Albert Panello ผู้บริหารทีม Xbox ของไมโครซอฟท์ให้ข้อมูลในงาน Tokyo Game Show ว่าเครื่อง Xbox One ออกแบบมาให้วางในแนวนอนเท่านั้น ไม่เหมาะแก่การวางในแนวตั้ง และอาจส่งผลให้เครื่องมีปัญหาได้

Panello บอกว่าปัญหาไม่ใช่เรื่องการระบายอากาศ แต่เป็นการออกแบบไดรฟ์อ่านแผ่นแบบ slot loading ที่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับแนวตั้ง เขายังให้ข้อมูลด้วยว่าเจ้าของ Xbox 360 จำนวน 80% วางเครื่องในแนวนอน (แม้ภาพโปรโมทส่วนใหญ่จะมาเป็นแนวตั้งก็ตาม)

อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าทั้ง PS3 และ PS4 ก็ใช้ไดรฟ์แบบ slot loading และวางเครื่องได้ทั้งแนวตั้ง-แนวนอน

ที่มา - Gamespot

Apple ได้เปิดตัวชิปประมวลผลร่วม M7 ในฐานะชิ้นส่วนหลักของ iPhone 5s ที่ทำหน้าที่ในด้านการตรวจจับการเคลื่อนไหว แต่ iFixit ไม่พบชิปที่ว่านี้บนเมนบอร์ด หลังจากที่ได้รื้อเจ้า iPhone 5s ออกมาเป็นชิ้นๆ แล้ว

ก่อนอื่นอย่าเพิ่งตกใจหรือคิดไปเองว่า Apple หลอกลวงผู้บริโภค เว็บไซต์ Chipworks ได้ออกมายืนยันว่า ชิป M7 ของ Apple นั้นมีอยู่บนเมนบอร์ดจริง ๆ แต่ไม่ได้ทำการสกรีนชื่อ M7 อย่างชัดเจนเหมือนอย่างหน่วยประมวลผลหลักอย่าง A7

Chipworks กล่าวว่า พวกเขาพบชิป M7 ในชื่อ LPC18A1 จาก NXP โดยเจ้าชิปตัวนี้เป็นไมโครคอนโทรลเลอร์แบบ Cortex-M3 จาก ARM ครับ

ถึงแม้ว่าสถาปัตยกรรมฮาร์ดแวร์ของ PS4 และ Xbox One มีความใกล้เคียงกันมาก แต่ข้อมูลวงในจากนักพัฒนาเกมกลับให้ความเห็นว่า PS4 มีประสิทธิภาพดีกว่า Xbox One ในหลายมิติ เช่น หน่วยความจำของ PS4 เร็วกว่า 40-50% ส่วน ALU (Arithmetic Logic Unit) ก็เร็วกว่าราว 50%

นักพัฒนารายหนึ่งให้ข้อมูลว่าเกมเวอร์ชันยังไม่ปรับแต่ง สามารถรันที่ความละเอียด 1920×1080 ที่ 30FPS ได้บน PS4 แต่เกมเดียวกันกลับรันบน Xbox One ที่ความละเอียด 1600×900 ที่ FPS ประมาณ "20 กว่าๆ" เท่านั้น

Sundar Pichai แห่งกูเกิลไปขึ้นเวทีงาน IDF ของอินเทล นอกจากกล่าวถึง Chromebook Haswell แล้ว ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมของ Android ในฝั่ง x86 ดังนี้

ฟีเจอร์ที่น่าสนใจที่สุดของ iPhone 5S คงหนีไม่พ้น Touch ID Sensor หรือเซ็นเซอร์ตรวจสอบลายนิ้วมือที่ปุ่ม Home

รายละเอียดของเซ็นเซอร์ตัวนี้คือ

• วัสดุชั้นนอกสุดเป็น sapphire crystal ส่วนวงแหวนด้านนอกทำจากสเตนเลส
• ตัวเซ็นเซอร์หนา 170 ไมครอน ความละเอียด 500 ppi สแกนลายนิ้วมือลงลึกถึงชั้นใต้ผิวหนัง
• อ่านลายนิ้วมือได้หลายนิ้ว และอ่านได้จากทุกองศาการวางนิ้ว
• เก็บข้อมูลลายนิ้วมือของผู้ใช้ไว้ในชิป A7 ที่เข้าถึงได้เฉพาะจากฮาร์ดแวร์ Touch ID เท่านั้น ซอฟต์แวร์ตัวอื่นเข้าถึงไม่ได้ และจะไม่ส่งข้อมูลลายนิ้วมือออกนอกตัวโทรศัพท์ เช่น ส่งขึ้นเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิล
• การใช้งานคือปลดล็อคเครื่อง และยืนยันตัวตนก่อนซื้อสินค้าบน iTunes Store, App Store, iBooks Store
• Phil Schiller ยืนยันว่าแอปเปิลจะไม่เปิด Touch ID ให้นักพัฒนาภายนอกเข้าถึงและใช้เป็นการยืนยันตัวตน
• Tim Cook ยังไม่บอกว่าแอปเปิลจะใช้ Touch ID ตัวนี้กับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในอนาคตมากแค่ไหน แต่เขาก็ตอบว่าเราน่าจะจินตนาการว่ามันนำไปใช้ต่อได้อีกเยอะมาก

ต่อจากข่าวเก่า เผย Galaxy Note 3 แบตอึดเพราะชิป Envelope Tracker จาก Qualcomm ล่าสุดทางต้นสังกัดผู้ผลิตชิปก็ออกมาอธิบายข้อมูลเพิ่มอีกนิดหน่อย

ชิปตัวนี้ชื่อว่า QFE1100 ส่วนหลักการทำงานก็เหมือนในข่าวเก่า นั่นคือปรับกำลังส่งสัญญาณตามลักษณะของลูกคลื่นสัญญาณ ตัวเลขของ Qualcomm เองระบุว่าช่วยลดความร้อนลงได้ 30%, ลดพลังงานที่ใช้ได้ 20%, ช่วยให้การส่งสัญญาณรวดเร็วขึ้น แถมยังมีประโยชน์ทางอ้อมให้แผงวงจรรวมมีขนาดเล็กลงเพราะสามารถออกแบบชิปส่งสัญญาณได้เล็กลง

ชิป Envelope Tracking (ET) ลักษณะนี้จะเริ่มใช้ใน Galaxy Note 3 เป็นรุ่นแรก และจะทยอยใช้งานในมือถือ LTE รุ่นต่อๆ ไปอีกมาก

คุณสมบัติเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Galaxy Note 3 คืออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่คุยว่าเยอะกว่า Note II อีกพอสมควร

เหตุผลของอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น นอกจากเรื่องแบตความจุเยอะขึ้นแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องฮาร์ดแวร์เข้ามาเพิ่มเติม โดย Note 3 มีชิปพิเศษที่ชื่อว่า envelope tracker ที่พัฒนาโดย Qualcomm ใส่เข้ามาด้วย

ชิปตัวนี้จะทำหน้าที่ปรับลดกำลังส่งสัญญาณมือถือให้เหมาะสมกับ "ขนาดของลูกคลื่น" (envelope) ที่ใช้งานจริง (ดูภาพประกอบน่าจะเข้าใจง่ายกว่าครับ กำลังส่งคือสีแดง อันบนคือของเก่า อันล่างคือของใหม่) ช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการส่งสัญญาณได้มากที่สุดถึง 30%

กลุ่มมาตรฐานอุตสาหกรรม HDMI Forum ใช้เวทีงาน IFA 2013 เปิดตัวพอร์ต HDMI 2.0 อย่างเป็นทางการ

จุดขายหลักของ HDMI 2.0 คืออัตราการส่งข้อมูลสูงสุดที่เพิ่มเป็น 18Gbps, สามารถสตรีมวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 60FPS ได้สบาย โดยยังใช้สายและคอนเนคเตอร์แบบเดียวกับ HDMI 1.4 ไม่ต้องเปลี่ยนแต่อย่างใด ในภาพรวมแล้วถือเป็นจิ๊กซอชิ้นสำคัญอีกชิ้นในการเดินหน้าไปสู่โลกของวิดีโอความละเอียด 4K นั่นเองครับ

CSR บริษัทที่อยู่เบื้องหลังฮาร์ดแวร์ของ Nike+ และเฮดโฟนไร้สายชื่อดัง Beats Wireless เปิดตัวคีย์บอร์ดที่มีความบางที่สุดในโลกในงาน IFA ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยคีย์บอร์ดตัวนี้บางน้อยกว่า 0.5 มิลลิเมตร บางกว่า Touch Cover อุปกรณ์คู่กายของ Microsoft Surface ถึง 6.5 เท่าเลยทีเดียว และบางขนาดที่ว่า บิดงอตัวคีย์บอร์ดแล้วยังกลับเข้ารูปเดิมได้

ด้านการทำงานของคีย์บอร์ดตัวนี้ คือใช้ระบบบลูทูธแบบประหยัดพลังงาน กับแผงวงจรระบบสัมผัส ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบมาให้ประหยัดพลังงาน ทำให้ตัวคีย์บอร์ดนี้มีความบางมากขึ้น แต่อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานนั้นเอง

ยานบินแบบไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle - UAV) มีราคาถูกลงมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ได้รับความนิยมในการใช้งานอื่นๆ นอกเหนือไปจากการทหาร ก่อนหน้านี้มีการทำซอฟต์แวร์ควบคุมยานบินเป็นโอเพนซอร์สมาก่อนแล้วในชื่อ Paparazzi แต่ตอนนี้ก็มีคนพัฒนาฮาร์ดแวร์ควบคุมยานบินแบบโอเพนซอร์สออกมาแล้วในชื่อ Lisa/S

อินเทลเผยข้อมูลว่ากำลังพัฒนากล้องสำหรับถ่ายภาพ 3 มิติเชิงลึก (depth sensing camera) ลักษณะเดียวกับ Kinect ของไมโครซอฟท์ แต่เน้นการถ่ายภาพในระยะใกล้ 1-1.5 เมตร และเน้นความสามารถของซอฟต์แวร์ในการแปลความหมายของภาพแทน

ฟีเจอร์ของกล้องตัวนี้สามารถแยกแยะระยะทาง ขนาด สี รูปร่าง ฯลฯ ของวัตถุที่อยู่หน้ากล้องได้ ตัวอย่างที่อินเทลยกมาคือเราชูมือถือให้กล้องถ่ายภาพ มันจะสามารถแยกแยะว่าเป็นมือถือรุ่นอะไร และสร้างเคสของมือถือที่ขนาดพอดีกันให้เราไปพิมพ์ต่อผ่านเครื่องพิมพ์ 3 มิติได้

นอกจากนี้กล้องยังมีฟีเจอร์ตรวจจับสายตา (eye tracking) เพื่อดูว่าเราอ่านข้อความบนจอไปถึงไหนแล้ว และสามารถช่วยแนะนำความหมายของคำที่อ่านแล้วติดหรือไม่เข้าใจได้

อินเทลเตรียมวางขายชิปโมเด็ม LTE รุ่น XMM 7160 ช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทในการลุยตลาดชิปสื่อสารระบบ cellular ด้วย

เดิมทีอินเทลเคยทำแต่ชิปสื่อสาร Wi-Fi เป็นหลัก ไม่มีความรู้หรือประสบการณ์ด้าน cellular มากนัก อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสตลาดที่หันมาเน้นอินเทอร์เน็ตไร้สายทั้ง 3G/LTE ทำให้อินเทลต้องหันมาลุยตลาดนี้อย่างจริงจัง (โดยเริ่มจาก LTE)

หลังอินเทลเปิดตัวพอร์ต Thunderbolt 2 ตอนนี้ก็เริ่มมีผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ขายเมนบอร์ดที่รองรับ Thunderbolt 2 กันแล้ว

เมนบอร์ดรายแรกที่ผ่านการรับรองจากอินเทลคือ ASUS ที่เปิดตัวบอร์ด Z87-Deluxe/Quad สเปกคร่าวๆ ได้แก่

• USB 2.0 จำนวน 8 พอร์ต
• USB 3.0 จำนวน 8 พอร์ต
• SATA 6Gbps จำนวน 10 พอร์ต
• PCIe 3.0/2.0 แบบ 16 สล็อต จำนวน 3 พอร์ต
• HDMI 1 พอร์ต
• Thunderbolt 2 จำนวน 2 พอร์ต

ตอนนี้ยังไม่เผยวันวางขายและราคาครับ

ที่มา - AnandTech

ข่าวช็อควงการคอมพิวเตอร์บ้านเราวันนี้ครับ เมื่อมีข่าวลือตลอดทั้งวันว่า DCOM ตัวแทนจัดจำหน่ายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รายใหญ่ของไทยประกาศปิดกิจการแล้วด้วยเหตุผลทางธุรกิจ

ข่าวการปิดตัวของ DCOM ในครั้งนี้ทำให้ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่ DCOM เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายหมดประกันไปทันทีไม่สามารถเคลมกับหน้าร้านของ DCOM ได้ครับ แต่ยังโชคดีที่ยังสามารถนำไปเคลมกับตัวแทนอื่นได้ อาทิ บ.นีโอลูชั่น เทคโนโลยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด, บ.เอสเทรค(ประเทศไทย) จำกัด, ร้าน J.I.B. หรือ ศูนย์ของสินค้ายี่ห้อนั้นเลยๆ อย่าง ASUS, MSI เป็นต้น (รายละเอียดทั้งหมดอ่านต่อที่มาของข่าว)

ไมโครซอฟท์เปิดเผยว่าบริษัทเริ่มเข้าสู่ยุทธจักรของการออกแบบหน่วยประมวลผลแล้ว โดยชิปตัวแรกของไมโครซอฟท์จะใช้กับ Kinect รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับ Xbox One

Kinect รุ่นแรกใช้ชิปของบริษัท PrimeSense จากอิสราเอล แต่ไมโครซอฟท์ยังไม่พอใจประสิทธิภาพของชิปตัวนี้นัก เพราะยังตอบสนองไม่เร็วและไม่แม่นยำพอ จึงหันมาออกแบบชิปใช้เองเพื่อตอบสนองความต้องการนี้

ชิปตัวนี้ออกแบบโดยทีมของไมโครซอฟท์ที่อยู่ในซิลิคอนวัลเลย์ และผลิตที่โรงงานของ TSMC ส่วนการทำงานของเซ็นเซอร์ใช้เทคโนโลยีชื่อ Time of Flight ใช้หลักการดักโฟตอนที่สะท้อนจากร่างกายมนุษย์หรือวัตถุ เทคโนโลยีใช้ในวงการทหาร โดยบริษัทอื่นๆ ที่ใช้เทคโนโลยีนี้คือ Texas Instruments กับ Infineon

หลังจากแฟนๆ ของทั้งสองค่ายเปิดศึกวิวาทะกันเรื่องฮาร์ดแวร์มานาน ศาสดาแห่งวงการเกมอย่าง John Carmack ผู้สร้างเกม Doom/Quake ก็ออกมาให้พูดเรื่องนี้ว่าคอนโซลทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าตกใจ และพลังของเครื่องก็เหมือนๆ กันแทบไม่แตกต่าง (the capabilities that they give are essentially the same)

Carmack บอกว่าจุดต่างหลักของ Xbox One และ PS4 อยู่ที่สถาปัตยกรรมด้านหน่วยความจำ และสเปกยิบย่อยอื่นๆ แต่โดยรวมแล้วใกล้เคียงกันมาก ซึ่งก็เป็นประโยชน์ต่อนักพัฒนาเกม (รวมถึง AMD ด้วย)

ชื่อเสียงของ Carmack มาจากการรีดเร้นประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์เพื่อตอบสนองเกมแนว FPS ที่มีกราฟิกอลังการของแต่ละยุคสมัย ดังนั้นความเห็นของเขาต่อฮาร์ดแวร์คอนโซลยุคนี้จึงน่ารับฟังเป็นอย่างมาก

Marc Whitten ผู้บริหารของทีม Xbox ให้สัมภาษณ์รายการ podcast ของ "Major Nelson" โฆษกของทีม Xbox เช่นกัน

Whitten เล่าความคืบหน้าของ Xbox One ว่าเข้าสู่สถานะ internal beta หรือฮาร์ดแวร์รุ่นทดสอบเป็นการภายในแล้ว สิ่งที่ฮาร์ดแวร์ปัจจุบันต่างจากฮาร์ดแวร์ทดสอบรุ่นก่อนคือเพิ่มความเร็วคล็อกของ GPU จากเดิม 800MHz ขึ้นมาเป็น 853MHz (เพิ่มขึ้นประมาณ 6%)

ส่วนด้านซอฟต์แวร์ ไมโครซอฟท์ออกไดรเวอร์กราฟิก DirectX ที่ปรับแต่งมาเพื่อฮาร์ดแวร์ Xbox One และซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการก็อัพเดตเรื่อยๆ เป็นประจำทุกวัน

ผู้บริหารของ Motorola เผยรายละเอียดเพิ่มเติมของ X8 Mobile Computing System ชิปที่ใช้ใน Droid ปี 2013 และคาดว่าจะใช้กับ Moto X ที่จะเปิดตัวคืนนี้ด้วย

ตั้งแต่ NVIDIA เริ่มเปิดเผย Shield ในงาน CES เมื่อต้นปี ก็มีเสียงตอบรับและข้อกังขาหลายอย่าง ทั้งเรื่องตลาดเกมในแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ รีโมตเพลย์ที่ยังมีปัญหาทางเทคนิค ความล่าช้าของ Tegra 4 ที่ทำให้ต้องเลื่อนเปิดตัว หรือแม้แต่การลดราคา มาถึงวันนี้ NVIDIA Shield ตัวจริงมาถึง และได้อยู่ในมือของสำนักรีวิวหลายเจ้าแล้ว

กลุ่ม GTVHacker นักพัฒนาบนแพลตฟอร์ม Google TV ประกาศว่าสามารถเข้าถึง root ของ Chromecast ได้แล้ว โดยอาศัยช่องโหว่ของระบบที่ค้นพบจากซอร์สโค้ดที่กูเกิลเผยแพร่เอาไว้

กลุ่ม GTVHacker ค้นพบว่าระบบปฏิบัติการของ Chromecast คล้ายกับ Android/Google TV มากกว่า Chrome OS อย่างไรก็ตามระบบปฏิบัติการถูกถอด Dalvik ออกไปจึงไม่น่าจะรันแอพ APK จาก Android/Google TV ได้

ตอนนี้การแกะ Chromecast ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น คาดว่าเราจะได้เห็นบรรดาแฮ็กเกอร์หาอะไรแปลกๆ มาเล่นกับ Chromecast ต่อไปครับ

ที่มา - GTVHacker

Nexus 7 รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวไปไม่กี่วัน (ข่าวเก่า) บัดนี้ถูกจับมาชำแหละให้ดูแล้วครับ ว่าอุปกรณ์ภายในมีอะไรบ้างเหมือนกับตอนชำแหละ Chromecast โดยเจ้าเดิมคือ iFixit นั่นเอง

iFixit ให้คะแนน Nexus 7 รุ่นใหม่ ไว้ที่ 7 จาก 10 คะแนน เพราะเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ชำแหละนั้นเป็นพลาสติกหมด โดยสเปคทุกอย่างเป็นเหมือนข่าววันเปิดตัว ยกเว้นเพียงแบตเตอร์รี่ที่มีความจุมากกว่าเดิมคือ 4326 mAh แต่วันเปิดตัวแจ้งไว้เพียงแค่ 3950 mAh

สรุปหลังจากแกะ Nexus 7 รุ่นใหม่ จนหมดแล้ว "ไม่ใช่เรื่องยากหากต้องมีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแบตเตอร์รี่แต่ต้องระมัดระวังเช่นกันหากต้องถอดหน้าจอ"

เพิ่งเปิดตัวไปไม่กี่วัน Chromecast จากกูเกิลก็ถูกชำแหละไส้ในหมดจด เผยให้เห็นรายละเอียดภายในว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง การชำแหละครั้งนี้เป็นใครไม่ได้เลยนอกจากเว็บไซต์จอมชำแหละอุปกรณ์ไอทีอย่าง iFixit ขาประจำครับ (ภาพท้ายข่าว)

เมื่อแกะออกมาแล้วสิ่งที่น่าสนใจของ Chromecast คือแผ่นระบายความร้อนที่วางรอบๆ แผ่นบอร์ดสีเขียวและอีกชุดที่ด้านล่างของแผ่นบอร์ด นอกจากนี้ยังมีเหล่าชิปต่างๆ (ข่าวเก่า) อันได้แก่

ช่วงนี้ดูเหมือนว่ากูเกิลจะตั้งใจบุกตลาดห้องนั่งเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ ให้หลังจากการเปิดตัว Chromecast ได้ไม่กี่วัน Wall Street Journal ก็มีรายงานว่ากูเกิลกำลังซุ่มทำ set-top box ของตัวเองอยู่

รายละเอียดของ set-top box ตัวนี้คือรันระบบปฏิบัติการ Android มีกล้องในตัวสำหรับรองรับประชุมด้วยวิดีโอผ่าน Hangouts และมีเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวในตัว ฟีเจอร์พื้นฐานคือสามารถสตรีมคอนเทนต์จาก YouTube, Google Play, Netflix และสามารถเล่นเกมบน Android ได้

ตามข้อมูลที่ออกมา กูเกิลมีแผนจะเปิดตัว set-top box ดังกล่าวในงาน Google I/O เมื่อเดือนพฤษภาคม แต่การที่มันไม่เผยโฉมออกมานั่นหมายถึงว่าอนาคตของอุปกรณ์ชิ้นนี้ยังคงไม่แน่นอนเสียเท่าไหร่

หลังจากกูเกิลเปิดตัว Chromecast ไปเมื่อวานนี้ ก็สร้างกระแสให้หลายคนอยากเป็นเจ้าของได้ทีเดียว พร้อมกันนี้ก็มีการปล่อยภาพชิ้นส่วนภายในของ Chromecast มาให้ชมกันอีก

ภาพที่หลุดมานั้น มาจากเอกสารการตรวจสอบของหน่วยงาน FCC ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมแล้ว ซึ่งในภาพ Chromecast มีแผ่นบอร์ดเป็นสีเขียวมาตรฐาน ฝังด้วยชิป Marvell DE3005 และชิป AzureWare ที่ทำหน้าที่ด้านรับสัญญาณ Wi-Fi (ภาพท้ายข่าว)

ที่มา - Gizmodo

ข่าวนี้ต่อจาก NVIDIA โชว์พลังกราฟิกของ GPU Kepler บนอุปกรณ์พกพา เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานะครับ ล่าสุด NVIDIA เอา GPU พกพาตัวใหม่ที่อิงกับสถาปัตยกรรม Kepler (ที่ใช้ใน GeForce รุ่นปัจจุบัน) มาโชว์อีกรอบ

ข้อมูลทางเทคนิคของมันยังไม่ถูกเปิดเผยละเอียด แต่ก็บอกว่ารองรับมาตรฐานด้านกราฟิกใหม่ๆ อย่าง OpenGL 4.4, OpenGL ES 3.0, DirectX 11, OpenCL 5.0 และมีฟีเจอร์ด้าน Tessellation ด้วย ซึ่งเมื่อเทียบคุณสมบัติกันแล้วก็รองรับฟีเจอร์เท่ากับการ์ดจอตัวท็อปอย่าง GeForce Titan แต่กินไฟน้อยกว่ากัน 125 เท่า (2 วัตต์กับ 250 วัตต์)