แม้ Wi-Fi จะพัฒนาขึ้นมายาวนาน แต่ในโทรศัพท์ทุกวันนี้เวลาที่เราต้องการส่งไฟล์หรือข้อมูลอื่นๆ ระหว่างกันในโทรศัพท์มือถือก็ยังต้องการ Bluetooth ที่มีมาตรฐานครบถ้วนให้ใช้งานได้มากกว่า เช่นการส่งข้อมูลไฟล์ระหว่างกันโดยตรง แต่ Wi-Fi Direct ก็จะมาช่วยอุดช่องโหว่นี้แล้ว
โดยหลักการแล้ว Wi-Fi Direct จะคล้ายกับการทำเครือข่าย Adhoc แบบเดิมๆ เพราะมีส่วนของ Device Discovery ไว้หาเครื่องรอบๆ โดยไม่ต้องเข้าร่วมเครือข่ายกันเสียก่อน และ Service Discovery ที่ใช้แจ้งว่าเครื่องปลายทางสามารถรับบริการอะไรได้บ้าง
อาจารย์ระดับประถมศึกษาในรัฐออนแทรีโอได้ลงคะแนนเสียงค้านการแบน Wi-Fi ในห้องเรียน ในการสัมมนาประจำปีที่เมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีผู้ปกครองจำนวนหนึ่งกล่าวโทษเทคโนโลยีดังกล่าวว่าส่งผลให้นักเรียนเกิดอาการปวดหัว
รัฐมนตรีศึกษาธิการของรัฐออนแทรีโอได้กล่าวว่า ข้อมูลที่ผู้ปกครองนำเสนอ ขัดแย้งกับข้อมูลที่ได้จากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของแคนาดา และองค์กรอนามัยโลก โดยข้อมูลจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขระบุว่า หลักฐานทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการได้รับคลื่นวิทยุอย่างอ่อน แบบที่ใช้ในเทคโนโลยี Wi-Fi นั้น ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด
ที่มา – The Globe and the Mail
ทุกวันนี้หากเราต้องการส่งภาพในกล้องออกไปยังเว็บต่างๆ โดยไม่ต้องเสียบสาย ทางเลือกเดียวของเราคือการ Eye-Fi ที่สามารถตัั้งค่าปลายทางของเว็บที่เราต้องการอัพโหลดภาพ แล้วตัวการ์ดจะอัพโหลดให้เองเมื่อต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่ทางโตชิบาร่วมกับ Trek 2000 ก็ได้ประกาศความพยายามที่จะสร้างมาตรฐานของการ์ดแบบเดียวกันนี้แล้ว
ทางโตชิบาตั้งชื่อกลุ่มมาตรฐานนี้ว่า "Standard Promotion Forum for Memory Cards Embedding Wireless LAN" โดยเชิญชวนผู้ผลิตหลายๆ รายเข้ามาแลกเปลี่ยนข้อมูลจากผู้ผลิตและผู้สนใจ โดยเฉพาะผู้ผลิตกล้อง
ตัวการ์ดที่ทาง โตชิบาและ Trek วางไว้นั้นจะมีหน่วยความจำ 8GB และการ์ด 802.11/b/g ในตัว มันจะสามารถส่งข้อมูลขึ้นเซิร์ฟเวอร์ที่กำหนด หรือส่งไปมาระหว่างกล้องได้
สองข่าวในข่าวเดียวเลยครับ
ข่าวแรก จากข่าวลือที่ว่าอินเทลจะออก Atom ที่ใช้ DDR3 เมื่อวานนี้ Intel ก็ได้เปิดตัว Atom D525 และ D425 แล้ว โดยทั้งสองตัวนี้ทำงานที่ควาถี่ 1.8GHz พร้อมด้วย Intel NM10 Express Chipset (เช่นเดียวกับรุ่นพี่ D510, D410) และรองรับแรม DDR3 โดยตัว D525 นั้นเป็น Dual-Core ครับ
คาดกันว่า Android 2.2 "Froyo" จะเปิดตัวในงาน Google I/O สัปดาห์หน้า ช่วงนี้เลยมีข่าวรั่วข่าวหลุดออกมาเป็นระยะ เช่น Flash 10.1 หรือ เร็วขึ้น 450%
TechCrunch รายงานฟีเจอร์เพิ่มเติมของ Android 2.2 ว่ามันสามารถทำ tethering (ต่อเน็ตผ่านมือถือ แล้วส่งไปให้โน้ตบุ๊กใช้เน็ตผ่าน USB) ได้ในตัว ซึ่งเดิมทีต้องติดตั้งโปรแกรมภายนอกเอาเอง
นอกจากนี้ Android 2.2 ยังสามารถแปลงร่างมือถือให้เป็น Wi-Fi Hotspot ได้เช่นกัน ภาพหน้าจอดูได้ตามข่าวครับ
ที่มา - TechCrunch
หลังจากที่ WiGig ออกมาตรฐานรุ่นแรกแล้วนั้น ทางกลุ่ม WiGig ได้ร่วมมือกับกลุ่ม Wi-Fi เพื่อเตรียมดำเนินการในส่วนของโลโก้ และการรับรองสินค้าต่อไป
ทางกลุ่ม WiGig ได้ประกาศว่าผู้ผลิตสามารถเริ่มพัฒนาสินค้าได้ทันที โดยไม่มีค่าธรรมเนียมใดๆในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งมุ่งหวังที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ผลิตอุปกรณ์มาเข้าร่วม และเมื่อพูดถึงกำหนดการณ์ที่สินค้าจะเปิดตัวได้นั้น ทางกลุ่มไม่สามารถพูดถึงกำหนดที่แน่นอนได้ แม้ว่า มาตรฐานจะ "ค่อนข้างเสถียร" มาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2009 แล้ว ซึ่งสินค้าที่น่าจะออกจำหน่ายก่อน น่าจะเป็นสินค้าที่มาทดแทน Wi-Fi เท่านั้น อีกทั้ง มาตรฐานเฉพาะสำหรับหน้าจอไร้สายจะยังไม่ออกจนถึงสิ้นปีนี้ (2010) ซึ่งน่าจะอยู่ประมาณช่วงนั้น
จากข่าวก่อนหน้านี้ที่มีการค้นพบว่า iPad มีปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และทางแอปเปิลก็ได้เคยออกมายอมรับในจุดนี้ (ดูข่าวเก่า) ล่าสุดทางมหาวิทยาลัย Princeton ได้ออกมาเฉลยถึงการค้นพบต้นเหตุของปัญหานี้ และระบุว่าการแก้ไขสามารถทำได้ในระดับซอฟต์แวร์แน่นอน
เรื่องง่ายๆ ที่มีปัญหาก็คือ iPad จะไม่ยอมขอ IP address ใหม่หลังจากที่ IP ที่ได้รับจากเซิร์ฟเวอร์ DHCP นั้นหมดอายุลง และยังคงใช้ IP ที่หมดอายุนั้นต่อ (ง่ายจนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะหลุดมาได้)
ที่มา - AppleInsider
ข่าวสั้นๆ ทาง iFixit ได้มีรายงานว่าจากการลองแกะเครื่อง MacBook Pro ขนาด 15 นิ้วรุ่นใหม่ของแอปเปิลแล้วพบว่าแอปเปิลได้ย้ายเสาอากาศ Wi-Fi และ Bluetooth มาไว้ที่บริเวณช่องใส่ซีดี แทนการไว้ที่ใต้ฐานจอในรุ่นเดิมๆ ที่ผ่านมา
ปัญหาความแตกต่างระหว่างมาตรฐานกำลังส่งคลื่นในย่าน ISM เป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการสนใจมานาน และวันนี้ทางการอิสราเอลก็เริ่มประกาศที่จะเอาจริงกับข้อบังคับในประเทศของตัวเอง ส่งผลให้มีการประกาศว่า iPad จะกลายเป็นของต้องห้ามสำหรับอิสราเอลไปจนกว่าจะมีการขออนุญาตนำเข้าอย่างเป็นทางการ
ปัญหาของคลื่น ISM มีสองประการคือเรื่องความถี่ที่ย่าน 5GHz นั้นไม่ใช่ทุกประเทศจะรองรับเหมือนๆ กันเช่นย่าน 2.4GHz และเรื่องกำลังส่งที่โดยทั่วไปแล้วจะกำหนดกำลังส่งไว้ที่ 100mW ยกเว้นบางประเทศเช่นสหรัฐฯ นั้นกำหนดกำลังส่งไว้สูงถึง 1W แต่ที่ผ่านมามักจะมีการอนุโลมให้กับอุปกรณ์ที่นักท่องเที่ยวถือติดตัวเข้าประเทศ และนี่เป็นครั้งแรกที่ทางการจะเอาจริงกับข้อกำหนดเช่นนี้
มีผู้ใช้จำนวนหนึ่งรายงานว่า ไอแพดมีปัญหาด้านความร้อน สัญญาณ Wi-Fi อ่อนหรือขาดหายไปเป็นบางช่วง รวมถึงไม่สามารถจำการตั้งค่าเน็ตเวิร์คและรหัสผ่านได้ - Engadget
จำข่าว บริษัทเว็บแห่แจก Wi-Fi ฟรีตามสนามบิน กูเกิล-ไมโครซอฟท์-ยาฮูร่วมวง เมื่อช่วงปลายปีก่อนได้ใช่ไหมครับ กูเกิลใช้การลงทุนครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยผู้ใช้งาน Wi-Fi ฟรีส่วนหนึ่งจะถูก redirect ไปยังหน้า google.com/phone ซึ่งเป็นหน้าขายมือถือ Nexus One
การโฆษณาในหน้าแรกของ Wi-Fi ฟรีเป็นเรื่องปกติของสหรัฐอยู่แล้ว โฆษกของกูเกิลเสริมว่า Wi-Fi ฟรีของกูเกิลจะเลือกโฆษณาอย่างอื่นด้วย ไม่ใช่ Nexus One เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ กูเกิลยังโฆษณา Nexus One บนหน้าแรกของกูเกิลด้วย เช่นเดียวกับที่เคยโฆษณาให้ Droid และ G1 (มีคนเรียกตำแหน่งนี้ว่า "พื้นที่โฆษณาที่มีค่ามากที่สุดบนอินเทอร์เน็ต")
เห็นคุณ nuntawat เก็บตกงาน CES 2010 ก็ขอเอาบ้างครับ ในงาน CES 2010 สิ่งที่เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรคือเทคโนโลยีจอภาพไร้สายจากอินเทล ซึ่งชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ WiDi (ย่อมาจาก Wireless Display ตรงไปตรงมา)
การเชื่อมต่อจะเป็นดังนี้ครับ ฝั่งพีซีจะสตรีมข้อมูลภาพผ่าน Wi-Fi ส่วนขารับต้องใช้อแดปเตอร์พิเศษ (ซึ่งตอนนี้มี Netgear ทำออกมาในชื่อ Push2TV) จากนั้นต่ออแดปเตอร์เข้ากับทีวีด้วยพอร์ต HDMI หรือจะใช้สาย AV ธรรมดาก็ได้ ดูภาพประกอบได้หลังเบรก
อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ ถ้าอยู่ในอเมริกา และซื้อรถยนต์ยี่ห้อ Chevrolet รุ่นใดรุ่นหนึ่งใน 7 รุ่น เราสามารถเลือกเพิ่มออปชันเสริมเป็น Wi-Fi access point สำหรับเล่นเน็ตในรถได้
บริการที่ว่าเป็นของบริษัท AutoNet โดยจะติด access point ไว้ในรถ และเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 3G พร้อมเทคนิคในการเชื่อมสัญญาณไม่ให้หลุดในขณะที่รถกำลังวิ่ง ส่วนรัศมีการทำงานของ Wi-Fi นั้นครอบคลุม 150 เมตรรอบตัวรถ
สนนราคาตัวเครื่อง 199 ดอลลาร์พร้อมสัญญา 2 ปี ในข่าวไม่บอกว่าจ่ายค่ารายเดือนเท่าไร ก่อนหน้านี้ Volkswagen ก็เคยเพิ่มตัวเลือกลักษณะนี้มาแล้วเช่นกัน
ที่มา - Hot Hardware
เมืองสวินดอน (Swindon) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ กำลังจะออกแผนให้บริการอินเทอร์เน็ต Wi-Fi ฟรีสำหรับพลเมืองทั้งหมด ซึ่งมีประมาณ 186,000 คน
บริการนี้จะใช้ชื่อว่า Signal ซึ่งจะมีการจำกัดปริมาณการใช้งาน แต่สามารถเลือกอัปเกรดเป็น 20 Mb ได้ โดยเสียเงินเพิ่ม ในราคาที่ "significantly less" เมื่อเทียบกับผู้ให้บริการบรอดแบนด์ปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีบริการแบบเสียเงิน (pay-as-you-go) สำหรับผู้มาเยือนให้ใช้ด้วย
โครงการมูลค่าหนึ่งล้านปอนด์นี้ รับผิดชอบโดย Digital City UK ซึ่ง Swindon Borough Council ถือหุ้น 35 เปอร์เซนต์ โครงการนี้มีแผนที่จะครอบคลุมพื้นที่ภายในเดือนเมษายน 2010
ช่วงคริสต์มาสเป็นช่วงที่ฝรั่งเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติกันเยอะ และสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใช้เครื่องบินสำหรับเดินทางภายในประเทศกันมาก Wi-Fi ตามสนามบินและบนเครื่องบินซึ่งเดิมทีเป็นของเสียเงิน จึงกลายเป็นสมรภูมิใหม่สำหรับบริษัทเว็บทั้งหลายครับ
เริ่มจากกูเกิลประกาศออกเงินค่า Wi-Fi ในสนามบิน 47 แห่งทั่วอเมริกาให้นักเดินทางได้ใช้ฟรีไปจนถึงวันที่ 15 มกราคมปีหน้า เมื่อผู้ใช้ล็อกอินจะพบหน้าเว็บถามว่าต้องการตั้งกูเกิลเป็นโฮมเพจหรือไม่, โฆษณา Chrome และโฆษณาบริจาคเงินให้มูลนิธิ 3 แห่งที่กูเกิลสนับสนุน นอกจากในสนามบินแล้วยังครอบคลุมไปถึง Wi-Fi บนเครื่องของสายการบิน Virgin America ด้วย
ในช่วงการพัฒนาวินโดวส์ 7 นั้น ได้มีการพูดถึงฟีเจอร์ Virtual Wi-Fi ที่จะทำให้การ์ดไวร์เลสทำตัวเสมือนเป็นจุดเชื่อมต่อไร้สาย (wireless hotspot) แต่ในที่สุดก็เงียบหายไปเนื่องจากไม่มีไดร์เวอร์ที่รองรับฟีเจอร์ดังกล่าว มาวันนี้ก็มีคนอื่นมาพัฒนาต่อจนเสร็จสิ้นในชื่อ Connectify
หลังจากมาตรฐาน IEEE 802.11n ได้รับการรับรองแล้ว Wi-Fi Alliance ได้เปิดตัว Wi-Fi Certified program เพื่อเพิ่มการทดสอบฟีเจอร์เสริมที่เป็นที่นิยมในหมู่อุปกรณ์ Wi-Fi โดยเริ่มต้นจะมีห้องปฏิบัติการที่ใช้ทดสอบ 2 ที่ แต่จะเพิ่มเป็น 13 ที่ภายในไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึง
สำหรับการรับรองเพิ่มเติมสำหรับความสามารถใหม่ๆ อาทิ
เนื่องในโอกาสที่ 802.11n ได้รับการรับรองให้เป็นมาตราฐาน Wi-Fi แล้ว ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์หลายเจ้าก็ถือเป็นฤกษ์อันดีสำหรับผลักดันการใช้งาน 802.11n ในวงกว้าง และหนึ่งในผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เหล่านั้นก็คือไมโครซอฟท์
เว็บไซต์ Joystiq ได้รับการยืนยันจากไมโครซอฟท์แล้วว่า กำลังจะออกการ์ดเสริมสำหรับ 802.11n สำหรับ Xbox 360 โดยโฆษณาว่ามันจะช่วยให้ "seamlessly connect with their home network with the highest wireless 'N' technology"
ราคาและวันวางจำหน่ายยังไม่เปิดเผย
ที่มา - Joystiq
แม้ว่าเราจะใช้มาตราฐาน Wi-Fi 802.11n มานานมากแล้วก็ตาม ล่าสุด IEEE ได้รับรองให้เป็นมาตราฐาน Wireless Lan แล้ว หลังจากที่มีสถานะเป็นเพียงแค่ Draft มานาน
โดยตามสเปคของมาตราฐาน 802.11n นี้อุปกรณ์จะมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลที่ความเร็วสูงสุดที่ 300 Mbit/s
จากคำอ้างของ Wi-Fi Alliance นั้น อุปกรณ์เกือบทั้งหมดที่ใช้ 802.11n Draft สามารถที่จะทำการอัพเกรดตามสเปคนี้ได้ด้วยการอัพเดทเฟิร์มแวร์
ที่มา - C|net
นับจากวันนี้เราคงต้องห้ามคิดว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อผู้ผลิตการ์ดเครือข่าย Wi-Fi ได้วางตลาดการ์ดพิเศษที่ใช้แฮกเครือข่ายแลนไร้สายเพื่อใช้งานในราคาเพียง 35 ดอลลาร์หรือ 1000 บาทเท่านั้น
ผู้ผลิตที่ชื่อว่า Card King จากมณฑลกวางสูเป็นผู้ผลิตการ์ด Wi-Fi ตัวนี้ โดยโฆษณาว่าเป็นการ์ดเครือข่ายที่ช่วยให้เราเล่นอินเทอร๋เน็ตฟรีได้ตลอดชีพ แต่แท้จริงแล้วมันคือการรวมเอาการ์ดเครือข่าย กับเสาอากาศความไวสูงพิเศษ 5dB พร้อมกับซอฟต์แวร์แฮกเครือข่ายที่ไม่เข้ารหัส หรือเข้ารหัสด้วย WEP และ WPA ในรูปแบบที่ความปลอดภัยไม่มากพอโดยอัตโนมัติ
หลายคนคงรู้กันมาบ้างว่าหากไม่มีเราท์เตอร์อยู่ใกล้ๆ และต้องการส่งไฟล์ผ่านคอมพิวเตอร์นั้นเราสามารถสร้างวงเครือข่ายแบบ Ad Hoc ได้แต่ปัญหาคือถ้าเครื่องของเราต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ เราต้องตัดการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตเสียก่อนเพื่อสร้างเครือข่าย Ad Hoc แต่ถ้าใครใช้โน้ตบุ๊กที่ใช้ชิปของอินเทลรุ่น WiFi Link ตัว 5300, 5100 และ 1000 แล้วซอฟต์แวร์ของอินเทลในชื่อ My WiFi Technology ก็ถูกเปิดตัวมาเพื่อแก้ปัญหานี้
โดยตัวซอฟต์แวร์นี้จะมีความสามารถในการ "แตก" การ์ดไวร์เลสของเราให้กลายเป็นทั้งตัวลูกข่ายของแอกเซสพอยต์ไปพร้อมๆ กับเป็นแอกแอกเซสพอยต์ให้อุปกรณ์ตัวอื่นๆ ได้อีก 8 ตัวทำให้สามารถโอนถ่ายไฟล์ได้โดยตรง
คนใช้อาจจะชอบ แต่งานนี้ผมว่าคนดูและด้านความปลอดภัยอาจจะร้องกันระงม
หลังจากไมโครซอฟท์ได้ซุ่มทำโครงการ Virtual WiFi (VWiFi) ภายใต้ Microsoft Research มาได้สักพักใหญ่ก็ได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างแล้วใน Windows 7 RC
รายงานวิจัยของสมาคม Wi-Fi Alliance และบริษัท In-Stat เปิดเผยว่า ยอดจำหน่ายชิพเซ็ท ไว-ฟาย เพิ่มขึ้นกว่า 25% จากเมื่อปีที่แล้วเป็น 387 ล้านชิพเซ็ท เป็นผลจากความต้องการใช้ชิพไว-ฟายในเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่และบรรดาเครื่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โภคภัณฑ์ (consumer electronic devices) หรือ CED ใช้งานประจำที่ เพิ่มมากขึ้น
รายงานระบุว่า ปี 2551 มีการผลิตเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งใช้ ไว-ฟาย ได้ด้วยออกจำหน่ายราว 56 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 52% ในขณะที่ความต้องการของ CED ที่สามารถใช้งาน ไว-ฟาย ได้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 48 ล้านชิพเซ็ท หรือเพิ่มขึ้น 51%
IMS Research เปิดเผยว่า กลางปี 2552 คงจะได้เห็น บลูทูธ 2.2 (Bluetooth 2.2) อย่างแน่นอน โดยจะเป็นเวอร์ชั่นใช้งานกับ Wi-Fi และ UWB (ultrawideband)
เวอร์ชั่น Wi-Fi จะจำหน่ายในชื่อ “Bluetooth 10x” ในขณะที่เวอร์ชั่น UWB ใช้ชื่อ “Bluetooth 100x” ทั้งนี้เวอร์ชั่น 10x จะมีจำหน่ายก่อนเนื่องจากปัจจุบันอุปกรณ์ Wi-fi ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายแล้ว อย่างไรก็ดีคาดกันว่า ไม่เกิน 5 ปี ผู้บริโภคจะมีโอกาสได้ใช้ทั้ง 2 เวอร์ชั่นที่มีความสมบูรณ์
ทว่าท่ามกลางกระแสข่าวนี้ไม่ปรากฏว่ามีผู้แทนจากบลูทูธเอสไอจี (Bluetooth SIG) หรือ Bluetooth Special Interest Group ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
บริษัท ซิตี้บัส (Citybus) และบริษัท นิว เวิลด์ เฟิร์ส บัส (NWFB) ของเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ร่วมกันประกาศต่อสาธารณชนเมื่อเร็วๆนี้ว่า รถโดยสารประจำทางที่สามารถใช้บริการไว-ฟาย (Wi-Fi)ได้คันแรกเริ่มวิ่งแล้ว และอีก 10 คันใน 11 เส้นทางอยู่ระหว่างติดตั้งอุปกรณ์ไว-ฟาย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
บริการไว-ฟาย เป็นบริการเสริมพิเศษของรถโดยสารประจำทาง ที่ต้องการอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในการใช้อินเทอร์เน็ต และเพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนา ไว-ฟาย ในฮ่องกง ทั้งนี้จะมีการประเมินผลเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อดูการสนองตอบของผู้โดยสารต่อบริการใหม่ หากได้ผลเป็นที่น่าพอใจ บริษัทจึงจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะเพิ่มบริการดังกล่าวไปยังรถโดยสารคันอื่นๆอีกหรือไม่