แม้ว่าข่าวเกี่ยวกับ Tablet ของแอปเปิลระยะหลังๆ จะมุ่งไปในลักษณะที่ว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับอ่านหนังสือหรือดูมัลติมีเดียเป็นหลักแบบ Kindle ผสม iPod แต่ในรายงานล่าสุดของ New York Times ได้ระบุว่าจากการสนทนากับอดีตวิศวกรของแอปเปิลบางคน พบว่า Tablet นี้อาจมีจุดมุ่งหมายในการทำคอมพิวเตอร์แบบสมบูรณ์แบบ
วิศวกรเหล่านั้นได้ระบุว่า แอปเปิลได้พยายามพัฒนารูปแบบการติดต่อกับคอมพิวเตอร์โดยใช้นิ้วสัมผัสมากมายหลายรูปแบบหลังจากที่ได้ซื้อบริษัท FingerWorks มาในปี 2007 ซึ่งการใช้งานจริงอาจมีรูปแบบที่ซับซ้อนเช่นการลากนิ้วมือสามนิ้วลงและเป็นวงกลมเพื่อเปิดไฟล์ โดยมีวิศวกรอีกคนหนึ่งระบุว่า แอปเปิลได้ใช้เวลาในช่วงสองสามปีมานี้เพื่อพัฒนา iWork เวอร์ชันสำหรับมัลติทัช
เห็นคุณ nuntawat เก็บตกงาน CES 2010 ก็ขอเอาบ้างครับ ในงาน CES 2010 สิ่งที่เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรคือเทคโนโลยีจอภาพไร้สายจากอินเทล ซึ่งชื่ออย่างเป็นทางการของมันคือ WiDi (ย่อมาจาก Wireless Display ตรงไปตรงมา)
การเชื่อมต่อจะเป็นดังนี้ครับ ฝั่งพีซีจะสตรีมข้อมูลภาพผ่าน Wi-Fi ส่วนขารับต้องใช้อแดปเตอร์พิเศษ (ซึ่งตอนนี้มี Netgear ทำออกมาในชื่อ Push2TV) จากนั้นต่ออแดปเตอร์เข้ากับทีวีด้วยพอร์ต HDMI หรือจะใช้สาย AV ธรรมดาก็ได้ ดูภาพประกอบได้หลังเบรก
Mercury News สื่อท้องถิ่นของซานฟรานซิสโก รายงานว่าแอปเปิลกำลังดำเนินการย้ายร้าน Apple Retail Store สาขา Palo Alto อย่างเงียบๆ โดยร้านแห่งใหม่นั้นอยู่ห่างจากร้านเดิมไม่ไกล แต่จะเป็นร้านต้นแบบของ Apple Retail Store แนวใหม่ของบริษัท
ข้อมูลจากเอกสารที่แอปเปิลยื่นขอก่อสร้างกับหน่วยงานท้องถิ่นบอกว่า ชั้นล่างจะเป็นผนังโปร่งใสทั้งหมด ปลูกต้นไม้ภายใน และรับแสงอาทิตย์จากหลังคา สถาปนิกของอาคารนี้คือ Bohlin Cywinski Jackson ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่ออกแบบร้าน Apple Store สาขา Fifth Avenue ในนิวยอร์ก ซึ่งเป็นร้านที่โดดเด่นในแง่สถาปัตยกรรมอย่างมาก
ส่วนโฆษกของแอปเปิลยังปฏิเสธ ไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ตามคาด
ขอมาเก็บตกงาน CES 2010 ที่ผ่านมาซักหน่อย นอกจากเลอโนโวเปิดตัว Skylight สมาร์ทบุ๊ก และ Freescale เปิดตัวสมาร์ทบุ๊ก คาดราคาต่ำกว่า 200 ดอลลาร์สหรัฐ แล้ว ฟากเอชพีก็ไม่น้อยหน้า เอารุ่น Mini ที่เป็นสมาร์ทบุ๊ก ซีพียู ARM Snapdragon จากค่าย Qualcomm ติดตั้งระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ พร้อมทั้งหน้าจอ 10 นิ้วแบบทัชสกรีนมาให้ยกโฉมกันในงาน รูปภาพและคลิปวีดีโอโชว์การใช้ทัชสกรีนดูได้ท้ายข่าว
ที่มา: Engadget
ในขณะนี้กูเกิลกำลังประสบปัญหากับจำนวนผู้ใช้ Nexus One มากมายที่มีปัญหา แต่ไม่สามารถหาทางแก้ไขได้จากทางกูเกิล
โดยปกติแล้วในตลาดโทรศัพท์มือถือของสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้มักจะซื้อโทรศัพท์โดยตรงจากผู้ให้บริการเครือข่าย เมื่อโทรศัพท์มีปัญหา ผู้ใช้ก็จะติดต่อทางผู้ให้บริการเพื่อขอการช่วยเหลือ แต่ในกรณีของกูเกิลที่ทำการขาย Nexus One โดยตรงจากทางเว็บไซต์ ผู้ใช้จึงพยายามติดต่อกูเกิลเมื่อมีปัญหา ในขณะที่ทางกูเกิลเองกลับมีช่องทางในการช่วยเหลือทางเดียวเท่านั้นคืออีเมล ซึ่งแตกต่างกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่มีทั้งโทรศัพท์ ไปจนถึงหน้าร้านที่จะรับการแก้ไขปัญหาได้
Carol Bartz ซีอีโอหญิงเหล็กของยาฮูที่เข้ามาในสภาวะที่บริษัทกำลังยากลำบาก ได้ประเมินการทำงานปีแรกของตัวเอง และคะแนนที่ออกมาคือ B-
เธอบอกว่าเธอทำงานได้เร็วมากแล้ว แต่ยังเร็วไม่พอสำหรับงานใหญ่ระดับนี้ และเธอพบว่าเกิดแรงต้านจากคนในมากกว่าที่คิดเอาไว้ ผลงานสำคัญของ Bartz ในรอบปีที่ผ่านมาคือ ปลดพนักงานออกจำนวนหนึ่ง ไล่ปิดฝ่ายที่ไม่ทำกำไร (เช่น Geocities) และทำข้อตกลงเรื่อง search กับไมโครซอฟท์
เมื่อสัปดาห์ก่อนหลายคนคงได้เห็นข่าวที่กลุ่มนักพัฒนาชาวจีนสร้าง Ubuntu distribution ชื่อ Ylmf OS โดยเลียนแบบส่วนติดต่อผู้ใช้ของวินโดวส์เอ็กซ์พี (ดูรูปได้จากที่มา) หลายคนคิดว่าไมโครซอฟท์คงจะรีบฟ้องกลับอย่างรวดเร็ว แต่ไมโครซอฟท์กลับแจ้งว่ากฏหมายต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ไม่สามารถใช้ได้กับกรณีนี้ ดังนั้นจะขอศึกษากฎหมายปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ก่อน แต่ไมโครซอฟท์ยังกล่าวอีกว่าเป็นยากที่จะพูดถึงทางเลือกของกฎหมาย เนื่องด้วยมันขึ้นอยู่กับกฎหมายในแต่ละประเทศ (ในที่นี่คือประเทศจีน) และการ implement ของ Ylmf OS เองด้วย
ที่มา: Ars Technica
การดึงดูดให้นักศึกษาระดับหัวกะทิมาทำงานด้วย ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญมากอันหนึ่งของบริษัทขนาดใหญ่ และล่าสุด Facebook ก็ได้ดำเนินยุทธศาสตร์นี้ด้วยเช่นกัน
จนถึงปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์นั้นได้ชื่อว่าไม่ค่อยเป็นไปตามมาตรฐานซะเท่าไร แต่หลังๆ ไมโครซอฟท์ก็พยายามปรับปรุงโดยเข้าไปมีส่วนร่วมกับมาตรฐานเว็บแบบเปิดมากขึ้น โดยเมื่อปีที่แล้วไมโครซอฟท์ได้เข้าร่วมแก้ไขมาตรฐาน HTML 5 รวมถึงสนับสนุนแท็ก audio และ video ใน HTML 5 อีกด้วย
เรื่องราวเหล่านี้นำมาจาก blog ผมที่ http://molecularck.com ครับ เลยเอามาโพสที่นี่อีกรอบเพื่อเอามาแชร์ความคิดเห็นกันครับ
เป็นที่เลื่องลือกันว่า Google มีสินค้าและบริการมากมาย ไม่ว่าบริการค้นหาเว็บไซต์ จนไปถึงมือถือรุ่นใหม่ที่กำลังจะวางตลาด แต่ล่าสุด weirdasianews.com ได้ไปพบว่า Google ผลิตกระดาษชำระออกมาแล้ว!
weirdasianews.com ได้ไปพบกระดาษชำระยี่ห้อ Google นี้ในประเทศเวียดนาม แถมกระดาษชำระนี้ยังโฆษณาอีกว่า "100% Virgin Pulp" อีกด้วย
หรือนี้จะเป็นสัญญาณว่า Google เตรียมจะเริ่มผลิตสินค้าอื่นๆ มาให้เราใช้มากขึ้น?
ประธานาธิบดีซาร์โกซีของฝรั่งเศสได้กล่าวในงานประชุมกับตัวแทนจากอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และศิลปะว่า เขาต้องการให้หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของฝรั่งเศสมองหาวิธีเก็บภาษีจากกูเกิล (รวมไปถึงเว็บใหญ่เจ้าอื่นๆ) ซึ่งครองตลาดโฆษณาออนไลน์ในฝรั่งเศส แต่กลับไปเสียภาษีที่ประเทศแม่ของตัวเอง
สื่อฝรั่งเศสรายงานต่อว่า รัฐบาลฝรั่งเศสอาจนำภาษีที่เก็บได้จากยักษ์ออนไลน์เหล่านี้ไปใช้ส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่กำลังแย่จากการแข่งขันในโลกดิจิทัล ตามร่างเอกสารของรัฐบาลฝรั่งเศส ไม่ว่าเว็บจะอยู่ที่ไหนในโลก แต่ถ้าคนฝรั่งเศสเป็นคนคลิกแบนเนอร์หรือลิงก์โฆษณา ก็เข้าข่ายจะโดนภาษี
นอกจากเรื่องภาษีแล้ว ฝรั่งเศสยังมองถึงการลงมาทำโครงการสแกนหนังสือ ลักษณะเดียวกับ Google Books อีกด้วย
ตอนที่ประธานาธิบดีโอบามาเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ เกิดข้อถกเถียงกันว่าเขาสามารถใช้ BlackBerry ต่อไปได้หรือไม่ เพราะข้อมูลต้องวิ่งผ่านเซิร์ฟเวอร์ของ RIM ซึ่งเป็นบริษัทแคนาดา และอาจมีปัญหาด้านความมั่นคงของชาติ สุดท้ายแล้ว โอบามาได้รับอนุญาตให้ใช้ BlackBerry ต่อไป โดยเปลี่ยนเป็น BlackBerry รุ่นพิเศษสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐ
จริงๆ แล้ว ซีพียูตระกูล Atom ของอินเทลนั้นออกแบบมาสำหรับอุปกรณ์จำพวก MID เป็นหลัก แต่เอาไปเอามามันกลับไปรุ่งในเน็ตบุ๊ก และแทบไม่มีใครใช้ Atom กับ MID เลย เช่นเดียวกับระบบปฏิบัติการ Moblin ที่เป็นเหมือนระบบปฏิบัติการสำหรับเดโมมากกว่า
แต่ในงาน CES 2010 บริษัท LG ได้โชว์ LG GW990 ซึ่งเป็นมือถือที่ใช้ซีพียู Atom สาย Moorestown และใช้ระบบปฏิบัติการ Moblin
สเปกอื่นๆ คือใช้จอขนาด 4.8 นิ้ว 1020x480, ดูวิดีโอแบบ HD (แสดงผลแบบ 720p ทางจอนอกได้), เล่นเกมสามมิติได้, มี aGPS, Wi-Fi, เข็มทิศ, กล้อง 5MP, แรม 512MB, เนื้อที่เก็บข้อมูล 16GB, แบตขนาด 1,850 mAh และแน่นอนว่ามี 3G
ที่มา - Engadget
ดูเหมือนว่าช่วงหลัง ๆ นี้ทางค่ายเกมสตูดิโอหลาย ๆ แห่งของญี่ปุ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแผนไปเน้นตลาดฝั่งตะวันตกหรือตลาดนอกประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น โดยอาจจะสังเกตได้จากการที่ Konami นั้นยอมยกแฟรนไชส์เกมดัง Silent Hill ไปให้ทางสตูดิโอฝั่งตะวันตกนั้นทำแทน
ทางเว็บ PSX Extreme รายงานว่าเมื่อก่อนเกมญี่ปุ่นและเกมจากชาติตะวันตกมีความแตกต่างกันอย่างมาก ตั้งแต่เรื่องตัวเกม เนื้อหา และการออกแบบตัวละคร โดยญี่ปุ่นมักจะได้เปรียบมากในเรื่องนี้ แต่หากมาดูสมัยนี้แล้วจะพบว่าความแตกต่างจริง ๆ มันเหลือเพียงแค่สไตล์และศิลปะต่าง ๆ เท่านั้น
ผมรวบสองข่าวของ Nexus One เลยนะครับ จะได้ไม่เปลืองที่
ข่าวแรก Robbie Bach หัวหน้าฝ่ายมือถือของไมโครซอฟท์ (ขึ้นเวทีกับบัลเมอร์ด้วยเมื่อวานนี้) ให้สัมภาษณ์กับ BusinessWeek ว่าการลงมาขายฮาร์ดแวร์เองของกูเกิลเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้พาร์ทเนอร์ของกูเกิลเกรงว่า กูเกิลจะให้ความสำคัญกับฮาร์ดแวร์ของตัวเองมากกว่า ซึ่งอาจส่งผลให้ไม่เลือก Android ในระยะยาว Bach บอกว่าการทำเครื่องขายเอง และให้สัญญาอนุญาตแก่ผู้ผลิตรายอื่นไปพร้อมๆ กันนั้นทำได้ยาก
เขาบอกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีของไมโครซอฟท์ และไมโครซอฟท์จะใช้โอกาสนี้ไล่กูเกิลให้ทัน - BusinessWeek
ที่งาน CES 2010 บริษัท Dell โชว์ต้นแบบของแท็บเล็ต (หรือจะเรียก slate ก็ได้) หน้าจอ 5" ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดใดๆ แม้แต่ชื่อของผลิตภัณฑ์ ข้อมูลที่มีคือ Dell กำลังพัฒนาแท็บเล็ตขนาดอื่นๆ ด้วยเช่นกัน และเราสามารถเลือกซื้อรุ่นที่ใช้ซิมการ์ดได้ด้วย
ที่เหลือดูรูปกันเอาเองครับ ผมว่าสวยมาก
ที่มา - Pocket-lint
ในงาน CES 2010 บริษัท Palm ได้เปิดตัว Palm Pre Plus และ Palm Pixi Plus อย่างเป็นทางการแล้ว
สิ่งที่ Pre Plus ต่างจาก Pre เดิมได้แก่ เอาปุ่มกดด้านหน้าออกไปทั้งหมด แล้วเปลี่ยนเป็น soft button แทน, ปรับปรุงด้านฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะตัวเลื่อนคีย์บอร์ดที่ได้รับเสียงบ่นในรุ่นแรก, เอาสีส้มของคีย์บอร์ดออกและปรับการเด้งของปุ่มใหม่ให้กดง่ายขึ้น, เพิ่มหน่วยความจำเป็น 16GB
ส่วน Pixi Plus เพิ่ม Wi-Fi และเลือกสีของฝาหลังได้ ทั้งสองเครื่องขายกับ Verizon Wireless ในวันที่ 25 มกราคมนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้คือ Motorola Motus มือถือ Android ตัวที่สามของ Motorola? ตอนนี้มันได้ชื่อจริงแล้วว่าเป็น Motorola Backflip ซึ่งเป็นชื่อเรียกของคีย์บอร์ดแบบ "พับกลับหลัง" ของมือถือตัวนี้
Motorola Backflip เป็นมือถือระดับกลาง สเปกและขุมพลังอยู่ในระดับเดียวกับ Motorola CLIQ ซึ่งเป็นมือถือ Android ตัวแรกของบริษัท เทียบไม่ได้กับ Motorola/Verizon Droid ที่วางตัวไว้เป็นมือถือระดับเรือธง ตามข่าวก่อนหน้านี้ Backflip จะวางขายกับ AT&T ครับ
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2006 กรีนพีซได้มีการให้คะแนนและจัดอันดับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในด้านของสิ่งแวดล้อมพร้อมคำแนะนำของแต่ละบริษัทในการแก้ไขปรับปรุงให้ผลิตภัณฑ์และการดำเนินการต่างๆ นั้นให้ดีต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยรายงานนี้จะมีการทำขึ้นทุกๆ สองสามเดือน และรายงานครั้งล่าสุดประจำเดือนมกราคม 2010 มีผลคะแนนและอันดับดังต่อไปนี้ครับ (ตัวเลขในวงเล็บคือคะแนนประจำเดือนกันยายน 2009)
นับย้อนไปตั้งแต่ปี 2006 ที่กรีนพีซเริ่มโจมตีบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแอปเปิลถึงเรื่องการไม่เอาใจใส่สิ่งแวดล้อมในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ตั้งแต่การใช้สารพิษ ไปจนถึงระบบการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์เมื่อหมดอายุขัยแล้ว จากการเคลื่อนไหวดังกล่าวบริษัทต่างๆ ก็เริ่มตื่นตัวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแอปเปิลที่ถูกโจมตีอย่างหนักในช่วงแรก จนเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2007 จ็อบส์ต้องเขียนจดหมายเปิดผนึกเกี่ยวกับแผนการด้านสิ่งแวดล้อมของตนเอง ล่าสุดทางกรีนพีซได้ออกมาชื่นชมแอปเปิลที่สามารถกำจัดสารอันตรายในระดับสูงออกไปจากสายผลิตภัณฑ์ของทั้งบริษัทได้เป็นผลสำเร็จ
นักวิเคราะห์ Jeffrey Fidacaro จาก Susquehanna Financial ได้ทำการวิเคราะห์และคาดเดาอุปกรณ์ภายในต่างๆ ที่น่าจะใช้ในอุปกรณ์ Tablet ของแอปเปิล และสรุปว่าน่าจะมีราคาต้นทุนเฉพาะอุปกรณ์ ไม่รวมการผลิต การขนส่ง การจัดจำหน่าย และการตลาดอยู่ที่ $340 ต่อชิ้น (ดูตารางที่นี่)
ทางเว็บไซต์ AppleInsider ได้มีรายการเกี่ยวกับสิทธิบัตรของแอปเปิลที่มีการจดไว้ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2008 ที่มีชื่อว่า "Display with Dual-Function Capacity Elements" ซึ่งเป็นการรวมเอาตัวเก็บประจุเข้าไปไว้ในส่วนแสดงผลของแต่ละจุดบนหน้าจอ LCD และสามารถทำงานแยกกันได้ตามปกติ
เทคนิคนี้จะสามารถทำให้ผลิตอุปกรณ์ที่มีจอภาพสัมผัสแบบประจุ (capacitive) ได้บางขึ้น เบาขึ้น และสว่างมากขึ้น เพราะเป็นการเปลี่ยนจากการใช้จอ LCD แยกกับแผงเซนเซอร์สัมผัสแบบเดิมที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ซึ่งสิทธิบัตรนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์หลักๆ ของแอปเปิลได้เกือบทั้งหมด
หลังจากประกาศซื้อ On2 ไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาและเกิดปัญหากับผู้ถือหุ้น วันนี้กูเกิลและผู้บริหาร On2 ก็ได้ออกประกาศร่วมกันเพื่อประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อตกลงให้กูเกิลเข้าซื้อ On2 หรือไม่
กูเกิลได้เสนอเพิ่มเงินสดให้อีก 15 เซนต์ต่อหุ้นรวมเป็นเงิน 26.5 ล้านดอลลาร์ ทำให้การซื้อขายครั้งนี้มีมูลค่า 133 ล้านดอลลาร์ การประกาศนี้ทำให้มูลค่าหุ้นของ On2 กระโดดขึ้นมาเป็น 0.755 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 26.27% ทันที (รวย!!) มูลค่ารวมในตลาดเป็น 131 ล้านดอลลาร์
หลังจากติดตามข่าวที่เสนอโดยคุณ Zerothman มาได้ระยะหนึ่ง ในวันนี้ผมขอเสนอชื่อคุณ Zerothman เข้าเป็น Blognone's Writer ครับ
คุณ Zerothman มีผลงานมากกว่า 60 บทความในช่วงเวลานับแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ข่าวส่วนใหญ่เป็นข่าวที่เกี่ยวกับแอปเปิล (ดูผลงานทั้งหมดได้ใน Zerothman's Blog)
กติกาเช่นเดิมคือต้องมี Blognone's Writer 5 ท่านขึ้นไปมาให้การรับรอง ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการประกาศนี้ หลังจากการรับรองแล้ว Writer จะสามารถเขียนข่าวขึ้นหน้าแรกได้โดยไม่ต้องรอการตรวจสอบอีกต่อไป