หลังจากยุค Opteron และ AMD64 เรืองอำนาจและร่ำรวยมีเงินไปซื้อ ATI แต่นับจากยุค Core 2 ของอินเทล ก็เรียกได้ว่าเอเอ็มดีไม่ได้เกิดอีกเลย เพราะแพ้ทั้งพลังงานและประสิทธิภาพตลอดจนการตลาด แต่ในไตรมาสสี่ที่ผ่านมา เอเอ็มดีก็ทำกำไรได้อีกครั้ง
รายได้รวมของเอเอ็มดีอยู่ที่ 1,646 ล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธินั้นอยู่ที่ 1,288 ล้านดอลลาร์ ตัวเลขสวยๆ นี้นับว่าเกินจริงไปสักหน่อย เพราะเงินสดที่ได้จากการฟ้องร้องอินเทลนั้นเป็นเงินถึง 1,224 ล้านดอลลาร์ แต่แม้ว่าจะตัดตัวเลขนี้ออกไป เอเอ็มดียังทำกำไรได้ด้วยตัวเอง 64 ล้านดอลลาร์ แม้จะไม่มากแต่นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี
ข่าว GPU จากสองค่ายใหญ่ซึ่งเนื้อหาออกมาคนละทาง
ค่ายสีเขียว NVIDIA ประกาศเลื่อนการวางขาย GPU รุ่นถัดไปที่ใช้รหัสว่า "Fermi" ซึ่งรองรับ DirectX 11 ออกไปเป็นเดือนมีนาคม 2010 จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เดือนพฤศจิกายน 2009 เนื่องจากปัญหาในการผลิต (อีกแล้ว) ฮาร์ดแวร์รุ่นแรกที่จะเปิดตัวในเดือนมีนาคมจะใช้ชื่อรุ่นย่อยว่า GF100 ผลิตที่ 40nm ใช้หน่วยความจำ GDDR5 และในไตรมาสถัดไปจะออก GF104 ที่จับตลาดสูงขึ้น
ค่ายสีแดง ATI (ที่ตอนนี้โดนเขียว AMD กินไปแล้ว) นั้นกลับกัน เพราะประกาศจะออก GPU รุ่นใหม่ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ นั่นคือ Radeon HD 5670/5570 (Redwood) และ HD 5450 (Cedar) ใช้การผลิตที่ 40nm เช่นกัน
Intel และ AMD ประกาศยอมความในคดีเกี่ยวกับการกีดกันการค้าของอินเทลแล้ว โดย Intel จะจ่ายเงินให้ AMD 1.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และยินยอมที่จะไม่ดำเนินการใดๆเพื่อกัน AMD ออกจากตลาด ส่วน AMD จะยกฟ้องคดีความต่างๆ ที่ได้ทำการยื่นฟ้องต่อ Intel ในหลายๆประเทศ
ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงการยินยอมให้ AMD ใช้ GlobalFoundries เป็นโรงงานผลิตซีพียูของ AMD ด้วย หลังจากที่ Intel ออกมาตอบโต้ว่าอาจเป็นการละเมิดสิทธิ์ในการผลิตชิพ x86 ที่ทำไว้กับอินเทล (ข่าวเก่า)
คงเป็นข่าวดีของเอเอ็มดี จากนี้ไปก็สู้กันด้วยคุณภาพสินค้าล้วนๆแล้วล่ะนะ
แม้ว่าสินค้าสาย CPU ของ AMD ดูเหมือนจะสิ้นลายลงไปมากในช่วงหลังๆ แต่ฟาก GPU นั้นยัง ATI Radeon ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง ข่าวร้ายคือสินค้าขายดีของ AMD นั้นกำลังจะกลายเป็นสินค้าหายาก เมื่อทาง TSMC มีปัญหาในการผลิต ทำให้ไม่สามารถส่งมอบชิปได้ตามจำนวนที่คาดการณ์ไว้
ชิป Radeon ตระกูล 5800 นั้นเป็นชิปตระกูลแรกที่ใช้กระบวนการผลิตระดับ 40nm ของ TSMC ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่นับได้ว่าละเอียดที่สุดในปัจจุบัน (Intel นั้นยังคงใช้เทคโนโลยี 45nm สำหรับ CPU อยู่) ปัญหาที่เกิดขึ้นคืออัตราการใช้งานได้ (yield rate) ของชิปในสายการผลิตนี้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยอัตราชิปที่ใช้งานได้ในตอนนี้อยู่ที่ร้อยละ 40 ขณะที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 60
TSMC เป็นผู้ผลิตชิปให้กับทั้ง AMD และ NVIDIA
หลัง NVIDIA บล็อคเครื่องที่ใช้การ์ด ATI ไม่ให้ใช้งาน PhysX ตอนนี้ทาง AMD โดยนาย Neal Robison ฝ่ายบริหารส่วน global independent software vendors ได้ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้แล้วครับ
นาย Robison กล่าวว่า AMD รู้เสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ NVIDIA ตัดสินใจบล็อคการ์ดของ ATI ไม่ให้ใช้งาน PhysX การประมวลผลด้วยการ์ดฟิสิกส์นั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับนักเล่นเกม และเป็นสิ่งที่ควรจะมีไว้ให้สำหรับผู้ใช้ทุกคน ไม่ใช่แค่เป็นของแถมที่จำกัดเฉพาะผู้ใช้บางส่วนเท่านั้น การแสดงท่าทีเช่นนี้นอกจากจะไม่เป็นผลดีต่อผู้ใช้ทั่วไปเท่าไหร่แล้ว ยังจะทำให้มาตรฐานการใช้การ์ดฟิสิกส์ประมวลผลนั้นเสื่อมความนิยมไปเองอีกด้วย
มาตามนัดสำหรับการ์ดจอตัวใหม่ของเอเอ็มดีที่มาในรุ่น ATI Radeon HD 5870 ได้เปิดตัวให้กูรูหลายๆ สำนักไปทดสอบกันแล้วครับ ซึ่งผลทดสอบก็ออกมาอย่าง "เอกฉันท์" ในแง่ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นแต่ยังคงอัตราการบริโภคพลังงานในระดับเดิม
ได้เฮกันถ้วนหน้าสำหรับสาวกยักษ์เขียว เมื่อเอเอ็มดีออกมายืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ซีพียู 6 คอร์สำหรับผู้ใช้เดสก์ทอปจะวางจำหน่ายปีหน้า และข่าวดีสุดๆ คือสามารถใช้ได้กับเมนบอร์ด AM2+, AM3 อีกด้วย
มาดูข้อมูลคร่าวๆ ของซีพียูตัวนี้กันครับ :
AMD เปิดตัวแบรนด์ใหม่ VISION สำหรับฮาร์ดแวร์โน้ตบุ๊ก (ลักษณะเดียวกับ Centrino) ความใหม่ของแบรนด์นี้คือ AMD จะจัดระดับความแรงของฮาร์ดแวร์ (CPU+GPU) ให้เสร็จสรรพ ผู้ซื้อโน้ตบุ๊กไม่ต้องดูสเปกเครื่องว่าแรงแค่ไหน มีกี่คอร์ ความเร็วสัญญาณนาฬิกาเท่าไร มีแคชใหญ่แค่ไหน ฯลฯ ขอแค่เลือกโน้ตบุ๊กที่ติดตรา VISION ในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานก็พอ
แบรนด์ VISION ในตอนนี้มี 3 ระดับ
อย่าเพิ่งลืมว่าโลกนี้ยังมีเอเอ็มดี หลังจากการแก้ปัญหาทางการเงินและการแตกบริษัทอันวุ่นวาย ในที่สุดเอเอ็มดีก็ออกสินค้าใหม่ได้อีกครั้ง โดยตัวที่น่าตื่นเต้นที่สุดคงเป็น Magny-Cours ซีพียู 12 คอร์ตัวแรกจากเอเอ็มดี
Magny-Cours เป็นการแพ็กเอา Istanbul รุ่นใหม่ที่กินพลังงานต่ำลงสองตัวมาอัดรวมกันในชิปเดียว ทำให้ได้จำนวนคอร์รวมเป็น 12 คอร์ใน 1 ซ็อกเก็ต โดยชิปทั้งสองตัวนั้นเป็นชิ้นซิลิกอนแยกกัน แต่วางอยู่ในเซรามิกก้อนเดียวกันที่เรียกว่า Multi-Chip Module
เอเอ็มดีเคยดูแคลนวิธีการเพิ่มคอร์แบบนี้ในสมัยที่อินเทลยังไม่ได้ออกชิปสองคอร์บนซิลิกอนแผ่นเดียวกัน โดยสมัยนั้นเอเอ็มดีเรียกชิปสองคอร์ของตนว่าเป็น ชิปดูอัลคอร์ "แท้"
แม้เราจะไม่เห็นซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ที่รองรับ DX11 ที่ประกาศกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ในตอนนี้ก็มีข่าวถึงรายชื่อชิปที่รองรับ DX11 มาจากทางเอเอ็มดีในชุดแรกแล้ว
ชิปจากทางเอเอ็มดีนั้นจะใช้เทคโนโลยีการผลิต 40 นาโนเมตร และแบ่งออกเป็นตระกูลย่อยสี่ตระกูลได้แก่ Cypress ที่เป็นรุ่นสูงสุด, Redwood และ Cedar นั้นจะเป็นรุ่นสำหรับตลาดหลัก, ส่วน Hemlock นั้นจะเป็นรุ่นราคาถูก
ข่าวลือระบุว่าทางเอเอ็มดีได้รับมอบชิปชุดแรกที่มาจาก TSMC ที่เป็นโรงงานผลิตแล้ว ส่วนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการนั้นน่าจะทำได้ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้
ที่มา - The Iniquirer
นาย Tom McCoy ผู้บริหารชั้นสูงเกี่ยวกับด้านกฎหมายของ AMD ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าสาเหตุที่แอปเปิลจะต้องเซ็นสัญญากับอินเทลที่จะเลือกใช้ชิปของอินเทลแต่เพียงรายเดียวนั้นเนื่องมาจากการที่อินเทลจ่ายเงินให้กับแอปเปิลในช่วงเปลี่ยนจาก PowerPC มาเป็น x86
โดยเพื่อเป็นการตอบแทน แอปเปิลจำเป็นที่จะต้องเซ็นสัญญาว่าจะเลือกใช้เพียงแต่หน่วยประมวลผลของอินเทลเท่านั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ นาย McCoy เชื่อว่าสัญญานี้คงอยู่ไม่นาน และสุดท้ายแอปเปิลอาจจะต้องเลือกที่จะใช้ชิปตามประสิทธิภาพของชิป เมื่อถึงเวลานั้น เราคงอาจจะได้ทำธุรกิจกับแอปเปิล
หลังจากที่ปล่อยให้ทางอินเทลปล่อยชิพประมวลผลรหัส "Nehalem" ซึ่งเป็นการผลิตในขนาด 45 นาโนเมตรมานาน วันนี้ทางเอเอ็มดีได้ประกาศเรื่องการเปลี่ยนไปใช้การผลิตชิพประมวลผลที่ขนาด 45 นาโนเมตรอย่างเต็มตัวพร้อมทั้งวางจำหน่ายในช่วงไตรมาสที่สามนี้ หลังจากที่ได้วางขายไปบ้างแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา
โดยชิพประมวลผลที่เตรียมวางจำหน่ายแบ่งออกเป็นสามรุ่นคือ
หลังจากที่ตกเป็นเบี้ยล่างในตลาดแลปท็อป ที่ถูกอินเทลครองส่วนแบ่งตลาดอย่างเหนียวแน่นมาเป็นเวลาพอสมควร ทางเอเอ็มดีจึงเตรียมส่งแลปท็อบรุ่นใหม่ออกมาภายใต้รหัส Tigris ซึ่งจะมีการประกาศเปิดตัวในงาน Computex 2009 โดยรายละเอียดของแพลทฟอร์มใหม่มีดังนี้
นอกจากนี้แล้ว ภายในงานอาจมีการเผยถึงสเปคของแพลทฟอร์มใหม่ในรหัส Danube ด้วย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ดูเหมือนว่า AMD คงจะดีใจไม่น้อยจากการที่สหภาพยุโรปทำการปรับอินเทล หลังจากการทำผิดกฎหมายป้องกันการผูกขาด โดยการปรับหน้าหลักของเว็บตัวเอง ให้มีธงของสหภาพยุโรปและมีข้อความเขียนไว้ว่า "สหภาพยุโรปพบอินเทลกระทำการผิดกฎหมายป้องกันการผูกขาดและทำร้ายผู้บริโภค"
นอกจากนี้แล้ว AMD ยังมีหน้า Break Free ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำผิดของอินเทล และข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ทั้งหมด ให้ผู้ที่สนใจอีกด้วย
ที่มา - AMD
AMD เคยร้องเรียนไปในปี 2000 ว่า Intel จ่ายเงินให้ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์เพื่อไม่ให้ใช้ชิพจาก AMD
สหภาพยุโรปตัดสินให้ปรับบริษัท Intel 1,450 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 50,000 ล้านบาท) จ่ายค่าปรับในข้อหา ละเมิดกฎห้ามผูกขาดสินค้าของยุโรป ค่าปรับนี้ถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับครั้งที่ไมโครซอร์ฟโดนปรับ 1,300 ล้านดอลลาร์
โดย Intel ได้มีการให้ส่วนลดลับ ๆ อย่างผิดกฎหมายกับผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในยุโรป เพื่อจะขับไล่คู่แข่งออกจากตลาด และมีการพบว่า Media Saturn ผู้ค้าปลีกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของยุโรปได้รับเงินจาก Intel เพื่อจะขายคอมพิวเตอร์ที่มีชิพ Intel อย่างเดียว
สหภาพยุโรปสั่งให้ Intel หยุดกระทำการที่ผิดกฎหมายดังกล่าวในทันที
AMD ได้ทำการปล่อยการ์ดจอราคาถูกรุ่นใหม่ภายใต้ชื่อรุ่น Radeon HD 4770 แม้ว่าจะเป็นการ์ดจอราคาต่ำกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐแต่ก็มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้อย่างเต็มที่
โดยการ์ดจอตัวนี้เป็นการ์ดจอที่ใช้ชิปขนาด 40nm รุ่นแรก มาพร้อมกับหน่วยความจำ GDDR5 และหน่วยประมวลผลสตรีม (Stream processor) กว่า 640 ตัว
สเปคขนาดนี้ แน่ใจได้เลยว่าสามารถที่จะเล่นเกมล่าสุดส่วนใหญ่ได้ทั้งหมด แน่นอนว่าการ์ดจอตัวนี้อาจจะทำให้การ์ดจอแพง ๆ รุ่นอื่น ๆ ยอดขายตกลงมาได้อย่างแน่นอน
ที่มา - Slashdot
แฟนๆ AMD อาจจะเริ่มท้อหลังจาก Core i7 ออกมา ช่องว่างกลับยิ่งห่าง แต่การทดสอบล่าสุดของเว็บไซต์ The Tech Report พบว่าถ้าเอาราคามาหารประสิทธิภาพ ทั้ง Phenom II และ Athlon X2 กลับชนะอินเทลไกล
การทดสอบใช้ซีพียูของอินเทล 10 รุ่น ไล่ตั้งแต่ตัวท็อป Core i7-965 ราคาตัวละ 999 ดอลลาร์ ตามมาด้วย Core 2 Quad ไปจนถึง Core 2 Duo E8400 ราคา 163 ดอลลาร์ ส่วนฝั่ง AMD นั้นมี 7 รุ่น ที่แรงสุดคือ Phenom II X4 940 ราคา 225 ดอลลาร์ และปิดด้วยซีพียูสุดประหยัด Athlon X2 6400+ ราคา 90 ดอลลาร์เท่านั้น
การแบ่งแยกบริษัทของเอเอ็มดีทำให้อินเทลแถลงการบีบให้เอเอ็มดีเปิดเผยข้อตกลงที่ทำไว้กับบริษัท Advance Technology Investment Company (ATIC) เรื่อยมา แต่ทางเอเอ็มดีก็ปฎิเสธเรื่อยมาเช่นกัน ล่าสุดทางอินเทลยื่นคำขาดให้เวลาทางเอเอ็มดี 60 วันเพื่อแก้ปัญหานี้
อินเทลนั้นเชื่อว่าบริษัท Global Foundries ที่เปิดขึ้นมาใหม่นี้ไม่น่าจะเข้าข่ายบริษัทลูกของเอเอ็มดีตามสัญญาการให้สิทธิ์ในสิทธิบัตรระหว่างกันของทั้งสองบริษัท ดังนั้น Global Foundries จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะผลิตชิป x86 ได้
ต่อเนื่องจากข่าวเก่า AMD อนุมัติการแยกบริษัท Foundry Company เรียบร้อย บริษัทนี้ได้ชื่อแล้วว่า GLOBALFOUNDRIES (ตัวสะกดอย่างเป็นทางการเขียนด้วยตัวใหญ่ทั้งหมดแบบนี้ครับ)
เว็บไซต์ของบริษัทอยู่ที่ newglobalfoundry.com โดยซีอีโอคือ Doug Grosse รองประธานฝ่ายเทคโนโลยีและการผลิตของ AMD ซึ่งย้ายมาตามสายงาน ส่วนประธานบอร์ดไม่ใช่ใครอื่น Hector Ruiz ประธานของ AMD ที่เคยประกาศยอมรับไว้ว่า เราพลาดแล้ว เมื่อปีที่แล้ว
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เอเอ็มดีได้เปิดเผยถึงแผนการครั้งใหญ่ภายในงาน CES 2009 ว่า เอเอ็มดีกำลังสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์พลังเพตาฟลอปภายใต้ชื่อ Fusion Render Cloud (FRC) เพื่อให้บริการพลังประมวลผลสำหรับงานกราฟิกผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปีนี้ โดยมีบริษัท Dell, HP, Electronic Arts, Lucasfilm และอีกหลายบริษัทให้การสนับสนุน ทั้งนี้ เอเอ็มดีกล่าวว่า FRC จะทำให้เกิดการปฏิวัติสื่อความละเอียดสูง (หรือ HD)
ถึงแม้ว่าสถานการณ์ในตลาดเดสก์ท็อปกับโน้ตบุ๊คจะไปได้ไม่สวยนัก เอเอ็มดีก็ยังมีไม้เด็ดเตรียมไว้สำหรับตลาดเซิร์ฟเวอร์ซึ่งเป็นตลาดที่ค่อนข้างไปได้ดีสำหรับเอเอ็มดี ซึ่งในวันนี้ทางเอเอ็มดีได้สาธิตซีพียู Opteron ตัวใหม่ของตนเองบนรหัสพัฒนา Istanbul ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 45 นาโนเมตรเช่นเดียวกับ Shanghai แต่บรรจุหน่วยประมวลผลไว้ถึง 6 คอร์ด้วยกัน โดยมีคุณสมบัติดังนี้:
* รองรับซ็อกเก็ต F เดิม (ผ่านการอัพเดทไบออส) * รองรับหน่วยความจำแบบ Dual channel DDR2 * หน่วยความจำระดับสาม 6 MB * รองรับ HyperTransport 3.0
ข่าวเก่าเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว AMD ประกาศแบ่งครึ่งบริษัท ซึ่งหลังจากนั้นเจอปัญหา สงครามน้ำลายกับอินเทล เพราะว่า AMD ขอใช้สิทธิบัตรในเทคโนโลยี x86 ของอินเทลอยู่ และอินเทลบอกว่าสิทธิบัตรนี้ไม่ครอบคลุมการใช้งานในบริษัทใหม่
มาถึงวันนี้ ทางผู้ถือหุ้นของ AMD ได้อนุมัติแผนการแยกบริษัทแล้ว โดยบริษัทใหม่ The Foundry Company จะทำหน้าที่ผลิตซีพียูให้กับ AMD ที่ออกแบบอย่างเดียว กระบวนการทางการเงินและเอกสารจะสิ้นสุดในวันที่ 2 มีนาคมนี้ และเราจะเริ่มเห็นบริษัทใหม่ดำเนินการเสียที
ส่วนกรณีกับอินเทลนั้นเหมือนจะเงียบๆ ไป เป็นไปได้ว่าอาจไปตกลงกันแบบเงียบๆ เรียบร้อยแล้วก็ได้
แม้จะเงียบๆ ไปบ้างแต่เอเอ็มดีก็การเปิดตัวชิป Phenom II ก็น่าจะช่วยให้แฟนๆ หายคิดถึงเอเอ็มดีกันไปบ้าง
ชิป Phenom II เป็นซีพียูตัวแรกของเอเอ็มดีที่รองรับหน่วยความจำแบบ DDR3 เช่นเดียวกับ Core i7 ของอินเทล แต่ต่างกันที่ Phenom II นั้นทำงานแบบ dual channel ส่วนของอินเทลนั้นเป็น triple channel ทำให้ได้เปรียบเมื่อทำงานกับแอพลิเคชั่นที่ต้องการการใช้งานหน่วยความจำสูงมากๆ
ตัวชิปมีให้เลือกทั้ง AM2+ และ AM3 สำหรับผู้ใช้เดิมที่ใช้เมนบอร์ด AM2+ อยู่แล้วสามารถเลือกอัพเกรดได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ แต่ต้องใช้หน่วยความจำแบบ DDR2 ต่อไป
ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 125 ดอลลาร์สำหรับ Phenom II X3 710 และขึ้นไปจนถึง 225 ดอลลาร์สำหรับ Phenom II X4 940 'Black Edition'
การทดลองนี้มีขึ้นที่ ลาส เวกัส จัดโดยคนจาก AMD และมีผู้มุงจำนวนหนึ่ง ใช้ CPU ตัวล่าสุดจาก AMD คือ Phenom II X4 4.481 GHz และการ์ดจอ ATI Radeon HD 4870 X2 จำนวน 2 ชิ้น เมื่อทำการหล่อเย็นด้วยไนโตรเจนเหลวและฮีเลียมเหลวซึ่งทำความเย็นได้ต่ำสุดถึง -232 องศาเซลเซียส ทำให้สามารถโอเวอร์คล็อคไปได้ถึง 6.5GHz เมื่อใช้โปรแกรม 3DMarks05 วัดผล ในการทดลองเคลมไว้ว่าทำลายสถิติโลก จากคะแนน 45474 คะแนน แต่จาก
เอเอ็มดีนั้นประกาศชัดถึงแนวทางการแยกบริษัทมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเตรียมตั้งบริษัทที่ชื่อว่า The Foundry Co. โดยร่วมทุนกับ Abu Dhabi และ Metadata Development และเตรียมการจะปิดข้อตกลงในภายในเดือนหน้า
แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางอินเทลก็ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอีกครั้งว่าบริษัทไม่ได้ต้องการขัดขวางการแยกตัวของเอเอ็มดีในครั้งนี้แต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตี ยังมีความกังวลกันอยู่ว่าสัญญาถึงสิทธิการใช้เทคโนโลยีของอินเทลที่เอเอ็มดีถือครองอยู่นั้นจะมีผลเพียงใดต่อ The Foundry Co.
เอเอ็มดีและอินเทลนั้นมีปัญหาในข้อกฏหมายกันมานานแล้ว โดยเอเอ็มดีระบุว่าอินเทลนั้นบีบทางไม่ให้เอเอ็มดีเข้าไปมีส่วนแบ่งในบางตลาดได้