เว็บไซต์ TorrentFreak ได้เปิดเผยเอกสารหลุดจากสมาคมผู้ประกอบกิจการเพลงของสหรัฐอเมริกา หรือ RIAA ซึ่งเป็นผลการศึกษาในประเด็นที่ว่าผู้คนได้เพลงมาจากแหล่งใดกันบ้างในช่วงปี 2010-2011 พบว่า 35% นั้นมาจากการซื้ออย่างถูกต้องไม่ว่าจะเป็นซื้อซีดีหรือดาวน์โหลดเอา ส่วนอีก 65% มาจากการได้มาแบบไม่ต้องเสียเงิน
ในส่วนของการได้เพลงมาแบบไม่เสียเงินที่มีถึง 65% นั้น เมื่อแยกย่อยลงมาพบว่าสัดส่วนการได้เพลงผ่านการแชร์ในเครือข่าย P2P มีเพียง 15% ขณะที่การโหลดจากเว็บรับฝากไฟล์นั้นคิดเป็นเพียง 4% เท่านั้น ส่วนกรณีที่เหลือของการได้เพลงแบบไม่ต้องเสียเงินนั้น กลับมาจากวิธีการที่ไม่ต้องพึ่งบริการออนไลน์ได้แก่การยืมฮาร์ดดิสก์มาก๊อปปี้ และเอาแผ่นเพื่อนมาไรท์กันตรงๆ เลย
ต่อจากกรณี วิดีโอประธานาธิบดีโอบามาร้องเพลง โดนบล็อคเพราะละเมิดลิขสิทธิ์! ล่าสุดมีรายงานว่า YouTube เลิกบล็อค และคลิปกลับมาดูได้ตามปกติในสหรัฐแล้ว
โฆษกของ YouTube แถลงข่าวว่าปกติ YouTube มีระบบรับแจ้งคลิปละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งก็มีโอกาสผิดพลาดได้ และมีระบบรับเรื่องร้องเรียนในกรณีผิดพลาดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม YouTube ไม่ได้อธิบายว่าคลิปนี้มีปัญหาเฉพาะเจาะจงอย่างไรครับ
ที่มา - Ars Technica
ผู้ใช้ YouTube คงคุ้นเคยกันดีกับการเข้าชมคลิปและพบข้อความว่าคลิปนี้ถูกบล็อค เนื่องจากละเมิดลิขสิทธิ์เพลงของค่ายเพลงใหญ่ๆ กระบวนการบล็อคลักษณะนี้เกิดจากค่ายเพลงไล่ตรวจคลิปผิดลิขสิทธิ์และแจ้งไปยัง YouTube เพื่อให้บล็อคคลิปเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าคลิปปาฐกถาของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ที่ระหว่างการพูดเขาร้องเพลง Let's Stay Together ของ Al Green สั้นๆ เรียกเสียงปรบมือของผู้ชม ถูกสั่งบล็อคโดยเจ้าของลิขสิทธิ์คือ BMG ในสหรัฐเรียบร้อยแล้ว (คลิปนี้ยังดูได้ในไทย) โดยขึ้นข้อความว่า
This video contains content from BMG_Rights_Management, who has blocked it in your country on copyright grounds.
หลังจากศาลของอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์มีคำสั่งให้ ISP ในสองประเทศดังกล่าวต้องบล็อคการเข้าถึงเว็บไซต์ The Pirate Bay ด้วยเหตุผลเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
หลังการบล็อคดังกล่าว ISP สัญชาติเนเธอร์แลนด์ชื่อว่า XS4All ได้ออกมาเผยข้อมูลว่าความพยายามดังกล่าวไม่ได้ช่วยให้ทราฟิก P2P ลดลงเลย ในทางตรงข้ามคือกลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ
ข่าวนี้เป็นความคืบหน้าของ Philip Matesanz นักเรียนชาวเยอรมันวัย 21 เจ้าของเว็บไซต์บริการแปลงวิดีโอบน YouTube เป็น MP3 ที่ชื่อ YouTube-MP3.org ซึ่งถูกทนายของกูเกิลเตือนว่าจะฟ้องร้อง โดยล่าสุด Matesanz เผยว่าเขาได้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญในเยอรมันสองคนให้มาช่วยทำคดีแล้ว รวมทั้งทำจดหมายรณรงค์เข้าชื่อให้ผู้ใช้เว็บไซต์ร่วมลงชื่อสนับสนุนว่าสิ่งที่เว็บเขาทำอยู่ถูกต้อง
แม้ว่าโดยดั้งเดิม YouTube จะเป็นเว็บไซต์สตรีมวิดีโอ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งรวบรวมเพลงจากทั่วโลกไว้อย่างมหาศาล มากพอที่จะมีเว็บไซต์ให้บริการแปลงวิดีโอจาก YouTube เป็นไฟล์เพลงสกุล .mp3 เพื่อนำไปฟังได้สะดวกขึ้น
แน่นอนว่าการแปลงวิดีโอดังกล่าว ผิดกฏการใช้งานของ YouTube แต่ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวในแง่กฎหมายแต่อย่างใด จนกระทั่งเจ้าของเว็บไซต์ให้บริการแปลงวิดีโอจาก YouTube เป็น MP3 ชื่อว่า YouTube-MP3.org นาย Philip ได้รับการเตือนจาก Harris Cohen ทนายของกูเกิลว่าให้ปิดบริการดังกล่าวลง มิเช่นนั้นจะถูกฟ้อง หลังจากนั้นไม่นานกูเกิลก็บล๊อคเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ดังกล่าวไม่ให้เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของ YouTube ได้
The Pirate Bay เพิ่มหมายเลข IP ใหม่ให้ผู้ใช้งานเพื่อช่วยในการเข้าถึงเว็บไซต์หลังจากประเทศในแถบยุโรปเช่นอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ ต่างเพิ่มมาตรการให้ ISP บล็อค The Pirate Bay โดยได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มผู้ใช้งานภายในประเทศที่มีการบล็อคการเข้าถึงเว็บไซต์
สำหรับการแก้ไขของ The Pirate Bay ในตอนนี้ไม่ใช่การแก้ไขในระยะยาว เพราะ ISP ก็สามารถบล็อคหมายเลข IP ที่ได้รับการเผยแพร่ใหม่นี้ได้เช่นกัน แต่ก็จะเห็นได้ว่าตัวเว็บไซต์ของ The Pirate Bay ยังได้รับการพัฒนาให้สามารถเข้าถึงผ่านทางพร็อกซี่ได้อย่างสะดวกมากขึ้นอีกด้วย
ศาลประเทศฟินแลนด์ได้ตัดสินว่า เจ้าของเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่มีการตั้งรหัสผ่าน ไม่ต้องรับผิดจากการละเมิดลิขสิทธิ์โดยบุคคลอื่นที่เข้ามาใช้เครือข่าย
ในคดีนี้ กลุ่มเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 6,000 ยูโร (ประมาณ 240,000 บาท) จากสตรีนางหนึ่งในกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์นั้นเกิดขึ้นระหว่างที่มีคนจำนวนนับร้อยมาชมการแสดงในเคหะสถานที่จำเลยเป็นเจ้าของ
ในกรณีนี้ ฝ่ายโจทก์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเจ้าของเครือข่ายนั้นเป็นผู้กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ และท้ายที่สุด ศาลได้ตัดสินว่า เจ้าของเครือข่าย Wi-Fi นั้นไม่ต้องรับผิดจากการกระทำของบุคคลที่สามแต่อย่างใด
ศาลของกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้มีคำสั่งให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศบล็อคการเข้าถึงเว็บ The Pirate Bay ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกปรับเป็นจำนวนเงิน 10,000 ยูโรต่อวัน โดยประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่สองหลังจากสหราชอาณาจักร ที่ศาลได้สั่งให้ไอเอสพีต่าง ๆ ทำการบล็อคเว็บสัญชาติสวีเดนนี้
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไอเอสพีรายต่าง ๆ ของประเทศก็ได้ออกมาคัดค้าน และบอกว่าในฐานะผู้ประกอบการให้บริการอินเทอร์เน็ต พวกเขาไม่ได้มีหน้าที่ที่จะปิดบังข้อมูลหรือกีดกันการเข้าถึงเว็บใด ๆ
ที่มา - Huffington Post
ไมโครซอฟท์ประกาศนโยบายใหม่ของ Windows Phone Marketplace เพื่อให้แอพมีคุณภาพมากขึ้น และป้องกันแอพปลอม-แอพละเมิดลิขสิทธิ์ต่างๆ ดังนี้
ศาลสูงของอังกฤษมีคำตัดสินให้ ISP ทุกรายภายในประเทศปิดกั้นไม่ให้ลูกค้าของตัวเองใช้งานเว็บไซต์แชร์ไฟล์ยอดฮิต The Pirate Bay ด้วยเหตุผลเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์
คดีนี้เกิดจากสมาคมอุตสาหกรรมดนตรีของอังกฤษ (British Phonographic Industry - BPI) ขอให้ ISP บล็อคทราฟฟิกของ The Pirate Bay ซึ่งเป็นแหล่งละเมิดลิขสิทธิ์รายใหญ่ ซึ่งทางกลุ่ม ISP ปฏิเสธคำขอนี้ โดยระบุว่าต้องมีคำสั่งของศาลมาด้วย ทางสมาคม BPI จึงยื่นฟ้องศาลและศาลก็ตัดสินให้บล็อคตามคำขอ
หลังจากเว็บฝากไฟล์ชื่อดังอย่าง Megaupload ถูกปิดไป วงการเว็บไซต์ฝากไฟล์ก็เข้าสู่ช่วงวิกฤติ (ส่วนมากแค่ไหนต้องลองดูจากแท็ก Megaupload) และล่าสุดสมาชิกในสมาคมภาพยนตร์อเมริกัน (MPAA) ได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ในงาน
ความคืบหน้าของคดีระหว่างกลุ่มเจ้าของสิทธิดนตรี GEMA กับเว็บฝากไฟล์ RapidShare ในเยอรมนี (ข่าวเก่า) จบลงด้วยชัยชนะของ RapidShare เพราะศาลสูงประจำเขตฮัมบูร์กของเยอรมนีตัดสินว่าธุรกิจการฝากไฟล์ของ RapidShare ไม่ผิดกฎหมายของเยอรมนี
ศาลสูงยังกลับคำตัดสินของศาลในข่าวก่อนหน้านี้ที่กำหนดให้ RapidShare ต้องตรวจเช็คทุกไฟล์ที่ถูกอัพโหลดขึ้นไป ว่า RapidShare ไม่ต้องทำแล้ว แต่ก็เปลี่ยนให้บริษัทต้องคอยตรวจสอบเว็บภายนอกที่ลิงก์มายังไฟล์มีลิขสิทธิ์ใน RapidShare แทน และป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้าถึงไฟล์เหล่านี้ได้
เป็นที่ทราบกันว่าแอปเปิลกับซัมซุงนั้นมีการฟ้องร้องกันอยู่เรื่อยๆ และหนึ่งในนั้นคือการออกแบบผลิตภัณฑ์ตระกูล Galaxy ของซัมซุงซึ่งแอปเปิลเชื่อว่าซัมซุงก็อปปี้หน้าตาผลิตภัณฑ์มาจาก iPhone และ iPad ของตน อย่างไรก็ดี Lee Minhyouk รองประธานฝ่ายออกแบบของซัมซุงได้ให้สัมภาษณ์กับ Chicago Tribune ดังนี้
เว็บฝากไฟล์ RapidShare มีงานเข้าเสียแล้ว เมื่อศาลสูงของเยอรมนีประจำเขตฮัมบูร์ก ตัดสินว่า RapidShare ไม่พยายามแก้ปัญหาละเมิดลิขสิทธิ์เท่าที่ควร และกำหนดให้ต้องกรองไฟล์ที่ผู้ใช้อัพโหลดขึ้นไปไว้บน RapidShare ด้วย
คดีนี้เกิดจากกลุ่มลิขสิทธิ์ดนตรี GEMA และสำนักพิมพ์ De Gruyter กับ Campus Publishers ร่วมกันยื่นฟ้อง RapidShare ในข้อหามีส่วนช่วยละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งศาลชั้นต้นตัดสินให้ RapidShare แพ้ และเมื่ออุทธรณ์ในศาลสูง RapidShare ก็แพ้อีก
เท่าที่ข่าวต้นทางบอกมา RapidShare ยังสามารถอุทธรณ์ต่อไปยังศาลฎีกาของเยอรมนีได้อีก ซึ่งทางบริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับคดีนี้
หลังจากการปิด MegaUpload และบริการฝากไฟล์หลายรายปรับเปลี่ยนบริการของตัวเอง ทำให้ RapidShare ที่ยังยืนหยัดให้บริการอย่างเดิมต่อไป มีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นโดยปริยาย
คดีนี้เป็นอีกหนึ่งคดีที่แอปเปิลฟ้องซัมซุงในหลายประเทศ และขอให้ศาลสั่งห้ามขาย Galaxy Tab เนื่องจากข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์การดีไซน์
ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อปีที่แล้วว่าซัมซุงไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์ของแอปเปิล ซึ่งแอปเปิลยื่นอุทธรณ์ และล่าสุดศาลอุทธรณ์ของเนเธอร์แลนด์ก็ยืนคำตัดสินของศาลชั้นต้น ว่าซัมซุงไม่ได้ละเมิดลิขสิทธิ์การดีไซน์ของแอปเปิลเช่นเดิม
ตามข่าวยังไม่บอกว่าแอปเปิลจะทำอย่างไรต่อไปในคดีนี้ แต่สองบริษัทนี้ยังมีคดีความกันอีกเยอะในหลายประเทศ
ที่มา - รอยเตอร์, FOSS Patents
หลังการปิดเว็บ Megaupload ก็สร้างความไม่พอใจให้กับคนหลายกลุ่มจนมาถึงกลุ่ม Anonymous ที่เน้นการตอบโต้กับเจ้าของลิขสิทธิ์และรัฐบาล จนเริ่มปฏิบัติการ #OpGlobalBlackout ที่ตั้งเป้าหมายไปยังเว็บต่างๆ ทั่วโลก
กลุ่ม Anonymous ประกาศว่ากลุ่มสามารถเข้าถึงเว็บสำคัญๆ ทั่วโลกทั้ง UN, Xbox Live, ธนาคาร, และเว็บเครือข่ายสังคมหลายเว็บได้ โดยยื่นข้อเสนอว่าทางรัฐบาลต้องเปิด Megaupload กลับมาภายในสามวัน โดยประกาศมาแล้วตั้งแต่สามวันก่อน
เว็บแรกที่เริ่มถูกโจมตีคือ CBS.com ที่ถูกแก้ค่า DNS จนไม่สามารถเข้าใช้งานได้ และทางกลุ่ม Anonymous เริ่มเผยแพร่เว็บที่ใส่ JavaScript เพื่อโหลดเว็บเป้าหมายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะล่มเพื่อเรียกร้องให้คนที่ต้องการมีส่วนร่วมได้กด และโจมตี DDoS กับเว็บเป้าหมาย
ท่าทีของเว็บไซต์แชร์ไฟล์ต่างๆ หลังเกิดกรณี Megaupload ครับ (ข่าวเก่า:
กรณีของ Megaupload สร้างแรงกระเพื่อมต่อเว็บไซต์รับฝากไฟล์หลายแห่ง ถึงแม้
ประเด็นเรื่อง เอฟบีไอปิดเว็บ Megaupload - สั่งจับทีมงานเว็บ กลายเป็นข่าวใหญ่อีกข่าวของวงการไอทีสหรัฐ และเกิดคำถามขึ้นทันทีว่าเว็บไซต์อื่นๆ โดยเฉพาะเว็บที่มีบริการคล้ายๆ กันจะโดนปิดแบบเดียวกันหรือไม่
ความคืบหน้าของคดีออราเคิลฟ้องกูเกิลว่า Android ละเมิดทั้ง "สิทธิบัตร" และ "ลิขสิทธิ์" ของ Java ครับ
สำนักงานสอบสวนคดีพิเศษอเมริกาหรือเอฟบีไอได้จับกุมทีมงานทั้งหมด 7 คนของเว็บให้บริการแชร์ไฟล์ Megaupload วันนี้ หลังศาลอนุมัติในข้อหาปล่อยให้มีการเผยแพร่ไฟล์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งสร้างความเสียหายต่อผู้เป็นเจ้าของผลงานทั้งเพลง ภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ โดยขณะนี้มีผู้ถูกจับแล้ว 4 คนในนิวซีแลนด์ ขณะที่อีก 3 คนยังอยู่ในการติดตามตัว โดยโทษสูงสุดคือค่าปรับ 500 ล้านดอลลาร์ และจำคุก 20 ปี
เอกสารคำพิจารณาระบุว่า Megaupload โฆษณาว่าเว็บตนมีไว้สำหรับการแบ่งปันไฟล์ขนาดใหญ่กันระหว่างผู้ใช้งาน แต่ทีมงานก็ทราบดีว่ามีการนำไฟล์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์มาเผยแพร่เป็นจำนวนมาก แต่ทางเว็บก็เลือกที่จะไม่ทำอะไรกับมันทั้งที่จัดการได้ ตัวเว็บเองมีรายได้จากแบนเนอร์โฆษณาในเว็บของปีที่ผ่านมา 175 ล้านดอลลาร์
YouHaveDownloaded เป็นเว็บไซต์ของรัสเซียที่นำหมายเลขไอพีของผู้ที่ดาวน์โหลดไฟล์ BitTorrent จาก public tracker มาค้นหากลับว่าไอพีเหล่านั้นมาจากที่ไหนบ้าง
กระบวนการนี้เป็นกระบวนการที่เจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง RIAA และ MPAA ในสหรัฐใช้ค้นหาตัวคนที่ดาวน์โหลดไฟล์ผิดกฎหมายเพื่อยื่นฟ้องละเมิดลิขสิทธิ์
ปรากฏว่าสถิติของ YouHaveDownloaded (ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 50 ล้านรายในฐานข้อมูล) เจอของดีมากมาย เพราะหนึ่งในผู้ดาวน์โหลดไฟล์ผิดกฎหมายบน BitTorrent มาจากไอพีของบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์เสียเอง เช่น Sony, Universal, Fox มิหนำซ้ำยังมีองค์กรรัฐอย่างทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศส และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐ
BitTorrent ไม่ใช่แหล่งแชร์ไฟล์ที่ใหญ่ที่สุดอีกต่อไปแล้ว หลัง Torrentfreak ได้เผยสถิติ 10 อันดับเว็บแชร์ไฟล์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดย 5 อันดับแรกกลับเป็นเว็บฝากไฟล์ทั่วไปอย่าง 4shared หรือ megaupload ส่วนเว็บ BitTorrent ชื่อดังอย่าง The Pirate Bay นั้นอยู่เพียงอันดับที่ 6
หากเปรียบเทียบกับสถิติเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เว็บ BitTorrent มีจำนวนผู้ใช้งานมากจนติดอันดับ 100 เว็บแรกของโลก ข่าวดีคือจากการปราบปรามอย่างหนักทำให้ตัวเลขผู้ใช้เว็บ BitTorrent ลดลงเรื่อยๆ แต่กลับทำให้จำนวนผู้ใช้เว็บแชร์ไฟล์มากขึ้นมาแทนที่ น่าสนใจว่าการจะปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์นั้นอาจจะไม่ใช่เพียงการไล่ปิดเว็บ BitTorrent เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป
ดูรายชื่อทั้ง 10 อันดับได้หลังเบรค