริมนอก Store ที่เคยติดตั้งไปแล้วอาจถูกปิดการใช้งาน และไม่สามารถเปิดคืนได้จนกว่านักพัฒนาจะส่งขึ้น Store เสียก่อน
กูเกิลยังเปิดให้นักพัฒนาสามารถติดตั้งส่วนเสริมได้เองเพื่อทดสอบการใช้งาน และเปิดให้ลูกค้าองค์กรสามารถติดตั้งส่วนเสริมของตัวเองได้ผ่าน Enterprise policy
กูเกิลออกมาประกาศว่า Chrome 35 ที่เพิ่งออกเมื่อวันก่อน รองรับคำสั่งเสียง OK Google โดยไม่ต้องคลิกเมาส์ใดๆ บนหน้าเว็บ google.com แล้ว
กูเกิลโชว์ฟีเจอร์นี้ตั้งแต่งาน Google I/O 2013 และทยอยปล่อยฟีเจอร์มาทีละส่วน โดย Chrome 27 สามารถใช้คำสั่งเสียงค้นหาได้ แต่ต้องคลิกไอคอนไมโครโฟนก่อน รอบนี้ Chrome 35 ทำได้แบบไม่ต้องคลิกไมโครโฟนแล้ว
กูเกิลออก Chrome 35 ทั้งเวอร์ชันเดสก์ท็อปและแอนดรอยด์
Google ได้เปิดตัวเกมใหม่ลง Chrome Experiment ครับ ชื่อว่าเกม Spell Up โดยรูปแบบของเกมจะเหมือนๆ กับการแข่ง Spelling Bee กติกาการเล่นคือ เกมจะพูดคำศัพท์ภาษาอังกฤษหนึ่งคำ แล้วให้ผู้เล่นสะกดคำศัพท์นั้นผ่านไมโครโฟน ถ้าคำศัพท์ถูกต้อง เกมจะต่อหอคอยให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งสูงมากขึ้น คำศัพท์ก็จะยิ่งยากขึ้น โดยในระหว่างเกมจะมีโบนัสและเหรียญให้เก็บเพื่อช่วยในการต่อหอคอยให้สูงเร็วขึ้น
นโยบายของกูเกิลกับ Chrome เน้นการผสานเป็นส่วนหนึ่งของตัวระบบปฏิบัติการมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Chrome Metro บน Windows 8 ที่ใส่อินเทอร์เฟซแบบ Chrome OS มาด้วย
ล่าสุดฝั่งของ OS X ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว โดยกูเกิลปรับปรุงให้ Chrome Apps (แอพออฟไลน์ที่ทำงานบนเดสก์ท็อป แต่เรียกใช้ผ่าน Chrome) เชื่อมต่อกับเมนู Open With ใน Finder ได้แล้ว
สรุปง่ายๆ ว่าเราสามารถคลิกขวาที่ไฟล์แล้วเลือก Open With จากนั้นจะมีโปรแกรมสาย Chrome Apps โผล่ขึ้นมาให้เลือกเช่นเดียวกับโปรแกรมบนเดสก์ท็อปปกติ ใครอยากลองต้องดาวน์โหลด Chrome Canary บนแมคมาใช้งาน และเปิด flag พิเศษตามลิงก์ที่มาครับ
ตามปกติแล้ว Chrome เลือกใช้ Google Search เป็นเครื่องมือค้นหาหลัก และถ้าเราเปิดแท็บใหม่ (new tab) ขึ้นมา หน้าแท็บใหม่จะแสดงกล่องค้นหาของกูเกิลให้พิมพ์คำค้นกันได้สะดวกๆ
ถึงแม้ว่า Chrome เปิดให้ผู้ใช้เปลี่ยนเครื่องมือค้นหาหลักไปใช้ยี่ห้ออื่นได้มานานแล้วก็ตาม แต่หน้าแท็บใหม่กลับไม่แสดงกล่องค้นหาของเครื่องมือค้นหานั้น (จะแสดงเฉพาะ thumbnail ของเว็บไซต์ที่เข้าบ่อยเพียงอย่างเดียว ไม่มีกล่องค้นหา)
Chrome รุ่น Canary มีความสามารถ "origin chip" ให้เลือกเปิดมาทดสอบการใช้งานได้ โดยหลังจากเปิดใช้งานแล้ว Omnibox ที่เคยแสดง URL จะแสดงเฉพาะชื่อโดเมนเท่านั้น ไม่แสดง URL เต็มอีกต่อไป ในส่วนกล่องจะอินพุตจะใช้เพื่อค้นหาหรือใส่ URL ใหม่เท่านั้น
เหตุผลของแนวทางนี้คือความปลอดภัยของผู้ใช้เวลาเจอกับเว็บฟิชชิ่ง (phishing) เทคนิคการปลอม URL แบบหนึ่งคือการสร้าง subdomain ที่หน้าตาเหมือนโดเมนที่จะปลอม ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังเผลอเข้าใช้งานเว็บปลอม
เนื่องจาก origin chip จะไม่แสดง URL เต็มอีกต่อไป แต่แสดงโดเมนอย่างชัดเจน ผู้ใช้จะสามารถสังเกตได้ทันทีว่าโดเมนที่ใช้งานเปลี่ยนไป สำหรับการคัดลอก URL เต็ม ผู้ใช้จะต้องคลิกที่ตัว origin chip ก่อนจึงจะคัดลอกไปได้
มีนักพัฒนารายหนึ่งชื่อ Florian Kiersch ค้นพบโค้ดฟีเจอร์ใหม่ของกูเกิลที่แอบทดสอบอย่างลับๆ โดยใช้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า Google Stars
รูปแบบการทำงานของมันจะคล้ายบริการบันทึกเว็บไว้อ่านทีหลังอย่าง Pocket หรือ Instapaper โดยเปิดให้ผู้ใช้ใส่ "ดาว" กับเว็บที่สนใจเพื่อกลับมาค้นดูทีหลังได้ง่าย และสามารถจัดกลุ่มของเว็บเพจที่ใส่ดาวไว้แยกตามประเภท (เช่น บทความ วิดีโอ รูปภาพ) ให้เราได้อัตโนมัติ เว็บเพจที่ใส่ดาวไว้จะเก็บไว้ในโฟลเดอร์ออนไลน์ที่เราสามารถแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ด้วย
นอกจากนี้ Google Stars ยังผสานตัวเข้ากับปุ่ม Bookmarks ของ Chrome เพื่อให้เราใส่ดาวได้สะดวก ดังนั้นคาดว่าเบื้องต้นมันน่าจะมี Chrome Extension ที่เชื่อมโยง Chrome กับบริการ Stars บนเซิร์ฟเวอร์ของกูเกิลด้วย
เคยไหม? เจอปัญหาเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่แล้วเจอภาพที่มีข้อความน่าสนใจอยากก็อปปี้ไปค้นข้อมูลต่อ ถ้าสั้นๆ ไม่กี่คำ เราก็อาจจะพิมพ์ใหม่ได้ไม่เสียเวลามากแต่ถ้ายาวเป็นประโยคก็อาจจะเหนื่อยหน่อย หรือเจอข้อความภาษาที่ไม่คุ้นอยู่ในภาพจะเอาไปแปลก็ไม่รู้จะพิมพ์อย่างไร
ฟีเจอร์ใหม่ของ Chrome OS เพิ่งเริ่มปล่อยออกมาใน Dev Channel โดยผู้ใช้ต้องไปเปิดใช้งานด้วยตัวเอง ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใส่รหัสผ่านเพื่อปลดล็อกเครื่องอีกต่อไป
แม้จะเปิดมาใช้งานได้แต่เอาเข้าจริงฟีเจอร์นี้ก็ยังทำงานจริงไม่ได้ เมื่อเปิดการใช้งานหน้าจอจะค้างและทำงานต่อไม่ได้ เป็นไปได้ว่าตัวแอพพลิเคชั่นที่ใช้งานคู่กันยังไม่เปิดให้ดาวน์โหลด
ที่มา - Android Police
Google เพิ่งปล่อยแอพ Chrome Remote Desktop สำหรับระบบปฏิบัติการ Android ให้ดาวน์โหลดไปใช้งานกันได้ฟรีแล้ววันนี้
ด้วยแอพดังกล่าว ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ผ่านจากอุปกรณ์ Android โดยผู้ใช้จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ตัวช่วยลงในฝั่งเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยเช่นกัน โดยซอฟต์แวร์ตัวช่วยดังกล่าวคือส่วนต่อขยายของ Chrome ซึ่งสามารถใช้งานได้กับ 3 ระบบปฏิบัติการ ไม่ว่าจะเป็น Windows ตั้งแต่รุ่น XP เป็นต้นมา หรือ Mac (ตั้งแต่ OS X 10.6 เป็นต้นมา) รวมทั้ง Linux สามารถดาวน์โหลดได้จากที่นี่
Chrome 34 เริ่มอัพเดตให้ผู้ใช้แล้ววันนี้ โดยเพิ่มความสามารถหลายอย่าง เช่น รองรับ Web Audio เต็มรูปแบบ (ไม่มี prefix ใน API), เพิ่ม API สำหรับ extension, รองรับรูปภาพแบบ responsive
แต่ฟีเจอร์ที่มีผลต่อผู้ใช้ทั่วไปที่สุดคงเป็นการจำรหัสผ่าน โดย Chrome 34 จะเริ่มถามผู้ใช้ว่าต้องการให้เบราว์เซอร์จำรหัสผ่านให้หรือไม่ โดยไม่สนใจว่าเว็บจะระบุ autocomplete=off
ก็ตาม ทำให้เว็บที่ผู้พัฒนาไม่ชอบให้ผู้ใช้จำรหัสผ่านด้วยซอฟต์แวร์จัดการรหัสผ่านไม่สามารถควบคุมการใช้งานของผู้ใช้ได้อีกต่อไป