ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า Volvo เป็นผู้ผลิตรถเจ้าแรกออกมาประกาศว่านับตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นไป บริษัทจะยกเลิกการผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว และจะถูกแทนที่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดแทน
Volvo ระบุด้วยว่าในช่วงปี 2019 ถึง 2021 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าใหม่ถึง 5 รุ่น แบ่งเป็นแบรนด์ Volvo 3 รุ่นและแบรนด์ลูก Polstar ที่ถูกวางตัวเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับบนอีก 2 รุ่น ไม่รวมรถไฮบริดอีกหลายรุ่น ที่จะทยอยเข้ามาแทนที่รถยนต์น้ำมันทีในงานอยู่ปัจจุบัน
Infineon ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากเยอรมนี (เคยเป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของ Siemens ก่อนแยกออกมาตั้งเป็นบริษัทต่างหาก) ลงนามใน MoU ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตั้งศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ ผลักดัน R&D ด้านรถยนต์ไฟฟ้าในไทย
ศูนย์นี้ถูกเรียกว่า KMITL-Infineon Automotive Electronics Cooperation (KIAEC) เป้าหมายคือสร้างทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะและความสามารถและงานวิจัย เพื่อรองรับการพัฒนาอีโค่คาร์ รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงยานยนต์ในยุคหน้า
Volvo ผู้ผลิตรถยนต์ได้ประกาศว่า Polestar ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูงภายใต้เครือ Volvo จะเป็นแบรนด์แยกจาก Volvo อย่างเป็นทางการ และเน้นการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
สำหรับแบรนด์ Polestar ซึ่งเป็นแบรนด์ของ Volvo นี้ จะไม่ใช้โลโก้ของ Volvo เลย เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์แยกจาก Volvo เดิม โดยได้แต่งตั้งซีอีโอของแบรนด์ Polestar คือ Thomas Ingenlath ผู้ดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายออกแบบของ Volvo ในปัจจุบัน
Polestar นั้นถูกสร้างขึ้นโดยวิศวกรรถสมรรถนะสูง โดยตั้งแต่ช่วงปี 1995 นั้น Polestar ก็เริ่มทำงานร่วมกับ Volvo และในปี 2012 ก็ได้ออกรถยนต์สมรรถนะสูงคันแรกโดยใช้ฐานจาก Volvo S60 และในปี 2015 นั้น Volvo ก็ได้เข้าซื้อ Polestar
ปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S P100D สามารถวิ่งได้ระยะทางราว 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่ล่าสุดมีชายสองคนจากประเทศเบลเยี่ยมได้ทดลองขับรถแบบตั้งใจประหยัดสุดๆ หรือที่เรียกว่า Hypermiling ผลออกมาว่าขับได้ไกลถึง 900 กิโลเมตร
สถิติการขับ Tesla แบบประหยัดเดิมเป็นของ Casey Spencer ที่ขับรถรุ่น Model S 85D ได้ระยะทาง 885.62 กิโลเมตร จากการชาร์จหนึ่งครั้ง ซึ่งขณะนี้ Steven Peeters และ Joeri Cools จากประเทศเบลเยี่ยมก็ทำลายสถิตินี้ได้สำเร็จ พวกเขาเลือกขับในเส้นทางที่เป็นรอบ แทนที่จะขับทางไกลไปเรื่อยๆ โดยให้เหตุผลว่าการขับวนซ้ำๆ อยู่ที่เดิมจะทำให้พวกเขาเข้าใจทุกๆ โค้ง และขับได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งระยะทาง 1 รอบคือ 26 กิโลเมตร
เป้าหมายหลักอย่างหนึ่งของ Tesla คือการให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยเป็นอย่างมาก โดยก่อนหน้านี้ Tesla Model S รถยนต์ซีดานก็ได้รับการจัดอันดับความปลอดภัย 5 ดาวโดย National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) มาก่อนแล้ว ล่าสุด Tesla Model X รถยนต์ SUV ก็ได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวเช่นกัน
Tesla ระบุว่า Model X ได้คะแนน 5 ดาวในทุกการทดสอบ ทั้งในหมวดหมู่หลัก และหมวดหมู่ย่อย ส่งผลให้ Model X เป็นรถยนต์ SUV รุ่นแรกที่ได้คะแนนระดับนี้เท่าที่เคยมีการทดสอบมา และมีความน่าจะเป็นที่จะพลิกคว่ำต่ำที่สุดในประเภทรถ SUV ด้วยกัน ซึ่งเป็นผลมาจากการวางแบตเตอรี่ที่พื้นรถ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำนั่นเอง
ความพิเศษอย่างหนึ่งของรถยนต์ Tesla คือมีเครือข่ายสถานีชาร์จด่วน หรือ Supercharger กระจายอยู่จำนวนมาก เพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่เดินทางไกลและไม่สามารถรอชาร์จปลายทางได้ แต่ล่าสุดมีคนตั้งข้อสังเกตไปถึง Elon Musk ทางทวิตเตอร์ว่าที่มาของไฟฟ้าที่สถานี Supercharger เหล่านี้ก็มาจากถ่านหินอยู่ดี
เรื่องนี้เริ่มต้นมาจากที่ Elon Musk ได้ทวีตเล่าว่าจุดกำเนิดของบริษัท Tesla นั้นมาจากการที่ General Motors เคยเรียกคืนรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น EV1 เนื่องจากขาดทุนและมีปัญหาเกี่ยวกับหัวชาร์จ ซึ่ง GM ประกาศยกเลิกโครงการรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดในปี 2003 และจัดการทำลายรถยนต์ EV1 ทิ้งเรียบ
Elon Musk เคยเปรยเรื่องรถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าในแผนการขั้นสุดยอด พาร์ท 2 - Master Plan, Part Deux ไปแล้วว่าตอนนั้นอยู่ในขั้นวิจัย ล่าสุดโครงการนี้ดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เมื่อ Musk ได้เผยในงานประชุมผู้ถือหุ้น Tesla ประจำปีว่ากำลังร่วมงานกับบริษัทผลิตรถบรรทุกในการออกแบบรถบรรทุกขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้านี้อยู่
โตโยต้าประกาศขายหุ้นใน Tesla ที่เคยถืออยู่กว่า 2.3 ล้านหุ้น เป็นมูลค่าราว 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐหมดแล้ว ถือเป็นการยุติความสัมพันธ์กับ Tesla อย่างเป็นทางการ
โตโยต้าร่วมลงทุนใน Tesla ตั้งแต่ปี 2010 มูลค่าที่ซื้อตอนนั้นราว 50 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ Tesla จะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนของรถ RAV4 ซึ่งเป็นรถสปอร์ตครอสโอเวอร์พลังงานไฟฟ้าให้โตโยต้า ก่อนที่ปี 2014 โตโยต้าจะระงับการผลิตและขาย RAV4 และยุติบทบาทซัพพลายเออร์ของ Tesla และเทขายหุ้น Tesla เป็นจำนวนมาก
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว (ข่าวเก่า (1), (2)) โดยวางตัวเป็นรถยนต์ไฟฟ้าระดับแมส ตั้งราคาที่คนส่วนใหญ่เอื้อมถึง (เริ่มต้นที่ 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.2 ล้านบาท) แต่มีคนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า Model 3 จะเป็นตัวท็อปรุ่นใหม่ ทาง Tesla จึงเปิดหน้าเว็บเปรียบเทียบสองรุ่นนี้เพื่อแก้ความเข้าใจผิด
Tesla ระบุว่าชื่อรุ่น "Model 3" ไม่ได้หมายถึง "เวอร์ชันที่ 3" หรือรถ Tesla ที่ล้ำยุคมากที่สุด พร้อมย้ำว่า Model S ยังเป็นรถระดับพรีเมียม ที่วิ่งได้ระยะทางไกลกว่า และมีสเปกเหนือกว่า ตามด้วยตารางเปรียบเทียบสเปกคร่าวๆ และฟีเจอร์ของทั้งสองรุ่น โดยแสดงให้เห็นว่า Model S เหนือกว่าทุกด้าน ดังนี้ (Model S vs Model 3)
แน่นอนว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนยังไม่เชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้าคือจำนวนสถานีชาร์จ ที่หากมีไม่พอต่อความต้องการ อาจทำให้ไม่สามารถเดินทางไกล หรือใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ซึ่ง Tesla ถือเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเจ้าแรกๆ ที่แก้ปัญหานี้ด้วยการใช้สถานีชาร์จด่วน หรือ Supercharger ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 30 นาทีก็เดินทางต่อได้อีกราว 270 กิโลเมตร
Tesla โพสต์บนบล็อกของบริษัทว่าเมื่อขายรถได้มากขึ้น ความสำคัญของเครือข่ายสถานีชาร์จก็มากขึ้นตาม ซึ่งบริษัทถือว่าการชาร์จที่สะดวก, มีจำนวนมากพอ และเชื่อถือได้นั้นเป็นภารกิจสำคัญอย่างมาก โดยเมื่อต้นปี 2017 มีสถานี Supercharger ทั่วโลกอยู่ 5,000 จุด ซึ่ง Tesla ตั้งเป้าขยายให้มากกว่า 10,000 จุด และเพิ่มสถานีชาร์จธรรมดาตามห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, ร้านอาหาร ฯลฯ ให้มากกว่า 15,000 จุดภายในสิ้นปีนี้ รวมแล้วจะมีสถานีชาร์จมากกว่า 25,000 จุด เพื่อรองรับรถยนต์ Tesla ทั่วโลกที่ขณะนี้มีมากกว่า 200,000 คันแล้ว
วันนี้ Tesla Motors มีมูลค่าตลาดแซง GM (General Motors) ขึ้นเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่าใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในสหรัฐแล้ว (อันดับหนึ่งของโลกยังคงเป็น Toyota อยู่) หลังจากที่เพิ่งจะแซง Ford ที่เป็นอันดับสองมา หลังจากการซื้อขายเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
หนึ่งในปัจจัยที่ดันให้ Tesla มี Market Cap แซงได้เนื่องมาจากยอดขายในไตรมาสแรกของทั้ง Ford และ GM ดูไม่ค่อยดีนัก ในขณะที่ยอดขาย Tesla Model S และ Model X ยังเป็นไปได้ดี นอกจากนั้นยังคาดว่าจะเริ่มขาย Model 3 ซึ่งเป็นรุ่นที่ราคาถูกสุดได้ภายในสิ้นปีนี้อีกด้วย
Tesla เพิ่งปล่อยซอฟต์แวร์อัพเดตเวอร์ชัน 8.1 ออกมา มีการปรับปรุงฟีเจอร์ Autopilot และ UI จำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ Tesla ได้เพิ่ม Easter Egg หรือลูกเล่นขำๆ มาในอัพเดตนี้ด้วย
Easter Egg อันใหม่นี้คือ "โปรแกรมวาดรูป" สามารถเข้าถึงได้ด้วยการแตะที่โลโก้ตัว T บนหน้าจอ 3 ครั้งแล้วทั้งหน้าจอจะเปลี่ยนเป็นสีขาวทั้งจอ มีเพียงแถบเลือกสีปากกาและยางลบเท่านั้น และหลังวาดเสร็จสามารถส่งรูปกลับไปให้ Tesla ได้ด้วย โดยตามข่าวระบุว่ารูปวาดของเราจะถูกส่งออกไปจริงๆ
Elon Musk ซีอีโอของบริษัทยังได้ทวีตรูปที่เขาวาดขึ้น 2 รูปด้วย ดูได้ท้ายข่าว
หลังจากที่ Elon Musk เคยทวีตไว้ว่าจะปล่อยซอฟต์แวร์อัพเดตเวอร์ชัน 8.1 ให้รถยนต์ Tesla ในวันที่ 28-29 มีนาคม ล่าสุดผู้ใช้รถเริ่มได้รับอัพเดตดังกล่าวแล้ว
ซอฟต์แวร์เวอร์ชัน 8.1 โฟกัสไปที่การปรับปรุงฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการขับอัตโนมัติ 2 อย่าง และต้องบอกก่อนว่า 2 อย่างนี้อัพเดตให้เฉพาะรถยนต์ที่ผลิตตั้งแต่เดือนตุลาคม 2016 เท่านั้น โดยเป็นรถยนต์ที่มาพร้อมฮาร์ดแวร์ Autopilot รุ่นใหม่ที่รองรับการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบในอนาคต เรียกว่า Autopilot 2.0 แต่จนถึงตอนนี้มีความสามารถ 2 อย่างนี้ด้อยกว่าฮาร์ดแวร์เก่า (Autopilot 1.0) อัพเดตนี้จึงเป็นการเพิ่มความสามารถให้เท่าฮาร์ดแวร์เก่า
เมื่อกลางปีที่แล้ว Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Model S 60 และ 60D ซึ่งเป็นรุ่นความจุแบตเตอรี่ต่ำสุด (60 กิโลวัตต์ชั่วโมง) เพื่อให้ขายได้ราคาถูก นับว่าเป็นรถยนต์ Tesla ราคาถูกที่สุดที่ซื้อได้ในปัจจุบัน (ประมาณ 2.5 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม Tesla ได้ส่งจดหมายข่าวแจ้งลูกค้าว่าตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนเป็นต้นไปจะปิดไม่ให้สั่งรถยนต์รุ่นนี้ได้อีก
Tesla ชี้แจงว่าสุดท้ายแล้วลูกค้าส่วนใหญ่ก็ขยับไปซื้อรถรุ่น Model S 75 กันหมด จึงตัดสินใจยกเลิกรุ่น 60 เพื่อเป็นการ "ลดความซับซ้อนของการสั่งรถ"
ที่จริงแล้ว แบตเตอรี่ที่ติดตั้งอยู่ใน Model S 60 เป็นแบตเตอรี่ขนาด 75 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่ใช้ซอฟต์แวร์ล็อกไว้ให้ใช้งานได้แค่ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งผู้ใช้สามารถจ่ายเงินซื้ออัพเดตเพื่อปลดล็อกความจุได้ตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องนำรถเข้าศูนย์บริการแต่อย่างใด โดยหลังปลดล็อกแล้วจะขับได้ไกลขึ้นราว 60 กิโลเมตร
ที่มา - Electrek
เกาหลีใต้เริ่มมุ่งสู่การใช้งานนรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว โดยจังหวัด Gyeonggi ซึ่งตัวจังหวัดล้อมรอบกรุงโซล คล้ายปริมณฑลของกรุงเทพ ประกาศแนวทางการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ด้วย 3 มาตรการหลัก
เป้าหมายของจังหวัดคือมีรถยนต์ไฟฟ้า 50,000 คันภายในปี 2020 โดยตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าเพียง 448 คัน
กระทรวงคมนาคมของดูไบเซ็นสัญญาซื้อรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S และ X รวมกันจำนวน 200 คันเพื่อให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Dubai Future Foundation ที่ต้องการให้รถยนต์ในเมืองจำนวน 25% เป็นแบบไร้คนขับภายในปี 2030 ซึ่ง Tesla ก็ประกาศเปิดขายรถยนต์ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันเดียวกัน
Tesla ระบุว่ารถยนต์ที่สั่งซื้อทั้งหมดจะมาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ Autopilot รุ่นที่ 2 ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการใช้งานฟีเจอร์ดังกล่าว โดยจะสามารถใช้งานแบบไร้คนขับโดยสิ้นเชิงได้ในอนาคต และรถยนต์ทั้ง 200 คันจะเข้าเป็นสมบัติของบริษัทแท็กซี่นครดูไบ หรือ Dubai Taxi Corporation
นอกจากการเร่งสร้างโรงงาน Gigafactory แล้ว Tesla ยังเดินหน้าขยายตลาดออกไปอีกหลายประเทศ ล่าสุดมีผู้ใช้ทวิตเตอร์ได้ทวีตถามไปยัง Elon Musk ซีอีโอของบริษัทฯ ว่ามีแผนจะเข้ามาทำตลาดที่ประเทศอินเดียหรือไม่ และจะเข้ามาเมื่อใด Elon ก็ทวีตตอบว่าเขา "หวังว่า" จะเข้าไปทำตลาดได้ภายในฤดูร้อนปีนี้ (ราวปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป)
นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว Tesla ก็ทำตลาดอยู่ในยุโรป ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก การเข้าประเทศอินเดียครั้งนี้จึงถือเป็นตลาดใหญ่มากอีกแห่งที่ไม่ใช่ประเทศจีนซึ่งทำตลาดอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การประกาศครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะเมื่อเดือนกันยายนปี 2015 นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ก็เคยเข้าเยี่ยมชมโรงงานของ Tesla ที่เมือง Fremont แล้ว และ Jay Vijayan ซีไอโอของ Tesla ก็เคยเปิดเผยไว้ว่า Tesla จะเข้าทำตลาดอินเดียหลังเปิดตัว Tesla Model 3 รถยนต์ไฟฟ้าราคาต่ำสุดของบริษัทฯ
เราเริ่มเห็นข่าวเมืองต่างๆ นำรถบัสหรือรถชัทเทิลไฟฟ้าแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติมาทดสอบให้บริการกันมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเป็นคิวของกรุงปารีส ที่เริ่มทดสอบให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา และจะทดสอบเป็นระยะเวลาทั้งหมด 3 เดือน
รถบัสเป็นรรถบัสขนาดเล็กจุคนได้ประมาณ 10 คน มีเลนวิ่งเป็นของตัวเองเพื่อความปลอดภัย วิ่งเชื่อมระหว่างสถานีรถไฟ 2 สถานี ทางตะวันออกของเมือง โดย Elisabeth Borne หัวหน้าฝ่ายเครือข่ายคมนาคมของปารีสยอมรับว่า ในระยะยาวอยากเห็นรถบัสไร้คนขับนี้ วิ่งรับส่งประชาชนในย่านชานเมืองกับสถานีรถไฟ ในการเดินทางเข้ามาทำงาน ซึ่งสามารถเรียกให้รถไปรับที่บ้านได้แบบ on-demand
หลัง Faraday Future เกทับในงาน CES 2017 ด้วย FF91 ที่ทำความเร็วจาก 0 ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.39 วินาทีบนเวที (มีการใช้ Tesla Model S P100D เปรียบเทียบบนเวทีด้วย) ล่าสุด Elon Musk ทวีตแย้มว่าโหมด Ludicrous (โหมดบ้าบิ่น) ใหม่ น่าจะสามารถทำความเร็วเท่ากันภายในระยะเวลา 2.34 วินาทีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม Musk ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ระบุแต่เพียงว่าโหมด Ludicrous ใหม่ที่เริ่มปล่อยอัพเดต OTA ไปให้ลูกค้าบ้างแล้วนั้น น่าจะสามารถทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายใน 2.34 วินาทีได้ อย่างน้อยๆ ภายใต้การทดสอบของ Motor Trend
ขณะที่แคลิฟอร์เนียดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและทดสอบรถไร้คนขับ แต่ทว่าลาส เวกัส มหานครแห่งแสงสีเสียงกลายเป็นแห่งแรกที่เริ่มนำรถชัทเทิลบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติมาทดสอบให้บริการในย่าน Fremont East ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาไปจนถึงวันที่ 20 มกราคมนี้ ตั้งแต่ 10 โมงถึง 6 โมงเย็น
รถชัทเทิลคันนี้ถูกเรียกว่า Arma พัฒนาโดยบริษัท Navya จากฝรั่งเศส ที่ร่วมมือกับ Keolis บริษัทด้านยานพาหนะขนส่งสาธารณะ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ราว 12 คน สามารถวิ่งทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 27 ไมล์ต่อชั่วโมง (แต่ตอนทดสอบวิ่งทำความเร็วแค่ 12 ไมล์ต่อชั่วโมง) โดยรองประธานของบริษัท Navya เผยว่าค่าใช้จ่ายในการให้บริการรถชัทเทิลคันนี้อาจสูงถึงราว 10,000 เหรียญต่อเดือนเลยทีเดียว
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Tesla ประกาศว่าผู้ที่ซื้อรถยนต์ใหม่จะไม่ได้รับสิทธิ์ชาร์จไฟฟรีไม่อั้นจากเครือข่าย Supercharger ตลอดชีพแล้ว แต่จะให้เครดิตชาร์จไฟฟรีปีละ 400 กิโลวัตต์ชั่วโมงแทน ล่าสุด Tesla ได้ให้ข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มแล้ว
Tesla บอกว่าหนึ่งในสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญมากที่สุดคือการขยายเครือข่ายสถานี Supercharger เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งลูกค้าเดิม และผู้สนใจใช้รถยนต์ไฟฟ้าว่าจะสามารถเดินทางไกลได้เหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน อย่างไรก็ตาม บริษัทอยากแบ่งเบาภาระค่าตั้งสถานีชาร์จบางส่วน จึงจำเป็นต้องเก็บเงินค่าชาร์จจากลูกค้า โดยผู้ที่จองรถหลังวันที่ 15 มกราคม 2017 (กำหนดการเดิมคือ 1 มกราคม 2017) จะได้รับเครดิตชาร์จไฟฟรีปีละ 400 กิโลวัตต์ชั่วโมง (วิ่งได้ประมาณ 1,600 กิโลเมตร) หากชาร์จเกินกว่านั้นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Ranault เปิดตัวรถไฟฟ้า POM ที่ไม่ใช่แค่รถรุ่นใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่เป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สที่เปิดให้นักพัฒนาสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้เอง
POM พัฒนาต่อยอดมาจากรถไฟฟ้าสองที่นั่งของ Renault รุ่น Twizy ที่วางขายอยู่ในราคาเริ่มต้น 6,995 ปอนด์ (ราวสามแสนบาท) โดยพิมพ์เขียวจจะมีสองรุ่น POM 45 สำหรับรุ่นความเร็วสูงสุด 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ POM 80 ความเร็วสูงสุด 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โครงการนี้ทาง Renault ร่วมมือกับทาง ARM เพื่อพัฒนา และหลังจากนี้ทางบริษัท OSVehicle ได้เข้าไปเป็นพันธมิตรเพื่อให้บริการด้านวิศวกรรมสำหรับผู้ที่ต้องการปรับแต่งจากพิมพ์เขียวเดิม
ตอนนี้พิมพ์เขียวยังไม่เปิดออกมา แต่เปิดให้ลงทะเบียนแสดงความสนใจไว้ก่อนได้
ดูน่าจะตอบโจทย์ปัญหาคนขับรถตู้ซิ่ง วิ่งเร็วและหลับในที่กำลังเป็นกระแสในบ้านเราได้เป็นอย่างดีด้วยคอนเซ็ปของ I.D. Buzz รถมินิบัสไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติ จากค่ายรถยนต์เยอรมัน Volkswagen ที่ถูกนำมาโชว์ภายในงาน North American International Auto Show ในดีทรอยท์
I.D. Buzz เป็นรถมินิบัสที่มีแรงขับ 369 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (มอเตอร์ 2 ตัว) สามารถวิ่งได้ราว 270 ไมล์ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง รองรับผู้โดยสารได้ 8 คน โดยเก้าอี้ภายในห้องโดยสารสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางหรือองศาได้ตามใจชอบ ขณะที่ฝั่งคนขับค่อนข้างจะล้ำเหมือนออกมาจากภาพยนตร์ไซไฟเล็กน้อย ด้วยระบบการแสดงผล HUD แบบ Augmented Reality บนพวงมาลัย พร้อมรองรับระบบสัมผัส
อย่างที่ทราบกันว่านิสสัน ค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและรถไร้คนขับ ที่กำลังจะมีบทบาทบนท้องถนนในอีก 5 ปีข้างหน้าเป็นอย่างเร็ว และบนเวที CES 2017 นิสสันก็ประกาศความร่วมมือกับโครงการ 100 Resilient Cities โครงการไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อวางรากและโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับรถไร้คนขับและรถไฟฟ้า
Carlos Ghosn ซีอีโอนิสสันขึ้นแสดงวิสัยทัศน์ว่า การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีในลักษณะนี้ไม่ได้เกิดจากตัวรถหรือบริษัทรถยนต์ แต่เป็นประชากรและตัวเมือง ที่ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการเปลี่ยนผ่านนี้จะเกิดขึ้นได้ บริษัทรถยนต์หรือเทคโนโลยีจะต้องทำงานร่วมกับเมือง เพื่อให้เทคโนโลยีและแผนนโยบายเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ค่ายรถยนต์ Nissan ประกาศเตรียมวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยม Nissan Leaf รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ProPilot ในอนาคตอันใกล้
ProPilot เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Nissan ที่เคยเปิดตัวบนรถมินิแวน Serena ในญี่ปุ่นในช่วงกลางปีที่แล้ว โดยยังสามารถใช้งานได้เฉพาะบนทางหลวงก่อนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Nissan ไม่ได้ให้รายละเอียดถึงเวลาวางจำหน่ายและราคาของ Nissan Leaf ครับ
ที่มา - The Verge