Aspark บริษัทรถยนต์สปอร์ตจากญี่ปุ่นได้เปิดตัว Aspark Owl รถยนต์สปอร์ตไฟฟ้าในงาน Frankfurt Auto Show ปีที่แล้ว โดยระบุสมรรถนะบนเวทีว่ามีกำลัง 430 แรงม้า แรงขับ 563 ปอนด์ฟุต (ราว 763 นิวตันเมตร) และจากการทดสอบในสนามแข่งล่าสุดสามารถทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ที่ 1.921 วินาที
เมื่อเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงบินสูงเหมือนกันอย่าง Tesla Model S100D เปิดโหมด Ludicrous ทำความเร็ว 0-60 ได้ 2.5 วินาที อย่างไรก็ตามการทดสอบของ Aspark Owl พิเศษตรงที่ใช้ยางไร้ดอกสำหรับการแข่งขัน ซึ่งถือว่าไม่ปลอดภัยบนท้องถนนทั่วไปและผิดกฎหมาย โดยทาง Aspark ระบุว่ากำลังพัฒนาให้ Aspark Owl สามารถทำความเร็ว 0-60 ได้ต่ำกว่า 2 วินาทีด้วยยางรถยนต์ทั่วไปให้ได้
Renault ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรปได้เปิดตัว smart island ในประเทศโปรตุเกส โดยเน้นการโชว์แนวคิดเรื่องการใช้พลังงานสะอาด โดยจะนำรถยนต์ไฟฟ้า Zoe ให้บริการบนเกาะ, มีแบตเตอรี่ในบ้าน, smart charging และ vehicle-to-grid (V2E) พื้นที่เก็บพลังงานที่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานฟอสซิล โดย Renault ได้เลือกเกาะ Porto Santo ในหมู่เกาะ Madeira มาเป็นเกาะสำหรับทดลอง smart island ในครั้งนี้
พื้นที่ที่ Renault จะใช้สำหรับ smart island นี้มีประชากรทั้งหมด 5,483 คน พื้นที่ 16 ตารางไมล์ โดยจะเริ่มเปิดใช้งานทีละเฟสจากทั้งหมด 3 เฟส ดังนี้
หลัง Tesla Model S ครองส่วนแบ่งตลาดในเซกเมนต์รถยนต์หรูในสหรัฐมาระยะหนึ่ง ตอนนี้ข้ามฝั่งไปครองตลาดเซกเมนต์เดียวกันในยุโรปแล้ว จากรายงานของบริษัทวิจัยตลาด JATO Dynamics
ยอดขาย Tesla Model S ในยุโรปเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ 16,132 คันเพิ่มขึ้นถึง 30% ตามมาด้วย Mercedes S class ที่ 13,359 คัน ลดลง 3% และ BMW 7 Series ที่ 11,735 ลดลง 13% อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้เป็นตัวเลขในยุโรป แต่ทั้งสองแบรนด์ยังคงครองตลาดในบ้านเกิดอย่างเยอรมนีอยู่
เช่นเดียวกับ Model X ที่กำลังค่อยๆ กินส่วนแบ่งในเซกเมนต์ SUV เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยปีที่แล้วขายไป 12,000 คัน ใกล้เคียงกับ Porsche Cayenne และมากกว่า BMW X6 อยู่ 2,000 คัน
ทั้งนี้นอร์เวย์เป็นประเทศที่ Tesla มีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์มากที่สุดถึง 52%
Volkswagen ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีกำลังพยายามเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า โดย Klaus Bischoff หัวหน้าแผนกดีไซน์ของ Volkswagen ระบุว่าพวกเขาได้แรงบันดาลใจจากสินค้าของแอปเปิลที่มีความเรียบง่าย
เขายังบอกอีกว่า VW อยู่ระหว่างการเปลี่ยนค่านิยมสำหรับยุครถยนต์ไฟฟ้า โดยต้องชัดเจนและมีความบริสุทธิ์มากที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นถึงสถาปัตยกรรมใหม่ ซึ่งฟังดูค่อนข้างเป็นนามธรรม และ VW จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ของบริษัทที่งาน Geneva Motor Show เดือนมีนาคมนี้ เราน่าจะได้เห็นกันว่าแนวทางการออกแบบใหม่ของ VW จะออกมาเป็นอย่างไร
Blognone เคยรายงานข่าวว่า Dyson ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับพรีเมียมจากอังกฤษกำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดมีอัพเดตออกมาบ้างแล้ว
รายงานระบุว่า Dyson กำลังตัดสินใจใช้แบตเตอรี่แบบ lithium ion เหมือนรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปในรถยนต์ไฟฟ้าเจเนอเรชันแรกของบริษัท แทนแบตเตอรี่แบบ solid-state ที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากต้องการลดความซับซ้อนทางเทคนิคลงในรถยนต์รุ่นแรก
ยังคงมีการถกเถียงกันว่ารถยนต์ไฟฟ้านั้นสะอาดกว่ารถยนต์สันดาปภายในจริงหรือไม่ เพราะไฟฟ้าที่นำมาชาร์จก็อาจมาจากแหล่งที่ไม่เป็นมิตร เช่นถ่านหิน
ล่าสุดสมาคมรถยนต์ไฟฟ้าออสเตรเลีย ร่วมกับคลับคนใช้ Tesla ออสเตรเลียตะวันตกได้ทดลองชาร์จรถยนต์ Tesla Model S P85D ด้วยเครื่องปั่นไฟพลังดีเซล เทียบกับรถ Volvo V40 เครื่องยนต์ดีเซล 2 ลิตรที่เติมน้ำมันชนิดเดียวกัน แล้ววิ่งเป็นระยะทาง 104.6 กิโลเมตรไปพร้อมกัน สภาพอากาศมีแดดออก และการจราจรวิ่งได้ดี
เรารู้กันว่าเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ชั้นดี แบรนด์อย่าง BMW, Mercedes-Benz, Audi ฯลฯ ต่างก็ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาอย่างยาวนานทั้งสิ้น ซึ่งรถยนต์เหล่านี้ก็เป็นความภูมิใจของชาวเยอรมันเองด้วย แต่เทรนด์ของโลกที่กำลังมุ่งหน้าไปหารถยนต์ไฟฟ้า ทำให้น่าสนใจว่าตลาดเยอรมนีมีการตอบรับมากแค่ไหน
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในเยอรมนีเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และจะแซงหน้านอร์เวย์ที่เป็นผู้นำของยุโรปมานานขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปีนี้ ตามหลังจีนและสหรัฐอเมริกาที่รั้งอันดับ 1 และ 2 โดยเหตุผลหนึ่งที่รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้นคือเหตุฉาวของ Volkswagen ที่เคยโดนจับได้ว่าโกงผลทดสอบมลพิษในปี 2015
Faraday Future สตาร์ทอัพพัฒนารถไร้คนขับที่โม้เอาไว้ตอนเปิดตัวแรกๆ ว่าจะออกมาฆ่า Tesla ประสบปัญหาการเงินและหนี้อย่างหนักในช่วงปีที่แล้ว หลัง Jia Yueting ซีอีโอ LeEco ผู้ลงทุนรายใหญ่ประสบปัญหาการเงินเสียเอง (อ่านวิบากกรรมของ Faraday Future ย้อนหลังได้จากแท็กด้านบน)
หัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้ามีสองอย่างคือมอเตอร์และแบตเตอรี่ โดยมอเตอร์นั้นไม่ได้มีส่วนประกอบอะไรซับซ้อนมาก แต่กลับกันในการผลิตแบตเตอรี่ที่ต้องใช้แร่สำคัญอย่างโคบอลต์และลิเทียม ซึ่งโลหะเหล่านี้ล้วนมาจากการทำเหมือง เป็นการใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติ และเมื่อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอนาคต ผู้ผลิตรถยนต์ต่างก็พยายามหาแร่ที่จำเป็นดังกล่าวมาเป็นของตัวเองให้มากที่สุด
Tesla เป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อเดือนธันวาคม 2017 มีรายงานว่า Elon Musk ซีอีโอของบริษัทเดินทางไปยังประเทศชิลี แต่ไม่ได้บอกวัตถุประสงค์ อย่างไรก็ตามเป็นที่ทราบกันว่าชิลีมีการทำธุรกิจเหมืองลิเทียมใหญ่มาก (เชื่อกันว่าชิลีมีแร่ลิเทียมมากที่สุดในโลก) เหตุผลที่ Elon เดินทางไปก็คงหนีไม่พ้นการเจรจาซื้อแร่ลิเทียมมาเป็นของตนเพื่อผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
กลุ่มพันธมิตรรถไฟฟ้าเรโนลท์, นิสสันและมิตซูบิชิประกาศเซ็น MOU กับ Didi ผู้ให้บริการเรียกรถของจีน สำหรับการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้บริการในอนาคต โดยทางกลุ่มพันธมิตรเริ่มกระบวนการผลิตไปแล้ว
ด้าน Didi ระบุเมื่อปลายปีที่แล้วว่าได้นำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้บริการบนแพลตฟอร์มแล้วกว่า 260,000 คัน และตั้งเป้าว่าจะถึง 1 ล้านคันภายใน 2020 รวมถึงจะนำรถยนต์ไฟฟ้าขับเคลื่อนอัตโนมัติเข้ามาเพิ่มในอนาคตด้วย
ที่มา - Electrek
ก่อนหน้านี้ Diamler ประกาศว่า Mercedes-Benz จะมีตัวเลือกรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นในปี 2022 ล่าสุดแผนดังกล่าวเป็นรูปธรรมมากขึ้น เมื่อ Mercedes-Benz ออกมาเผยว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะมีในทุกเซกเมนต์ของรถยนต์ และจะถูกผลิตใน 6 โรงงานที่อยู่ใน 3 ทวีปได้แก่สหรัฐ 1 แห่ง, ฝรั่งเศส 1 แห่ง, เยอรมนี 3 แห่งและจีน 1 แห่ง
ขณะที่แบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถไฟฟ้า ทาง Mercedes-Benz ก็จะประกอบขึ้นมาเองด้วยในโรงงาน 5 ในสหรัฐและจีนอย่างละแห่ง ส่วนที่เหลือ 3 แห่งอยู่ในเยอรมนี (แต่ยังคงอาศัยเซลล์แบตเตอรี่จากซัพพลายเออร์อยู่)
คล้อยหลังเพียง 2 เดือนจากวันที่ Tesla เปิดตัว Tesla Semi รถบรรทุกพลังไฟฟ้า ก็ถึงเวลาที่พี่ใหญ่ในวงการอย่าง Volvo ต้องปรับตัวบ้าง โดย Volvo ประกาศทำรถบรรทุกไฟฟ้าแล้ว เริ่มที่รถบรรทุกขนาดกลางก่อน (medium-duty truck)
Jonas Odermalm หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์รถบรรทุกขนาดกลางของ Volvo กล่าวว่าเทคโนโลยีและ know-how เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าของ Volvo มีใช้อยู่ในรถบัสไฟฟ้าแล้ว รวมถึงโซลูชันต่างๆ ก็ใช้ในรถบรรทุกไฮบริดมาตั้งแต่ปี 2010
Volvo ระบุว่าลูกค้าไม่กี่รายจะได้รับรถบรรทุกดังกล่าวไปใช้ก่อนภายในปีนี้ และจะเริ่มจำหน่ายปกติภายในปีหน้า
ที่มา - Electrek
สถาบันวิจัยด้านยานพานะของมหาวิทยาลัยมิชิแกน (University of Michigan’s Transportation Research Institute) ได้เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์และคำนวนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงของรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ปรากฎว่าค่าเชื้อเพลิงเฉลี่ยของรถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่าเฉลี่ยราวๆ 50%
รายงานระบุว่าต้นทุนเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ถูกที่สุดสำหรับรถยนต์น้ำมันอยู่ที่ราว 1,000 เหรียญต่อปีในหลายๆ รัฐ ส่วนแพงสุดอยู่ที่ราว 1,500 เหรียญต่อปี ส่วนต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงสุดอยู่ที่รัฐโรดไอแลนด์ที่ 747 เหรียญต่อปี ส่วนถูกสุดอยู่ 367 เหรียญต่อปี
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Tesla ได้จัดงานเปิดตัวรถบรรทุก Tesla Semi และในช่วงท้ายของงานก็มีเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัว Tesla Roadster รุ่นที่สอง เคลมว่าเร่งจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง (96.5 กม./ชม.) ได้ภายใน 1.9 วินาที จึงชนะซูเปอร์คาร์ทั้งหลายได้สบาย และเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่สำหรับวงการนี้ด้วย
ล่าสุด Sergio Marchionne ซีอีโอของ Ferrari ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Bloomberg ที่งาน Detroit Auto Show ว่า Ferrari กำลังพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าอยู่ พร้อมเสริมว่า "ถ้ามันจะมีซูเปอร์คาร์พลังไฟฟ้า ก็ต้อง Ferrari นี่แหละที่จะเป็นคนแรกที่ทำ ผู้คนต่างทึ่งกับสิ่งที่ Tesla ทำกับวงการซูเปอร์คาร์ ผมจะไม่พยายามกลบเกลื่อนสิ่งที่ Elon Musk ทำหรอก แต่ผมคิดว่ามันก็เป็นสิ่งที่พวกเราทำได้เช่นกัน"
ถ้าพูดถึงเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าคนส่วนใหญ่อาจจะรู้จักแต่ Tesla หรืออย่างน้อยๆ ก็ Nissan แต่ทว่าในประเทศจีน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าคึกคักอย่างมากเนื่องจากรัฐบาลผลักดัน ทำให้มีผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หลายเจ้า หนึ่งในนั้นคือ GAC (Guangzhou Automobile Group) ที่ประกาศเตรียมบุกตลาดสหรัฐปี 2019 พร้อมเผยโฉมคอนเซ็ปรถคันแรกในงานรถยนต์ที่ดีทรอยท์
บริษัท GAC ได้นำคอนเซ็ปรถไฟฟ้ารุ่น Enverge มาโชว์ในงาน North American International Auto Show ดูทรงเป็นมินิ SUV มีหน้าจอขนาดใหญ่บนแดชบอร์ด ประตูเปิดแบบปีกนก 2 ประตู แบตเตอรี่ขนาด 71kWh รองรับการชาร์จไร้สาย โดย GAC เคลมว่าสามารถวิ่งได้ 370 ไมล์ต่อการชาร์จ 1 ครั้งและชาร์จเพียง 10 นาทีสามารถวิ่งได้ 240 ไมล์
หลังติดปัญหาคอขวดในสายการผลิตมานาน ขณะนี้ Tesla เริ่มผลิต Tesla Model 3 ได้มากขึ้นเรื่อยๆ และลูกค้าที่สั่งจองไว้ตั้งแต่เปิดตัวก็เริ่มได้รับรถกันแล้ว แต่เหตุการณ์แย่ๆ ก็ยังไม่จบ เนื่องจากลูกค้าจำนวนหนึ่งพบว่าพวกเขาได้วัสดุตกแต่งภายในเป็นผ้าธรรมดา แทนที่จะเป็น Alcantara ตามที่เข้าใจ
ลูกค้ากลุ่มที่มีปัญหาดังกล่าวจ่ายเงิน 5,000 ดอลลาร์สหรัฐเพื่อเพิ่มออปชัน Premium Upgrades เช่นเบาะนั่งปรับไฟฟ้า 12 ทิศทาง, เครื่องเสียงรอบทิศทาง, หลังคากระจก และวัสดุตกแต่งภายในแบบ "พรีเมียม" ซึ่ง Tesla ไม่ได้ระบุชัดบนเว็บไซต์ว่าเป็น Alcantara แต่รูปที่ใช้โฆษณากลับเห็นชัดเจนว่าเป็น Alcantara รวมถึงรีวิวที่ออกมาบนอินเทอร์เน็ตและรายงานจากผู้ที่ได้รับรถล็อตแรกๆ ก็ระบุว่าเป็น Alcantara
เมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม Elon Musk ได้ทวีตขอบคุณผู้ใช้รถ Tesla ทุกคนที่ให้โอกาสบริษัทเขา ซึ่งเคยถูกตราหน้าว่าจะเจ๊งแน่นอน เขาระบุว่าทีมงาน Tesla อุทิศแรงกายแรงใจอย่างมากเพื่อสร้างรถยนต์ที่ทุกคนรัก ก่อนจบทวีตด้วยการเปิดรับคำแนะนำว่า Tesla จะพัฒนาอะไรเพิ่มได้อีก
เจ้าของรถ Tesla จำนวนมากได้ตอบกลับไปหา Elon และเขาได้ตอบกลับด้วยตัวเอง ทำให้เราได้ทราบแผนการอัพเดตหลายอย่างจากเหตุการณ์นี้ อย่างแรกคือมีผู้ใช้รายหนึ่งทวีตว่าอยากได้รถกระบะปิคอัพไฟฟ้า Elon ก็ตอบกลับว่าเขาสัญญาว่ามันจะตามมาแน่นอนหลังเปิดตัว Model Y โดยเขามีดีไซน์และรายละเอียดด้านวิศวกรรมอยู่ในใจมานานเกือบ 5 ปีแล้ว และอยากจะทำมันมากๆ โดยจะมีขนาดใกล้เคียงกับ Ford F150
เรียกว่าเงียบกริบมานาน สำหรับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่างโตโยต้า ว่าจะเอาอย่างไรกับทิศทางของบริษัทที่เทรนด์ของโลกมุ่งหน้าไปยังรถยนต์ไฟฟ้า แถมก่อนหน้านี้ก็ชูเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนเป็นพลังงานทางเลือก แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะทำตลาดจริงจัง
ล่าสุดโตโยต้าได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่างจริงจัง โดยจะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (Battery electric vehicle - BEV) ด้วยกัน 10 รุ่น ภายในปี 2020 และรถยนต์ทุกรุ่นของบริษัท (รวมถึงเล็กซัส) จะมีให้เลือกเป็นแบบไฟฟ้าหรือไฮบริดภายในปี 2025
ประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ มีดังนี้
จุดขายหนึ่งของ Tesla คือการสร้างสถานี Supercharger ตามเมืองที่มีการขายรถ และยังขยายจุดชาร์จนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้ แม้เมื่อต้นปีจะมีประเด็นยกเลิกชาร์จไฟฟรีตลอดชีพสำหรับผู้ซื้อรถใหม่ แต่ดูเหมือนการใช้งาน Supercharger ก็ยังคงสูง จนต้องประกาศกฎข้อใหม่เพิ่มเข้ามา
บริษัทเจ้าใหญ่ๆ เริ่มแสดงความสนใจใช้งานรถบรรทุก Tesla Semi มากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเป็น PepsiCo เจ้าของแบรนด์น้ำอัดลม Pepsi Cola และขนมขบเคี้ยว Frito-Lay ที่ยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่าได้สั่งซื้อ Tesla Semi มากถึง 100 คัน
Mike O'Connell ผู้บริหารระดับสูงฝ่าย Supply Chain ประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือระบุว่า PepsiCo มีรถบรรทุกใช้งานอยู่กว่า 10,000 คัน และขณะนี้กำลังวิเคราะห์อยู่ว่าจะนำ Tesla Semi มาวิ่งในเส้นทางไหนดี โดยเบื้องต้นเห็นความเป็นไปได้ที่จะนำมาวิ่งขนส่งขนมเบาๆ หรือส่งเครื่องดื่มหนักๆ แต่ระยะทางสั้นๆ
ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Nissan, Mecedes-Benz ไปจนถึงผู้ให้บริการเรียกรถอย่าง Lyft กำลังเริ่มพัฒนาระบบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า แต่ฝั่งของ Ford นั้น บริษัทยังคงจะไม่ทิ้งพลังงานฟอสซิลเสียทีเดียว ล่าสุด Jim Farlehy ประธานฝ่ายการตลาดโลกของ Ford ให้สัมภาษณ์กับ Automotive News ว่ารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Ford ที่วางแผนจะวางจำหน่ายในปี 2021 จะเป็นรถยนต์ไฮบริด
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของรถยนต์ไฟฟ้าคือระยะเวลาที่ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งใช้เวลานานกว่าการเติมน้ำมันอย่างเห็นได้ชัด ผู้ผลิตทุกเจ้าจึงต้องหาทางลดระยะเวลาตรงนี้ลงให้ได้
ล่าสุดมีโปรเจ็คใหม่นำโดย BMW ร่วมมือกับ Porsche เพื่อพัฒนาสถานีชาร์จด่วน กำลังไฟสูงถึง 450 kW โดยระบุว่าเป็นกำลังไฟที่เหมาะสมในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ออกแบบมาวิ่งทางไกลได้ใน 15 นาที โดยใช้ไฟ 900 โวลต์ 500 แอมป์ ทำให้ได้กำลังไฟ 450 kW
เป็นที่น่าสนใจว่าผู้ให้งบประมาณสนับสนุนโปรเจ็คนี้มากถึง 7.8 ล้านยูโร (ราว 300 ล้านบาท) คือกรมการขนส่งและสาธารณูปโภคดิจิทัลของเยอรมนี ที่ถูกดูแลโดยองค์กรเทคโนโลยีไฮโดรเจนและเซลล์เชื้อเพลิงแห่งชาติอีกที
BlueSG เตรียมเปิดให้บริการ Car-Sharing โดยใช้รถยนต์ไฟฟ้าในสิงคโปร์ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ โดยรูปแบบการให้บริการจะเป็นในลักษณะการลงทะเบียนสมาชิก (subscription) รายปีและรายสัปดาห์ และคิดค่าเช่าตามระยะเวลาที่ใช้งานอย่างเดียวโดยไม่นำระยะทางมาคำนวน
รถยนต์ที่จะนำมาให้บริการเบื้องต้นมี 80 คัน สถานี BlueSG ราว 30 สถานะกับอีก 120 จุดชาร์จ โดยบริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 2020 จะต้องมีรถยนต์ราว 1,000 คันและจุดชาร์จกว่า 2,000 จุดชาร์จ
ที่มา - Strait Times
เราเริ่มเห็นประเทศต่างๆ ประเทศแผนการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์น้ำมันไปเป็นไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดก็ไต้หวัน ที่รัฐบาลเริ่มพิจารณาแผนการเปลี่ยนผ่านให้ทั้งประเทศใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า โดยจะเริ่มจากมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าก่อน ภายในปี 2030
Shen Jong-chin รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของไต้หวันระบุว่า รัฐบาลจะเริ่มพุดคุยเจรจากับภาคธุรกิจ ทั้งโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงห่วงโซ่อุปทาน
ต้องถือว่ากระแสตอบรับดีทีเดียวสำหรับรถบรรทุก Tesla Semi ที่เพิ่งเปิดตัวได้เพียง 2 สัปดาห์แต่ก็มีบริษัทหลายแห่งให้ความสนใจและสั่งซื้อกันแล้ว ล่าสุด DHL ยักษ์ใหญ่วงการโลจิสติกส์จากเยอรมนีได้ยืนยันแล้วว่าพวกเขาได้สั่งซื้อ Tesla Semi แล้ว 10 คัน
Jim Monkmeyer ประธานฝ่ายการขนส่งประจำภูมิภาคอเมริกาเหนือได้ยืนยันการสั่งซื้อดังกล่าว โดยระบุว่า DHL Supply Chain จะนำ Tesla Semi มาใช้วิ่งขนพัสดุสำหรับการส่งแบบ same-day ในเมืองใหญ่ๆ ของสหรัฐอเมริกา และมีแผนจะทดสอบรถบรรทุกพลังไฟฟ้าในระยะยาวว่ามีผลต่อความปลอดภัยและความสบายของคนขับอย่างไรบ้าง