จากการสำรวจโดย Baker Heart Institute ของประชากรวัยผู้ใหญ่ในออสเตรเลียเมื่อปี 2005 พบว่า 70% ของผู้ชาย และ 60% ของผู้หญิงที่มีอายุในช่วง 45-65 ปี มีดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 25 (>25 = น้ำหนักเกิน, >30 = โรคอ้วน) ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่าในอนาคตจะมีจำนวนผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากความอ้วน ทั้งโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเข่าเสื่อม นี้เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว
จากรายงานนี้ทำให้มีการรณรงค์ให้มีการลดน้ำหนักในระดับชาติ และให้งบประมาณสนับสนุนสำหรับสถานที่ออกกำลังกายอีกด้วย
ไม่รู้ว่าต่อไป จะมีประเทศในทวีปเอเชียเข้าแข่งกับเขาด้วยหรือเปล่า
ที่มา Physorg
วารสารทางการแพทย์ Journal of Trauma เดือนมิถุนายน ได้ตีพิมพ์เกี่ยวกับผลการใช้สารทดแทนเลือด ในระยะที่ 3 (Phase III) เป็นครั้งแรก
การทดลองนี้ นำโดย UCLA ทำการเปรียบเทียบการใช้สารทดแทนเลือด กับเลือดปกติที่ได้จากการบริจาค ในประเทศสหรัฐอเมริกา อัฟริกาใต้ และทวีปยุโรป เป็นเวลา 6 สัปดาห์ โดยมีผู้ป่วยเข้าร่วมในการวิจัยนี้เป็นจำนวน 688 คน ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ที่จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเกี่ยวกับกระดูก (Orthopedic surgery) และจำเป็นต้องได้รับเลือด แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ได้รับเลือดตามปกติ 358 คน และกลุ่มที่ได้รับสารทดแทนเลือดนี้ 350 คน
นักวิทยาศาสตร์จาก University of California ได้รายงานถึงการค้นพบ ความแตกต่างของระบบภูมิคุ้มกันที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ในช่วงแรกเกิด โดยทำการตรวจตัวอย่างเลือดที่ได้จากสายสะดือเด็กแรกเกิดโดยวิธีผ่าท้องคลอด (Cesarean section) จำนวน 50 คน และเด็กที่ตลอดโดยวิธีธรรมชาติ 68 คน โดยเด็กทั้งหมด มีพ่อ หรือแม่คนใดคนหนึ่งมีประวัติของโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืด พบว่า เด็กที่คลอดโดยวิธีผ่าท้องคลอด มีจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด regulatory T-cells น้อยกว่า และมีระดับของสารในระบบภูมิคุ้มกันอย่าง Interleukin-4 และ Interleukin-13 มากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กที่คลอดโดยวิธีธรรมชาติ
เด็กที่อาศัยอยู่ในฟาร์ม มีความเสี่ยงในการเกิดโรคหอบหืดน้อยกว่า เด็กที่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบอื่น ๆ เช่น แถบที่อยู่อาศัย ในเมือง หรือแม้แต่ เมืองชนบท
จากการสำรวจเด็กที่ไม่เป็นโรคหอบหืด ที่อายุน้อยกว่า 12 ปี จำนวน 13,524 คน ของ Canadian National Longitudinal Survey of Children and Youth (NLSCY) ที่ตีพิมพ์ลงใน Journal Respirology พบว่า อุบัติการณ์สะสมของการเกิดโรคหอบหืดของเด็กที่อยู่ในฟาร์ม มีเพียง 2.3% เมื่อเทียบกับ 5.3% ในกลุ่มที่อาศัยอยู่ชานเมือง และ 5.7% ในกลุ่มที่อาศัยอยู่ในเมือง
จากการค้นพบนี้ ทำให้ผู้วิจัยตั้งสมมติฐานว่า สิ่งแวดล้อมแบบฟาร์มส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายบางอย่างที่ส่งผลลดกลไลการอักเสบที่ทำให้เกิดโรคหอบหืดลงได้
Dr. Zuo-Feng Zhang นักวิจัยจาก University of California ตีพิมพ์ผลการวิจัย เกี่ยวกับ ผลของการบริโภค ผัก ผลไม้ ชา สามารถลดอุบัติการณ์ของการเกิดโรคมะเร็งปอดได้ ลงในวารสารวิชาการ Cancer
เป็นที่ทราบกันดีว่า การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของมะเร็งปอด ถึง 90% ในการศึกษาครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ทำการคัดเลือก ผู้ป่วยมะเร็งปอด 558 คน และผู้ที่ไม่เป็นมะเร็งปอด 837 คน แล้วทำการตรวจสอบประวัติการกินอาหาร ของกลุ่มทดลองทั้งสองกลุ่ม
สมาคมโรคหัวใจสหรัฐฯ (American Heart Association หรือ AHA) ได้ออกแนวทางปฏิบัติให้ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงทุกคน (ประมาณ 72 ล้านรายในสหรัฐฯเอง) ควรจะมีเครื่องวัดความดันโลหิตสูงเองที่บ้าน และใช้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นส่วนช่วยแพทย์ในการพิจารณาปรับยา
ก่อนหน้านี้ยังไม่มีแนวทางใดแนะนำให้ผู้ป่วยซื้อเครื่องวัดมาใช้เอง แต่ก็เป็นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีอันจะกิน และมีหลายบริษัทผลิตเครื่องวัดดังกล่าวออกมาเป็นล่ำเป็นสัน โดยปัจจุบันเครื่องวัดส่วนใหญ่ใช้งานง่ายเพียงพันรอบแขนและกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ก็สามารถทราบค่าได้ทันที และราคาของเครื่องได้ลดลงเหลือประมาณ 50-100 ดอลลาร์สหรัฐ (สำหรับในเมืองไทยผมเห็นมีขายในราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท)
ตามความรู้เดิมที่มีอยู่คือ เชื้อ dengue virus ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดไข้เลือดออกนั้นมี 4 สายพันธุ์ด้วยกัน และไข้เลือดออกนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อเข้าไปเป็นครั้งที่ 2 (secondary infection) ซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่าเกิดจากการกระตุ้นสาร cytokines ที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมากเกินไป
ทีมนักวิจัยจากไต้หวัน จาก National Yang-Ming University ค้นพบกลไกที่เชื่อว่ามีส่วนทำให้เชื้อ dengue virus ทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดอาการของไข้เลือดออก (dengue hemorrhagic fever) และช็อค (dengue shock syndrome) ขึ้นผ่านทางปฏิกิริยาระหว่างตัวเชื้อไวรัสเอง กับโมเลกุลที่มีชื่อว่า CLEC5A ที่อยู่บนเซลล์เม็ดเลือดขาว
หลังจากกูเกิลได้เปิดตัวบริการใหม่ Google Health บริการช่วยเก็บบันทึกข้อมูลสุขภาพของตัวคุณ ไปเมื่อวานนี้ ผมได้ลองใช้แล้วคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่คิดจะเก็บข้อมูลสุขภาพไว้กับตัวเอง ผมเลยลองเขียนแนะนำการใช้งานเบื้องต้นพร้อมภาพประกอบ ให้ดูว่าการใช้งานเบื้องต้น และข้อมูลที่ต้องกรอกเบื้องต้นมีอะไรบ้างครับ
การใช้งานเริ่มจากเข้าไปที่ Google Health โดยผู้ที่มีบัญชีผู้ใช้ของกูเกิลอยู่แล้ว สามารถล็อกอินเพื่อเข้าใช้ได้เลย โดยหน้าแรกที่เข้าไปจะเป็นแบบนี้
กูเกิลเปิดตัวบริการใหม่ Google Health ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกับคุณ ผมแนะนำว่าลองเล่นเองง่ายกว่าอ่านครับ Google Health
เมื่อเข้าไปใน Google Health แล้ว สิ่งแรกที่เราต้องทำคือใส่ประวัติด้านสุขภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เคยเป็นหรือเป็นอยู่ ประวัติการใช้ยา การฉีดวัคซีน การผ่าตัด ผลการทดสอบต่างๆ เช่น เจาะเลือด ฯลฯ ถ้าขี้เกียจนั่งกรอกข้อมูลเอง สามารถอิมพอร์ตจากบริการเว็บสุขภาพบางแห่งได้เช่นกัน (รายชื่อ)
ฮอร์โมนที่ชื่อว่า Neuropeptide Y หรือ NPY โดยปกตินั้นถูกสร้างโดยสมอง เป็นที่รู้จักกันว่า เป็นฮอร์โมนที่มีผลต่อความรู้สึกหิว และกระตุ้นให้กินอาหาร ที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา จากการทดลองในหนูของ University of Western Ontario ประเทศแคนาดา พบว่า NPY ที่คิดว่าถูกสร้างโดยสมองเพียงที่เดียวนั้น ก็ถูกสร้างโดยเซลล์ไขมันที่หน้าท้องเช่นเดียวกัน คนอ้วนซึ่งมีเซลล์ไขมันที่หน้าท้องมากจึงมีการสร้าง NPY ออกมามาก และกระตุ้นให้กินมากขึ้น ดังนั้นจึงมีวงจรของการกิน และความอ้วน เกิดขึ้น ไม่รู้จบ
Phil Edwards และ Ian Roberts นักวิจัยของ London School of Hygiene and Tropical Medicine ได้ชี้ให้เห็นว่าประชากรที่มีภาวะน้ำหนักเกินจนถึงอ้วน อาจมีส่วนทำให้โลกร้อนขึ้น จากการทำให้ความต้องการอาหาร และพลังงานเพิ่มมากขึ้น
นักวิจัยทั้งสองคนนี้ชี้ให้เห็นว่าคนทั่วไปต้องการพลังงานในการดำรงชีวิตประมาณ 2510 แคลอรี่ต่อวัน ในขณะที่คนอ้วนต้องการพลังงานถึง 2960 แคลอรี่ต่อวัน ซึ่งสูงกว่าคนทั่วไปถึง 18 % โดยพลังงานที่ต้องการมากกว่า หมายถึงปริมาณอาหารที่ต้องรับประทานมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการอาหารเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการทำการเกษตรมากขึ้น เกิดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น (20 % ของก๊าซเรือนกระจกมาจากภาคเกษตรกรรม) ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น
ตามทฤษฎีเซลล์ไขมัน เดิมที่เชื่อกันว่า จำนวนเซลล์ไขมันในร่างกายของมนุษย์มีปริมาณคงที่เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่จะอ้วน หรือผอมนั้นขึ้นอยู่กับขนาดเซลล์ไขมัน ว่ามีการสะสมไขมันเอาไว้มากแค่ไหน (เป็นที่มาของการที่คนที่เคยอ้วนมาก่อน มักจะกลับมาอ้วนได้ง่ายกว่า และเด็กที่อ้วนก็มักจะเป็นผู้ใหญ่อ้วนที่ลดยากกว่า)
ล่าสุดนักวิจัยจากสวีเดนได้เปิดเผยข้อมูลที่ทำการพบเพิ่มเติมว่า เซลล์ไขมันในร่างกายมีการผลัดเปลี่ยนใหม่ในอัตรา 10% ของแต่ละปี โดยจะมีการสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนในจำนวนเท่าเดิม การค้นพบนี้นำไปสู่มุมมองใหม่ในการจัดการกับความอ้วน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาวิธีระงับการสร้างเซลล์ไขมันขึ้นใหม่ และการหาคำตอบว่าการดูดไขมัน (liposuction) จะทำให้ให้ผอมแบบถาวรได้หรือไม่
มีตัวอย่างตามที่ต่าง ๆ อยู่บ่อย ๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ หนัง ละคร ทำให้เราคิดกันไปว่าการมีเซ็กซ์ทำให้ตายคาอกกันง่าย ๆ
จากการรวบรวมสถิติของภาวะหัวใจขาดเลือด (heart attack) พบว่า ผู้ชายอายุ 50 ปี ที่ไม่มีความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด อยู่ที่ 1 ใน 1,000,000 คน ใน 1 ชั่วโมงอยู่แล้ว ในขณะที่การมีเซ็กซ์เพิ่มความเสี่ยงขึ้นมาเป็น 2 ใน 1,000,000 คน (แม้ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่ก็ยังถือว่าน้อยอยู่ดี)
ที่จริงแล้วการมีเซ็กซ์ การคือการออกกำลังกายชนิดหนึ่ง ซึ่งเคยมีการทดลองมาแล้วว่า จะเพิ่มการทำงานของหัวใจโดยเฉลี่ยขึ้นเป็น 130 ครั้งต่อนาทีโดยประมาณ ซึ่งก็เท่ากับการเดินขึ้นบันได 2 สองชั้นเท่านั้นเอง
เรียกว่า ถ้าเดินขึ้นบันไดไหว ก็เตะปี๊บดัง ว่างั้น
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย McGill ได้ทำการศึกษาว่าการให้นมแม่แก่เด็กทารก มีผลต่อการพัฒนาการของตัวเด็กอย่างไร ซึ่งผลกจากกลุ่มตัวอย่างเป็นจำนวนมาก ก็พบความสัมพันธ์ ระหว่างการพัฒนาการทางด้านสติปัญญา กับระยะเวลาที่ลูกมีโอกาสได้ดูดนมจากแม่
จากผลการศึกษาดังจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 14,000 คน เป็นเวลากว่า 6 ปี ทำให้ ดร. Michael Kramer ได้้ข้อสรุปที่มีหลักฐานสนับสนุนชัดเจน ว่า ยิ่งแม่ให้ลูกดูดนมเป็นเวลานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เด็กฉลาดขึ้นเท่าั้นั้น
จากการรวบรวมงานวิจัยใน สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส ฟินแลนด์ สวีเดน ญี่ปุ่น ที่มีการตีพิมพ์ในช่วงปีค.ศ. 2003-2007 ครอบคลุมกลุ่มประชากร 37,000 คน ซึ่งมีอายุระหว่าง 40-80 ปี พบว่า โรคอ้วน (obesity) เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อม (dementia) ขึ้น 42% เทียบกับกลุ่มประชากรที่มีน้ำหนักปกติ ในขณะที่การที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไป (underweight) ก็เพิ่มความเสี่ยงขึ้น 36%
ภาวะสมองเสื่อมในการศึกษานี้หมายความถึง โรคอัลไซเมอร์ และโรคสมองเสื่อมที่เกิดจากหลอดเลือดสมองเสียหาย (vascular dementia)
เมื่อสาวย้อนกลับไปจะพบว่า 12% ของผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม มีโรคอ้วนเป็นตัวการร่วม และถ้าเจาะจงเฉพาะโรคอัลไซเมอร์ ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 21%
นาย Lee Spievak ชายวัย 69 ผู้สูญเสียนิ้วไปจากอุบัติเหตุกลับมามีนิ้วงอกสมบูรณ์อีกครั้งจากการใช้ผงมหัศจรรย์ pixie dust
หลังจากที่ถูกใบพัดของเครื่องบินจำลองเฉือนนิ้วหายไป 1/2” โดยไม่สามารถหาชิ้นส่วนส่วนที่ถูกตัดเพื่อนำกลับมาต่อใหม่ได้ นาย Lee แทบจะสิ้นหวัง แต่โชคดีที่น้องชายของเขาซึ่งทำงานอยู่ในวงการ regenerative medicine ได้ส่งผงมหัศจรรย์ดังกล่าวมาให้เพื่อใช้โรยที่แผลเพื่อการรักษา สี่สัปดาห์หลังจากนั้นนิ้วของเขาก็กลับมามีสภาพสมบูณ์ดังเดิม
เราทุกคนคงรู้กันดีว่าอาหารการกินของแม่มีผลโดยตรงต่อสุขภาพของลูกที่เกิดมา แต่บทความในวารสาร Journal of Physiology ระบุว่าแม้แต่อาหารที่แม่กินก่อนการตั้งครรภ์ก็มีผลต่อสุขภาพของลูกด้วยเช่นกัน
ทีมงานวิจัยนี้นำโดยนาย Adam Watkins ได้ทดลองเลี้ยงแม่หนูด้วยอาหารที่มีโปรตีนต่ำในช่วงแรกของการตกใข่ หลังจากนั้นจึงเริ่มให้มีการผสมพันธุ์ แล้วจึงตรวจสอบสุขภาพของลูกหนู พบว่าลูกหนูนั้นมีความเครียดสูง, ระบบเลือดผิดปรกติ, และไตรูปร่างผิดปรกติและทำงานไม่สมบูรณ์
งานวิจัยนี้เป็นการทดลองในหนู และยังไม่มีการยืนยันว่าในมนุษย์จะเป็นเช่นเดียวกันหรือไม่ โดยยังต้องรอการทดลองเพิ่มเติมต่อไป
ที่มา - PhysOrg
Cochrane Collaboration ซึ่งเป็นที่ที่มีการรวบรวม วิเคราะห์หลักฐานเกี่ยวกับการทดลอง และเก็บสถิติทางการแพทย์ ได้ทำการรวบรวมการวิจัยผลของการกินอาหารเสริมที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant -- beta-carotene, วิตามิน A, วิตามิน C, วิตามิน E และ Selenium) เปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก (placebo) หรือการไม่ได้รับยาเลย ที่เคยตีพิมพ์ออกมาจำนวน 67 งานวิจัย และมีประชากรกลุ่มตัวอย่างรวมกัน 232,550 ราย โดยในจำนวนนี้ 21 งานวิจัยเป็นการเปรียบเทียบในกลุ่มประชากรที่แข็งแรง และ 46 งานวิจัยเปรียบในกลุ่มตัวอย่างที่มีโรคประจำตัว
CBS 13/4/51 รายการ 60 Minutes ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ Kanzius Machine ซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่คิดค้นขึ้นโดย John Kanzius นักประดิษฐ์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคลื่นวิทยุ ผู้ซึ่งเคยล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia) ร่วมกับทีมวิจัยของศาสตราจารย์ Steve Curley แห่ง M.D. Anderson เพื่อใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง โดยไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายของผู้ป่วย โดยอาศัยแนวคิด และวิทยาการทางด้าน nanotechnology ร่วมกับการใช้คลื่นวิทยุ
MSNBC: มีรายงานผู้ป่วยที่รับบริจาคอวัยวะได้รับมะเร็งจาก เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าเป็นไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial Meningitis) ที่มาโรงพยาบาล Stony Brook University Hospital ด้วยอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหลัง และคออย่างรุนแรง ตาพร่า และชัก แต่ไม่สามารถตรวจพบเชื้อที่เป็นสาเหตุได้ ซึ่งเสียชีวิตลงในเวลาต่อมาหลังจากที่ได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
วันนี้ได้ยินข่าวในโทรทัศน์ว่า กำลังจะมีการนำเอากล้องอัตโนมัติสำหรับตรวจจับการขับรถฝ่าไฟแดง (Red Light Camera) แบบที่ใช้ในต่างประเทศมาใช้ในสี่แยกหลาย ๆ จุดทั่วกรุงเทพฯ แล้วก็ทำการส่งภาพถ่ายทะเบียนรถที่ฝ่าไฟแดงไปยังเจ้าของรถเพื่อเก็บค่าปรับครับ
ดู ๆ ไปก็น่าจะมีประโยชน์ดี ทำให้คนฝ่าไฟแดงน้อยลง มิใช่หรือ???
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีงานวิจัยของ Florida Public Health Review ที่เพิ่งออกมาใหม่ เป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลการใช้ Red Light Camera ในรัฐฟลอริด้า รวมทั้งในที่อื่น ๆ ด้วย
ผลสรุปออกมาค่อนข้างน่าตกใจว่า การใช้ Red Light Camera นั้นมีผลทำให้ เกิดอุบัติเหตุมากขึ้น โดย
ในท้องตลาดเรามักจะเห็นยาแก้ปวดหลากหลายชนิด มีราคาต่างกันออกไปตามความเก่าใหม่ของยา ส่วนใหญ่ยาที่ออกมาใหม่ ๆ มักมีราคาแพงกว่ายาที่ใช้มาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งบริษัทยาก็โฆษณาว่า ยาตัวใหม่สามารถแก้ปวดได้ดีกว่ายาตัวเก่าเสมอ
นักวิจัยการนอนได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยลงในวารสารการนอน (Journal Sleep) แสดงความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักตัว กับระยะเวลานอนในแต่ละคืน โดยทำการวิจัยในกลุ่มประชากรที่มีอายุระหว่าง 21 ถึง 64 ปี จำนวน 276 คน โดยทำการชั่งน้ำหนักไว้ก่อนเริ่มทำการศึกษา แล้วทำการติดตามน้ำหนักตัวเมื่อเวลาผ่านไป 6 ปี
ผู้วิจัยพบว่า กลุ่มที่ใช้เวลานอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับ กลุ่มที่นอน 8 ชั่วโมงต่อวัน และกลุ่มที่ใช้เวลานอนเกิน 9 ชั่วโมงต่อวันก็มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากขึ้นเฉลี่ย 1.58 กิโลกรัม
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2551 ทีมศัลยแพทย์จาก University of California San Diego Medical Center ประสบความสำเร็จในการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบผ่านทางช่องคลอดของผู้ป่วย เป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกา (ข่าวไม่ได้ระบุว่าเคยมีที่ประเทศอื่นมาก่อนรึเปล่าครับ)
โดยเทคนิคในการผ่าตัดนี้มีชื่อว่า "NOTES" (Natural Orifice Translumenal Endoscopic Surgery; การผ่าตัดโดยใช้กล้องส่องภายใน ผ่านทางช่องเปิดตามธรรมชาติ) ซึ่งกระบวนการก็ตรงตัวตามชื่อครับ คือเป็นการผ่าตัดโดยการสอดกล้องเข้าไปทางช่องเปิดตามธรรมชาติของมนุษย์ เช่น ช่องปาก ช่องคลอด หรือทวารหนัก แล้วเจาะรูผ่านทางช่องเปิดนั้นๆเพื่อเข้าสู่ช่องท้อง แล้วทำการผ่าตัดที่อวัยวะเป้าหมาย (เช่นไส้ติ่ง หรือถุงน้ำดี)
แฮกเกอร์ได้เจาะเข้าเว็บมูลนิธิผู้ป่วยโรคลมบ้าหมู Epilepsy Foundation และฝังภาพเคลื่อนไหวแบบ GIF ที่กระพริบและเคลื่อนไหวเร็ว จนส่งผลให้ผู้ป่วยที่เป็นสมาชิกของเว็บไซต์ และเข้าไปตอบเว็บบอร์ดจำนวนหนึ่งเกิดอาการปวดหัวและลมชัก
เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม โดยแฮกเกอร์ฝังภาพเคลื่อนไหวลงในเว็บบอร์ด จากนั้นในวันอาทิตย์ก็ทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อฝังโค้ดจาวาสคริปต์ให้ redirect ไปยังหน้าที่ออกแบบมาอย่างจงใจให้เกิดอาการลมชัก ปัจจุบันในโลกมีผู้ป่วยโรคลมบ้าหมูประมาณ 50 ล้านคน และ 3% ในนั้นอ่อนไหวต่อแสงกระพริบและสี