ก่อนหน้านี้กูเกิลไม่เคยเปิดเผยอย่างเป็นทางการว่าบริษัทได้จ่ายเงินค่าโฆษณาให้กับเจ้าของเนื้อหาเป็นกี่เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับที่ผู้ลงโฆษณาจ่ายให้กับกูเกิล แม้จะมีความพยายามประมาณค่ากันบ้างแต่ก็เป็นเพียงค่าหยาบๆ แต่ในวันนี้กูเกิลก็เปิดเผยตัวเลขส่วนแบ่งทั้งหมดออกมาคือ 68% สำหรับ Adsense for content และ 51% สำหรับ Adsense for search
กูเกิลระบุว่า Adsense for content นั้นไม่เคยเปลี่ยนส่วนแบ่งตั้งแต่ปี 2003 ที่เริ่มให้บริการมา ส่วน Adsense for search นั้นมีการ "เพิ่ม" ส่วนแบ่งครั้งสุดท้ายในปี 2005 แต่สัดส่วนนี้อาจจะมีความเปลี่ยนแปลงไปตามการต่อรองกับผู้ผลิตเนื้อหาบางรายได้
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 กูเกิลประกาศเข้าซื้อบริษัทโฆษณาบนมือถือ AdMob แต่ก็โดนสกัดดาวรุ่งโดย FTC (คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ) เข้ามาตรวจสอบว่าการซื้อ AdMob จะช่วยให้กูเกิลผูกขาดตลาดหรือไม่
เวลาผ่านไปเกือบครึ่งปี ตอนนี้ FTC ออกมาประกาศแล้วว่าไม่มีปัญหา กูเกิลสามารถเดินหน้าควบรวม AdMob ได้เลย
หลายคนคงรู้จักโฆษณาชุด Get a Mac ของแอปเปิล (ซึ่งสร้างชื่อจากภาพยนตร์โฆษณา I'm PC และ I'm Mac) แต่ตอนนี้มันถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว
แคมเปญโฆษณาชุดใหม่ของแอปเปิลจะเปลี่ยนมาใช้สโลแกน "Why You'll Love a Mac" แทน ตอนนี้ยังไม่มีภาพยนตร์โฆษณาที่ฉายทางโทรทัศน์ แต่หน้าเว็บของแคมเปญนี้แสดงให้เราเห็นว่า แอปเปิลหันมาเน้นจุดเด่นของแมคเป็นหลัก แทนการเปรียบเทียบกับวินโดวส์แบบตรงๆ อย่างที่เคยทำมา
ที่มา - MacRumors
กลายเป็นคู่มวยดุไปแล้วระหว่างอะโดบีกับแอปเปิลในเรื่องที่อุปกรณ์อย่างไอแพด ไอโฟนไม่รองรับ Flash ล่าสุดอะโดบีได้ปล่อยแบนเนอร์โฆษณาชิ้นใหม่ลงหน้าเว็บและหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ มีชื่อว่า "We (Heart) Apple" โดยมีข้อความระบุว่า
What we don't love is anybody taking away your freedom to choose what you create, how you create it, and what you experience on the web.
หรือแปลเป็นไทยว่า "สิ่งที่เราไม่ชอบคือใครก็ตามที่ทำให้คุณขาดอิสรภาพในการเลือกว่าจะสร้างอะไร จะสร้างอย่างไร และประสบการณ์อะไรที่คุณได้จากเว็บไซต์"
ดูท่าจะเป็นคู่มวยดุกันไปอีกนานแสนนาน
แอปเปิลเตรียมฉายโฆษณาใหม่ของ iPad ทางโทรทัศน์ ชื่อของโฆษณาชิ้นนี้คือ "What is iPad?" ซึ่งแนะนำการใช้งาน iPad ในชีวิตประจำวัน
เว็บไซต์ MacRumors นำโฆษณานี้มาเผยแพร่ พร้อมเทียบกับโฆษณา "What is Newton?" ของแอปเปิลเมื่อ 20 ปีก่อนว่ามันมาแนวทางเดียวกัน นี่อาจเป็นความจงใจ?
โฆษณาทั้งสองตัวดูได้ด้านในครับ โฆษณาทำสวย ดูเพลินดีทั้งสองอัน
ที่มา - MacRumors
เมื่อเย็นที่ผ่านมานี้ เราได้รับข่าวล่ามาไวจาก Twitter ว่าทางบริษัทกำลังจะเปิดตัวแพลตฟอร์มโฆษณาใหม่ (ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ Twitter ออกมาให้ข่าวกับสื่อกระแสหลักว่าจะมีรูปแบบการสร้างรายได้เสียที หลังจากเปิดตัวมาร่วม 4 ปี - ความเห็นของผู้แปล) และข่าวนี้เพิ่งได้รับการยืนยันจากทาง Twitter ผ่านทางหนังสือพิมพ์ New York Times ว่าแพลตฟอร์มโฆษณาดังกล่าวจะเรียกว่า “Promoted Tweets” และนี่คือรายละเอียด
Eric Schmidt ออกให้ข่าวกับสื่อมวลชนถึงการเปิดตัว iAd ใน iPhone OS 4.0 ว่านี่อาจจะช่วยให้การควบรวมกิจการกับ AdMob ทำได้ง่ายขึ้นเนื่องจากการเปิดตัว iAd แสดงให้เห็นว่าคู่แข่งของกูเกิลยังสามารถแข่งขันในตลาดโฆษณาได้อยู่
ปัจจุบันการควบรวม AdMob กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบจากคณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ ส่วน AdMob นั้นครองตลาดโฆษณาบนโทรศัพท์ถึงหนึ่งในสาม
ว่าแต่ผมจะเลิกติด Adsense เพราะมันมีโฆษณาทำแท้งเยอะๆ นี่ล่ะ เบื่อจะมาเอาออกทีละอันแล้ว
ที่มา - Reuters
จำได้ไหมว่าปาล์มเคยทำโฆษณา webOS ด้วย ?
... หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าโฆษณาตัวนั้นเป็นอย่างไรซะแล้ว เพราะเป็นโฆษณาที่สื่อถึง webOS ได้ไม่ดีเท่าไหร่ (สำหรับคนที่นึกไม่ออก ใบ้ให้ว่ามันเป็นโฆษณาที่มีสาวคนนึงมากด Palm Pre แล้วก็มีคนเต้นเด้งไปเด้งมาจับมือเป็นวงกลม)
แน่นอนว่าโฆษณาตัวนั้นไม่ได้เป็นที่พึงพอใจของผู้ที่รักปาล์มจากหัวใจเลย จึงได้ทำการผลิตโฆษณาเองเป็นระยะเวลา 30 วินาที โดยในนั้นแสดงถึงความสามารถ Multitasking ที่โดดเด่น และการทำงานที่รวดเร็วของ webOS ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น และไม่พลาดเรื่องสำคัญ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำขึ้นโดย ThiesFX
รับชมได้หลัง break ครับ
ช่วงนี้ถือว่าเป็นใกล้ครบรอบที่แอปเปิลจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ (หรือ 4G) แล้ว ดังนั้นพอเห็นภาพไอโฟนไปปรากฏอยู่ที่ไหนก็มีเรื่องให้ตีความกันได้ทั้งสิ้น
อย่างเช่นในครั้งนี้ เรื่องเกิดขึ้นในโฆษณา Overdrive ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถสร้างจุดฮ็อตสปอตโดยใช้ระบบ WiMax ที่ผลิตโดย Sprint เครือข่ายโทรคมไร้สายอันดับสามของสหรัฐฯ ซึ่งภายในโฆษณาปรากฏภาพของไอโฟนเชื่อมต่อกับ WiMax พาลทำให้คิดไปได้ว่า แอปเปิลอาจจะเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่พร้อมทั้งจับมือกับโอเปอเรเตอร์เจ้าใหม่อย่าง Sprint ด้วย ซึ่งถือว่าได้ผลดีทั้งสองฝ่าย
ส่วนผู้ที่ต้องการชมโฆษณาดังกล่าว รับชมได้หลัง break ครับ
ในการถ่ายทอดการประกาศผลตุ๊กตาทองของสหรัฐเมื่อเช้านี้ (ตามเวลาไทย) แอปเปิลได้ออกอากาศวิดีโอโฆษณาตัวแรกของ iPad แล้ว
วิดีโอไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก แต่ย้ำเตือนว่า iPad จะออกวางขายวันที่ 3 เมษายนนี้ (ตามข่าวที่ประกาศออกมาก่อนหน้า) ตัววิดีโอดูได้หลังเบรก หรือถ้าต้องการแบบชัดๆ สามารถดูได้บนเว็บไซต์ของแอปเปิล ซึ่งเป็น QuickTime และไม่สามารถ embed ลงเว็บอื่นๆ ได้
นอกจากนี้ สตีฟ จ็อบส์ ยังปรากฎตัวในงานประกาศผลออสการ์ด้วย
เจ็ดปีหลังจากกูเกิลพยายามขอสิทธิบัตรในการกระจายโฆษณาโดยอาศัยตำแหน่งของผู้ชมโฆษณา เมื่อสัปดาห์ที่แล้วสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ ก็ได้อนุมัติสิทธิบัตรดังกล่าวแล้ว
คำถามคือจะเกิดอะไรขึ้นกับวงการโฆษณาผ่านโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากเป้าหมายของวงการนี้ทุกคนล้วนพยายามทำโฆษณาตามตำแหน่งของผู้ชมแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น AdMob ที่กูเกิลเข้าซื้อ หรือ Quattro Wireless ที่แอปเปิลซื้อไป ถ้าเกิดคดีฟ้องกันขึ้นมางานนี้คงได้เกิดมหาสงครามสิทธิบัตรกันรอบใหญ่พอสมควร
ระหว่างนี้เราก็เขียนโปรแกรมรอส่วนแบ่งค่าโฆษณากันไปก่อนน่าจะง่ายดี
แม้ว่ารายได้หลักของกูเกิลจะมาจากโฆษณา แต่กูเกิลกลับเป็นบริษัทที่ใช้สื่อโฆษณาน้อยมาก (โดยเฉพาะสื่อแบบดั้งเดิม เช่น ทีวี หนังสือพิมพ์) เพิ่งมีในระยะหลังๆ ที่กูเกิลเพิ่งหันมาลงโฆษณาในทีวี (ตัวอย่าง กูเกิลจะยิงโฆษณาทีวีให้กับ Chrome)
แต่ล่าสุด Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิลได้เขียนข้อความลงใน Twitter ว่า "อดใจรอไม่ไหวที่จะดูโฆษณาของกูเกิลในช่วงพักควอเตอร์ที่ 3 ของ Super Bowl" ซึ่งเขาเสริมด้วยว่าโฆษณานี้จะ "หยุดโลก" (hell frozen over) เลยทีเดียว
เมื่อไม่นานมานี้ แอปเปิลได้แจ้งให้ผู้พัฒนาโปรแกรมบน iPhone OS ทราบว่าผู้พัฒนาจะไม่สามารถใช้ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้จาก Core Location API เพื่อใช้ในการแสดงผลโฆษณาได้ โดยยังย้ำอีกว่าหากมีการใช้ข้อมูลสถานที่เพื่อประกอบการแสดงโฆษณา หรือใช้งานใดๆ ที่ไม่ได้ส่งผลประโยชน์ให้กับผู้ใช้ โปรแกรมนั้นจะไม่ได้รับการพิจารณาให้ขึ้นบน App Store
กูเกิลนั้นไม่เคยเปิดเผยว่าจ่ายเงินให้คนติด AdSense เป็นอัตราเท่าไรเมื่อเทียบกับเงินที่กูเกิลได้รับจากผู้ลงโฆษณา แต่เราพอจะหาตัวเลขนี้เองได้ผ่านงบการเงินประจำไตรมาสของกูเกิล
เว็บไซต์ labnol.org ได้ลองเอารายได้จาก AdSense ไปหารค่าใช้จ่ายที่กูเกิลต้องจ่ายให้เจ้าของเว็บผู้ติดโฆษณาเพื่อหาสัดส่วนนี้ และพบว่าในแต่ละไตรมาสของปี 2009 กูเกิลจ่ายเงินให้คนติด AdSense น้อยลงเรื่อยๆ
แม้ว่าการลดลงจะไม่เยอะนัก คือ 75% ในไตรมาสแรก ลงมาเหลือ 72% ในไตรมาสสุดท้าย ถ้าเทียบกับคู่แข่งแล้ว กูเกิลอาจจะเป็นรายที่จ่ายเยอะ แต่ผู้ติด AdSense ก็ควรพึงระวังว่า ถ้าไปในอัตรานี้เรื่อยๆ เดี๋ยวมันอาจจะน้อยกว่าแทน
หลังจากอินเทลปล่อยโฆษณาแจก MacBook Pro มาพร้อม Core i5 สร้างความฮือฮาไป วันนี้อินเทลได้ออกมาขอโทษและแก้ไขโฆษณาดังกล่าวแล้ว โดยเปลี่ยนเป็นแจกเอชพี Envy 15 มาพร้อม Core i5 แทน
ที่มา: AppleInsider ผ่าน Engadget
แสดงว่าเอชพีลอก MacBook Pro ได้แนบเนียนมาก ถึงขนาดอินเทลลงโฆษณาผิดได้เลย! :P
ในสมรภูมิที่กำลังฟาดฟันกันอย่างดุเดือดระหว่าง Android และ iPhone โดยมี Windows Mobile เป็นความหวังอยู่ไกลๆ บริษัทโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือที่ชื่อว่า Smaato ได้ตีพิมพ์รายงานสำรวจค่า Click Through Rate (CTR) โดยดูระบบปฎิบัติการเป็นหลัก และผลที่ได้ค่อนข้างน่าตกใจเมื่อ Symbian ยังคงเป็นอันดับหนึ่งของโทรศัพท์ที่มีการคลิกโฆษณามากที่สุด
รายงานดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยจำนวนครั้งของการคลิก (อาจจะเพราะเป็นความลับทางการค้า) แต่ใช้การแสดงค่าดัชนีเพื่อบอกสัดส่วนของระบบปฏิบัติการต่างๆ แทน ผลที่ได้นั้นมีดังนี้ (ค่าดัชนีอยู่ในวงเล็บ)
อันนี้ไม่รู้ถือเป็นความพลาดอย่างแรงของอินเทลหรือเปล่าที่ทำให้เกิดข่าวลือนี้ โดยอินเทลได้ปล่อยโปรโมชั่นโฆษณาเว็บไซต์ Retail Edge Program (http://retailedge.intel.com) ในประเทศสเปน อังกฤษ และฝรั่งเศส หากลูกค้าซื้อสินค้าในเว็บไซต์ดังกล่าวจะได้สิทธิ์ชิงรางวัล MacBook Pro ใหม่ที่มาพร้อมกับอินเทล Core i5 รูปแบนเนอร์โฆษณาในประเทศอังกฤษดูได้ท้ายข่าว
จำข่าว บริษัทเว็บแห่แจก Wi-Fi ฟรีตามสนามบิน กูเกิล-ไมโครซอฟท์-ยาฮูร่วมวง เมื่อช่วงปลายปีก่อนได้ใช่ไหมครับ กูเกิลใช้การลงทุนครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์ โดยผู้ใช้งาน Wi-Fi ฟรีส่วนหนึ่งจะถูก redirect ไปยังหน้า google.com/phone ซึ่งเป็นหน้าขายมือถือ Nexus One
การโฆษณาในหน้าแรกของ Wi-Fi ฟรีเป็นเรื่องปกติของสหรัฐอยู่แล้ว โฆษกของกูเกิลเสริมว่า Wi-Fi ฟรีของกูเกิลจะเลือกโฆษณาอย่างอื่นด้วย ไม่ใช่ Nexus One เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ กูเกิลยังโฆษณา Nexus One บนหน้าแรกของกูเกิลด้วย เช่นเดียวกับที่เคยโฆษณาให้ Droid และ G1 (มีคนเรียกตำแหน่งนี้ว่า "พื้นที่โฆษณาที่มีค่ามากที่สุดบนอินเทอร์เน็ต")
ก่อนหน้านี้ที่แอปเปิลและกูเกิลเคยแย่งกันซื้อ AdMob (ดูข่าวเก่า) และพลาดท่าให้กับกูเกิลไปแล้ว ในวันนี้แอปเปิลได้ประกาศซื้อ Quattro Wireless ซึ่งเป็นบริษัททำระบบโฆษณาบนแพลตฟอร์มโมบายเช่นเดียวกับ AdMob เรียบร้อยแล้ว
กูเกิลส่งสัญญาณเอาจริงในการดันตลาด Chrome ในสหราชอาณาจักรแล้วในเช้านี้ โดยลงโฆษณาหน้าปก (Wrap-around) ของหนังสือพิมพ์ Metro ซึ่งแจกฟรีกับผู้โดยสารที่เดินทางเข้าเมืองผ่านขนส่งสาธารณะต่างๆ นอกจากนี้ยังมีรายงานถึงป้ายบิลบอร์ดทั่วประเทศ (สหราชอาณาจักร) และทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Facebook และไซต์อื่นๆอีกมากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีโฆษณาหนังสือพิมพ์ลงทั้งในเมืองแมนเชสเตอร์ และลอนดอน แต่ดูเหมือนว่าจะทั่วประเทศเลยมากกว่า ซึ่งนั่นก็หมายถึงหนังสือพิมพ์ Metro จำนวนกว่า 1.3 ล้านฉบับ และแค่ในลอนดอนอย่างเดียวก็ 738,000 ฉบับแล้ว
Patently Apple รายงานว่าแอปเปิลได้ยื่นขอเครื่องหมายทางการค้าใหม่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมาเกี่ยวกับสโลแกน 'Think Different' ที่แอปเปิลเคยใช้ในปี 1997 ถึงปี 2002 คาดว่าแอปเปิลอาจจะต้องการเริ่มต้นแคมเปญโฆษณาใหม่ที่จะหันกลับมาใช้สโลแกน 'Think Different' และอาจจะนำไปใช้กับสินค้าอย่างไอพ็อดและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่แอปเปิลอาจจะวางตลาดในอนาคตอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว 9to5Mac ได้บอกอีกว่าแอปเปิลได้มีการพิมพ์คำว่า Think Different ลงไปบนแพ็กเกจของเครื่อง iMac รุ่นใหม่แล้วด้วย แม้ว่าอาจจะไม่เด่นจนทุกคนจะต้องสังเกตเห็นอย่างชัดเจนก็ตาม
แบบนี้ดูจะสร้างสรรค์มากกว่าการกัดคนอื่นไปเรื่อยนะ
ผลการศึกษาจาก Chitika Research ดูว่าโฆษณาบน search engine เจ้าไหนมีอัตรา click-through-rate (CTR) สูงกว่ากัน พบว่าโฆษณาบน Bing มีโอกาสถูกคลิกสูงกว่ากูเกิลถึง 75%
ในบรรดา search engine ทั้งห้าตัวที่ทำการศึกษา กูเกิลมีอัตรา CTR ต่ำสุดคือ 0.98% ส่วนตัวเลขของ Bing อยู่ที่ 1.74% อย่างไรก็ตามแชมป์ด้าน CTR กลับเป็น AOL คือ 2.50% ที่เหลือได้แก่ Yahoo! 1.37% และ Ask 1.76%
อย่าลืมว่านี่เป็นการวัดผลเฉพาะ CTR เป็นเปอร์เซ็นต์ ถ้านับจำนวนครั้งของการคลิก ก็คงต้องยกให้กูเกิลเหมือนเดิม
ที่มา - Ars Technica
หลังจาก Verizon ออกโฆษณา "iDon't" อัด iPhone ในรอบแรกสุดก่อนเปิดตัว Droid จากนั้นโฆษณาที่เหลือก็เฉียดไปเฉียดมา หันไปชนกับ AT&T มากกว่าที่จะตีตัว iPhone โดยตรง เช่น โฆษณาชุดคริสต์มาสที่โจมตีเครือข่ายของ AT&T
คราวนี้โฆษณาชุด Droid Does ตัวใหม่หันมาตี iPhone ตรงๆ แล้วครับ ธีมของโฆษณาคือ Droid ถามว่า "มือถือจำเป็นต้องสวยหรือไม่" ซึ่งคำตอบก็คือ "มือถือต้องเร็วและทรงพลังต่างหาก" ก่อนปิดท้ายว่า Droid ไม่ใช่เจ้าหญิง แต่มันคือ "หุ่นยนต์"
โฆษณาดูกันได้ด้านใน
ที่มา - CNET
จากที่ Verizon ได้พยายามโจมตี AT&T แบบตรงๆ และเครื่องไอโฟนของแอปเปิลแบบอ้อมๆ ผ่านโฆษณาชุดใหญ่เมื่อไม่นานมานี้ ล่าสุดทั้งทางแอปเปิลและ AT&T ได้มีโฆษณาชุดใหม่เพื่อตอบโต้เพิ่มเติม
ชุดแรกเป็นของโฆษณาไอโฟนของแอปเปิล โดยมีเนื้อหาหลักๆ เป็นการแสดงถึงคุณสมบัติในการใช้อินเทอร์เน็ตในระหว่างการคุยโทรศัพท์ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของ 3G ทางฝั่ง GSM ที่ CDMA ทำไม่ได้ (AT&T ทำได้ แต่ Verizon ทำไม่ได้) โดยมีคำเปรยทิ้งท้ายโฆษณาว่า "โทรศัพท์และเครือข่ายของคุณทำได้ไหม?" (Can your phone and your network do that?) ซึ่งนี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลออกโฆษณาที่มีการโจมตีเครือข่ายอื่นๆ ด้วย จากที่แต่เดิมจะเน้นแต่ตัวคุณสมบัติของไอโฟนอย่างเดียว
หลังจากที่ไมโครซอฟท์เปิดตัวรายการเกมโชว์ "1 vs.