ก่อนหน้านี้ ผู้ใช้ Flickr ที่อยากแสดงรูปของตัวเองบน Facebook ด้วย จำเป็นต้องใช้แอพพลิเคชันเสริมจากนักพัฒนาภายนอก แต่หลังจาก Flickr ปล่อยให้เราคอยเป็นเวลานาน (มาก) ตอนนี้เราสามารถทำได้จากตัว Flickr เองแล้ว
การใช้งานไม่มีอะไรยุ่งยาก แค่เข้าไปตั้งค่าใน หน้า Account ของ Flickr หลังจากนั้น Flickr จะอัพรูปของเราลงใน Facebook timeline ให้อัตโนมัติ (ภาพตัวอย่างด้านใน)
Flickr บอกว่าเอนจินที่ใช้งานคือ Yahoo! Updates ครับ ภาพที่นำไปลง Facebook จะเป็นภาพที่เราตั้ง public ไว้เท่านั้น
สำนักงานตำรวจของออสเตรเลีย ได้เรียกร้องให้ Facebook จ้างพนักงานประสานงาน (compliance officer) ไปประจำอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เพื่อร่วมมือกับตำรวจในการแก้ปัญหาทางกฎหมายที่เกิดขึ้นบน Facebook
นอกจากนี้ ตำรวจออสเตรเลียยังต้องการให้ Facebook เพิ่มปุ่ม "รายงานตำรวจ" ลงใน Facebook เวอร์ชันออสเตรเลียด้วย
Facebook ยังไม่ตอบรับในเรื่องนี้ แต่นี่แสดงให้เห็นว่าองค์กรที่ทำงานด้านกฎหมายและอาชญากรรม เริ่มหันมาเห็นความสำคัญของ Facebook แล้ว
ที่มา - ReadWriteWeb
อันนี้เป็นเครื่องมือใหม่ของ Facebook ที่เพิ่งเริ่มทดสอบ และยังไม่เปิดให้คนทั่วไปใช้ ชื่อของมันคือ Facebook Questions
แนวคิดของมันเหมือนกับ Google Answers, Yahoo! Answers หรือบริการที่ใกล้เคียงกันอย่าง Quora ซึ่งก็คือการตั้งคำถาม-ตอบคำถามในหมู่ผู้ใช้ Facebook ด้วยกัน แต่ด้วยจำนวนผู้ใช้เกือบ 500 ล้านคน มันจะกลายเป็นเครื่องมือระดมสมองขนาดใหญ่อย่างแน่นอน
ถ้าให้ผมเดา มันจะไปเชื่อมกับ Community Page ของ Facebook ด้วย (ถาม-ตอบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือหัวข้อนั้นๆ) ซึ่งมันจะทำให้ Facebook กลายเป็น Wikipedia ขนาดย่อมๆ ไปเลย
แม้ว่าเว็บดีไซเนอร์จำนวนมาก รวมถึงไมโครซอฟท์เองจะพยายามกำจัด IE6 ให้จบสิ้นไป แต่องค์กรหลายแห่งยังเลือกใช้ IE6 กันอยู่ แถมบางองค์กรยังมีเหตุผลในการใช้งานที่แม้แต่คนสร้าง IE ก็คงจะไม่เคยคิดถึง
Stuart Strathdee ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยของไมโครซอฟท์ออสเตรเลีย บอกว่าองค์กรหลายแห่งไม่ต้องการให้พนักงานเล่นเกมใน social network เพราะเสียเวลางาน และการบังคับใช้ IE6 ซึ่งเก่าเกินกว่าเกม social network จะรองรับไหว ช่วยให้เรนเดอร์เกมผิดเพี้ยนได้ ถือเป็นอีกมาตรการหนึ่งนอกเหนือจากการบล็อคเว็บตามปกติ
บริตนีย์ สเปียรส์ (@britneyspears) ราชินีป็อปแดนซ์คนดัง กลายเป็นผู้ใช้ twitter ที่มียอด follower มากที่สุดในโลกคนใหม่ แซงหน้าแชมป์เก่าอันดับหนึ่งยาวนานอย่างแอชตัน คุชเชอร์ (@aplusk) (ข่าวเก่า : Ashton Kutcher แข่ง CNN มีคน Follow มากที่สุดบน Twitter) ซึ่งทั้งคู่มียอด follower มากถึงสี่ล้านเก้าแสนราย และคาดว่าจะเลยห้าล้านรายในเวลาไม่นาน
นี่ไม่ใช่การศึกษาอย่างเป็นทางการ แต่หนังสือ The Facebook Effect ซึ่งแฉเรื่องภายในบริษัท Facebook ได้เล่าว่า Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้งบริษัท ได้นำข้อมูลของผู้ใช้มาทำการทดลองเล่นๆ โดยสามารถพยากรณ์ได้ล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ว่า ผู้ใช้คนไหนจะกลายมาเป็นแฟนกัน มีอัตราความแม่นยำ 33%
ข้อมูลที่ Zuckberberg ใช้ก็อย่างเช่น มีเพื่อนร่วมกันมากแค่ไหน, ได้เข้าดู profile ของอีกคนหรือไม่, เพิ่งประกาศเป็นโสดหรือเปล่า ฯลฯ
ในแง่ธุรกิจ Facebook สามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้กับการโฆษณา เช่น ขายดอกไม้หรือของขวัญ ได้ แต่ในอีกมุม ในแง่ความเป็นส่วนตัว ก็น่ากลัวในสายตาของผู้ใช้มากเช่นกัน
ข่าวเงียบๆ อีกอันหนึ่งแต่สำคัญไม่ใช่เล่น ที่งาน Google I/O ทาง Facebook ได้ไปออกบูตด้วยเช่นกัน และสิ่งที่เอามาโชว์คือ Facebook SDK for Android
ความสามารถพื้นฐานของมันคือเป็น SDK ให้โปรแกรมอื่นๆ บน Android เรียกใช้ฟีเจอร์ของ Facebook (เช่นเดียวกับ Facebook SDK for iPhone ที่ออกมานานแล้ว) เพียงแต่จุดน่าสนใจคือ SDK ภาค Android รวมฟีเจอร์ Open Graph Protocol ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ใหม่ของ Facebook มาให้ในตัว (อ่านข่าวเก่า แปลงเว็บเพจเป็น Facebook Pages ด้วย Open Graph Protocol) นอกจากนี้ยังมีของใหม่อื่นๆ เช่น OAuth 2.0 และ Graph API
ระยะหลัง ประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวบน Facebook ถูกพูดถึงในสื่อต่างประเทศมาก เพราะ Facebook พยายามกำหนดค่า default ให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวสู่สาธารณะมากขึ้นเรื่อยๆ (ดูแผนภาพเปรียบเทียบความเป็นส่วนตัวของ Facebook ระหว่างปี 2005 กับ 2010)
ล่าสุดประเด็นนี้ยิ่งร้อนแรง เพราะสำนักข่าว Business Insider ได้เผยแพร่ "ข้อความที่อ้างว่าเป็น IM" ของ Zuckerberg เมื่อ 7 ปีก่อน (สมัยที่เขายังอายุ 19 และเพิ่งสร้าง Facebook ใหม่ๆ) โดยการสนทนาครั้งนั้น Zuckerberg อวดเพื่อนของเขาว่า เขามีอีเมล ภาพ ที่อยู่ ของนักศึกษา Harvard กว่า 4,000 คน ถ้าอยากได้เขายินดีส่งให้
Zynga ผู้พัฒนาเกมบน Facebook รายใหญ่ กำลังมีปัญหาระหองระแหงกับ Facebook ในหลายกรณี เช่น Facebook ปิดการแสดงข้อความของเกม Farmville ใน newsfeed, บังคับให้ Zynga มาใช้ระบบจ่ายเงิน Facebook Credits ซึ่งโดนหักหัวคิว 30%, หรือไปจนถึงระดับปิดบริการบางเกมของ Zynga
เหตุนี้ทำให้ผู้บริหารของ Zynga ประกาศเป็นการภายในว่า ให้เตรียมรับมือการบอกเลิกความสัมพันธ์กับ Facebook โดย Zynga จะสร้างเครือข่ายคนเล่นเกมของตัวเองในชื่อ Zynga Live ที่ไม่ต้องผ่าน Facebook ตัวอย่างล่าสุดคือการเปิด Farmville.com ของตัวเอง
เป็นไปได้สูงว่า Zynga Live จะยังใช้ Facebook Connect สำหรับล็อกอิน แต่ที่แน่ๆ ไม่โดนหักหัวคิว 30% แหล่งข่าวบอกว่าการแยกตัวจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
Ning เป็นเว็บที่ใช้สร้าง Social Network สำหรับผองเพื่อนและอื่นๆ แต่จากข่าวที่แล้วพบว่า Ning เลิกให้บริการรุ่นฟรี แต่จะไปเน้นรุ่นเสียตังค์แทน
สำหรับคนที่ต้องการใช้ Ning ต่อไปก็ต้องเลือกแพ็กเกต 1 ใน 3 นี้
Ning Mini - $2.95 ต่อเดือน สมาชิก 150 คน เนื้อที่ 1 GB Bandwidth 10GB มีฟังชั่นพื้นฐานครบ (Blog,Forum,Photo,Video) Ning Plus - $19.95 ต่อเดือน ไม่จำกัดสมาชิก เนื้อที่ 10 GB Bandwidth 100 GB ฟังชั่นเกือบครบ Ning Pro - $49.95 ต่อเดือน ไม่จำกัดสมาชิก เนื้อที่ 20 GB Bandwidth 200GB อัพเกรดเพิ่มได้ ฟังชั่นครบทุกอย่าง
ส่วนรุ่นฟรีทาง Ning จะเลิกในเดือนกรกฏาคม
Blognone เป็นเว็บเพจ ตั้งอยู่ที่ blognone.com และเรามี Facebook Page อยู่ที่ facebook.com/blognone (อย่าลืมเข้าไปกด Like เนื้อที่โฆษณา)
การที่ Blognone มี Facebook Page เป็นของตัวเองได้ เกิดจากผมเป็นคนเข้าไปใน Facebook แล้วกดสร้าง Page ด้วยตนเอง คือมันมีกระบวนการที่เป็น manual อยู่
ที่งานสัมมนา f8 ของ Facebook ได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง ที่สำคัญคือการนำพลังของเครือข่ายที่เดิมอยู่เฉพาะใน Facebook ไปสู่เว็บไซต์อื่นๆ
ฟีเจอร์นี้มีชื่อเรียกว่า Social Plugins ประกอบด้วย widget หลายตัวให้เลือกใช้ตามสะดวก
หลังจากไมโครซอฟท์ชู Bing เป็นยุทธศาสตร์หลักของแผนออนไลน์มาได้ระยะหนึ่ง (และทำได้ดีพอสมควร) ไมโครซอฟท์ก็เริ่มกลับมามองผลิตภัณฑ์เดิมอย่าง Windows Live อีกครั้ง
ไมโครซอฟท์จะปรับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Windows Live ใหม่ให้เป็น 3 ส่วนคือ Hotmail, Messenger และที่เหลือทั้งหมด (รวมเป็นชุด Essentials) ทางผู้บริหารของไมโครซอฟท์คือ Chris Jones ให้สัมภาษณ์ว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับข้อมูลสาธารณะจะอยู่ใต้แบรนด์ Bing ส่วน Windows Live จะเป็นแบรนด์สำหรับข้อมูลที่ใช้ส่วนตัว
ยุทธศาสตร์ใหม่ของไมโครซอฟท์จะกลับมาเน้นที่จุดแข็งคือ Hotmail และ Messenger ซึ่งมีผู้ใช้ 350 ล้านและ 320 ล้านคนตามลำดับ โดยจะพยายามต่อเชื่อมมันเข้ากับ social network อื่นๆ แทนการสร้าง social network ของตัวเอง
ใกล้ถึงงานสัมมนา f8 ของ Facebook ก็เตรียมพบกับฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Facebook อีกชุดใหญ่ได้เช่นเคยครับ ล่าสุดออกมาแล้วสองอย่าง
อย่างแรกคือ Community Pages คล้ายกับ Page แบบปกติ แต่ไม่สัมพันธ์กับแบรนด์หรือสินค้า ตัวอย่างเช่น หน้า Cooking เป็นต้น เป้าหมายของ Facebook คือสร้างฐานข้อมูลของวิชาความรู้แต่ละหัวข้อ คล้ายกับ Wikipedia (ใน Community Page แต่ละอันก็ดึงข้อความจาก Wikipedia มาด้วย) แต่จะเพิ่ม "คน" ที่สนใจและเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ มาด้วย ช่วงเริ่มต้นจะมี Community Pages ประมาณ 6.5 ล้านหน้า - TechCrunch
หลายคนอาจรู้จักและเคยใช้ Ning บริการสร้าง social network สำหรับคนอยากมีใช้เป็นของตัวเอง (อาจจะใช้สำหรับองค์กร หรือกลุ่มความสนใจ) ช่วงหลัง Ning แผ่วไปมาก อาจเป็นเพราะคนหนีไปใช้ group ใน Facebook กันหมด
ในด้านการบริหาร Ning เพิ่งเปลี่ยนตัวซีอีโอจากเดิม Gina Bianchini เป็น Jason Rosenthal ผู้บริหารอีกคนหนึ่ง ซึ่งทาง Rosenthal ได้ประกาศปรับทิศทางใหม่ของบริษัท ไปเน้นที่ social network รุ่นเสียเงิน ซึ่งถือเป็น 75% ของทราฟฟิกทั้งหมดของ Ning แทน และตัดรุ่นฟรีออกไป โดยคนที่เคยใช้รุ่นฟรีอยู่จะได้รับการเตือนให้อัพเกรดไปใช้รุ่นเสียเงิน หรือไม่งั้นก็ถ่ายโอนข้อมูลออกจาก Ning ไป
นอกจากนี้ Ning ยังลดพนักงานลง จากเดิม 167 คน เหลือเพียง 98 คน (ลดลงไป 40%)
นักวิจัยสองคนจาก HP Labs พัฒนาโมเดลทางคณิตศาสตร์สำหรับพยากรณ์ว่า ภาพยนตร์ที่กำลังจะเข้าฉายในสหรัฐเรื่องใดจะทำเงินมาก-น้อย โดยใช้ข้อความ tweet เป็นแหล่งข้อมูล ผลปรากฎว่าทายแม่นกว่าระบบที่ใช้กันในปัจจุบันเสียอีก
โมเดลการคำนวณแบ่งเป็น 2 ชุด คือ สำหรับหนังเข้าฉายใหม่สัปดาห์แรก (ซึ่งมีปัจจัยจาก buzz ของคนก่อนดูหนัง) และหนังฉายสัปดาห์ที่สอง (ปัจจัยคือความเห็นของคนที่ไปดูแล้วในสัปดาห์แรกว่าชอบ-ไม่ชอบ) สำหรับโมเดลชุดแรกจะประเมินจากจำนวน tweet ที่พูดถึงหนังเรื่องนั้นๆ ผสมกับจำนวนโรงฉายในวันเปิดตัว ซึ่งผลคือทายถูก 97.3% สูงกว่าระบบ Hollywood Stock Exchange ที่ใช้ในปัจจุบัน และแม่น 96.5%
โมเดลชุดที่สองจะแปลงความเห็นจาก Twitter เป็นคะแนนบวกและลบ แล้วนำไปคำนวณ ได้ความแม่น 94%
ผู้ที่ใช้ Facebook ทุกคนคงคุ้นเคยกับปุ่ม Like เป็นอย่างดี ในอีกไม่ช้า มันจะแพร่พันธุ์ออกมาสู่โลกภายนอก Facebook ตามรอยเท้าของรุ่นพี่อย่างปุ่ม Share
เว็บไซต์ TechCrunch รายงานข่าววงในว่า ในงานสัมมนา F8 สำหรับนักพัฒนาของ Facebook ซึ่งจะจัดในเดือนเมษายน Facebook จะขยาย API ของ Facebook Connect และ Facebook API เพื่อให้ผู้ชมกด Like จากหน้าเว็บได้โดยตรง แล้วมันจะไปโผล่บน Facebook ของเราให้เลย
ฟังดูเป็นฟีเจอร์เล็กๆ แต่คนน่าจะใช้กันเยอะมาก ถ้าฟีเจอร์นี้ออกมาแล้วการทำระบบไม่ยุ่งยากจนเกินไป เดี๋ยวได้เห็นบน Blognone ครับ
ที่มา - TechCrunch
รู้ไหม? วันนี้ (วันอาทิตย์ที่ 21มีนาคม) เป็นวันเกิดของ Social Network ชื่อดังอย่าง Twitter ซึ่งมาถึงวันนี้ Twitter ก็มีอายุครบรอบ 4 ปีแล้ว ซึ่งวันนี้เอง Jack Dorsey ผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter เป็นผู้ Tweet แรกพร้อมๆ ผู้ร่วมก่อตั้งคนอื่นๆ อย่าง Evan Williams และ Biz Stone
โฆษกของ eBay ออกมาเปิดเผยว่า Zynga บริษัทผู้พัฒนาเกมบน social network เจ้าของเกมดังอย่าง Mafia Wars, Farmville, Café World ได้กลายเป็นผู้ขาย (merchant) อันดับสองที่ใช้บริการจ่ายเงินผ่าน PayPal แล้ว
อันดับหนึ่งย่อมเป็น eBay เจ้าของ PayPal
ในปี 2009 มียอดเงินที่ถูกจ่ายผ่าน PayPal ทั้งหมด 60 พันล้านดอลลาร์ ส่วนมากมาจากการประมูลใน eBay ส่วนเงินที่มาจาก social gaming เช่น การขายไอเทมหรือเงินในเกม มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจาก Zynga นั่นเอง มียอดประเมินว่าปีนี้ การเงินใน social gaming จะเพิ่มเป็น 1.6 พันล้านดอลลาร์
ปี 2009 เป็นปีที่ Zynga เติบโตอย่างมาก ต้นปีมีผู้เล่นประมาณ 15 ล้านคน ปัจจุบันมีผู้เล่น 240 ล้านคน
จากตัวเลขเว็บที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมืองไทยนั้น Facebook ก็แซง Hi5 ได้เป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม โดยยอดสมาชิกของ Hi5 จากทั่วโลกปัจจุบันมีอยู่ 47 ล้านคน ลดลงจากปีที่แล้วถึง 22% ซึ่งนอกจากเรื่องของการใช้งานที่ Hi5 ดูจะด้อยกว่าแล้ว (หลายคนมีไว้เม้นอย่างเดียว) อีกส่วนที่ต้องยอมรับคือโปรแกรมเสริมที่มีมาให้ใช้นั้น มีจำนวนและความน่าสนใจด้อยกว่า Facebook มากโดยเฉพาะเกมส์
ล่าสุด Hi5 ได้ประกาศปรับนโยบายของตัวเองใหม่โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
ถ้าปีที่แล้วเป็นปีทองของ Twitter เค้าคาดการณ์กันว่าปี 2010 นี้จะเป็นปีทองของบริการที่เรียกว่า location-based service (LBS) เพราะเทร็นด์เริ่มพุ่งขึ้นในลักษณะเดียวกับ Facebook และ Twitter ที่โตมาก่อนหน้า
ตามนิยามแบบกว้างๆ แล้ว LBS จะเป็นอะไรก็ได้ ขอแค่มีเรื่องพิกัดและตำแหน่งมาเกี่ยวข้อง เช่น กูเกิลบอก ได้ว่า สินค้าที่ค้นหามีในร้านแถวบ้านหรือไม่? แต่ LBS ที่ได้รับความนิยมสูงในช่วงนี้คือกลุ่มที่เรียกว่า location-based social network หรือการเอา social network มาผสมกับ location-based นั่นเอง
หลายๆ คนอาจบ่นกับภาพหลุดคราวที่แล้วของหน้าจอรายชื่อผู้ติดต่อของ Windows Live Messenger Wave 4 (ดูข่าวเก่า) ที่ดูใหญ่เทอะทะและรกรุงรัง แต่น่าจะใจชื้นขึ้นเล็กน้อยกับข่าวนี้นะครับ
เมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีภาพหลุดหน้าจอ Windows Live Messenger (อีกแล้ว) พร้อมกับรายละเอียด ดังนี้
ไมโครซอฟท์ประกาศปลั๊กอินตัวใหม่สำหรับ Outlook ชื่อ "Outlook Social Connector" หน้าที่ของมันคือแสดงการอัพเดตสถานะของ social network ลงใน Outlook
ฟังดูธรรมดาตามสมัยนิยม แต่จุดเด่นของมันคือ เมื่อเราคลิกที่อีเมลฉบับใดฉบับหนึ่ง เจ้า Outlook Social Connector จะแสดง "ความเคลื่อนไหว" บน social network ของผู้ส่งให้เราเห็น นอกจากนี้ยังมีนัดหมายที่เกี่ยวข้อง ไฟล์แนบทั้งหมดที่เราเคยแลกเปลี่ยนกับบุคคลนี้ อีเมลเก่า ฯลฯ นับว่าช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นพอสมควร
ศูนย์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (Electronic Privacy Information Center - EPIC) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในสหรัฐฯ ได้ฟ้องร้องต่อคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสหรัฐฯ ว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคม Google Buzz ได้ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้เนื่องจากได้ใช้รายชื่อผู้ติดต่อจาก Gmail เพื่อสร้างรายชื่อ "เพื่อน" ใน Google Buzz โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้ก่อน
เมืองไทยไม่ค่อยมีคนใช้ MySpace เท่าไรนัก แต่ถ้าใครเคยสมัครสมาชิกจะทราบดีว่า โผล่มาปั๊บมันจะให้เพื่อนเรามาเลย 1 คนคือ Tom หรือ Tom Anderson ผู้ก่อตั้ง MySpace
แต่หลังจาก MySpace โดน News Corporation ซื้อกิจการไปในปี 2005 บริษัทแม่ก็ให้โอกาสทีมผู้ก่อตั้งเดิมดูแลกิจการเรื่อยมา จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว เมื่อ MySpace อยู่ในช่วงขาลง ทีมผู้บริหารชุดเดิมก็โดนปลดทิ้งเรียบ ส่วน Tom ยังมีตำแหน่งต่อไปในฐานะประธานบริษัท แต่ก็ไม่ได้มีบทบาทอะไรมากนัก ว่ากันว่า News Corp เก็บเขาไว้เป็น "สัญลักษณ์" ของบริษัทมากกว่าจะให้ทำงานจริงๆ