ไมโครซอฟท์รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ตามปฏิทินการเงินของบริษัท มีกำไรสุทธิ 5.87 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 30% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่แล้ว รายได้รวมอยู่ที่ 1.74 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 8.5%
ไมโครซอฟท์อธิบายสาเหตุที่ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นมากแม้รายได้ไม่เพิ่มมากนัก มาจากค่าเฉลี่ยต้นทุนทางภาษีที่ลดลงจากปีก่อนในอัตรา 25% เหลืออยู่ 7% ในปีนี้ โดยมาจากการรับรู้รายได้ผ่านสาขาในประเทศที่มีอัตราภาษีการขายต่ำมากอย่าง ไอร์แลนด์ สิงคโปร์ และเปอร์โตริโก
รายละเอียดยอดขายเป็นรายกลุ่มธุรกิจเป็นดังนี้
เอเอ็มดีรายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ปี 2011 มีกำไรสุทธิ 61 ล้านดอลลาร์ซึ่งดีกว่าไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ขาดทุน ส่วนรายได้ลดลงมา 4.8% ที่ 1.57 พันล้านดอลลาร์
ซีเอฟโอ Thomas Seifert ชี้แจงว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้ลดลงคือยอดขายในกลุ่มเซิร์ฟเวอร์ที่เติบโตช้า ขณะที่กำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้อยู่ที่ 46%
เอเอ็มดียังคงอยู่ในช่วงเวลาของการหาซีอีโอคนใหม่ ซึ่งแม้ซีเอฟโอ Seifert จะเป็นตัวเก็ง แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว
ที่มา: Bloomberg
มีคลิปโนเกีย "Sea Ray" ต้นแบบสมาร์ทโฟนรัน Windows Phone "Mango" หลุดออกมาอีกรอบ ซึ่งจากคลิปวีดีโอดังกล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้
ตั้งแต่ AMD Fusion เปิดตัว ผมก็สนใจจะซื้อสักเครื่องเพื่อเป็นเน็ตบุ๊กเครื่องที่สองเพื่อใช้งานในวันที่ไม่อยากแบกคอมพิวเตอร์หนัก เช่นอาจจะมีแค่กระเป๋าสะพายข้างสักใบเท่านั้น เดิมผมเองใช้ Dell Mini 9 และมีความสุขกับมันดี แต่ Dell Mini 9 มีข้อจำกัด (ซึ่งไม่ต่างจากเน็ตบุ๊กในยุคเดียวกับมัน) คือคีย์บอร์ดที่จำกัดและผิดรูปร่างไปมาก และแรมที่น้อยมากจนไม่สามารถเปิดเว็บหลายๆ แท็บได้
ฮิตาชิเปิดตัวหน้าจอโทรศัพท์มือถือใหม่ ในรูปแบบหน้าจอ 3 มิติ โดยเป็นจอ IPS ขนาด 4.5 นิ้ว จุดเด่นของหน้าจอตัวใหม่นี้อยู่ที่สามารถรับชมภาพ 3 มิติ ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องสวมแว่น 3 มิติ ซึ่งความสว่าง 400nit ในโหมด 2 มิติ และ 470nit ในโหมด 3 มิติ (ใกล้เคียงกับ iPhone ที่มีความสว่าง 500nit)
จุดขายสำคัญสำหรับจอตัวใหม่นี้คือ ความละเอียดหน้าจอสูงถึง 1280x720 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับหน้าจอเก่าที่ผลิตในปีที่แล้วของฮิตาชินั้น
Backblaze เป็นบริษัทเก็บข้อมูลแบบกลุ่มเมฆที่ขึ้นชื่อว่าทำราคาได้ถูกมากจากการสร้างไฟล์เซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเองแล้วกดทุกอย่างจนมีต้นทุนต่ำสุด นอกจากให้บริการแล้วบริษัทนี้ยังเปิดเผยการออกแบบ Storage Pod ของตัวเองที่เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลได้ขนาดใหญ่มาก (รุ่นที่แล้วมีความจุ 67 เทราไบต์ต่อเซิร์ฟเวอร์ 4U) และวันนี้ก็มีการเปิดเผย Storage Pod 2.0 ที่มีความจุรวม 135 เทราไบต์ในต้นทุน 7,384 ดอลลาร์หรือ 220,000 บาท
รายการฮาร์ดแวร์ชิ้นสำคัญเช่น
Nanapho.jp (เว็บบล็อก Windows Phone 7 ภาษาญี่ปุ่น) รายงานว่า KDDI ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ระบบ CDMA ในญี่ปุ่น ได้เริ่มส่งจดหมายเชิญสื่อมวลชนไปร่วมงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนจากฟูจิตสึ-โตชิบา รุ่น "IS12T" ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ (1, 2, 3)
ถ้าเป็นข่าวจริงนี่จะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มาพร้อมกับ Windows Phone "Mango" ครับ
ที่มา: Nanapho.jp ผ่าน WMPU
โนเกียประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สองของปีเป็นเงิน 487 ล้านยูโรและรายได้ลดลง 7% จากปีที่แล้วจาก 10,003 ล้านยูโรเหลือ 9,275 ล้านยูโรนับเป็นการขาดทุนไตรมาสแรกในรอบหลายปีตั้งแต่เกือบสิบปีที่แล้ว
ทางโนเกียคาดว่าปริมาณเงินสดในปีนี้จะอยู่ในระดับเหนือ 3,900 ล้านยูโร ยังคงขาดทุนได้อีกสักพัก
ทาง Steven Elop นั้นออกมาให้ความมั่นใจว่าโนเกียจะยังกลับขึ้นมาแข็งแกร่งได้โดยตอนนี้โนเกียจะปรับแผนการทำราคาสินค้า, ให้ความสนใจกับลูกค้ารายย่อยมากขึ้น, และปรับโครงสร้างการจัดการ
สำหรับ Windows Phone นั้นโนเกียจะเปิดตัวในบางตลาดเท่านั้น และโทรศัพท์สองซิมนั้นยังออกวางตลาดได้ตามกำหนด
งานนี้ดูรายงานได้ก็บอกได้แค่ว่า "อาการไม่ดี"
Dick Costolo ซีอีโอของ Twitter พูดที่งานของนิตยสาร Fortune ว่าบริษัทกำลังมองหาวิธีทำเงินแบบอื่นๆ นอกเหนือไปจากการโฆษณา ซึ่งเขายกตัวอย่างการใช้ Twitter เป็นสื่อกลางในการขายสินค้า และที่ผ่านมามีองค์กรหลายแห่งประสบความสำเร็จในเรื่องนี้
Costolo บอกว่าทีมอเมริกันฟุตบอล San Diego Chargers เคยขายตั๋วชมเกมจำนวนกว่า 1,000 ใบในระยะเวลาสั้นๆ ผ่าน Twitter ซึ่งตัวบริษัทเองไม่ได้ส่วนแบ่งรายได้จากการขายสินค้าเหล่านี้ แต่เริ่มมองว่าเป็นโอกาสธุรกิจอีกแบบหนึ่ง เขาบอกว่าโจทย์สำคัญก็คือการลดอุปสรรคในการซื้อขายสินค้าลง ซึ่งยังไม่เปิดเผยว่าจะทำอย่างไร
ในเรื่องของโฆษณา Twitter เตรียมจะเปิดให้ผู้ใช้โพสต์โฆษณาผ่านระบบอัตโนมัติ (แบบเดียวกับ AdWords/AdSense) ในเร็วๆ นี้ด้วย
ฟีเจอร์อีกอย่างหนึ่งของ Firefox ที่คนเรียกร้องกันมานานแต่ยังไม่เป็นจริงเสียที คือ Firefox รุ่น 64 บิตบนวินโดวส์ (ในอดีตจนถึงปัจจุบันมีรุ่น 64 บิตให้ลอง แต่ยังห่างไกลกับความสมบูรณ์มาก)
แต่ใน Firefox Nightly ซึ่งตอนนี้นับเลขเวอร์ชันเป็น 8.0 เริ่มทดสอบรุ่น 64 บิตกันแล้ว ทางเว็บไซต์ ExtremeTech รายงานว่าทำงานเร็วและเสถียรมาก และจากการทดสอบของทีม ExtremeTech ก็พบว่า Firefox 64 บิตทำงานเร็วกว่า 32 บิตอยู่ประมาณ 10% (การทำงานบางด้านสูงกว่าถึง 25%)
อย่างไรก็ตาม Firefox 8 แบบ 64 บิตยังไม่สมบูรณ์อยู่ดี ยังมีปัญหาเรื่องการใช้หน่วยความจำ (เมื่อเทียบกับรุ่น 32 บิต) อยู่มาก ก็ต้องรอดูต่อไปว่าผู้พัฒนาจะแก้บั๊กทันหรือไม่สำหรับ Firefox 8 ที่จะออกเดือนพฤศจิกายนครับ
เว็บไซต์ Droid-Life เผยข้อมูลของมือถือจาก Motorola รหัส "Dinara" ซึ่งอัดสเปกมาเต็มที่ ได้แก่
น่าจะออกช่วงปลายปีพร้อมกับ Android Ice Cream Sandwich ครับ
ที่มา - Droid-Life
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวนอกเหนือจาก Macbook Air และ Apple Thunderbolt Display แล้ว แอปเปิลยังเปิดตัวใหม่อีกตัวคือ Mac Mini และ Mac Mini Server
สำหรับ Mac Mini ใหม่ทั้งสองตัวนี้ทำจาก aluminum unibody เหมือนเดิม สิ่งที่อัพเกรดขึ้นคือ
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 โดยมีรายได้รวม 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ซึ่งสูงกว่าเมื่อไตรมาสที่แล้ว และคิดเป็นกำไรสุทธิ 2.95 พันล้านดอลลาร์ ผลที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ก่อนหน้านี้
ซีอีโอ Paul Otellini แถลงว่าแม้บริษัทยังไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาดชิปสำหรับอุปกรณ์พกพา แต่เพราะสมาร์ทโฟนทุกๆ 600 เครื่องต้องการ 1 เซิร์ฟเวอร์ในการประมวลผล หรือเทียบกับแท็บเล็ตก็คือทุกๆ 122 เครื่องต้องการ 1 เซิร์ฟเวอร์เช่นกัน จุดนี้ยังทำให้อินเทลเติบโตได้ผ่านความต้องการของลูกค้าที่เป็นผู้ให้บริการกลุ่มเมฆซึ่งต้องการชิปประสิทธิภาพสูงในการประมวลผลข้อมูลอย่างวิดีโอความละเอียดสูง
หลายคนในที่นี้คงทราบข่าว J.K. Rowling ผู้เขียนหนังสือ Harry Potter เปิดเว็บไซต์ Pottermore เพื่อขายอีบุ๊กของหนังสือชุด Harry Potter แต่เพียงผู้เดียวบนอินเทอร์เน็ต (เว็บไซต์จะเปิดให้บริการเดือนตุลาคมนี้)
แต่ถึงแม้ Pottermore จะเป็นที่เดียวที่มีอีบุ๊ก Harry Potter ขาย แต่กูเกิลก็ไปทำข้อตกลงกับ J.K. Rowling เรียบร้อย ว่าผู้ซื้ออีบุ๊ก Harry Potter บนเว็บไซต์ Pottermore จะสามารถโอนหนังสือนี้มาอ่านบนแพลตฟอร์ม Google Books ได้ด้วย (ซึ่งก็นำไปอ่านได้บนอุปกรณ์พกพาแทบทุกตัวยกเว้น Kindle)
ในโอกาสเดียวกับที่แอปเปิลอัพเกรด MacBook Air รุ่นใหม่ บริษัทก็ถอด MacBook สีขาวออกจากตลาดอย่างเงียบๆ โดยไม่ประกาศหรืออธิบายเหตุผลแต่อย่างใด
การถอด MacBook ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะตอนที่เปิดตัว MacBook Air 11" ครั้งแรกในราคาที่ใกล้เคียงกับ MacBook มากก็มีคำถามเรื่องสายผลิตภัณฑ์ที่เริ่มทับกันมาแล้ว
ตลาดเซิร์ฟเวอร์องค์กรเริ่มหลอมรวมกับอุปกณ์เครือข่ายมากขึ้นเรื่อยๆ เราจึงเห็นยักษ์ด้านฮาร์ดแวร์ไอทีทยอยซื้อบริษัทอุปกรณ์เครือข่ายอย่างต่อเนื่อง (กรณีที่ชัดที่สุดคงเป็น HP ซื้อ 3Com)
ล่าสุดยักษ์อีกรายคือ Dell ประกาศตัวเสนอซื้อบริษัทอุปกรณ์เครือข่าย Force10 ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเครือข่ายภายในศูนย์ข้อมูล เป็นคนสร้างสวิตช์แบบ 10Gb รายแรก (Force10 มีตัวแทนทำตลาดในบ้านเราด้วย) ในคำประกาศของ Dell ไม่ระบุราคา แต่ Wall Street Journal รายงานว่าตัวเลขอยู่ที่ 700 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ Dell เคยซื้อบริษัทด้านเครือข่ายอย่าง Compellent กับ EqualLogic ส่วนการซื้อกิจการครั้งนี้ต้องรอกระบวนการเจรจากับ Force10 ต่อไปจึงจะสมบูรณ์ครับ
ทิศทางของกูเกิลในช่วงหลังคือปิดบริการเล็กๆ ที่ไม่สำคัญ เพื่อนำทรัพยากรไปทุ่มให้กับผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากการปิด Google Health/PowerMeter และปิด API ที่ไม่นิยมหลายตัว
ส่วนที่โดนปิดรอบล่าสุดคือ Google Labs ซึ่งเป็นเว็บรวบรวมการทดลองต่างๆ ของกูเกิล (ส่วนมากมาจากเวลาว่าง 20% ของพนักงาน) ผลงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ก็มีบางอันที่ดังๆ อย่างแอพ Google Goggles, Google Sky Map หรือเว็บแอพสำหรับถามตอบในงานสัมมนา Google Moderate
วันเดียวกับที่ออก Mac OS X 10.7 Lion แอปเปิลก็ปรับปรุงซอฟต์แวร์ตัวอื่นๆ ให้รองรับฟีเจอร์ของ Lion ด้วย
ตัวแรกคือ iTunes 10.4 ซึ่งมีฟีเจอร์สองอย่างสำคัญ อย่างแรกคือโหมดแสดงผลแบบเต็มหน้าจอของ Lion ส่วนอีกอย่างคือรองรับการทำงานแบบ 64 บิตเต็มขั้น (คนที่ใช้ปลั๊กอินเสริมอาจจะมีปัญหาบ้าง)
ตัวที่สองคือ iWork 9.1 จะรองรับฟีเจอร์ของ Lion หลายอย่าง ทั้งโหมดเต็มหน้าจอ การเซฟไฟล์อัตโนมัติ เซฟเป็นเวอร์ชัน และการ resume ไฟล์ที่เปิดอยู่
เดือนสิงหาคมนี้จะครบรอบ 20 ปีกำเนิดลินุกซ์ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไลนัสออก Linux 3.0 ในช่วงนี้ โดยทาง Linux Foundation ก็เตรียมจัดงานในวันที่ 17-19 สิงหาคมนี้ และเปิดให้คนส่งวิดีโอเข้ามา ปรากฏว่าหนึ่งในคนที่ส่งวิดีโอเข้ามาคือไมโครซอฟท์
ไม่ชัดเจนว่าทีมงานส่วนไหนของไมโครซอฟท์ส่งวิดีโอนี้เข้ามา แต่เนื้อหาของวิดีโอยอมรับว่าไมโครซอฟท์กับลินุกซ์นั้นเริ่มกันไม่ดีนักจากความที่ไมโครซอฟท์ปิดตัวไม่พูดคุยกับชุมชนลินุกซ์
ไมโครซอฟท์ส่งโค้ดเข้าลินุกซ์เฉพาะรุ่น Linux 3.0 ถึง 321 ชุด อยู่อันดับที่ 7 แม้จะควรระวังการตีความจากตัวเลขนี้เพราะการส่งโค้ดเข้ามาหลายชุดอาจจะเป็นการแก้ไขปัญหาของชุดก่อนหน้าก็ได้
บริษัท EMC แถลงผลประกอบการไตรมาสที่สองรายได้ 4.85 พันล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว ขณะที่กำไรอยู่ที่ 546 ล้านดอลลาร์ ที่น่าสนใจคือบริษัทลูกอีกสองบริษัทคือ VMware และ RSA นั้นก็กำไรเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเหมือนกันทำให้สถานะทางการเงินของ EMC นั้นแข็งแกร่งมากในตอนนี้
VMware นั้นกำไรเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าตัวเป็น 220 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่อยู่เพียง 75 ล้านดอลลาร์ กำไรที่ดีขึ้นคงมาตามกระแส cloud computing ที่บริษัทจำนวนมากกำลังพัฒนาระบบภายในกันทำให้ไลเซนส์ของ VMware ขายดิบขายดี
ที่น่าสนใจคือ RSA ซึ่งเป็นบริษัทลูกอีกบริษัทนั้นรายได้ก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 13% แม้จะมีปัญหาข้อมูลรั่วไหลจนต้องเปลี่ยน SecurID ให้กับลูกค้าจำนวนมาก
แอปเปิลได้มีการประกาศว่าเครื่องแมคทุกๆ เครื่องที่ขายพร้อม Mac OS X Lion นับจากนี้ จะมีการลงบัญชีแยกรายได้ไว้ $22 ต่อเครื่อง เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการพัฒนาซอฟต์แวร์อัปเกรดต่างๆ ในอนาคต รวมถึงการให้บริการฟีเจอร์ต่างๆ บน iCloud ด้วย
จริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับแอปเปิล เนื่องจากปัจจุบันแอปเปิลก็ได้เก็บแยกเงินจากการขาย iPhone และ iPad เป็นจำนวน $16 ต่อเครื่อง และ iPod touch $11 ต่อเครื่องเพื่อใช้ในการพัฒนา iOS เวอร์ชันใหม่ๆ รวมถึงสนับสนุนระบบออนไลน์ต่างๆ อย่าง Find my iPhone และ iCloud
นอกจากการเปิดตัว MacBook Air, Mac mini และจอภาพ Thunderbolt Display ใหม่แล้ว ล่าสุดแอปเปิลยังได้ประกาศขาย Mac OS X Lion อย่างเป็นทางการแล้วผ่านทาง Mac App Store โดยมีราคาขายที่ 29.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 870 บาท) และขนาดไฟล์เกือบ 4GB
ส่วนใครที่อยากมีตัว OS X เก็บไว้กับตัวเผื่อเวลาต้องการ restore เครื่องโดยไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตอย่าเพิ่งซื้อผ่าน Mac App Store เพราะแอปเปิลได้ประกาศว่าจะขาย Lion ในรูปแบบ USB Thumb Drive อีกด้วยที่ราคา 69 ดอลลาร์สหรัฐ
ช่วงนี้แอปเปิลเปิดตัวสินค้าใหม่เยอะเหลือเกิน อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อนนะครับ
หลังจากที่เพิ่งเปิดตัว MacBook Air ตัวใหม่ที่มาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt ไปสดๆ ร้อนๆ ตอนนี้แอปเปิลก็เปิดตัวจอภาพตัวใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวด้วยเช่นกัน
จอตัวนี้มีขนาด 27 นิ้วทำงานที่ความละเอียด 2,560 x 1,440 (16:9) และสร้างบนเทคโนโลยี IPS นอกจากนี้ยังติดตั้งกล้องระดับ HD มาให้เล่น FaceTime พร้อมกับลำโพงแบบ 2.1 มาในตัวด้วย
แอปเปิลวางแผนที่จะขายจอตัวนี้ภายใน 60 วันข้างหน้าในราคา 999 USD (ประมาณ 29,900 บาท) ผ่านทาง Apple Store หรือร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ
แอปเปิลรายงานผลกระกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2011 แล้ว ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันว่าผลกระกอบการออกมาดีเกินที่นักวิเคราะห์คาดจนสร้างสถิติใหม่ให้กับบริษัท ซึ่งก็มีหลายสำนักข่าวที่ออกบทวิเคราะห์ตามมา มีเรื่องที่น่าสนใจหลายอย่างด้วยกัน
1.แอปเปิลกำลังจะกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก (Techcrunch)
จริงๆ ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าแอปเปิลเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงมาก แต่คำถามคือสูงแค่ไหน ?
Viber แอพโทรหากันฟรีผ่านทาง VoIP ที่มีใช้กับบน iOS ซักระยะหนึ่งแล้วล่าสุดเปิดตัวแอพเวอร์ชั่นสำหรับ Android แล้ว
โดยทุกอย่างที่มีอยู่บนเวอร์ชั่น iOS สามารถใช้งานได้เหมือนกัน เช่น การโทรผ่าน 3G, Wi-Fi และการส่ง SMS แต่ในเวอร์ชั่นนี้ผู้พัฒนาได้เพิ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้ผู้ใช้ได้ทดสอบกันใน limited beta ด้วย เช่น call logs ภายในตัวแอพและสิ่งที่ iOS ไม่มีวันทำได้ ซึ่งก็คือการตั้งให้ Viber ทำหน้าที่เป็น default dialer แทนที่การโทรออกจริงผ่านเครือข่ายมือถือ
ปัจจุบันนี้ผู้ใช้ Viber ที่ยังใช้บริการอยู่สม่ำเสมอมีจำนวน 12 ล้านคน ใครสนใจเข้ามาชมวีดีโอ PR กดเข้ามาอ่านต่อเลยครับ