ประเด็นร้อนของวงการไอทีรอบสัปดาห์นี้อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ที่กฎหมายใหม่ News Media Bargaining Code เริ่มมีผลบังคับใช้ ทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องตัดสินใจว่าจะยอมจ่ายเงินให้สำนักข่าวหรือไม่ ซึ่งแนวทางของแต่ละบริษัทต่างกันไป โดยกูเกิลยอมจ่ายเงินให้สำนักข่าว ในขณะที่เฟซบุ๊กเลือกไม่จ่าย และบล็อคเนื้อหาข่าวจากสื่อออสเตรเลีย เพื่อไม่ผิดกฎหมาย
ผลจากการที่เฟซบุ๊กตัดสินใจบล็อคการเข้าถึงข่าวของผู้ใช้ในออสเตรเลีย ทำให้ทราฟฟิกเข้าเว็บไซต์ข่าวในออสเตรเลียลดลงทันที คิดเป็นสัดส่วนราว 20% (เพราะแหล่งที่มาจากเฟซบุ๊กหายไป)
จากประเด็นกฎหมายใหม่ออสเตรเลีย News Media Bargaining Code บังคับแพลตฟอร์มออนไลน์จ่ายเงินให้สำนักข่าว ทำให้เฟซบุ๊กต้องออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศปิดกั้นสื่อและผู้ใช้งานในออสเตรเลียจากการการมองเห็นและแชร์ข่าวเสียเลย
เฟซบุ๊กบอกด้วยว่า เดิมทีกฎหมายนี้เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างแพลตฟอร์มและสำนักข่าวผิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยเฟซบุ๊กมีสองทางเลือกคือ ทำตามกฎหมายแต่โดยดี โดยละเลยความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น หรือหยุดเสนอเนื้อหาข่าวในออสเตรเลียไปเสียเลย ซึ่งเฟซบุ๊กเลือกอย่างหลัง
จากประเด็นกฎหมายใหม่ของออสเตรเลีย ให้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างกูเกิลและเฟซบุ๊กจ่ายเงินค่าเนื้อหาให้สำนักข่าวและบริษัทสื่อเพื่อนำเนื้อหามาปรากฏบนแพลตฟอร์ม หรือ News Media Bargaining Code ล่าสุดสื่อออสเตรเลีย Sydney Morning Herald รายงานว่า กูเกิลมีท่าทียอมผ่อนปรนกับกฎหมายใหม่มากขึ้น จากเดิมที่ต่อต้านตลอดถึงขั้นขู่เอาบริการค้นหาออกจากประเทศ
รายงานข่าวระบุว่า กูเกิลยอมทำข้อตกลงจ่ายเงินให้บริษัทสื่อใหญ่ในออสเตรเลีย 2 รายคือ Nine Entertainment เจ้าของสื่อหลายเจ้าและล็อบบี้ยิสต์รายใหญ่ เป็นเงิน 23 ล้านเหรียญต่อปี และบริษัท Seven West เจ้าของสื่อทีวีและสิ่งพิมพ์ เป็นเงิน 30 ล้านเหรียญ
มีรายงานจาก The Information ว่า Facebook กำลังพัฒนาสมาร์ทวอทช์ ซึ่งมีคุณสมบัติทั้งด้านตรวจจับข้อมูลสุขภาพ รับส่งข้อความ และแจ้งเตือนต่าง ๆ โดยคาดจะเปิดตัวได้ภายในปีหน้า และเตรียมออกรุ่นถัดมาในปี 2023 ด้วย
รายงานบอกว่าสมาร์ทวอทช์นี้จะรันด้วย Android เวอร์ชัน fork พัฒนาเองโดย Facebook ไม่ได้ใช้ Wear OS แต่แผนในอนาคตอาจพัฒนาระบบปฏิบัติการขึ้นมาเอง จึงวางแนวทางไปจนถึงรุ่นที่สองที่จะออกตามมา นอกจากนี้คุณสมบัติเด่นของสมาร์ทวอทช์นี้ อาจทำงานร่วมกับแว่นตา AR ที่บริษัทกำลังพัฒนาอยู่ด้วย
Facebook ประกาศมาตรการรับมือรัฐประหารในพม่า โดยจะลดการแสดงผลโพสต์จากเพจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ เช่น เพจข่าวสารของทหาร Tatmadaw Information Team และบัญชีโฆษกของกองทัพ Brigadier-General Zaw Min Tun
Facebook ยังจะไม่รับคำขอของรัฐบาลพม่าในการลบโพสต์ต่างๆ ในระบบ (อย่างที่รัฐบาลประเทศอื่นๆ สามารถทำได้), เดินหน้าแบนบัญชี IO แบบที่ทำอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว, คุ้มครองบัญชีของนักเคลื่อนไหว สื่อมวลชน นักการเมือง จากการโดนแฮ็กบัญชี เป็นต้น
ที่มา - Facebook
จากประเด็นมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก บอก Facebook จะหยุดแนะนำเนื้อหากลุ่มและเพจการเมือง วันนี้ Facebook มีแถลงเพิ่ม โดยบอกว่าหนึ่งในเสียงสะท้อนของผู้ใช้งานคือ ไม่ต้องการให้เนื้อหาการเมืองเข้ามาควบคุมหรือ take over หน้าฟีด และจะเริ่มทดลองลดเนื้อหาการเมืองในกลุ่มผู้ใช้บางส่วนในแคนาดา, บราซิล, อินโดนีเซียในสัปดาห์นี้ และจะเริ่มทดลองใช้ในสหรัฐฯในสัปดาห์ไป
มีรายงานจาก The New York Times อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องสองคน ว่า Facebook กำลังพัฒนาแอปสนทนาเสียง ที่มีรูปแบบการทำงานคล้ายกับ Clubhouse แอปโซเชียลที่กำลังมาแรงในตอนนี้ โดยใช้โค้ดเนมภายในว่า Fireside
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ก็ได้เข้าร่วมใช้งาน Clubhouse แต่ร่วมสนทนาในหัวข้อเกี่ยวกับ AR และ VR
ตัวแทนของ Facebook ไม่ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว แต่บอกว่าบริษัทให้บริการเชื่อมต่อผู้คนด้วยเสียงและวิดีโอมานานแล้ว แต่บริษัทก็ยังคงหาแนวทางใหม่เพื่อเพิ่มประสบการณ์ใช้งาน
ที่มา: The New York Times
ปี 2020 ที่ผ่านมา Facebook ออกนโยบายจัดการข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนมากขึ้น การระบาดของ COVID-19 ทำให้มีข้อมูลเท็จเกี่ยวกับวัคซีนแพร่กระจายมากกว่าเดิม จากเดิมที่มีกลุ่มต่อต้านวัคซีนอยู่แล้ว ล่าสุด Facebook บอกว่าจะยกระดับมาตรการด้วยการลบโพสต์นั้นออกไปเลย
วันนี้ (4 ก.พ.) ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเมียนมาร์รวมถึง MPT เครือข่ายโทรคมนาคมของรัฐ ปิดกั้นการเข้าถึง Facebook เป็นเวลา 3 วัน หลังเมื่อเช้าตรู่วันจันทร์ที่ผ่านมา ทหารทำการรัฐประหาร และมีรายงานว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตล่ม ประชาชนถูกตัดขาดการเชื่อมต่อ
กระทรวงการสื่อสารและข้อมูลโพสต์จดหมายระบุว่า Facebook จะถูกบล็อกจนถึงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ เพื่อความมั่นคง และยังบอกด้วยว่า มีคนที่สร้างปัญหาให้กับเสถียรภาพของประเทศ กำลังแพร่กระจายข่าวปลอมและข้อมูลที่ผิดและก่อให้เกิดความเข้าใจผิดใน Facebook
จากประเด็น iOS 14 อัพเดตความเป็นส่วนตัว ทำให้การโฆษณาแบบเจาะจงตัวบุคคลหรือ Target Ads ทำได้ยากขึ้น ซึ่งกระทบ Facebook เต็มๆ ล่าสุด Facebook ได้ทดสอบแสดงการแจ้งเตือนแก่ผู้ใช้งาน iOS 14 มาพร้อมปุ่มให้ผู้ใช้กดอนุญาต หรือไม่อนุญาต
เฟซบุ๊กแสดงความไม่พอใจแอปเปิล นับตั้งแต่การอัพเดต iOS 14 ก่อนที่ล่าสุด Mark Zuckerberg ก็บอกว่าเฟซบุ๊กมองแอปเปิลเป็นคู่แข่งแล้ว จาก iMessage ที่มาแข่ง Messenger และ WhatsApp
ประกอบกับการเป็นเจ้่าของแพลตฟอร์ม ทำให้แอปเปิลสามารถใช้สถานะนี้ควบคุมการทำงานของแอปอื่น แต่ละเว้นของตัวเอง (Mark เคยบอกว่าแอปเปิลบังคับนโยบายความเป็นส่วนตัวกับแอปอื่น แต่แอปตัวเองไม่ทำตาม) ทำให้ตอนนี้มีรายงานว่าเฟซบุ๊กกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อฟ้องแอปเปิลฐานผูกขาดแล้ว จากข้อมูลของคนในที่เกี่ยวข้อง หลังจากเคยแค่เสนอช่วยเหลือ Epic เท่านั้น
ในรายงานผลประกอบการของ Facebook ไตรมาส 4 นั้น Mark Zuckerberg ได้พูดถึงแนวทางการแสดงเนื้อหาทางการเมืองบน Facebook ที่อาจกระทบต่อการดูเนื้อหาบนหน้าฟีดของทุกคน คือ Facebook จะหยุดการแนะนำกลุ่มและเพจการเมืองบนหน้าฟีด ให้เนื้อหาทางการเมืองแสดงบนแพลตฟอร์มน้อยลง และเน้นการทำงานเพื่อสร้างพลังบวกและความใกล้ชิดของผู้คนมากขึ้น
Facebook รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 รายได้รวม 28,072 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 33% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11,219 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีตัวเลข DAUs (ใช้งานประจำทุกวัน) เพิ่มขึ้น 11% เป็น 1,845 ล้านราย, MAUs (ใช้งานประจำทุกเดือน) 2,797 ล้านราย และมีจำนวนผู้ใช้งานรวมทุกบริการในเครือเป็นประจำทุกเดือน 3.30 พันล้านคน
Facebook เคยมีช่องโหว่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดูเบอร์โทรของผู้ใช้ได้ และเว็บไซต์ Techcrunch ยังเคยเจอข้อมูลเบอร์โทรที่เชื่อมกับ Facebook ID ถึงกว่า 400 ล้านบัญชี ช่วงปี 2019
ล่าสุด Alon Gal นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยดิจิทัล และซีทีโอบริษัท Hudson Rock พบว่ามีผู้นำข้อมูลเบอร์โทรและ Facebook ID ที่เคยหลุด มาผนวกเข้ากับบอท Telegram เพื่อให้ผู้ที่จ่ายเงินสามารถค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยอ้างว่ามีข้อมูลจากผู้ใช้กว่า 500 ล้านบัญชี
Facebook ทำแท็บอ่านข่าวหรือ Facebook News ในสหรัฐฯได้สักระยะหนึ่งแล้ว ล่าสุดเปิดตัวนอกสหรัฐฯครั้งแรก เริ่มที่ประเทศอังกฤษ
ผู้ใช้งาน iPhone หลายรายโพสต์ลง Twitter ว่าพบปัญหา Facebook ถูกล็อกเอาท์โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสามารถล็อกอินใหม่ได้ ส่วนคนที่ใช้งาน two-factor พบปัญหาว่ารหัสผ่านที่ส่งมาที่โทรศัพท์ช้า ด้าน Facebook เผยว่ารับทราบปัญหาแล้ว และกำลังแก้ไข แต่ยังไม่บอกสาเหตุว่าเกิดจากอะไร
มีรายงานจากผู้ใช้ Facebook บน iPhone จำนวนมากวันนี้ ว่าเมื่อเปิดแอปจะปรากฏข้อความว่าต้องใส่รหัสผ่านและล็อกอินใหม่อีกครั้ง โดยในเบื้องต้นเมื่อล็อกอินซ้ำก็จะใช้งานต่อได้ปกติ แต่มีบางกรณีที่ต้องยืนยันตัวตนสองขั้นตอนผ่าน SMS ก็อาจจะยังล็อกอินกลับเข้าไปไม่ได้ทันที ทำให้เกิดความสับสน
ตัวแทนของ Facebook ได้ชี้แจงมายังเว็บ USA Today ว่า Facebook รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว และกำลังแก้ไขให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยเร็วที่สุด โดยคาดว่าสาเหตุมาจากการแก้ไขคอนฟิกบางอย่าง
ในเพจ Facebook App ก็ยืนยันปัญหานี้เช่นกัน
จากประเด็น Facebook ระงับบัญชีโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทาง Facebook ออกมาแถลงว่า การตัดสินดังกล่าวไม่ควรเป็นอำนาจของ Facebook เพียงอย่างเดียว จึงให้ Oversight Board หรือคณะกรรมการอิสระตรวจสอบอำนาจการใช้นโยบายของ Facebook เช้ามาช่วยดูด้วยว่า เป็นการกระทำที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่
Facebook ปรับปรุงฟีเจอร์ Automatic Alt Text (AAT) ระบุสิ่งที่อยู่ในรูปภาพอัตโนมัติเพื่อการใช้งานของผู้พิการทางสายตาและมีปัญหาการมองเห็น ให้จดจำรับรู้สิ่งที่อยู่ในรูปภาพได้ละเอียดขึ้น เช่น สามารถบอกได้ว่า ในรูปภาพนี้มีกี่คน ถ่ายภาพที่ไหน คนอยู่ในมุมไหนของภาพ โดย Facebook บอกว่าเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ขึ้น 10 เท่า จดจำรายละเอียดได้ 1,200 คอนเซปต์
กระทรวงด้านไอทีของอินเดียได้ส่งจดหมายถึง Will Cathcart หัวหน้าฝ่าย WhatsApp โดยระบุว่านโยบายแชร์ข้อมูลใหม่ของ WhatsApp สร้างความกังวลอย่างร้ายแรงต่อทางเลือกและความเป็นอิสระของชาวอินเดีย และต้องการหยุดการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้
อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่ของ WhatsApp ดังนั้นทางกระทรวงต้องการทราบความชัดเจนของ WhatsApp ในข้อตกลงแชร์ข้อมูลกับ Facebook และบริษัทอื่น ๆ รวมถึงตั้งคำถามด้วยว่าทำไมจึงมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ใช้งานในอียูว่าไม่ต้องทำตามนโยบายใหม่ แต่ผู้ใช้ในอินเดียไม่มีทางเลือกใด ๆ การเลือกปฏิบัติแบบนี้เป็นผลเสียต่อผู้ใช้ชาวอินเดียซึ่งรัฐบาลอินเดียกังวลมาก
Facebook ประกาศมาตรการใหม่เพื่อควบคุมสถานการณ์ในวันสาบานตนของประธานาธิบดี Joe Biden โดยทางแพลตฟอร์มจะไม่อนุญาตให้สร้างอีเว้นท์ในบริเวณใกล้เคียงกับ White House, US Capitol รวมถึงสถานที่สำคัญของภาครัฐในวันสาบานตนของ Joe Biden
นอกจากห้ามจัดอีเว้นท์แล้ว ศูนย์ปฏิบัติการของ Facebook จะคอยติดตามรีวิวอีเว้นท์ที่สร้างบน Facebook ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพิธีสาบานตนและจัดการลบอีเว้นท์ที่ฝ่าฝืนนโยบายของบริษัทออก รวมถึงบล็อคการจัดอีเว้นท์ในสหรัฐฯ โดยบัญชีหรือเพจที่ไม่ได้มีที่อยู่ในสหรัฐฯ ด้วย
WhatsApp ประกาศเลื่อนกำหนดข้อตกลงการใช้งานใหม่ ที่ผู้ใช้งานต้องแชร์ข้อมูลให้ Facebook ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถใช้งาน WhatsApp ต่อไปได้ จากเดิมจะมีผลวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ออกไปเป็นวันที่ 15 พฤษภาคม
WhatsApp ให้เหตุผลของการขยายเวลาออกไป เพื่อให้บริษัทมีเวลาชี้แจงถึงการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เนื่องจากยังมีการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอยู่ อีกทั้งให้เวลาผู้ใช้งานได้ตรวจสอบข้อกำหนดใหม่เพิ่มเติม
Facebook ปรับปรุงหน้า Access Your Information หรือช่องทางจัดการข้อมูลตัวเองบน Facebook ใหม่ จากเดิมที่มีสองเมนูคือ Your Information และ Information About You ของใหม่เพิ่มเป็น 8 ประเภท ให้เข้าไปจัดการข้อมูลเฉพาะส่วนของตัวเองง่ายขึ้น พร้อมฟังก์ชั่นการค้นหาใน Access Your Information ด้วย โดย 8 ประเภทข้อมูลมีดังนี้
ดูเหมือนการปรับเงื่อนไขของ WhatsApp ที่แชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับ Facebook จะสั่นสะเทือน WhatsApp กว่าที่คิด มีทั้งคนที่วิจารณ์แรงและคนที่หนีไปใช้งานแอปอื่น จน WhatsApp ต้องออกมาชี้แจงเพิ่มเติมถึงการแชร์ข้อมูล โดยยืนยันว่าการปรับเงื่อนไข ไม่กระทบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานในการแชทคุยกับเพื่อนและคนในครอบครัว และชี้แจงเพิ่มดังนี้
จากประเด็น WhatsApp ปรับเงื่อนไขการใช้งาน แชร์ข้อมูลส่วนตัวให้กับ Facebook ด้วย คนก็แห่ไปดาวน์โหลดแอป Telegram และ Signal กัน ล่าสุด Telegram ออกมาเปิดเผยว่า ภายใน 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา มียอดดาวน์โหลด 25 ล้านครั้ง ทำให้ตอนนี้มียอดดาวน์โหลดสะสม 500 ล้านครั้งแล้ว