แม้ว่าไมโครซอฟท์จะยุติการสนับสนุน Windows XP ไปได้พักใหญ่ แต่สำหรับลูกค้าองค์กรที่พร้อมจ่าย ไมโครซอฟท์ก็ยังให้บริการสนับสนุนต่อไป (แบบเสียเงิน) ซึ่งมีองค์กรบางแห่งยอมจ่ายไปก่อนแล้ว
ล่าสุดไมโครซอฟท์เพิ่งได้ลูกค้าใหม่อีกรายเป็นกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่ยอมจ่ายเงินกว่า 9.1 ล้านเหรียญเพื่อให้ไมโครซอฟท์สนับสนุน Windows XP ที่ใช้สำหรับ Space and Naval Warfare Systems Command (SPAWAR) ซึ่งรันระบบสื่อสาร และข้อมูลเครือข่ายของกองทัพเรือสหรัฐฯ อยู่ ดีลนี้ครอบคลุมอุปกรณ์ที่รัน Windows XP, Windows Server 2003 Office 2003 และ Exchange 2003 ซึ่งตัวสัญญาทั้งหมดจนถึงปี 2017 มูลค่าสูงถึง 30.8 ล้านเหรียญด้วยกัน
ในยุคที่โปรแกรมสมัยใหม่เริ่มจะทิ้งระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าอย่าง Windows XP แม้ว่าไมโครซอฟท์จะหยุดอัพเดตทั้งหมดไปแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ใช้งานอยู่จำนวนมาก ล่าสุดกูเกิลออกมาประกาศยืดอายุการรองรับ Windows XP ของ Chrome ต่อไปอีก หลังจากก่อนหน้านี้เคยออกมาประกาศว่าจะรองรับจนถึงเดือนเมษายน (ซึ่งก็คือเดือนนี้นั่นเอง)
การต่ออายุ Chrome บน Windows XP ครั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ใช้งานบางส่วนที่ยังต้องใช้งานพีซีอยู่บน Windows XP ยังสามารถใช้งานเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัย และยังมีเวลาสำหรับอัพเดตระบบปฏิบัติการไปจนถึงปลายปี 2015 นี้
ส่วนคู่แข่งร่วมโลกอย่าง Firefox ตอนนี้ยังไม่ประกาศแผนหยุดรองรับ Windows XP แต่อย่างใดครับ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ประกาศหยุดซัพพอร์ต Windows XP ทำให้หน่วยงานรัฐที่มีคอมพิวเตอร์เก่าจำนวนมากต้องเริ่มหาทางอัพเกรดหรือย้ายระบบเพื่อให้สามารถอัพเดตความปลอดภัยได้ต่อไป ตอนนี้เทศบาลเมืองตูรินในอิตาลีก็ออกมาประกาศแผนย้ายพีซี 8,300 เครื่องจาก Windows XP ไปยัง Ubuntu โดยคาดว่าจะทำให้ประหยัดค่าไลเซนส์ซอฟต์แวร์ไปได้ 6 ล้านยูโร
โครงการนี้ถูกเสนอมาตั้งแต่สองปีที่แล้ว แต่ปรากฎว่าไลเซนส์ของ Windows XP ยังใช้งานได้ทำให้การย้ายไปลินุกซ์ซึ่งมีค่าใช้จ่ายไม่คุ้มเมื่อเทียบกับการใช้ Windows XP ต่อไป แต่หลังจากไมโครซอฟท์เลิกซัพพอร์ต Windows XP ทางเทศบาลเมืองต้องหาทางย้ายระบบปฎิบัติการทำให้ Ubuntu กลายเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าขึ้นมา เมื่อเทียบกับการซื้อไลเซนส์ Windows 8
เมื่อไมโครซอฟท์ประกาศหยุดซัพพอร์ตบน Windows XP ซอฟต์แวร์สำคัญที่หยุดซัพพอร์ตตามไปด้วยคือจาวาของออราเคิล ข่าวนี้ทำให้ผู้ใช้จาวากังวลโดยเฉพาะเวอร์ชั่น 7 และ 8 ที่ยังได้รับซัพพอร์ตอยู่
ออราเคิลออกมาชี้แจงว่าแม้ออราเคิลจะหยุดซัพพอร์ตจาวาบน Windows XP ไปแล้ว แต่ผู้ใช้ยังคงใช้งานได้ต่อไปโดยได้รับแพตช์ต่างๆ ในเวอร์ชั่นที่ซัพพอร์ตอยู่
สำหรับผู้ใช้เวอร์ชั่น 7 ที่เคยซัพพอร์ตบน Windows XP จะยังคงใช้งานได้ต่อไป และอัพเดตต่างๆ จะยังคงมีต่อเนื่องจนกว่าจะหยุดซัพพอร์ตจาวา 7 ทั้งหมด ส่วนจาวา 8 นั้นตัวติดตั้งไม่สามารถทำงานบน XP ได้ ผู้ใช้จะต้องติดตั้งด้วยการแตกไฟล์เอง
ถึงแม้ Windows XP หมดระยะสนับสนุนและออกแพตช์ไปแล้ว แต่วินโดวส์รุ่นใกล้เคียงสำหรับงานเฉพาะทางอย่าง Windows Embedded POSReady 2009 ยังมีอัพเดตอยู่ เลยมีคนค้นพบว่าถ้าเข้าไปแก้ registry ของระบบให้จำลองตัวเป็น Windows Embedded ก็จะสามารถอัพเดตแพตช์ต่อไปได้ โดยเพิ่มไฟล์ .reg ที่มีข้อความสั้นๆ เท่านั้น
ตัวแทนของไมโครซอฟท์ออกมาชี้แจงกรณีนี้ว่า บริษัทรับทราบเรื่องการแก้ registry แต่ในความเป็นจริงแล้ว แพตช์เหล่านี้ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ Windows XP โดยตรง ทำให้มีความเสี่ยงทั้งการอัพเดตแพตช์แล้วป้องกันรูรั่วไม่ได้จริง และอัพไปแล้วทำให้เครื่องใช้งานไม่ได้ ดังนั้นไมโครซอฟท์ยังแนะนำเหมือนเดิมคือให้อัพเกรดไปใช้ Windows 7 หรือ 8 แทนจะดีกว่า
Net Application ได้ออกมาเปิดเผยส่วนแบ่งตลาดของระบบปฏิบัติการ นับถึงสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 90% ขณะที่แมคอยู่ที่ 7.62% และลินุกซ์ 1.58% สำหรับวินโดวส์ 8.1 ที่ถูกปล่อยออกมากว่า 6 เดือน ค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 5.88% และหากนับรวมวินโดวส์ 8 จะอยู่ที่ 12.24%
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดยังคงเป็นวินโดวส์ 7 อยู่ที่ 49.27% นอกจากนั้นวินโดวส์ XP ที่ถูกทางไมโครซอฟท์ทอดทิ้งไปแล้วนั้น ลดลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 26.29% จากปลายปีที่แล้ว ที่ 28.98%
เมื่อไม่กี่วันนี้เพิ่งมีข่าว อันตรายร้ายแรง! แจ้งเตือนช่องโหว่ IE กระทบทุกเวอร์ชันและทุกรุ่นของวินโดวส์ ล่าสุดไมโครซอฟท์ออกแพตช์แก้แล้ว ผู้ใช้วินโดวส์สามารถอัพเดตได้ผ่านกระบวนการของ Windows Update ตามปกติ
ไมโครซอฟท์ยังประกาศว่าบั๊กนี้เป็นกรณีพิเศษที่จะออกแพตช์ให้กับผู้ใช้ Windows XP ด้วย แม้ XP จะหมดระยะการสนับสนุนไปแล้วก็ตาม
ส่วนผู้ใช้ Windows 7 จำเป็นต้องติดตั้ง IE11 Update ก่อน ถ้าไม่ติดตั้งแล้วอัพเดตแพตช์ตัวนี้จะทำให้ IE แครชได้ครับ
ตัวแทนระดับสูงของรัฐบาลจีนเปิดเผยว่า หน่วยงานรัฐจะยังใช้ Windows XP ต่อไปถึงแม้ Microsoft จะหยุดสนับสนุนอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม โดยรัฐบาลสนใจที่จะใช้บริการอุดช่องโหว่จากผู้ให้บริการด้านความปลอดภัยในจีน (รวมถึงบริษัท Tencent ที่ Microsoft มีความร่วมมือด้วย?)
ตัวแทนดังกล่าวยังระบุว่าการอัพเกรดไป Windows 8 นั้นแพงไป
คาดว่ามีคอมพิวเตอร์ในจีนกว่าร้อยละ 70 ที่ยังรัน Windows XP อยู่
ที่มา: Sky
ไมโครซอฟต์เนเธอร์แลนด์เผยคลิปเบื้องหลังภาพ Bliss ภาพพื้นหลังเดสก์ท็อปบน Windows XP ที่ปรากฏสู่สายตาคนทั่วโลก
ภาพนี้ถูกถ่ายโดย Charles O'Rear เขาบอกว่าภาพนี้ไม่เคยผ่านการตกแต่งด้วยซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์ แต่ที่ภาพเป็นเช่นนี้เพราะสภาพท้องฟ้าในช่วงเวลานั้น ประกอบกับการใช้ฟิล์มฟูจิในกล้อง Mamiya RZ67
Charles กล่าวว่าหากเขาใช้กล้อง SLR แบบใช้ฟิล์มขนาด 35 มม. คงจะไม่ได้ภาพเช่นนี้แน่นอน
ที่มา: Sploid
นักวิจัยจาก Gartner และเว็บไซต์ Computerworld รายงานว่า เมื่อเดือนที่แล้วไมโครซอฟท์ลดราคาขอรับการสนับสนุนแพตช์ให้ Windows XP ที่เพิ่งหมดอายุขัยไปเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยลดราคาลงอย่างมาก (substantially)
แหล่งข่าวของ Computerworld ให้ข้อมูลว่าข้อตกลง Custom Support Agreement (CSA) ใหม่ที่บริษัทขนาดใหญ่ทำกับไมโครซอฟท์นั้นชาร์จสูงสุดที่ 250,000 ดอลลาร์ และอีก 250 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ส่วนเว็บไซต์ ZDNet อ้างแหล่งข่าวของตนว่า ลูกค้ารายหนึ่งได้รับส่วนลด CSA จากทั้งหมด 85 ล้านดอลลาร์เหลือเพียง 3 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
อย่างที่ทราบกันดีว่าในวันนี้ยังคงเป็นช่วงเวลาที่เราต่างก็ร่ำลาระบบปฏิบัติการที่ถือว่าสนับสนุนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ของไมโครซอฟท์อย่าง Windows XP ซึ่ง ณ เวลานี้ หลายองค์กรยังคงอยู่กับ Windows XP อยู่พอสมควร (เช่น รัฐบาลเนเธอร์แลนด์)
รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ตัดสินใจขอรับการสนับสนุนสำหรับ Windows XP จาก Microsoft ไปอีก 1 ปี โดยยอมจ่ายเงินจำนวนหนึ่งซึ่งไม่เปิดเผยมูลค่า จากเดิมที่ Windows XP จะตกรุ่นและหมดสิทธิรับการสนับสนุนต่างๆ จาก Microsoft ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายนนี้เป็นต้นไป
รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ได้ขอให้ Microsoft ให้การช่วยเหลือสนับสนุนการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่รัน Windows XP ประมาณ 34,000 - 40,000 เครื่อง ไปจนถึงเดือนเมษายนของปีหน้า เพื่อที่จะได้ใช้ช่วงระยะเวลาดังกล่าวทยอยอัพเกรดระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเป็นรุ่นใหม่กว่าอย่าง Windows 7 หรือ Windows 8
ในขณะที่ Windows XP กำลังจะหมดระยะรับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจาก Microsoft ในสัปดาห์หน้า จนเกิดประเด็นเรื่องความเสี่ยงของผู้ใช้งาน ซึ่งรวมถึงกลุ่มลูกค้าองค์กรอย่างธนาคารที่มีการใช้งาน Windows XP กับตู้ ATM เป็นจำนวนมาก ทำให้ธนาคารในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเร่งหาทางป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และธนาคารหลายแห่งในญี่ปุ่นก็เลือกที่จะอัพเกรดระบบปฏิบัติการของตู้ ATM เป็น Windows 8 แล้ว
อย่างที่ทราบกันว่าไมโครซอฟท์จะหยุดให้บริการสนับสนุน Windows XP และ Microsoft Office 2003 อย่างเป็นทางการในวันที่ 8 เมษายนที่จะถึงนี้ รวมไปถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่จะตามมาหากยังคงยื้อใช้อยู่ วันนี้ ไมโครซอฟท์ได้จัดงานประชาสัมพันธ์เพื่อตอกย้ำให้ผู้บริโภคและภาคธุรกิจเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการอัพเกรดไปสู่ซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการ Windows ที่ทันสมัยกว่า เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
จากข่าว ตู้ ATM กว่า 95% ทั่วโลกยังใช้ Windows XP แต่ Windows XP กำลังจะหมดอายุในวันที่ 8 เมษายนนี้
ผู้บริหารของสมาคมอุตสาหกรรม ATM (ATMIA) ออกมาให้ข้อมูลว่าปัญหาเรื่อง Windows XP เป็นปัญหาใหญ่ของวงการนี้ และกลุ่มมาตรฐานความปลอดภัยด้านบัตรจ่ายเงิน (PCI SSC) ก็ออกกฎว่าตู้ที่ใช้ Windows XP หลังวันที่ 8 เมษายนจะต้องมีมาตรการด้านความปลอดภัยตามข้อกำหนดของกลุ่มด้วย
ก่อนอื่นต้องแจ้งก่อนว่า ส่วนลดนี้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้นครับ
ไมโครซอฟท์สร้างแรงจูงใจในการเลิกใช้ Windows XP โดยมอบส่วนลด 100 ดอลลาร์ในการซื้อ Surface Pro 2 (ไม่รวม Surface RT/Surface 2) หรือพีซี Windows 8 ที่มีราคามากกว่า 599 ดอลลาร์ (แถมช่วยโอนถ่ายข้อมูลจากเครื่องเก่าให้ด้วย)
ขั้นตอนคือลูกค้าต้องยกคอมเก่าที่เป็น Windows XP ไปที่ร้านของไมโครซอฟท์ (Microsoft Store และร้านที่เข้าร่วมโครงการ) ด้วยจึงจะได้รับสิทธิ โปรโมชั่นนี้มีไปจนถึงช่วงกลางเดือนมิถุนายนครับ
ที่มา - Betanews
ปัญหาเรื่อง Windows XP หมดอายุ 8 เม.ย. เป็นเรื่องใหญ่ของฝ่ายไอทีในองค์กรทั่วโลก แต่ "ความเป็นจริง" ที่พบก็คือการย้ายจาก XP เป็นเรื่องไม่ง่ายเพราะติดอยู่กับแอพพลิเคชันหลายตัวที่เขียนขึ้นมาสำหรับ XP เท่านั้น
สำหรับคนที่จำเป็นต้องอยู่กับ XP ต่อไปจริงๆ สิ่งที่กังวลที่สุดคงเป็นเรื่องช่องโหว่ zero-day ที่จะถูกค้นพบในอนาคต (และประกาศต่อสาธารณะ) แต่ไมโครซอฟท์จะไม่ออกแพตช์บน XP ให้อีกแล้ว คำถามคือจะเอาตัวรอดจากช่องโหว่เหล่านี้ได้อย่างไร
บริษัทความปลอดภัยหลายค่ายก็มีโซลูชันเฉพาะในแบบของตัวเอง ซึ่งค่าย Trend Micro เจ้าของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสชื่อดังก็มีผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Virtual Patching หรือ Intrusion Defense Firewall (IDF)
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ธนาคารต่างๆ ทั่วโลกกำลังเจอปัญหาที่ไม่สามารถอัพเกรดระบบปฏิบัติการของเครื่องเอทีเอ็มจาก Windows XP ที่จะสิ้นสุดการสนับสนุนในวันที่ 8 เม.ย. ได้ทัน โดยธนาคารรายใหญ่ของสหราชอาณาจักรอย่าง HSBC, Barclays และ RBS เจรจากับ Microsoft เพื่อซื้อบริการสนับสนุน Windows XP เพิ่มเติมอยู่
แม้ว่าไมโครซอฟท์ประกาศไปแล้วว่าจะยุติการสนับสนุนระบบปฏิบัติการอายุกว่า 12 ปีอย่าง Windows XP ลงในวันที่ 8 เมษายนนี้ แต่สำหรับในประเทศจีนจะต่างออกไปเล็กน้อย เพราะว่าผู้ใช้ในประเทศจีนจะยังได้รับการสนับสนุนทางด้านความปลอดภัยต่อเนื่องไปอีกแม้ว่าจะเลยวันหมดอายุไปแล้ว
การสนับสนุน Windows XP ในประเทศจีนจะไม่ได้มาจากไมโครซอฟท์โดยตรง แต่เป็นการร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัยในประเทศจีนรายใหญ่อย่าง Tencent นั่นเอง
เหตุผลที่ไมโครซอฟท์เลือกปฏิบัติ ก็เนื่องมาจากในตอนนี้ยังมีผู้ใช้ Windows XP เกินครึ่งในประเทศจีน จึงต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อช่วยผู้ใช้ไปก่อน จนกว่าผู้ใช้จะเปลี่ยนไปใช้ระบบปฏิบัติตัวใหม่กว่ามากขึ้นในอนาคต
นับถึงวันนี้เหลือเวลาอีก 1 เดือนพอดี ที่ Windows XP จะหมดอายุ (8 เม.ย.)
เว็บไซต์ Infoworld ได้แนะนำเทคนิคการใช้งาน Windows XP ให้ปลอดภัยหลังวันหมดอายุ ซึ่งเทคนิคเหล่านี้พอจะช่วยให้คนที่ยังจำเป็นต้องใช้ Windows XP มีความปลอดภัยมากขึ้นในระดับหนึ่ง (แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด) รายละเอียดมีดังนี้ครับ
ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังวันที่ 8 เม.ย.
สิ่งที่เกิดขึ้นคือไมโครซอฟท์จะไม่อุดช่องโหว่แม้ว่าจะค้นพบช่องโหว่นั้น (zero day exploit) และแฮ็กเกอร์จะค้นพบช่องโหว่เหล่านี้ได้ง่ายขึ้นเพราะมันอาจอยู่ในแพตช์ของ Windows 7/8 ทำให้ย้อนรอยกลับได้ง่าย
จากข่าว ไมโครซอฟท์จะหยุดการสนับสนุนทางด้านเทคนิคของ Windows XP ในวันที่ 8 เม.ย. นี้ ซึ่งใกล้เข้ามาทุกที ไมโครซอฟท์เตรียมแจ้งให้ผู้ใช้ Windows XP ทราบเรื่องนี้โดยจะขึ้นข้อความเตือนตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคมเป็นต้นไป
วิธีการเตือนจะแจ้งเป็น dialog box มาตรฐาน ซึ่งผู้ใช้สามารถกดปิดเพื่อไม่ให้แสดงผลแบบถาวรได้ ส่วนข้อความนั้นสั้นๆ เพียงว่า Windows XP จะหมดระยะสนับสนุนในวันที่ 8 เมษายน 2014 พร้อมลิงก์ให้ไปอ่านข้อมูลต่อบนเว็บไซต์ของไมโครซอฟท์
NetMarketShare เผยว่า สัดส่วนผู้ใช้ Windows XP ทั่วโลกเทียบกับระบบปฏิบัติการบนเดสก์ท็อปทั้งหมดเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จาก 29.30% ณ สิ้นเดือนมกราคม เป็น 29.53% ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วน Windows รุ่นอื่นๆ ครองส่วนแบ่งทั่วโลก ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้
NetMarketShare เผยว่า สัดส่วนผู้ใช้ Windows XP ทั่วโลกเทียบกับระบบปฏิบัติการบนเดสก์ท็อปทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 27.84% ณ สิ้นเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา เป็น 29.23% ณ สิ้นเดือนมกราคมปีนี้
ตามข้อมูล NetMarketShare นั้น สัดส่วนผู้ใช้ Windows XP ก่อนหน้านี้ลดลงอย่างต่อเนื่อง มีเพิ่มขึ้น 0.02% ระหว่างเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมปีที่ผ่านมา ส่วน Windows รุ่นอื่นๆ ครองส่วนแบ่งทั่วโลก ณ สิ้นเดือนมกราคมปีนี้ ดังนี้
BitDefender เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยอีกรายที่ออกมาประกาศนโยบายต่อ Windows XP
อย่างไรก็ตาม Windows XP ที่ BitDefender สนับสนุนหมายถึง XP SP3 เท่านั้น ส่วนรุ่น SP1/SP2 หมดอายุไปแล้วตั้งแต่ปี 2011 ครับ
ที่มา - BitDefender
จากกรณี Windows XP จะหมดอายุในเดือนเมษายน 2014 นี้ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์หลายรายก็ออกมาประกาศนโยบายว่า "จะเอายังไงต่อ" กับ Windows XP
ฝั่งของ Kaspersky ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยชื่อดัง ออกมาประกาศแล้วว่าซอฟต์แวร์รุ่นปัจจุบันจะใช้งานได้กับ XP และสัญญาว่าบริษัทจะออกซอฟต์แวร์สำหรับ XP ต่อไปอีก 2 รุ่นใหญ่ (two next generations)
Kaspersky ยังให้ข้อมูลว่าลูกค้าของตัวเอง 20% ยังใช้งาน Windows XP อยู่ และให้คำแนะนำว่าถ้ายังจำเป็นต้องใช้งาน XP ต่อไป ก็ควรใช้ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัยชั้นสูงเข้าช่วยป้องกัน (ซึ่งในที่นี้ก็คือ Kaspersky Internet Security นั่นเอง)
ที่มา - Kaspersky