Twitter เป็นโซเชียลรายล่าสุดที่เพิ่มระบบสติ๊กเกอร์เข้ามา รูปแบบการใช้งานคือใช้ตกแต่งภาพถ่ายก่อนโพสต์ เพื่อเล่าเรื่องราวให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น

สติ๊กเกอร์ของ Twitter ยังสามารถคลิกได้ (เป็นเลเยอร์ทับบนภาพไปอีกชั้น ไม่ได้เป็นภาพ bitmap) เมื่อคลิกแล้วจะมีลักษณะเป็นเหมือน hashtag คือค้นหาภาพถ่ายของคนอื่นๆ ที่แปะสติ๊กเกอร์อันเดียวกันได้ด้วย

ฟีเจอร์สติ๊กเกอร์จะเริ่มเปิดให้ใช้งานบนแอพมือถือทั้งบน Android และ iOS ในช่วงอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนคนที่ใช้ Twitter.com บนเว็บ แม้ยังไม่สามารถแปะสติ๊กเกอร์ได้ แต่ก็สามารถค้นหาภาพที่ใช้สติ๊กเกอร์นั้นๆ ได้

ที่มา - Twitter Blog

ไมโครซอฟท์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย วิจัยอัตราการคลิกลิงก์ในข้อความทวิตเตอร์ ผลพบว่ามีลิงก์ถูกคลิกเพียง 41% เท่านั้น

วิธีการวิจัยคือเก็บข้อมูลการคลิกลิงก์บนทวิตเตอร์เป็นเวลา 1 เดือน ได้ลิงก์มา 2.8 ล้านรายการ และข้อมูลการคลิก 9.6 ล้านคลิก สิ่งที่ผู้วิจัยพบคืออัตราการคลิกลิงก์จะไปกระจุกตัวอยู่ที่ลิงก์ยอดนิยมบางอัน โดยมีลิงก์เพียง 9% ที่ยึดครองการคลิก 90% ของคลิกทั้งหมดที่ศึกษา

นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังพบว่าระยะเวลาการคลิกลิงก์มีลักษณะเป็นกราฟ long tail คือมีคนคลิกเยอะในช่วงแรกที่โพสต์ แล้วอัตราการคลิกลิงก์จะค่อยๆ ลดลงหลัง 24 ชั่วโมงแรก

งานวิจัยฉบับเต็ม Social Clicks: What and Who Gets Read on Twitter?

ล่าสุดทาง Blizzard ประกาศว่าจะร่วมมือกับ Facebook เพื่อนำระบบต่าง ๆ มาใช้ร่วมกับเกมของค่าย Blizzard เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้เล่น รายชื่อเกมที่รองรับคือ Overwatch, Hearthstone, World of Warcraft, Heroes of the Storm, Diablo 3 และ StarCraft 2

ฟังก์ชันที่ทาง Blizzard ให้ความสนใจเป็นหลักคือระบบล็อกอินและระบบสตรีมมิ่ง ฝั่งของระบบล็อกอินจะเชื่อมเกมของ Blizzard กับบัญชี Facebook Login ซึ่ง Blizzard ยังมีแผนที่จะนำฟังก์ชันด้านโซเชียลอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามาในเกมด้วย

ส่วนของการสตรีม Blizzard จะเพิ่มระบบ Go Live เข้าไปในเกม กดปุ่มเดียวก็จะขึ้นสตรีมบน timeline ของ Facebook Live ทันที ทำให้เพื่อน ๆ ของผู้เล่นสามารถมารับชมการเล่นเกมและแสดงความคิดเห็นได้แบบสดๆ

เมื่อเดือนมีนาคม Instagram ประกาศว่าจะเปลี่ยนมาใช้ timeline แบบใหม่ที่เรียงตามอัลกอริทึม ไม่เรียงตามลำดับเวลา ซึ่งในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ผู้ใช้หลายคนน่าจะเริ่มเห็นกันบ้างแล้ว

วันนี้ Instagram ประกาศบังคับใช้ timeline แบบใหม่กับผู้ใช้ทุกคนแล้ว โดยจะทยอยเปิดใช้งานทีละกลุ่มไปตลอดเดือนมิถุนายนนี้ บริษัทยังให้เหตุผลเหมือนเดิมว่า ปกติแล้วผู้ใช้จะพลาดโอกาส มองไม่เห็นเนื้อหา 70% ของ feed ทั้งหมด แต่การเปลี่ยนมาใช้ระบบอัลกอริทึมช่วยเลือกเนื้อหามาแสดง จะช่วยให้เราไม่พลาดโพสต์สำคัญๆ ของเพื่อนๆ ได้

บริษัทไอทีอย่าง Facebook, Twitter, Microsoft และ YouTube เห็นพ้องกับคณะกรรมการสหภาพยุโรป ในการใช้ระเบียบปฏิบัติ ลบข้อความที่แสดงความเกลียดชัง (Hate Speech) ในโซเชียลมีเดีย

ปัญหานี้เกิดจากกลุ่มก่อการร้าย ISIS ใช้โซเชียลมีเดีย เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อและรับสมัครนักรบเข้าร่วมกลุ่ม ISIS

แม้โซเชียลมีเดียเป็นพื้นที่เปิดกว้างทางความคิดเห็น แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา Twitter ระงับบัญชีที่เกี่ยวข้องกับ ISIS ไปแล้วกว่า 125,000 บัญชี Facebook เองก็ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลเยอรมันตั้งแต่ปี 2015 ดูแลเรื่อง Hate Speech หลังจากนั้น Google และ Twitter ก็เข้าร่วมด้วย

วันนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ไอทีทั้งสี่ ตกลงทำสัญญาอย่างเป็นทางการกับ EU เพื่อให้นโยบายนี้ไม่เพียงบังคับใช้ในบางประเทศ แต่เป็นทุกประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ระเบียบนี้ยังรวมถึงถ้อยคำเหยียดผิว เหยียดชาติพันธุ์ด้วย

CNN Money รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ทางการเกาหลีเหนือเปิดตัวเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์ (social network) ตัวใหม่ ซึ่งทำเลียนแบบ Facebook ทุกประการ และสามารถเข้าใช้งานได้จากต่างประเทศ

เว็บดังกล่าวถูกค้นพบโดย Doug Madory ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์อินเทอร์เน็ตของ Dyn บริษัทผู้ให้บริการ Dynamic DNS ชื่อดัง โดยระบุว่าเป็นเรื่องน่าแปลกที่เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้จากต่างประเทศ ตัวเว็บไซต์ใช้ระบบของ phpDolphin (ไม่แจกฟรี) ในการทำงาน และมีหน้าตาเหมือน Facebook ทุกประการ โดยมีคนเริ่มไปตั้งบัญชีผู้ใช้บ้างแล้ว บางบัญชีถึงกับล้อ (parody) ว่าเป็น Kim Jong Un ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือด้วย

หลายๆ ครั้งที่เราอาจจะตื่นเต้นกับการได้เห็นคุณแม่มือใหม่หลายคน ได้โพสต์รูปและเรื่องราวของลูกตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแม่มือใหม่ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาวิจัยของ Ohio State University (OSU) ของสหรัฐอเมริกา กลับพบว่าคุณแม่มือใหม่ที่ชอบโพสต์เรื่องเกี่ยวกับลูกตัวเองลงสื่อสังคมออนไลน์ (social network) บ่อยๆ มักจะเป็นคนที่หากไม่แสวงหาความสมบูรณ์แบบ (perfectionist) ด้วยวิธีการยืนยัน (validation) ก็มักจะเป็นคนที่มีความเศร้า (depressed) อยู่ในใจ

ศูนย์วิเคราะห์สื่อออนไลน์ (Centre for the Analysis of Social Media: CASM) ของ Demos สถาบันวิจัยเพื่อการกุศลด้านการศึกษาและการใช้อำนาจของอังกฤษ ออกมาเปิดเผยผลการศึกษาวิจัยชิ้นใหม่ที่ทำต่อจากงานวิจัยในปี 2014 โดยระบุว่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวอังกฤษ มีการใช้คำหยาบคายเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมในช่วงที่ทำการศึกษายาวนาน 3 อาทิตย์ (ไม่ระบุว่าช่วงเวลาไหน) และในระดับนานาชาติ มีทวิตที่ใช้คำหยาบคายสูงถึง 2 แสนทวิต ส่งถึงกว่า 8 หมื่นคน

Facebook เริ่มเปิดใช้งานระบบการติดตามผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้ Facebook ผ่านปุ่ม Like หรือปลั๊กอินอื่นๆ ที่ติดบนเว็บไซต์แล้ว ซึ่งจะทำให้ Facebook ใช้งานคุกกี้ติดตามทั้งผู้ใช้ Facebook และผู้ที่ไม่ได้ใช้งาน Facebook ได้ โดยเป้าหมายของการติดตามผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้ Facebook ก็คือเพื่อแสดงโฆษณาให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้

Andrew Bosworth ผู้บริหาร Facebook ด้านแพลตฟอร์มโฆษณาและธุรกิจให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว The Wall Street Journal ว่า ผู้เขียนบทความและนักพัฒนาแอพต่างๆ มักจะมีผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นผู้ใช้ Facebook อยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่ง Facebook คิดว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาได้

สำนักข่าว AFP รายงานผ่านสำนักข่าว France 24 ของฝรั่งเศสว่า LinkedIn ได้ออกประกาศแจ้งเตือนไปยังสมาชิกว่า ข้อมูลที่ได้มาจากการเจาะระบบเมื่อปี 2012 ตอนนี้ถูกปล่อยสู่สาธารณะแล้ว และแนะนำให้เปลี่ยนรหัสผ่านเป็นการด่วน

ข้อมูลระบุว่า บัญชีผู้ใช้กว่า 100 ล้านบัญชีได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยข้อมูลในครั้งนี้ (มากกว่าที่ระบุไว้ตอนแรกที่ 6.5 ล้านบัญชี) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากแฮกเมื่อปี 2012 ดังกล่าว โดนในตอนนี้ LinkedIn ทำการยกเลิกรหัสผ่านเดิมของผู้ใช้ทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบ และจะติดต่อเพื่อขอให้เปลี่ยนรหัสผ่าน ขณะที่ระบุว่ายังไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ว่ามีการแฮกรอบใหม่เกิดขึ้น

ในระบบ Xbox Live ของไมโครซอฟท์ เกมเมอร์สามารถตั้งชื่อ username (หรือที่เรียกว่า 'gamertag') ได้ตามชอบใจ ปัญหาคือ Xbox Live เปิดมานานเป็นสิบปี ชื่อดีๆ ถูกจับจองไปเกือบหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์พบว่าชื่อ gamertag จำนวนมากถูกตั้งแล้วไม่ได้ใช้งาน (ส่วนใหญ่เป็นชื่อสมัย Xbox รุ่นแรกสุด) ส่งผลให้ชื่อเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ บริษัทจึงเตรียมรีไซเคิลชื่อ gamertag เกือบ 1 ล้านชื่อให้ผู้เล่นมาใช้งานกัน

ผู้ที่มีสิทธิจองชื่อรีไซเคิลเหล่านี้ ต้องเป็นสมาชิก Xbox Live Gold มาอย่างน้อย 1 ปี โดยไมโครซอฟท์จะเปิดให้ขอชื่อในวันพุธที่ 18 พฤษภาคมนี้ (ตามเวลาสหรัฐ) และเปิดให้นาน 24 ชั่วโมงเท่านั้น

กูเกิลเปิดตัวแอป Spaces แอปแชตที่ร่วมเอา Google Search, YouTube, และ Chrome ไว้ในตัว โดยในกลุ่มแชตสามารถแชร์เนื้อหาและคอมเมนต์ต่อจากเนื้อหากันในกลุ่มไปได้เรื่อยๆ

กูเกิลระบุว่าผู้ใช้สามารถเริ่มใช้ Spaces เองก่อนและดึงคนอื่นๆ เข้ามาร่วมกับ Space ที่สร้างขึ้นใหม่ได้ผ่านทางลิงก์ โดยการเปิดตัวครั้งนี้เริ่มต้นก่อนงาน Google I/O เพราะในงานจะมีการสร้าง Space สำหรับแต่ละห้องสัมมนาให้ผู้เข้าร่วมเข้าไปพูดคุยกันเป็นกลุ่มๆ ได้ทันที

แอพอ่านข่าว Pocket ยังเดินหน้าเพิ่มฟีเจอร์ด้านโซเชียลต่อไป เมื่อปีที่แล้ว Pocket เพิ่มฟีเจอร์แนะนำบทความ Recommended และการแชร์บทความแนะนำบนโพรไฟล์ วันนี้ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ Like และ Repost

รูปแบบการใช้งาน Like และ Repost ของ Pocket จะคล้ายกับ Tumblr หรือ Twitter เมื่อรวมกับการที่ Pocket สามารถติดตาม (follow) บทความที่เพื่อนหรือคนดังแชร์มาได้ อีกทั้งยังแจ้งเตือนในแท็บ Notifications ก็ทำให้ Pocket เริ่มมีสถานะคล้ายกับโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้น

การใช้งานตอนนี้ยังใช้ได้เฉพาะในแอพ Pocket บน iOS และ Android เท่านั้น

หลังจาก Youtuber ชื่อดังอย่าง Casey Neistat ก่อตั้งและเปิดตัวแอพเครือข่ายสังคมแชร์วิดีโอออนไลน์ชื่อ Beme บน iOS ไปเมื่อปีที่แล้ว ข่าวคราวของแอพก็เงียบหายไป คราวนี้เขากลับมาแล้วโดยออกแอพเวอร์ชันใหม่ พร้อมกับเวอร์ชัน Android ด้วย

Beme เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วโดย Youtuber ชื่อดัง Casey Neistat ตัวแอพมีความพิเศษที่จะไม่สามารถดูวิดีโอขณะถ่ายหรือหลังถ่ายได้ และแชร์วิดีโอหลังจากถ่ายเสร็จทันที ทำให้ได้แชร์ประสบการณ์โดยรอบแบบสมจริง และผู้ถ่ายได้รับประสบการณ์โดยรอบ ณ ขณะนั้นด้วย ไม่ติดกับหน้าจอขณะถ่ายวิดีโอ

Adobe ซื้อกิจการ Livefyre เจ้าของซอฟต์แวร์ค้นหาคนที่พูดถึงแบรนด์ในโซเชียล เพื่อนำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ไปขยายผลต่อ

เดิมที Livefyre ทำระบบคอมเมนต์สำหรับบล็อก (ลักษณะเดียวกับ Disqus) แต่ภายหลังก็ปรับตัวมาทำระบบ social engagement แทน นอกจากนี้บริษัทยังเป็นเจ้าของบริการ Storify ที่เก็บข้อความในโซเชียลมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวด้วย (หลายคนอาจเคยใช้เก็บข้อความ Twitter ที่ทวีตต่อๆ กัน)

ฝั่งของ Adobe มีบริการ Marketing Cloud สำหรับงานด้านการตลาดออนไลน์อยู่แล้ว และจะนำเทคโนโลยีของ Livefyre ไปใช้กับ Adobe Experience Manager ของตัวเองต่อไป

หลายๆ คนอาจจะรู้จักกระแสของการกินคลีน ซึ่งก็คือการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพและผ่านกระบวนการ (process) ให้น้อยที่สุด ซึ่งถ้าหากปฏิบัติจนมากเกินไป อาจทำให้มีอาการทางจิตที่เรียกว่า orthorexia ซึ่งก็คือการควบคุมการกินอาหารมากเกินไปจนมีผลต่อสุขภาพ (malnutrition) ซึ่งกำลังเป็นปัญหาในสังคมตะวันตก โดยนักวิชาการและจิตแพทย์บางส่วน ระบุว่าสื่อสังคมออนไลน์ (social media) มีผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้

Facebook ประกาศปรับอัลกอริทึมของ News Feed (อีกแล้ว) โดยนำปัจจัยเรื่อง "เวลา" ที่เราใช้อ่านโพสต์ (Time Spent Viewing) มาร่วมพิจารณาจัดอันดับด้วย

การนับเวลาจะนับหลังจากที่เราคลิกโพสต์แล้วโหลดจนเสร็จ แล้วอ่านบทความในเบราว์เซอร์ของ Facebook หรืออ่านผ่าน Instant Article แต่ก็จะวัดระยะเวลาอย่างเหมาะสม ไม่ให้น้ำหนักกับบทความขนาดยาวที่ต้องใช้เวลาอ่านนานเป็นพิเศษมากเกินไป

นอกจากนี้ Facebook ยังปรับอัลกอริทึม News Feed ไม่ให้แสดงโพสต์จากแหล่งเดียวกันซ้ำๆ มากจนเกินไป อัลกอริทึมใหม่จะเริ่มปรับใช้งานกับทุกเพจในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ที่มา - Facebook

เว็บไซต์ข่าว The Verge รายงานข่าวที่เป็นการคาดการณ์ว่าในอนาคต Facebook อาจจะเตรียมเปิดให้ผู้ใช้สามารถหาเงินได้จากโพสต์ของตัวเองบน Facebook หลังจากที่พบแบบสำรวจผู้ใช้งาน ซึ่งในตอนหนึ่งมีการถามว่าผู้ใช้คิดเห็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับการหาเงินจากโพสต์ต่างๆ ของ Facebook

ในตัวเลือกจากแบบสอบถาม (ดูได้จากที่มา) มีทั้งระบุว่าเป็นเงินค่าทิป (ในกรณีนักแสดง), เนื้อหาที่สนับสนุนจากแบรนด์สินค้าหรือผู้สนับสนุน, การบริจาค, ปุ่มเพื่อให้ทำกิจกรรมแบบอื่น หรือเลือกที่จะแบ่งปันค่าโฆษณาจากโพสต์บน Facebook ซึ่งในปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้เปิดให้เจ้าของโปรไฟล์ต่างๆ สามารถหาเงินได้จากโพสต์บน Facebook

ช่วงที่ผ่านมา แอพเดททั้งเฉพาะทางและไม่เฉพาะทางหลายตัว (เช่น Tinder) ได้รับความนิยมอยู่บ้าง ล่าสุดเว็บไซต์ Tech In Asia รายงานว่ามีกลุ่มนักลงทุนจากสิงคโปร์กลุ่มหนึ่ง เปิดตัวแอพ Ivory ซึ่งเป็นแอพเดทที่ตอบโจทย์บรรดาเหล่าอีลิทหรือชนชั้นนำในสังคม เข้ามาให้บริการที่สิงคโปร์แล้ว

คนที่ติดตามข่าวสารด้าน VR อาจสงสัยว่า Facebook ซื้อ Oculus ไปทำไม ที่ผ่านมา Facebook มักพูดว่า VR คืออนาคตของการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์กับผู้คน (ซึ่งก็ยังไม่ค่อยเห็นภาพมากนัก)

ในงาน F8 2016 บริษัทโชว์ต้นแบบ Social VR เดโมการใช้งานแว่น VR เพื่อพูดคุยกันเสมือนว่าอยู่ด้วยกันในสภาพแวดล้อมจำลอง คู่สนทนาจะเห็นใบหน้า (อวตาร) และมือของกันและกัน พร้อมทั้งเล่นเกม ตีปิงปอง ถ่ายภาพเซลฟี่ร่วมกันในบรรยากาศจำลอง ซึ่งจะเป็นที่ไหนก็ได้ในโลกนี้

ดูวิดีโอเดโมน่าจะเห็นภาพง่ายที่สุดครับ

ที่มา - Facebook Newsroom

ในงาน Facebook F8 เมื่อคืนนี้ มีข่าวน่าสนใจหลายอย่าง สิ่งที่จับต้องได้ใกล้ตัวมากๆ คือ Facebook ขยายปุ่ม Save Links ออกมานอกระบบของตัวเอง ให้เว็บไซต์อื่นๆ สามารถฝังปุ่ม Save to Facebook เพื่อบันทึกบทความเข้าไปอ่านในระบบของ Facebook ได้แล้ว

รูปแบบการใช้งานปุ่ม Save to Facebook เหมือนกับปุ่ม Like/Share ที่เราคุ้นเคยกันดี เพียงแต่กดแล้ว URL นั้นจะถูกบันทึกเข้ารายการ Saved Links ในบัญชี Facebook ของผู้ใช้แทน (พูดง่ายๆ คือออกมาแข่งกับ Pocket) รูปแบบการใช้งานดูได้จากวิดีโอท้ายข่าวครับ

นักพัฒนาท่านใดสนใจก็เข้าไปดูได้ที่ Save to Facebook

เราเพิ่งเห็นข่าว ผู้คนแชร์เรื่องราวผ่าน Facebook น้อยลง แต่ดูเหมือนว่า Facebook เองก็รับทราบปัญหานี้ และพยายามหาวิธีชักชวนให้คนแชร์กันมากขึ้น

ในการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook Live เมื่อไม่กี่วันมานี้ Mark Zuckerberg ลงทุนมาถ่ายวิดีโอ live ด้วยตัวเอง และในคลิป เขาก็โชว์แอพ Facebook เวอร์ชันใหม่ที่หน้าตาต่างไปจากปัจจุบัน ตอนที่เราแตะช่อง What's on your mind? ด้านบนสุดของแอพเพื่อโพสต์เนื้อหา จะเห็นเมนูสำหรับแชร์เนื้อหาประเภทใหม่ๆ เช่น Slideshow, Live Video, GIF, Music เพิ่มเข้ามาด้วย

ช่องทางทำเงินของเพจต่างๆ บนเฟซบุ๊กคงเป็นการที่แบรนด์ต่างๆ มาจ้างให้เขียนบทความ, ภาพ, หรือวิดีโอลงบนเพจตัวเอง โดยก่อนหน้านี้การทำเช่นนี้จริงๆ แล้วผิดข้อตกลงการใช้งานเฟซบุ๊กแทบทั้งหมดเพราะเฟซบุ๊กระบุว่าต้องขออนุญาตเป็นกรณีไปเท่านั้น

แต่ตอนนี้เฟซบุ๊กเปิดช่องทางการลงเนื้อหาเพื่อโฆษณาอย่างเป็นทางการ เรียกว่า Branded Content โดยจะมีปุ่มใส่แบรนด์เป็นรูปจับมือกันบน Page composer บนเดสก์ทอปและ iOS (แอนดรอยด์รอต่อไปอีกไม่กี่เดือน) และเมื่อเปิดฟีเจอร์นี้ก็สามารถแท็กแบรนด์กลับไปตรงๆ ได้

เว็บไซต์ข่าวไอที The Verge รายงานข่าวโดยอ้างรายงานของ The Information อีกทีหนึ่งว่า ปัจจุบัน ผู้ใช้ Facebook แชร์เรื่องราวและอัพเดตโปรไฟล์ตัวเองน้อยลงกว่าเดิมในรอบหนึ่งปี (ตั้งแต่กลางปี 2014 จนถึงกลางปี 2015)

The Verge ระบุว่าในรายงานของ The Information ชี้ให้เห็นว่า ผู้ใช้กำลังมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะยอดการแชร์เนื้อหาบน Facebook นั้นต่ำลงกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวในชีวิตประจำวันของตัวเอง (เช่น status update) ซึ่งลดลงไปร้อยละ 21 ในกรอบปีที่ระบุไว้ และในรอบปีนี้ (น่าจะหมายถึงกลางปีที่แล้วจนถึงตอนนี้) ยอดการแชร์ข้อมูลลักษณะนี้ตกลงไปร้อยละ 15 ซึ่งทำให้เวลาแสดงผลข้อมูลใน News feed ของผู้ใช้ จึงไม่มีข้อมูลจากผู้ใช้ปรากฏมากเท่ากับข้อมูลจากศิลปินหรือทีมกีฬาที่ชื่นชอบ

หลายคนอาจจะทราบว่าปัญหาหนึ่งที่พบกันทั่วโลกคือเรื่องของการแสดงความเห็นทางการเมืองบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งในหลายประเทศทำได้อย่างเสรี แต่ในหลายๆ ประเทศ (รวมถึงบางประเทศแถบนี้) ก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เพราะมีการควบคุมและตรวจตรา (surveillance) จากรัฐ คำถามคือ การควบคุมเหล่านี้มีผลเช่นไรในทางปฏิบัติ? งานวิจัยชิ้นล่าสุดจากมหาวิทยาลัยเวย์นสเตต สหรัฐอเมริกา เผยว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเลือกที่จะไม่แสดงความเห็นออกมา หากรัฐบาลมีกลไกในการควบคุมหรือตรวจตราอินเทอร์เน็ต