Millennial Media บริษัทโฆษณาบนมือถือ เผยสถิติโฆษณาของตัวเองประจำเดือนสิงหาคม 2010 (ข่าวเก่าของเดือนพฤษภาคม 2010) เฉพาะในสหรัฐอเมริกา
Amazon ส่งเสริมการขายหนังสือบน Kindle Store ยิ่งๆ ขึ้น โดยออกแคมเปญ Kindle for the Web
Kindle for the Web คือการแปะโค้ด embed บนเว็บไซต์ทั่วไป แต่แทนที่จะเป็นโฆษณาหรือวิดีโอที่เราคุ้นเคยกัน กลับเป็นตัวอย่างหนังสือจาก Kindle Store แทน โดยหนังสือจะมีให้ทดลองอ่านฟรีเฉพาะบทแรกเท่านั้น ดูตัวอย่างท้ายข่าว
สำหรับเว็บไซต์หรือบล็อกที่อยากหารายได้ ทาง Amazon ยังรวม Kindle for the Web เข้ากับโครงการ affiliate ที่มีอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าใครกดเข้าไปซื้อหนังสือผ่านตัวอย่างที่เราแปะเอาไว้ เราก็ได้ส่วนแบ่งจาก Amazon เช่นกัน
แม้ว่าตลาดโฆษณาบนมือถือจะโตขึ้นเรื่อยๆ และเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากแห่งหนึ่ง แต่ผู้เล่นหน้าเก่าในตลาดโฆษณาออนไลน์เริ่มเจอคู่แข่งหน้าใหม่ๆ มาเบียดบังรัศมี
บริษัทวิจัย IDC ระบุว่าหน้าเก่ามีส่วนแบ่งตลาดลดลง
โนเกีย จาก 5% เหลือ 2%
ในขณะที่หน้าใหม่และบริษัทขนาดเล็ก มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า
แอปเปิล จาก 0% เป็น 9% เนื่องจากการซื้อ Quattro Wireless และการออก iAd
แนวทางการหารายได้แบบ Promoted Tweet ของทวิตเตอร์นั้นเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนเมษายน และเริ่มทดสอบให้บริการจริงด้วยการโฆษณา Toy Story 3 มาตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยก่อนหน้านี้การโฆษณานี้เป็นโฆษณาที่ได้รับเชิญจากทางทวิตเตอร์เอง โดยผู้โฆษณาไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่วันนี้ทวิตเตอร์ก็เริ่มเก็บค่าบริการแล้ว โดย "เริ่มต้น" ที่ 100,000 ดอลลาร์ต่อทวีต
ไมโครซอฟท์เริ่มปล่อยวิดีโอโฆษณาชุดแรกของ Windows Phone 7 แล้ว โดยโฆษณาชุดแรก (มี 2 ตัว) เน้นว่า WP7 มีข้อดีตรงข้อมูลสำคัญดูได้จากหน้าจอ homescreen เลย ไม่ต้องใช้เวลาเข้าดูข้อมูลนานเหมือนมือถือคู่แข่ง
วิดีโอดูได้ท้ายข่าว แต่อีกประเด็นที่น่าสนใจคือตัวเครื่องในโฆษณาเป็น HTC Mondrian (น่าจะใช้ชื่อนี้ทำตลาดเลย ไม่มีเปลี่ยนอีก) ส่วนเครือข่ายในสหรัฐเป็น AT&T ใครรออยู่ก็เตรียมเก็บเงินกันได้แล้วครับ
ที่มา - WMPoweruser
บริษัทชื่อ Solve Media ได้ไอเดียนำ CAPTCHA มารวมกับแบนเนอร์โฆษณา ซึ่งผู้ใช้จะต้องกรอกข้อความจากโฆษณาแทนรหัสบิดๆ เบี้ยวๆ ของ CAPTCHA
Solve Media อ้างว่าโฆษณาแบบนี้จะช่วยให้ผู้ใช้จดจำสินค้าได้ดีกว่าแบนเนอร์ และใช้เวลาในการอ่านข้อความน้อยกว่า CAPTCHA ปกติ รูปตัวอย่างและวิดีโออยู่ท้ายข่าวครับ
ที่มา - AllThingsD
นักท่องเน็ตคงคุ้นเคยกับแบนเนอร์บนเว็บกันเป็นอย่างดี สำหรับแบนเนอร์ขนาดมาตรฐาน อันที่ใหญ่ๆ อาจเป็นพวก Skyscraper ที่มีความสูง 600 พิกเซล แต่ล่าสุดค่าย AOL กำลังจะออกแบนเนอร์ขนาดยักษ์ 400x1200
โครงการนี้ของ AOL มีชื่อว่า "Project Devil" โดยแบนเนอร์ขนาดยักษ์จะประกอบด้วยโฆษณาย่อยๆ เรื่องเดียวกันแต่หลายชิ้น เช่น มีส่วนที่เป็นวิดีโอจาก YouTube หรือส่วนที่เป็นข้อความอัพเดตบน social network เป็นต้น (ดูภาพประกอบเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น หรือดูเอกสารฉบับเต็มเป็น PDF)
กลุ่มผู้พิทักษ์สิทธิ์ (WatchDog) ที่ทำหน้าที่สนับสนุนการรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค ปล่อยโฆษณาอัด Eric Schmidt ซีอีโอกูเกิล บนจอดิจิตอลขนาด 540 ตารางฟุตในย่าน Times Square จนถึง 15 ตุลาคมนี้
จุดประสงค์ของโฆษณาคือ การตระหนักถึงการให้ข้อมูลส่วนตัวบนอินเทอร์เน็ตซึ่งจะนำมาสู่การติดตามได้ โดยเนื้อหาในโฆษณาซีอีโอกูเกิลจะรับบทเป็นพนักงานขายไอติมหน้าตาเจ้าเล่ห์เพทุบายในชื่อยี่ห้อ Google โดยมีเด็กๆ ตาดำๆ มาคอยซื้อไอติม ซึ่งข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของเด็กสามารถค้นหาได้โดยกูเกิล (ดูในรายละเอียดในวีดิโอ)
เป็นโฆษณาเรียกน้ำย่อยสั้นๆ ของไมโครซอฟท์ โดยใช้ฉากแบบเดียวกับภาพยนตร์เรื่อง Lawrence of Arabia และฉายก่อน Lawrence of Arabia ในเทศกาลภาพยนตร์ที่ลอนดอน
โฆษณานี้ยังไม่ได้โชว์อะไรมากนัก มีแค่ Windows Phone 7 ลอยข้ามทะเลทราย และขึ้นคำโปรยว่า "The revolution is coming" ก่อนปิดด้วยภาพ homescreen ของ WP7 ที่เราคุ้นกันดี
ที่มา - Engadget
เพื่อเป็นการโปรโมท Google TV ทาง Logitech จึงได้ออกโฆษณาชุด Lonely TV ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตอันแสนเศร้าของทีวียุคเก่าที่ไม่มีใครเหลียวแล โดยจัดทำเป็นตอนสั้นๆ หลายๆ ตอน (รับชมวีดีโอได้ในข่าว) แต่เนื่องจากตอนที่ 3 ของโฆษณาชุดนี้ไม่ได้รับเสียงตอบรับตามที่ตั้งเป้าไว้ ทำให้ Logitech ตัดสินใจถอดวีดีโอตัวนั้นออก (ยังสามารถชมได้จากที่มา) แล้วเพิ่มตอนที่ 4 เข้าไปแทนครับ
ที่มา: Engadget
บริษัท Chitika ซึ่งเป็นเครือข่ายโฆษณาออนไลน์ เปิดเผยว่าอัตราการกดดูโฆษณาของผู้ใช้ Android นั้นมากกว่าของผู้ใช้ iPhone ถึง 81 เปอร์เซนต์ ข้อมูลนี้ได้มาจากการสุ่มตัวอย่างจากแสดงโฆษณาบนเครือข่ายของ Chitika จำนวนประมาณ 1.4 ล้านครั้ง ซึ่งผลที่ได้คืออัตราการกดดูโฆษณาของผู้ใช้ Android อยู่ที่ 1.187 เปอร์เซนต์ ส่วนของผู้ใช้ iPhone อยู่ที่ 0.654 เปอร์เซนต์ ในรายงานยังมีอัตราการกดดูโฆษณาของผู้ใช้ iPad ด้วย ตัวเลขอยู่ที่ 1.010 เปอร์เซนต์
จากรายงานนี้สรุปได้ว่า ถ้าจะโฆษณาก็ห้ามมองข้าม Android
มีใครทำแอพฯขายโฆษณาอยู่บ้างไหมครับ ตัวเลขแตกต่างจากรายงานนี้มากน้อยแค่ไหนกันบ้างครับ
ค่าย Zynga เจ้าของเกม Mafia Wars โดนส่งจดหมายเตือนจากอัยการของนครซานฟรานซิสโก โทษฐานโฆษณาแบบ viral ที่เกินงามไปนิด
Zynga กำลังจะเปิดตัว Mafia Wars: Las Vegas ภาคเสริมภาคใหม่ และได้จ้างบริษัทโฆษณาชื่อ Davis Ellen Advertising ทำการตลาดให้ ซึ่งวิธีที่ Davis Ellen ใช้คือพิมพ์ธนบัตรปลอมๆ มูลค่า 25,000 ดอลลาร์ ซึ่งมีลิงก์และ QR code ไปยังเว็บไซต์ mafiawarslv.com
ปัญหาไม่ใช่เรื่องพิมพ์ธนบัตรปลอม แต่เป็นเพราะทีมงานเอาธนบัตรเหล่านี้ไปหว่านไว้ตามถนนริมชายหาดในซานฟรานซิสโก เลยโดนเตือนในข้อหาทำถนนสกปรก (“sidewalk vandalism”) ไปตามระเบียบ ทางเทศบาลเมืองบอกว่าทำความสะอาดลำบากมาก ส่วนทางบริษัทโฆษณาออกมาขอโทษเรื่องนี้แล้ว
ตลาดการโฆษณาบนมือถือ (mobile advertising) ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจาก แอปเปิลกับกูเกิลแย่งกันซื้อ AdMob, AdMob ขายให้กูเกิล, แอปเปิลซื้อ Quottro Wireless แทน, แอปเปิลออก iAd, Windows Phone จะลุยตลาดโฆษณา ฯลฯ
แม้ว่าสตีฟ จ็อบส์ จะนำพาแอปเปิลพิชิตมาแล้ว 4 อุตสาหกรรม (Fortune: สตีฟ จ็อบส์ คือ "CEO แห่งทศวรรษ") แต่การบุกวงการโฆษณาด้วย iAd อาจไม่ง่ายเท่าไรนัก
ตอนที่แอปเปิลเปิดตัว iAd เมื่อเดือนเมษายน มีชื่อพาร์ทเนอร์ร่วมเปิดตัว 17 ราย แต่มาถึงวันนี้มีเพียง 2 รายที่สามารถออกโฆษณาได้คือ Unilever และ Nissan แถมยังมีหนึ่งรายที่ถอนตัวแล้วคือ Chanel
จะว่าข่าวก็ไม่เชิงครับ มันคือวิดีโอรับสมัครงาน เพียงแต่นายจ้างเป็น Twitter บริษัทที่ร้อนแรงที่สุดในขณะนี้ จึงไม่ใช่วิดีโอธรรมดาอย่างแน่นอน
ใครดูแล้วสนใจ เข้าไปดูรายละเอียดที่ Open positions และ Join The Flock มีโอกาสก็ควรสมัครกันนะ!
ที่มา - TechCrunch
ช่วงนี้ Facebook มาแรงชนิดใครฉุดก็ไม่อยู่ เติบโตพรวดพราดทั้งในแง่ฐานผู้ใช้และรายได้ ล่าสุด Sheryl Sandberg COO ของบริษัทให้สัมภาษณ์ว่า ผู้ลงโฆษณารายใหญ่ของ Facebook ได้อัดเงินโฆษณาเข้ามายัง Facebook คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 10 เท่าตัว ถ้าเทียบกับรอบปีก่อน
บริษัทบางแห่งยังเพิ่มเงินที่มาลงโฆษณากับ Facebook สูงถึง 20 เท่าด้วยซ้ำ ปีที่แล้ว Facebook มีรายได้ประมาณ 700-800 ล้านดอลลาร์ ส่วนปีนี้คาดกันว่าตัวเลขจะเพิ่มเป็น 1,400 ล้านดอลลาร์
สำหรับประเทศไทยก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะแบรนด์ใหญ่ๆ บ้านเราหันมาใช้ Facebook โฆษณาและจัดแคมเปญกันเยอะมากแล้ว
มีผู้ใช้กูเกิลในสหราชอาณาจักร ทำการค้น google.co.uk ด้วยคำว่า "Dell Streak" (ภายหลังพบว่าใช้ "HP Slate" ก็ได้ผลแบบเดียวกัน) และพบโฆษณา iPad ของแอปเปิลในส่วนของ AdWords
การซื้อคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่งเพื่อชิงโฆษณาตัดหน้า ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร เพียงแต่ในความรู้สึกของหลายๆ คน คงคิดถึงแอปเปิลเป็นบริษัทสุดท้ายที่จะโฆษณาแบบนี้ มันเลยเป็นข่าวนั่นเอง
ที่มา - TechCrunch
หมายเหตุ: จริงๆ แล้วนี่อาจไม่ใช่โฆษณาของแอปเปิลเอง แต่มีคนใจบุญซื้อคีย์เวิร์ดแล้วลงโฆษณาให้แอปเปิล ก็เป็นไปได้เช่นกันครับ ใช้วิจารณญาณกันเอาเอง
ทวิตเตอร์ได้เริ่มบริการโฆษณาผ่านการ retweet จาก @earlybird อาทิ ดีลจากร้านค้า, sneak-peek รวมถึงกิจกรรมที่ถูกโปรโมตโดยทวิตเตอร์เอง ซึ่งทวีตโฆษณาที่ส่งจาก @earlybird จะปรากฏอยู่บนสุดในทุกการค้นหาไม่ว่าผู้ใช้จะ follow บริษัทที่ปล่อยโฆษณาผ่านทวิตเตอร์ดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม (แต่ถ้าผู้ใช้ไม่ follow @earlybird ก็จะมองไม่เห็นโฆษณาดังกล่าว)
ทวิตเตอร์ยังกล่าวว่าได้ร่วมกับบริษัทโฆษณาบางรายและเลือกจะ retweet ข้อเสนอที่ทำขึ้น (ต้นฉบับใช้ crafted) สำหรับชุมชนทวิตเตอร์โดยเฉพาะเท่านั้น โดยมีเป้าหมายเริ่มต้นของทวิตเตอร์คือกลุ่มผู้ใช้ในสหรัฐฯ และจะขยายบริการโฆษณานี้สู่กลุ่มผู้ใช้ระดับสากลในอนาคต
ถัดจากโนเกีย ก็มาถึงคิวของ Droid X มือถือคู่แข่งของ iPhone 4 ที่เปิดตัวในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
Droid X ซื้อหน้าโฆษณาในหนังสือพิมพ์ The New York Times โฆษณาฟีเจอร์ต่างๆ ของตัวเครื่อง เช่น กล้อง 8MP, พอร์ต HDMI ตามปกติทั่วไป แต่เขียนเป็นข้อความตัวเล็กๆ ไว้ด้านล่างว่า
"And most importantly, it comes with a double antenna design. The kind that allows you to hold the phone any way you like and use it just about anywhere to make crystal clear calls."
ที่มา - Fortune
Blizzard ได้ประกาศแผนการตลาดใหม่โดยร่วมมือกับสายการบิน Korean Air ทำโฆษณา ตัวละครต่างๆ ของ StarCraft ลงบนตัวเครื่องบินของสายการบินนี้ โดยเครื่องบินเหล่านี้มีเที่ยวบินทั้งในเกาหลี อเมริกา และยุโรป
ทาง Blizzard บอกว่า วิธีนี้จะเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้เหล่านักเล่นเกมรู้จักตัวละครในโลกของ StarCraft มากขึ้น
ข่าวเสริม: นอกจาก Korean Air แล้ว Blizzard ยังร่วมมือกับ Lotteria (ร้านแฟรนไชส์ แฮมเบอร์เกอร์ในเกาหลี) และ NVIDIA อีกด้วย
ปล. นอกจากเครื่องบิน StarCraft II เราอาจจะได้เห็น แฮมเบอร์เกอร์ Jim Raynor ก็เป็นได้?
เมื่อเดือนเมษายน Twitter เปิดเผยแพลตฟอร์มโฆษณาของตัวเอง หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Promoted Tweets”
ตอนนี้มันถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการแล้ว (ดูได้จากหน้าบัญชี Twitter ของทุกท่าน) โดยมันจะถูกแสดง 2 จุดคือ
ลูกค้ารายแรกของ Twitter คือ Disney/Pixar กับภาพยนตร์ Toy Story 3
ที่มา - TechCrunch
จากข่าว แอปเปิลกำลังกัน AdMob ออกจากการเก็บข้อมูลเพื่อโฆษณา? ซึ่งแอปเปิลห้ามบริษัทโฆษณาที่ผูกกับคู่แข่งอย่าง AdMob (ที่เป็นของกูเกิลไปแล้ว) เก็บข้อมูลผู้ใช้เพื่อโฆษณาบน iPhone (แต่อนุญาตให้บริษัทโฆษณาอิสระทำได้)
ทาง AdMob ได้ออกมาแสดงความเห็นแล้ว โดยซีอีโอ Omar Hamoui เขียนลงบล็อกว่า คนที่จะได้รับผลกระทบคือนักพัฒนาโปรแกรม ที่เคยหารายได้จากค่าโฆษณาในโปรแกรมของตัวเอง นอกจากนี้เขายังบอกว่าการกีดกันของแอปเปิล ทำให้ไม่เกิดการแข่งขัน และขาดนวัตกรรมในระยะยาว
เรื่องขาดรายได้คงไม่จริงเพราะนักพัฒนา (ถูกบีบ) ให้ใช้ iAd แทน แต่เรื่องการกีดกันก็คงจริงอย่างที่ Omar ว่า อย่างไรก็ตาม AdMob คงทำอะไรไม่ได้มากนักในสถานการณ์แบบนี้
Adobe และ Greystripe ผู้ทำตลาดการโฆษณาบนอุปกรณ์พกพา เปิดเผยว่าเตรียมปล่อยระบบสื่อโฆษณาแบบใหม่ ที่สามารถแปลงโฆษณาประเภท Flash ไปเป็น HTML5 ที่สามารถเปิดบน iPhone และ iPad ได้โดยอัตโนมัติ คาดว่าจะเปิดตัวระบบดังกล่าวได้ช่วงเดียวกับที่ Apple จะเปิดตัว iAd
ที่มา: Electronista, All Things Digital
Twitter ประกาศบนบล็อกของตัวเองว่าจะไม่อนุญาตให้บริษัทภายนอกอื่นๆ ทำการลงโฆษณาผ่าน timeline ของผู้ใช้อีกต่อไป
เดิมทีนั้น โปรแกรม Twitter client บางตัวหารายได้จากการแสดงโฆษณาใน timeline และมีบริษัทบางแห่งเช่น Ad.ly และ 140 Proof ที่หากินจากการโฆษณาผ่านข้อความใน timeline ตอนนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำแบบนั้นแล้ว
Twitter ให้เหตุผลว่าบริษัทเป็นผู้แบกรับค่าใช้จ่ายจากการใช้งานของผู้ใช้ (แปลว่า Twitter จะทำเอง?) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทาง Twitter จะตัดช่องทางหากินนี้ไป แต่ก็บอกว่าเมื่อ Twitter Annotations ออกมา จะเป็นช่องทางสร้างรายได้อีกทางที่หลากหลายกว่า
เมื่อบริการของทวิตเตอร์เริ่มมีผลต่อการตัดสินใจซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ วงการโฆษณาก็เริ่มมองทวิตเตอร์กันตาเป็นมันและหลายรายก็เปิดบริการนำส่งข้อความโฆษณาเข้าไปยัง timeline ของคนดังต่างๆ แต่วันนี้บริการเหล่านี้อาจจะต้องปิดตัวลง เมื่อ Twitter Blog ได้มีการประกาศอย่างชัดเจนว่าจะไม่ให้บริษัทอื่นๆ เข้ามาทำกำไรจากระบบ API ของทวิตเตอร์
ทวิตเตอร์กำลังเปลี่ยนแปลงประเด็นนี้ในเอกสาร Term of Services และจะมีการเผยแพร่ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตามข้อห้ามนี้ไม่รวมไปถึงการแทรกข้อความลงใน timeline ของโปรแกรมทวิตเตอร์ต่างๆ และไม่รวมไปถึงการจ้างทวีตข้อความจากคนดัง