Mark Gurman จากสำนักข่าว Bloomberg เผยว่า Apple เตรียมเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C หลังจากสภาสหภาพยุโรปลงมติผ่านกฎหมายให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ในยุโรปทุกชนิดใช้พอร์ต USB-C ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2024 ส่วนแล็บท็อปจะยืดเวลาให้ถึงปี 2026
Gurman เผยว่า iPhone 15 ที่น่าจะเปิดตัวในปีหน้าอาจจะมาพร้อมกับพอร์ต USB-C แทนที่พอร์ต Lightning ที่ใช้มาเป็น 10 ปี ส่วน iPad รุ่นเริ่มต้น (iPad mini และ iPad Air) น่าจะเปลี่ยนภายในสิ้นปีนี้ ส่วนถ้าหาก Apple เปิดตัว iPhone SE ใหม่ในช่วงต้นปี 2024 การใช้พอร์ต Lighning ก็ยังถือว่าไม่ผิดกฎ แต่รุ่นหลังจากนั้นก็จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้ USB-C
รัฐสภาสหภาพยุโรปผ่านแนวทางกฎหมาย (directive) บังคับใช้ USB Type-C ในอุปกรณ์เคลื่อนที่ขนาดเล็กและขนาดกลาง ต้องมีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จไฟ ภายในสิ้นปี 2024 ส่วนอุปกรณ์ขนาดใหญ่เช่นโน้ตบุ๊กจะมีเวลาให้ถึงปี 2026
แนวทางกฎหมายของสหภาพยุโรปนี้ครอบคลุมอุปกรณ์เป็นวงกว้าง เช่น โทรศัพท์, แท็บเล็ต, หูฟัง, เกมคอนโซลเคลื่อนที่, เครื่องอ่านอีบุ๊ก, คีย์บอร์ด, เมาส์, GPS, กล้องถ่ายภาพ ไปจนถึงโน้ตบุ๊ก แต่จะบังคับเฉพาะอุปกรณ์ที่ชาร์จไฟด้วยสายเท่านั้น สำหรับอุปกรณ์ที่ชาร์จไร้สายเท่านั้นยังไม่บังคับในข้อบังคับนี้ แต่การแถลงข่าวครั้งนี้ก็ระบุว่าสหภาพยุโรปควรกำหนดมาตรฐานให้ใช้งานร่วมกันได้ต่อไป
วันนี้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แอปเปิลได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธง iPhone 5 ซึ่งมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงสำคัญ คือพอร์ตเชื่อมต่อ Lightning แทนที่พอร์ต 30-pin เดิม ที่ใช้มาตั้งแต่ iPod ตอนนั้นแอปเปิลบอกว่าพอร์ต Lightning มีจุดเด่นคือขนาดเล็ก รองรับความบางอุปกรณ์ในอนาคตได้มากขึ้น และถ่ายโอนข้อมูลได้ดีกว่า 30-pin มาก
10 ปีผ่านไป iPhone 14 ที่เพิ่งเปิดตัวไป ก็ยังใช้ Lightning เป็นพอร์ตเชื่อมต่อ พร้อมข่าวลือว่า iPhone 15 ในปีหน้า แอปเปิลจะเปลี่ยนมาใช้ USB-C แล้ว ตามแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมและ EU
สมาชิกรัฐสภาและ EU ประกาศบรรลุข้อตกลง บังคับใช้พอร์ตประเภทเดียว ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้ง สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และกล้องดิจิทัล ตามที่คณะกรรมการยุโรปโหวตผ่าน และนำเสนอร่างไปก่อนหน้านี้ โดยกำหนดเป็นพอร์ต USB-C มีผลในฤดูใบไม้ร่วง หรือครึ่งหลังของปี 2024
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นที่ถูกบังคับใช้ในประกาศนี้ยังมี อีรีเดอร์ หูฟังเอียร์บัด เฮดโฟน เฮดเซต วิดีโอเกมพกพา ลำโพงพกพา ยกเว้นแล็ปท็อป ที่จะมีผลบังคับใช้ 40 เดือน นับจากวันที่คำสั่งนี้เริ่มมีผล
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำ ซึ่งมักให้ข้อมูลสินค้าใหม่ของแอปเปิลอยู่บ่อยครั้ง ระบุว่านอกจากข่าวลือที่ว่า iPhone 15 ที่จะเปลี่ยนไปใช้ USB-C แล้วอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ของแอปเปิล ได้แก่ AirPods, Magic Keyboard, Magic Trackpad, Magic Mouse และ MagSafe Battery Pack สำหรับไอโฟน ที่ยังใช้ Lightning อยู่ จะเปลี่ยนมาใช้ USB-C เช่นเดียวกัน
Kuo ยังระบุอีกว่าแผนการของแอปเปิลที่จะตัดพอร์ตชาร์จของไอโฟนออกในปี 2021 ให้เหลือแค่ชาร์จไร้สายอย่างเดียวนั้นจะเป็นไปได้ยาก เนื่องจากข้อจำกัดของระบบไร้สาย และ MagSafe ecosystem ที่ยังไม่แข็งแรงมากนัก จึงกลายเป็นข่าวลือที่ว่าแอปเปิลจะเปลี่ยนมาใช้ USB-C แทน Lightning
ที่มา - 9to5Mac
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สายซัพพลายเชน ที่มีประวัติให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลถูกต้องหลายครั้ง คราวนี้เขาออกมาให้ข้อมูลล่าสุดทางทวิตเตอร์ ว่าแอปเปิลเตรียมยกเลิกพอร์ต Lightning ใน iPhone รุ่นใหม่ที่จะออกช่วงปลายปี 2023 (iPhone 15?) แล้วเปลี่ยนไปใช้ USB-C แทน ซึ่งจะทำให้ iPhone มีความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลที่ดีขึ้น ตลอดจนการชาร์จไฟก็ทำได้เร็วขึ้นด้วย
ความคืบหน้าประเด็นที่คณะกรรมการยุโรป หรือ European Commission เสนอบังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท โดยมีเป้าหมายในการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ล่าสุดคณะกรรมาธิการด้านการปกป้องตลาดและผู้บริโภคยุโรป ลงคะแนนเสียง 43 ต่อ 2 สนับสนุนการแก้ไขระเบียบบังคับตามที่เสนอ
ข้อกำหนดใหม่ระบุว่าอุปกรณ์อย่าง สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เฮดโฟน เฮดเซต วิดีโอเกมพกพา และลำโพงพกพา ที่สามารถชาร์จผ่านสายได้ จะต้องรองรับพอร์ต USB-C มีข้อยกเว้นสำหรับอุปกรณ์ที่เล็กเกินไปสำหรับการใส่พอร์ต USB-C เช่น สมาร์ทวอทช์ สายรัดข้อมูลสุขภาพ
คณะกรรมการยุโรป (European Commission) ซึ่งเทียบได้กับหน่วยงานรัฐบาลของสหภาพยุโรป ออกข้อเสนอเรื่องการบังคับใช้พอร์ต USB-C กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท เพื่อลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์
กฎข้อนี้มีชื่อเรียกว่า Radio Equipment Directive ตอนนี้ยังมีสถานะเป็นข้อเสนอจาก EC ที่ต้องรอไปโหวตรับรองในรัฐสภายุโรปก่อน หากโหวตผ่านแล้วจะมีเวลาเตรียมตัวก่อนบังคับใช้จริงอีก 24 เดือน
รายละเอียดของกฎมีทั้งหมด 4 ข้อคือ
USB-IF ได้อัพเดตรายละเอียดสเปคของ USB-C เวอร์ชัน 2.1 เพิ่มรายละเอียดฮาร์ดแวร์กำหนด และข้อจำกัดหลายรายการ แต่มีประเด็นที่สำคัญคือขยายช่วงกำลังไฟไปสูงสุดถึง 240 วัตต์ จากปัจจุบันเวอร์ชัน 2.0 รองรับสูงสุดที่ 100 วัตต์
กำลังไฟที่สูงขึ้น จะทำให้ USB-C สามารถรองรับอุปกรณ์ที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ จอภาพความละเอียด 4K, เกมมิ่งแล็ปท็อป ไปจนถึงเครื่องพิมพ์
ถึงแม้ระดับกำลังไฟ 240 วัตต์ ก็อาจยังไม่เพียงพอสำหรับฮาร์ดแวร์หลายประเภท แต่ตัวที่ขยายมานี้ก็น่าจะทำให้เห็นอุปกรณ์มากขึ้นที่รองรับ USB-C เวอร์ชันใหม่นี้
งานเปิดตัว iPhone 12 เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา เรื่องที่ถูกพูดถึงและเป็นประเด็นมากที่สุดคงเป็นเรื่องการไม่แถมที่ชาร์จ (จริง ๆ ก็ตั้งแต่ Apple Watch Series 6 เดือนที่แล้วแล้ว)
แม้การอ้างสิ่งแวดล้อมจะฟังดูสมเหตุสมผล (ตั้งแต่ซัพพลายเชนการผลิตยันขยะ) แต่ท่าทีของแอปเปิลที่ออกมามันออกไปในแง่ลดต้นทุนของตัวเองมากกว่าความจริงใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่ง Jon Porter แห่ง The Verge แสดงความเห็นไว้ว่า หากแอปเปิลต้องการจะช่วยโลกจริง ๆ ก็ควรเปลี่ยน iPhone ไปใช้พอร์ท USB-C
ChargerLAB เผยภาพสายชาร์จแบบใหม่ที่คาดว่าจะมากับ iPhone 12 โดยรอบนี้ iPhone ทุกรุ่นย่อย จะได้สายชาร์จพอร์ต Lightning to USB Type-C แทนของเดิมที่เป็น USB Type-A (ไม่ใช่แค่รุ่น Pro เหมือนตอน iPhone 11) นอกจากนี้ สายแบบใหม่ยังเป็นสายแบบถักที่ทนทานกว่าสายที่มากับ iPhone รุ่นก่อน เมื่อปีที่แล้ว ChargerLAB เคยให้ข้อมูลอย่างแม่นยำว่า iPhone 11 Pro จะมาพร้อมสาย USB-C to Lightning
MinebeaMitsumi บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ของญี่ปุ่นเปิดตัว CAM-L41 คอนเนคเตอร์ USB-C ที่รองรับการกันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 สามารถใช้งานในน้ำที่ความลึกไม่เกิน 1.5 เมตรได้นานสุด 30 นาที รวมถึงรองรับ Thunderbolt 3 ด้วย
คอนเนคเตอร์ USB-C ที่กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68 (หรือ IP69K ก็มี) ไม่ใช่ของใหม่ แต่ส่วนใหญ่แบนด์วิธและความเร็วในการรับส่งข้อมูลอยู่ที่แค่ 5Gbps หรือ 10Gbps เท่านั้น แต่ CAM-L41 ที่รองรับ Thunderbolt 3 สามารถรับส่งข้อมูลได้เร็วสุดถึง 40Gbps ตามสเปค โดย MinebeaMitsumi บอกว่าเตรียมจะขอรองรับมาตรฐาน USB 4 ต่อไปด้วย
สืบเนื่องจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) จะเสนอมาตรการให้สายชาร์จมือถือมีมาตรฐานเดียว เพื่อลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถ้าหากดูสายชาร์จในท้องตลาดปัจจุบันก็แบ่งได้เป็น Micro USB, USB-C สำหรับ Android และ Lightning ของแอปเปิล ประกาศนี้ผู้ที่น่าจะกระทบหนักที่สุดคงเป็นแอปเปิล ล่าสุดมีท่าทีจากแอปเปิลออกมาแล้ว
โดยแอปเปิลออกแถลงการณ์ว่าข้อกำหนดนี้จะเป็นการหยุดนวัตกรรม มากกว่าส่งเสริมให้เกิดสิ่งใหม่ รวมทั้งส่งผลเสียกับลูกค้าและเศรษฐกิจของยุโรปด้วย อย่างไรก็ตามแอปเปิลเองก็ระบุเพิ่มเติมว่าการบังคับใช้นั้นที่จริงไม่จำเป็น เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมก็เปลี่ยนมาใช้ USB-C เป็นสายชาร์จมากขึ้นอยู่แล้ว
Lenovo ประกาศเตือนลูกค้า ThinkPad รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่นในรอบประมาณ 3 ปีล่าสุด อาจมีปัญหาพอร์ต USB Type-C พังเมื่อใช้งานไปแล้ว 6-12 เดือน อาการคือชาร์จไม่เข้าหรือเสียบอุปกรณ์แล้วเจอข้อความแจ้งเตือน
โน้ตบุ๊ก ThinkPad ที่เข้าข่ายได้แก่ T470/T480/T490, T570/T580/T590, X280/X380/X390, X1 Carbon (Gen 5/6/7), X1 Yoga (Gen 2/3/4), P43/P51/P52/P53/P72 ซึ่งรวมรุ่นย่อยที่ห้อยท้าย s ด้วย รายชื่อทั้งหมดตรวจสอบได้จากที่มา
Lenovo ยอมรับว่าสาเหตุของปัญหาเกิดจากเฟิร์มแวร์ในช่วงหลังๆ ที่ทำให้คอนโทรลเลอร์พังเมื่อใช้ไประยะเวลาหนึ่ง หากคอนโทรลเลอร์พังไปแล้วต้องติดต่อ Lenovo เพื่อเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่เท่านั้น ส่วนผู้ใช้ที่ยังไม่เจออาการนี้ ควรอัพเดตเฟิร์มแวร์เป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดทันที โดยจะดาวน์โหลดจากหน้าเว็บ Lenovo Support หรือจะผ่านโปรแกรม Lenovo Vantage (ThinkVantage เดิม) ก็ได้เช่นกัน
เราเห็น ความเคลื่อนไหวจากฝั่งยุโรปที่ต้องการสร้างที่ชาร์จมือถือมาตรฐานเดียว มาได้สักพักใหญ่ๆ แต่ยังไม่เห็นผลมากนัก เพราะเป็นการเรียกร้องให้ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ "สมัครใจ" ใช้งาน
ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission เทียบได้กับรัฐบาลกลางของยุโรป) เตรียมเสนอมาตรการที่เข้มขึ้นในการบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม สถานะของโครงการนี้เพิ่งเริ่มหารือกันในที่ประชุมรัฐสภา และต้องรอโหวตจากรัฐสภายุโรปที่ยังไม่ระบุวันชัดเจน
การชาร์จด้วยพอร์ต USB-C ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างความสับสนให้ผู้ใช้ไม่น้อย เพราะมาตรฐานกลางที่ออกโดย USB-IF คือ USB Power Delivery หรือ USB-PD นั้นไม่ถูกผู้ผลิตสมาร์ทโฟนนำไปใช้กันแพร่หลายเท่าที่ควร แต่กลับออกฟีเจอร์การชาร์จด่วนของตัวเองเพื่อสร้างจุดขาย ทำให้มือถือสองยี่ห้อที่ใช้พอร์ต USB-C เหมือนกันอาจชาร์จเร็วไม่เท่ากัน หรือถึงขั้นชาร์จช้ามากไปเลย
ล่าสุดกูเกิลได้ปรับข้อกำหนดการพรีโหลด Google Mobile Services (GMS) หรือชุดแอพและบริการของกูเกิลที่หากผู้ผลิตอยากนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ตัวเองก็ต้องทำตามข้อกำหนดนี้ (อันเดียวกับที่ Huawei Mate 30 ไม่มี) โดยหลังจากนี้อุปกรณ์ที่จะออกในปี 2019 และใช้พอร์ต USB-C จะต้องรองรับมาตรฐานกลางของ USB อย่างเต็มรูปแบบ
ในยุคที่แล็ปท็อปต่างตัดพอร์ทเชื่อมต่อออกจนแทบจะไม่เหลือ (ยกเว้น VAIO SX12) อุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่เรามักต้องซื้อพร้อมคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่คือ USB-C hub ซึ่งล่าสุด Sony ก็เข้าร่วมตลาดนี้ด้วย โดยการเปิดตัว USB-C hub สเปกเทพจับตลาดผู้ใช้ระดับโปร
USB-C hub รุ่นนี้ใช้ชื่อว่า MRW-S3 ดูเผินๆ อาจนึกว่าเป็น power bank โดยมันมาพร้อมพอร์ตมากมาย ดังนี้
Raspberry Pi Foundation ออกมายืนยันปัญหาหลังมีผู้พบว่า Raspberry Pi 4 ใช้งานไม่ได้หากใช้สาย USB-C บางประเภทเป็นตัวให้พลังงานไฟฟ้า โดยกรณีที่พบปัญหาชัดเจนคือการใช้สาย USB-C แบบเดียวกับที่ชาร์จ MacBook นั่นคือสายแบบ Electronically Marked
Raspberry Pi 4 เป็นรุ่นแรกที่รองรับ USB-C สำหรับรับพลังงานไฟฟ้า
สาเหตุเกิดจากการตั้งค่าของบอร์ดบน Pi 4 ที่จะมองสายชาร์จดังกล่าวเป็นสายสัญญาณเสียง จึงไม่รับการจ่ายพลังงานไฟฟ้าเข้ามาทำให้อุปกรณ์ไม่ทำงานนั่นเอง ทั้งนี้ปัญหาดังกล่าวไม่สร้างความเสียหายแก่อุปกรณ์
มีรายงานว่าพบบั๊กแปลกๆ ใน Windows 10 เวอร์ชัน 1809 (October 2018 Update) ว่าหากเสียบหรือถอดอุปกรณ์ USB-C ระหว่างชัตดาวน์หรือเข้าโหมดสลีป อาจกินเวลานานกว่าปกติ
ไมโครซอฟท์ระบุในบล็อกว่าบั๊กดังกล่าวเกิดจากซอฟต์แวร์ USB Type-C Connector System Software Interface (UCSI) ของอินเทลใน Windows 10 เวอร์ชัน 1809 ว่าหากผู้ใช้เสียบหรือถอดอุปกรณ์ที่พอร์ต USB-C เช่น docking station หรือสายชาร์จ ระหว่างการชัตดาวน์หรือสลีป อาจทำให้ขั้นตอนนี้กินเวลานานขึ้นถึง 60 วินาที
อย่างไรก็ตามไมโครซอฟท์ยืนยันว่าบั๊กนี้ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบด้านการใช้งานอุปกรณ์นั้นๆ แต่อย่างใด และพีซีกับอุปกรณ์นั้นๆ ควรทำงานได้ตามปกติเมื่อเปิดเครื่องขึ้นมา
USB Implementers Forum (USB-IF) ที่อยู่ภายใต้ USB.org ที่ดูแลมาตรฐานและสเปค USB เปิดตัว USB-C Authentication Program สำหรับ OEM เพื่อรับรองและตรวจสอบการใช้งานสาย USB-C ของแท้ เพื่อป้องกันอุปกรณ์พังจากการใช้งานสายปลอม รวมถึงป้องกันการรับมัลแวร์จากเครื่องอื่นผ่าน USB-C
USB-IF มอบหมายให้ DigiCert เป็นผู้ดำเนินการเรื่องการลงทะเบียนและออกใบรับรองให้กับ OEM โดยโปรโตคอลนี้จะใช้การเข้ารหัสแบบ 128 บิตเพื่อให้เครื่องโฮสต์ตรวจสอบทั้งอุปกรณ์ที่เสียบ, สายและหัวชาร์จว่าเป็นของแท้หรือไม่ ซึ่งครอบคลุมทั้งแชนแนลรับส่งข้อมูลและ USB-PD เพื่อยืนยันความถูกต้องแล้วถึงจะปล่อยให้รับส่งข้อมูลและพลังงาน
นอกจากวันนี้แอปเปิลและ 3 ค่ายโทรศัพท์มือถือ จะเริ่มเปิดให้สั่งจอง iPhone XS, XS Max และ XR เป็นวันแรกในประเทศไทย (ดูราคาเครื่องเปล่าที่นี่) โดยมีกำหนดส่งมอบสินค้าในวันศุกร์หน้า 26 ตุลาคม 2018 เป็นต้นไป รายการสินค้าอุปกรณ์เสริมใหม่ของแอปเปิลก็มีตัวใหม่เพิ่มมาด้วย
Panos Panay หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ ให้สัมภาษณ์กับ Mashable ในประเด็นที่หลายคนสงสัย ว่าทำไม Surface Pro 6 และ Surface Laptop 2 ถึงยังไม่มีพอร์ต USB-C
Panay บอกว่าพอร์ต USB-C ยังไม่พร้อมใช้งาน และยังมีความสับสนอยู่มากเรื่องสายชาร์จ เช่น เราไม่สามารถนำสายชาร์จ Android มาชาร์จ Surface ได้ แม้เป็นพอร์ต USB-C เหมือนกัน เขายังระบุว่าต้องการเก็บพอร์ตแบบเดิมไว้สำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กร
อย่างไรก็ตาม Panay ระบุว่ายินดีจะใช้พอร์ต USB-C ในอนาคต เมื่อเวลาเหมาะสม ไมโครซอฟท์จะใส่มาแน่นอน
กูเกิลได้ตัดรูหูฟัง 3.5 มม. ออกไปในสมาร์ทโฟน Pixel 2 และแถมหัวแปลงมาให้ในกล่องตามสมัยนิยม หากใครทำหายก็ซื้อในราคา 9 ดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดกูเกิลอัพเดตสินค้าตัวนี้ใหม่เงียบๆ โดยระบุว่า latency ต่ำลง 53% และเล่นเพลงได้นานขึ้น 38% (แปลว่าตัวหัวแปลงกินไฟน้อยลง) เมื่อเทียบกับหัวแปลงรุ่นแรก นอกจากนี้ยังสั้นลง 2.8 มม. อีกด้วย
ในด้านราคา กูเกิลวางขายหัวแปลงรุ่นใหม่นี้ที่ 12 ดอลลาร์สหรัฐ โดยตอนวางขายหัวแปลงรุ่นแรกเคยตั้งราคาแพงหูฉี่ถึง 20 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะโดนกระแสถล่มด่า จนลดราคาลงมาเหลือ 9 ดอลลาร์สหรัฐเท่าราคาหัวแปลง Lightning ของแอปเปิล
เว็บไซต์ DigiTimes ของไต้หวัน รายงานข่าวลือว่า iPhone และ iPad ที่จะออกขายในปีหน้า 2019 (ไม่ใช่ของปีนี้ 2018) จะเปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB Type-C แทนการใช้พอร์ต Lightning สักที
DigiTimes อ้างแหล่งข่าวจากผู้ผลิตไอซีแอนะล็อก ว่าเดิมทีเคยมีข่าวลือว่าแอปเปิลจะเปลี่ยนมาใช้ USB Type-C ในปี 2018 แต่สุดท้ายแล้วแอปเปิลทำไม่ทันในปีนี้ และต้องเลื่อนแผนการเป็นปีหน้าแทน
ที่มา - DigiTimes
หลังจากแอปเปิลยืนยันวันเริ่มจำหน่าย iMac Pro ในอเมริกาเป็น 14 ธันวาคม 2017 ส่วนประเทศไทยระบุว่าจะเริ่มจำหน่ายเร็วๆ นี้ ล่าสุดในเว็บไซต์แอปเปิลประเทศไทย ได้มีการอัพเดตราคาเริ่มต้นของ iMac Pro แล้ว โดยอยู่ที่ 172,900 บาท ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งได้และจะมีราคาเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้แอปเปิลยังเริ่มวางจำหน่ายสาย Thunderbolt 3 (USB-C) ของตนเอง เพื่อใช้สำหรับ iMac Pro ด้วย โดยสายความยาว 0.8 เมตรนี้ราคา 1,500 บาท ซึ่งสำหรับประเทศไทยก็เริ่มวางจำหน่ายแล้ว
ที่มา: Apple Insider