รวมข่าว Twitter (X) มีอะไรอัปเดตใหม่บ้าง
หลังผ่านคืนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ (ตรงกับช่วงกลางวันในบ้านเรา) เมื่อวานนี้ ทวิตเตอร์ออกมาเปิดเผยว่า มีทวีตที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการเลือกตั้งกว่า 75 ล้านทวีต ซึ่งสูงกว่าการเลือกตั้งในปี 2012 ที่มีการทวีตราว 35 ล้านทวีตเท่านั้น
ช่วงที่มีการทวีตพุ่งสูงที่สุดคือช่วงเที่ยงคืนตามเวลาตะวันออก (Eastern Time) หรือช่วงเที่ยงวันบ้านเรา ก่อนจะพุ่งขึ้นอีกครั้งในช่วงตี 3 (บ่าย 3 โมงในไทย) ที่โดนัล ทรัมป์ประกาศชัยชนะ
Adam Bain ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (ซีโอโอ) ของ Twitter ประกาศลาออกจากบริษัท หลังอยู่กับบริษัทมานาน 6 ปี โดยตำแหน่งของเขาจะได้ Anthony Noto ซีเอฟโอของบริษัทมาทำหน้าที่แทน
Bain เคยเป็นตัวเก็งชิงตำแหน่งซีอีโอของ Twitter เมื่อครั้งที่อดีตซีอีโอ Dick Costolo ลงจากตำแหน่ง แต่สุดท้าย บอร์ดของ Twitter เลือก Jack Dorsey หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทมาเป็นซีอีโอแทน ซึ่ง Dorsey ก็แต่งตั้งคู่แข่งของเขาอย่าง Bain มาเป็นซีโอโอเพื่อทำงานร่วมกันด้วย
Bain ระบุว่าเขาจะขอหยุดพักสักช่วงหนึ่ง ก่อนจะคิดว่าไปทำอะไรต่อ
ที่มา - Recode
ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานว่า Twitter จะปิดบริการ Vine ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ทาง TechCrunch รายงานข้อมูลโดยอ้างจากแหล่งข่าวว่า Twitter อาจจะเปลี่ยนใจไม่ปิดบริการ Vine แต่จะขายออกแทน
TechCrunch รายงานว่า Twitter ได้รับข้อเสนอในการเข้าซื้อบริการ Vine ซึ่งเป็นบริการแชร์วิดีโอ 6 วินาทีของบริษัทมาหลายข้อเสนอ โดยมีข้อเสนอหนึ่งที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านดอลลาร์ (ซึ่ง The Verge บอกว่าเงินจำนวนนี้น่าจะต่ำกว่าค่ารันบริการ Vine หนึ่งเดือน)
Twitter ได้เปิดตัวระบบใหม่บน Direct Message สำหรับธุรกิจต่าง ๆ คือ Welcome Messages และ Quick Replies
สำหรับระบบ Welcome Message หรือข้อความต้อนรับนั้น เป็นระบบที่ให้บัญชีของธุรกิจสามารถทักทายผู้ใช้ที่เปิด Direct Message มาเพื่อติดต่อ โดยผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเขียนข้อความแรกก่อน (คือเปิดมาจะเจอข้อความต้อนรับทันที) โดยข้อความต้อนรับจะสามารถสร้างได้หลายแบบ รวมถึงสามารถสร้าง deep link เข้าไปยังทวีต, เว็บไซต์ หรือแอพก็ได้
ส่วน Quick Replies หรือระบบตอบรับอย่างรวดเร็ว คือธุรกิจสามารถให้ผู้ส่งข้อความเฉพาะ เช่น ถ้าผู้ใช้ต้องการทราบสถานะสินค้าที่กำลังจัดส่ง ก็สามารถกดปุ่มเลือกข้อความได้ หรือให้ผู้ใช้ใส่ข้อความที่เฉพาะ ระบบก็จะตอบให้ทันที
บารัค โอบามา เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่มีบัญชีทวิตเตอร์ประจำตำแหน่ง @POTUS (ย่อมาจาก President of the United States)
เมื่อบารัค โอบามา กำลังจะพ้นจากตำแหน่ง บัญชีทวิตเตอร์อันนี้ก็จะถูกส่งต่อให้กับประธานาธิบดีคนถัดไป คำถามคือการเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างไรบ้าง
ทำเนียบขาวมีคำตอบเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยบัญชี @POTUS จะถูกลบข้อความทวีตทั้งหมดในยุคโอบามา เพื่อให้ประธานาธิบดีคนใหม่มีบัญชีเปล่าๆ พร้อมใช้งาน (แต่ยังมีคนฟอลโลว์ 11 ล้านคนเหมือนเดิม) ข้อความเหล่านี้จะย้ายไปเก็บไว้ในบัญชี @POTUS44 เพื่อเป็นคลังข้อความจดหมายเหตุแห่งชาติ (archive) ซึ่งนโยบายนี้จะใช้กับบัญชีอื่นๆ อย่างสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง (@FLOTUS) รองประธานาธิบดี (@VP) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงตำแหน่งอื่นๆ ด้วย
เมื่อเดือนก่อน Twitter เพิ่งประกาศว่าไม่นับลิงก์รูปภาพ วิดีโอ โพล และ quoted tweet ใน 140 ตัวอักษร ล่าสุดกำลังทดสอบการทวีตหากันไม่นับว่า username อยู่ใน 140 ตัวอักษร
โฆษกของ Twitter ยืนยันกับ TechCrunch ว่าการทดสอบนี้เป็นเรื่องจริง และกำลังทดสอบในกลุ่มผู้ใช้บางคนบนแอพมือถือเท่านั้น
วิธีการที่ Twitter เลือกใช้คือเมื่อผู้ใช้ตอบทวีต ในช่องทวีตจะไม่มี @username แต่มีข้อความว่า 'Replying to [username] and others' ปรากฎอยู่ข้างบนแทน และถ้าต้องการจะตอบทวีตเป็นกลุ่ม ให้แตะคำว่า others ก็จะมีรายชื่อขึ้นมาให้เลือกว่าจะ mention หาใครบ้าง ส่วนหน้า Timeline ทวีตที่ถูกตอบก็จะไม่แสดง @username และมีข้อความบอกว่าทวีตนี้ตอบหาใคร
ทีมงานของ Twitter และ Vine ได้เขียนประกาศผ่านทาง medium ของ Vine ว่าจะหยุดให้บริการแอพ Vine บนมือถือโดยระบุว่าจะปิดในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยผู้ใช้ยังสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดคลิปของตัวเองได้อยู่ ส่วนเว็บไซต์ vine.co ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติและจะไม่มีคลิปใดถูกลบออกไป
น่าสังเกตว่าการประกาศนี้มาพร้อมกับการยืนยันเรื่องTwitter ปลดพนักงานออกอีก 9% เพื่อลดต้นทุนและกำลังปรับทิศทางของบริษัทใหม่นั่นเอง
Twitter รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2016 มีรายได้ 616 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 91.7 ล้านดอลลาร์
สถานการณ์เรื่องการถูกซื้อกิจการของ Twitter นั้นไม่มีการรายงานในผลประกอบการนี้ (เพราะดู ไม่มี ใคร สนใจซื้อแล้ว) ขณะเดียวกัน Twitter ยังยืนยันข่าวลือเมื่อวันก่อน โดยประกาศปลดพนักงาน 9% เน้นที่ฝ่ายขายและการตลาด
จำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) อยู่ที่ 317 ล้านคน เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยจากไตรมาสที่แล้วที่ 313 ล้านคน
Bloomberg รายงานว่า Twitter เตรียมที่จะปลดพนักงานเป็นจำนวนมาก คิดเป็น 8% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด หรือประมาณ 300 คน เป็นอัตราเดียวกับที่ตอน Jack Dorsey เข้ามาเป็นซีอีโออีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว
การปลดคนงานของ Twitter ครั้งนี้ถือว่าค่อนข้างเป็นครั้งใหญ่ เนื่องจาก Twitter ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากทางบริษัทหุ้นร่วงลงถึง 40% ใน 12 เดือนที่ผ่านมา ทำให้การแข่งขันกับบริษัทใหญ่บริษัทอื่นเป็นเรื่องยากขึ้น
ทั้งนี้ แหล่งข่าวของ Bloomberg บอกว่าการประกาศปลดพนักงานน่าจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ และน่าจะมาก่อนการประกาศผลประกอบการไตรมาสในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ แต่จำนวนพนักงานที่จะปลดยังไม่แน่นอนนัก และมีโอกาสปรับเปลี่ยนได้อีก
สตีฟ บัลเมอร์ อดีตซีอีโอไมโครซอฟท์เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า เมื่อปี 2010 ไมโครซอฟท์เคยเสนอซื้อเฟซบุ๊กซึ่งยังเป็นบริษัทขนาดเล็กอยู่ในขณะนั้น ที่ 24 พันล้านดอลลาร์ แต่ถูกมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอปฏิเสธ
บัลเมอร์ยังเผยว่า เขาไม่เคยสนใจที่จะซื้อทวิตเตอร์แต่ประการใด สำหรับการสัมภาษณ์ทั้งหมดนั้นดูได้ที่ CNBC ครับ
ในยุคที่ข้อมูลอะไรก็หาง่าย เราจึงควรระวังให้มากเรื่องการโพสต์อะไรต่างๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ เพราะมันอาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราในภายหลัง อย่างเช่นกรณีของชายผู้นี้ ที่เข้าทำงานกับ Twitter ได้เพียง 1 วันก็โดนไล่ออกเพราะสิ่งที่เขาเคยโพสต์ไว้หลายปีก่อน
Gregory Gopman เคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสตาร์ตอัพชื่อ AngelHack ซึ่ง Twitter เพิ่งรับเขาเข้าทำงานในตำแหน่งหัวหน้าทีม VR เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม แต่เพียงวันเดียวหลังจากนั้น เขาก็ถูกไล่ออก เนื่องจากเว็บไซต์ TechCrunch ขุดเรื่องที่เขาเคยโพสต์ลง Facebook ส่วนตัวเมื่อปี 2013 ซึ่งเป็นโพสต์ที่เขาเขียนดูถูกคนไร้บ้านที่อยู่ในซานฟรานซิสโก รวมถึงเรียกพวกเขาว่า "พวกจิตไม่ปกติ" (degenerates) ขณะนี้โพสต์ดังกล่าวถูกลบทิ้งไปแล้ว แต่ยังดูได้จากที่มา
หลังโดนไล่ออก Gopman โพสต์บน Facebook ว่า "แล้วผมก็ถูกไล่ออก ขอบคุณนะ TechCrunch" (Anddd I'm fired. Thanks TechCrunch.)
ที่มา - Business Insider
หนึ่งในบริการไมโครบล็อกกิ้งที่เรารู้จักกันดีคือ Twitter ซึ่งเริ่มให้บริการมาตั้งแต่ปี 2006 และได้รับความนิยมอย่างมาก หลังจากนั้นในปี 2009 ก็มีบริการที่ "คล้ายกันมาก" คือ Sina Weibo จากประเทศจีนออกมา สุดท้ายทั้งสองบริการก็เข้าตลาดหุ้นทั้งคู่ ล่าสุดมีรายงานออกมาว่า Weibo มีมูลค่าแซง Twitter ไปแล้ว
ในวันที่ Twitter เข้าตลาดหุ้นเมื่อปี 2013 บริษัทฯ มีมูลค่าถึง 2.68 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ขณะนี้มูลค่าลดลงไปกว่าครึ่ง เหลือเพียง 1.123 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ในขณะที่ฝั่ง Weibo ที่เข้าตลาดหุ้นเมื่อปี 2014 มีมูลค่าบริษัทตอนนั้นเพียง 3.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้มีมูลค่าพุ่งขึ้นไปสูงถึง 1.132 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐแล้ว
จากข่าวลือ Twitter เตรียมขายกิจการ แต่ก็ตามมาด้วยข่าวว่า ผู้สนใจซื้อหลายราย ตัดสินใจไม่ซื้อแล้ว เช่น Google, Disney ส่งผลให้ตัวเต็งกลายเป็น Salesforce แทน
ล่าสุด Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce ออกมาพูดชัดเจนแล้วว่าไม่สนใจซื้อ ด้วยเหตุผลว่า Twitter ไม่เหมาะกับของ Salesforce ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งวัฒนธรรมองค์กร ราคา และปัจจัยอื่นๆ
ข่าวนี้ส่งผลให้หุ้น Twitter ตกลง 7% เพราะบรรดาตัวเต็งที่เคยมีชื่อออกมาว่าสนใจซื้อ ต่างก็ปฏิเสธกันหมด เรื่องนี้จึงเป็นงานหนักของ Twitter ที่ต้องหาผู้ซื้อให้ได้
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือจาก Twitter ว่าตั้งราคาตนเองไว้ที่ 30 พันล้านดอลลาร์ และมีข่าวว่าเจรจากับรายใหญ่อย่าง Google และ Salesforce นอกจากนี้มีข่าวลือว่า Disney สนใจเข้าซื้อกิจการอีกด้วย ล่าสุดเว็บไซต์ Recode รายงานว่า Google จะยังไม่มีแผนเข้าซื้อ Twitter ในตอนนี้ และ Disney ที่ดูเหมือนจะสนใจ ก็ยังไม่มีแผนอะไรกับ Twitter เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ Recode เคยมอง Google เป็นเต็งหนึ่งที่จะเข้าซื้อ เพราะมีเงินสดมาก และไม่ประสบความสำเร็จในการทำโซเชียลเท่าที่ควร แต่ล่าสุด Google ก็ยังปล่อยของออกมาเช่น Duo และ Allo และเมื่อมองบริษัทอื่นที่มีความเป็นไปได้สูงที่จะซื้ออย่าง Apple ก็ยังไม่ใช่เช่นกัน เพราะกำลังหมายมั่นปั้นมือกับสมาร์ทโฟนเรือธงของตัวเอง แม้ Recode จะวิเคราะห์ไว้ว่า Apple จะได้ประโยชน์มากถ้าซื้อ Twitter ก็ตาม
จากข่าวลือ Twitter จะขายกิจการ และมีผู้สนใจซื้อหลายราย ล่าสุดมีชื่อใหม่เพิ่มขึ้นมาคือ "Disney" บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
Bloomberg รายงานข่าวนี้โดยอ้างว่า Disney กำลังพูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อประเมินว่าสมควรเข้าไปประมูลซื้อ Twitter ด้วยหรือไม่ นอกจากนี้กรณีของ Salesforce ที่มีชื่อตั้งแต่แรกว่าสนใจซื้อ (ที่สำคัญยังชิงซื้อ LinkedIn แพ้มาก่อน) ก็คุยกับธนาคาร Bank of America เพื่อเตรียมเข้าไปเสนอซื้อด้วยเช่นกัน แต่ฝั่งไมโครซอฟท์กลับไม่สนใจซื้อ Twitter
จากข่าวลือว่า Twitter เตรียมขายกิจการ ล่าสุดเว็บไซต์ Recode ได้ข้อมูลวงในเพิ่มเติมมาว่า Twitter ตั้งราคาตัวเองไว้ที่ 30 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงพอสมควรเทียบกับมูลค่าบริษัทตามราคาหุ้น 16 พันล้านดอลลาร์
กรณีของ Twitter ถูกนำไปเทียบกับกรณีไมโครซอฟท์ซื้อ LinkedIn ด้วยมูลค่า 26 พันล้านดอลลาร์ เพราะเป็นการซื้อโซเชียลเน็ตเวิร์คคล้ายๆ กัน แต่การตั้งราคาขนาดนี้อาจทำให้ "ว่าที่" ผู้ซื้อหลายรายถอนตัวออกไปเพราะมีเงินสดไม่พอ
Recode ยังมองว่ากูเกิลน่าจะเป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง เพราะกูเกิลมีเงินสดในมือมาก และพยายามปั้นโซเชียลของตัวเองมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จ
ที่มา - Recode
มีรายงานออกมาว่า Twitter ได้เริ่มการเจรจาเพื่อขายกิจการ โดยมีการติดต่อพูดคุยกับหลายบริษัทแล้ว อาทิ Salesforce.com, กูเกิล ตลอดจนอีกหลายบริษัทด้านเทคโนโลยี ซึ่งมีบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามาช่วยประเมินด้วย
ปัจจุบัน Twitter มีผู้ใช้งาน 313 ล้านคนทั่วโลก และในช่วงหลังประสบปัญหาจำนวนผู้ใช้งานเติบโตช้ามาก ส่งผลให้บริษัทโฆษณาไม่นิยมลงโฆษณากับ Twitter เพราะเข้าถึงคนได้ไม่กว้างเท่า Facebook
ยังมีการเชื่อมโยงว่า Salesforce.com น่าจะมีความสนใจ Twitter มากที่สุดในบรรดาผู้ซื้อ โดยสังเกตว่า Vala Afshar หัวหน้าฝ่ายดิจิทัลของบริษัท ได้ทวีตข้อความว่า Twitter มีจุดเด่นอย่างไร (แต่เขาก็บอกถัดมาว่าเป็นการแสดงความสนใจส่วนตัว) ทั้งนี้ตัวแทนของทั้ง Twitter, Salesforce.com และกูเกิล ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นกับข่าวดังกล่าว
ราคาหุ้น Twitter ตอบรับกระแสข่าวนี้ ทำให้มูลค่ากิจการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 16,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ Twitter มีเงินสดในมือ 3,600 ล้านดอลลาร์ และหนี้สินรวม 1,600 ล้านดอลลาร์
ที่มา: The New York Times
OmniVirt สตาร์ตอัพด้าน VR ของไทยที่อยู่ในสหรัฐอเมริกา (เครือเดียวกับ AdsOptimal ที่ Blognone เคยสัมภาษณ์) เข้าร่วมแข่งขัน #Promote Ads API challenge ของ Twitter และสามารถคว้าแชมป์ประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือมาได้สำเร็จ
จากที่ Twitter เคยประกาศไว้ตั้งแต่กลางปีว่าจะไม่นับรูปภาพในข้อจำกัด 140 ตัวอักษร วันนี้การเปลี่ยนแปลงมีผลแล้ว
รูปแบบก็เป็นไปตามที่เคยประกาศไว้ว่ารูปภาพ วิดีโอ ภาพ GIF, โพล และการโควตข้อความเดิม (quoted tweet) จะไม่ถูกนับรวมใน 140 ตัวอักษร แต่การเมนชั่นชื่อ username ยังถูกนับเป็นส่วนหนึ่งของข้อความ 140 ตัวอักษรอยู่ครับ
ที่มา - Twitter
ช่วงหลังๆ บริษัทไอทีหลายรายเริ่มหันมาซื้อลิขสิทธิ์กีฬารายการสำคัญเพื่อถ่ายทอดสดผ่านอินเทอร์เน็ตบนแพลตฟอร์มของตัวเอง บริษัทล่าสุดที่เข้าสู่วงการนี้คือ Twitter ที่ซื้อสิทธิการแข่งขัน NFL คู่วันพฤหัส (Thursday Night Football) นัดเปิดสนามระหว่าง Buffalo Bills กับ New York Jets ให้ชมกันฟรีๆ ผ่าน Twitter
ผลคือมีคนชมการถ่ายทอดสดผ่าน Twitter มากถึง 2.1 ล้านคน ถึงแม้ตัวเลขนี้ถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับยอดผู้ชมเกมเดียวกันผ่านทีวี 48.1 ล้านคน แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการถ่ายทอดสดผ่านอินเทอร์เน็ต
ปัจจุบันช่องทาง Twitter ถูกใช้เป็นช่องทางสำหรับบริษัทในการบริการลูกค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดทาง Twitter ก็ได้ตอบสนองความต้องการสำหรับบริษัทให้มากขึ้น โดยออกฟีเจอร์ใหม่ดังนี้
ฟีเจอร์แรก คือบริษัทสามารถเพิ่ม provide support ขณะที่กำลังค้นหาบัญชีอยู่ เช่น ค้นหาว่า Apple Support ก็จะเจอบัญชี @AppleSupport ขึ้นมาพร้อมแสดงด้านล่างว่า provides support เพื่อบอกว่าบัญชีนี้เป็นบัญชีสำหรับบริการลูกค้าของบริษัท
ถัดไปคือ บริษัทสามารถเพิ่มเวลาสำหรับการตอบผู้ใช้ของบัญชีที่ใช้บริการลูกค้า เพื่อให้ผู้ใช้ทราบว่าบัญชีนี้มักจะตอบผู้ใช้เวลาใดบ้าง โดยจะแสดงขึ้นมาเมื่อเปิดไปยังโปรไฟล์ของบัญชีนั้น ๆ
Twitter ประกาศวันนี้ว่าเพิ่มช่องทางเข้าถึงแอพพลิเคชั่นโดยเปิดตัวบนสมาร์ททีวีเจ้าใหญ่อย่าง Apple TV, Amazon Fire TV รวมถึงเครื่องเกม Xbox One ผู้ใช้สามารถดูไลฟ์สตรีมเช่น ฟุตบอล NFL ผ่านทาง Twitter บนสมาร์ททีวีและเห็นข้อความทวีตล่าสุดเกี่ยวกับไลฟ์สตรีมที่ดูอยู่ได้ในจอเดียวกัน
Facebook และ Twitter เป็นบริษัทล่าสุดที่เข้าร่วมกลุ่ม First Draft Coalition ตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน 2015 เป็นกลุ่มด้านการข่าวและเนื้อหาที่ออกสู่เว็บไซต์ข่าวต่างๆ และโซเชียลมีเดีย และจะเปิดแพลตฟอร์มให้สมาชิกกลุ่มสามารถตรวจสอบเนื้อหาที่น่าสงสัยได้ประมาณเดือนตุลาคมนี้
ด้าน Facebook มีผู้ใช้เป็นพันล้านคนทั่วโลก และมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นแหล่งแพร่ข่าวปลอมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ส่วน Twitter มีผู้ใช้กว่าร้อยล้านคน และเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการเผยแพร่ข่าวสั้นที่เร็วที่สุด
ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลายคนอาจจะจำได้ว่า Twitter เตรียมจะเลิกนับการเมนชั่นและรูปภาพใน 140 ตัวอักษร ซึ่งกำหนดไว้ว่าเป็นเดือนมิถุนายน แต่ว่าจนถึงตอนนี้ Twitter ก็ยังไม่ประกาศว่าจะเลิกนับเมื่อไร
The Verge ได้รายงานข่าวล่าสุดโดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ว่า Twitter ว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มในวันที่ 19 กันยายนนี้ และเมื่อสอบถามไปทาง Twitter ทางโฆษกของบริษัทปฏิเสธที่จะให้ความเห็น
Twitter ได้เพิ่มฟีเจอร์ให้ Direct Message เปรียบเสมือนแอพแชทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงตัวอย่างของลิงก์ที่ส่งไปใน DM, แสดงสถานะว่าอ่านข้อความหรือยัง หากเป็น DM กลุ่มจะบอกว่ามีคนอ่านข้อความกี่คนแล้วรวมไปถึงแสดงว่ามีใครกำลังพิมพ์ข้อความอยู่บ้าง โดยฟีเจอร์นี้คาดว่าสามารถใช้งานได้ทั้งบนแอพมือถือและเว็บไซต์ของ Twitter นั่นเอง
ที่มา : @Twitter