ในยุคที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ล้วนมีระบบผู้ช่วยส่วนตัว (personal assistant) ให้บริการผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็น Google Now, Apple Siri, Microsoft Cortana, Amazon Alexa คราวนี้เป็นคิวของ Facebook บ้าง โดยใช้ชื่อสั้นๆ ว่า "M"
Facebook M แตกต่างจากระบบผู้ช่วยส่วนตัวข้างต้น ตรงที่มันตอบโต้กับผู้ใช้ผ่านการแชตใน Facebook Messenger เหมือนเป็นแชตบ็อตตัวหนึ่ง
ปีที่แล้ว Amazon เปิดตัว Echo ลำโพงอัจฉริยะ ที่รองรับคำสั่งเสียงพูดแบบเดียวกับ Siri, Google Now, Cortana โดยเวลาสั่งงานต้องพูดคำว่า "Alexa" แทน
ตัวแพลตฟอร์ม Alexa ไม่ได้จำกัดเฉพาะอุปกรณ์ของ Amazon เท่านั้น และล่าสุดบริษัทเปิดตัว Alexa Lighting API ให้โปรแกรมเมอร์สามารถใช้ Alexa ควบคุมหลอดไฟอัจฉริยะ หรืออุปกรณ์ควบคุมหลอดไฟหลากหลายยี่ห้อ เช่น Philips Hue, Samsung SmartThings, Wink, Belkin Wemo
Baidu ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอนจินจากจีน เผยแอพตัวใหม่ AskADoctor ที่ผู้ใช้สามารถพูดคุยกับแอพเพื่อหาอาการเจ็บป่วยได้ก่อนไปเข้ารับการรักษาจากแพทย์ และมีฟีเจอร์เด่นที่ใช้เทคโนโลยีการรับรู้ภาษามนุษย์มาเสริมอีกต่อ
Wei Fan นักวิจัยของ Baidu ผู้ริเริ่มแอพตัวนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่แม่ของเธอต้องรอแพทย์เป็นเวลานานถึงสองชั่วโมงด้วยอาการบาดเจ็บที่ไม่คาดคิดอย่างการปวดหัวเข่า เป็นที่มาของ AskADoctor ที่นอกจากจะตอบคำถามอาการเจ็บป่วยได้แล้ว ยังสามารถติดต่อไปยังคลินิกข้างเคียงให้ได้อีกด้วย
กูเกิลเพิ่มอัลกอริทึมใหม่ให้กับโครงข่ายประสาท AI เปลี่ยนรูปภาพธรรมดาให้กลายเป็นเหมือนภาพจากฝันร้าย เพื่อแสดงการทำงานของเลเยอร์ของโครงข่ายประสาท AI (neural network) และนำภาพผลลัพธ์ไปใช้ในการปรับปรุงระบบ
ระบบ Deep Dream จะป้อนรูปภาพให้กับ AI ทำการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงภาพจากองค์ประกอบเดิมของรูปภาพ โดยขึ้นอยู่กับเลเยอร์ไหนมีส่วนในการทำงานบ้าง ซึ่งรูปภาพอาจถูกบิดเบือนด้วยการเปลี่ยนแปลงสีสัน หรือการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ต่างๆ จนดูเกินจริง
กูเกิลปล่อยโค้ดให้ผู้ใช้ทั่วไปนำไปสร้างภาพแปลกๆ โดยทำขั้นตอนที่แนะนำ และสามารถค้นหาภาพเหล่านี้ด้วย #DeepDream
เมื่อวานนี้หลังประเด็น Google Photos แท็กหญิงผิวดำเป็นกอริลลาจนทางกูเกิลต้องออกมาขอโทษ วันนี้ Andrew Ng นักวิจัย Deep Learning คนสำคัญก็ออกมาโพสแสดงความเห็นใจกูเกิลที่ถูกต่อว่าอย่างหนักในกรณีนี้
เขาระบุว่าเทคโนโลยีการจดจำภาพด้วยคอมพิวเตอร์ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และกรณีนี้ก็ชัดเจนว่าเป็นความผิดพลาดหนึ่งในล้านที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน และบริษัทเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์อย่างกูเกิล, เฟซบุ๊ก, และไป่ตู้ ก็เป็นชุมชนที่เป็นมิตรต่อกัน เขาหวังว่าชุมชนจะร่วมกันหยุดเอาความผิดพลาดเหล่านี้มาเป็นอารมณ์แล้วผลักดันให้เกิดการพัฒนาต่อไป
ที่มา - Facebook: Andrew Ng
สตีฟ จ็อบส์ เคยกล่าวว่า “การออกแบบคือสิ่งที่แสดงว่าสิ่งนั้นทำงานอย่างไร” และแอปเปิลได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องการออกแบบ UI มาโดยตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไปอะไรก็เปลี่ยนแปลง
แอปเปิลไม่ได้ให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมมากเท่าที่ควรตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าการออกแบบอุตสาหกรรม (Industrial Design; Product Design; Experience/Service Design) ของแอปเปิลยังดีที่สุด แต่เมื่อกูเกิลเปลี่ยนการออกแบบเป็น Material Design กูเกิลก็สามารถทำ UI ออกมาได้สูสีหรืออาจจะดีกว่าแอปเปิลแล้ว
กูเกิลและไมโครซอฟท์ออกมาแสดงระบบสร้างคำบรรยายรูปอัตโนมัติในงาน Microsoft COCO (Microsoft CommonObjects in Context (COCO) Captioning Challenge) งานนี้เป็นหนึ่งในงานสำหรับผู้วิจัยที่ทำงานในสายงานระบบรับรู้หรือแยกแยะรูปภาพ
เมื่อเดือนที่แล้ว Baidu ประกาศความสำเร็จในการขึ้นเป็นที่หนึ่งของการแข่งขันจดจำภาพและจำแนกภาพ ImageNet เหนือกว่าไมโครซอฟท์และกูเกิล แต่เมื่อวานนี้ทาง ImageNet ก็ออกมาประกาศว่าผลของ Baidu ถูกถอนออกไป เพราะทีมงานของ Baidu ส่งผลเข้าไปอย่างต่อเนื่องขัดต่อกติกาที่ระบุให้ส่งผลได้ไม่เกินสองครั้งต่อสัปดาห์
ทีมงาน Image Net โพสข้อมูลแสดงจำนวนครั้งที่โพสโดยระบุว่าทีมงานของ Baidu สร้างบัญชีผู้ใช้อย่างน้อย 30 บัญชี และทดสอบกับข้อมูลทดสอบอย่างน้อย 200 ครั้ง เฉพาะสัปดาห์สุดท้ายมีการทดสอบถึง 40 ครั้งภายในช่วงเวลา 5วัน
การแข่งขันระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจดจำและจำแนกประเภทของภาพได้อย่างแม่นยำในปีนี้แข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย ไป่ตู้, ไมโคซอฟท์, และกูเกิลล้วนตีพิมพ์ผลสำเร็จใหม่ออกมาห่างกันไม่กี่เดืือน ล่าสุดเดือนนี้ไป่ตู้ก็ตีพิมพ์ผลงานล่าสุดมีความแม่นยำสูงกว่าคู่แข่งทั้งหมดแล้ว โดยมีความผิดพลาดเพียง 4.58% เทียบกับมนุษย์ทั่วไปที่จำแนกภาพได้ความผิดพลาด 5.1% และผลที่ดีที่สุดของกูเกิลก่อนหน้านี้อยู่ที่ 4.82%
การแข่งขันระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถจดจำและจำแนกประเภทของภาพได้อย่างแม่นยำในปีนี้แข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย ไป่ตู้, ไมโครซอฟท์, และกูเกิลล้วนตีพิมพ์ผลสำเร็จใหม่ออกมาห่างกันไม่กี่เดือน ล่าสุดเดือนนี้ไป่ตู้ก็ตีพิมพ์ผลงานล่าสุดมีความแม่นยำสูงกว่าคู่แข่งทั้งหมดแล้ว โดยมีความผิดพลาดเพียง 4.58% เทียบกับมนุษย์ทั่วไปที่จำแนกภาพได้ความผิดพลาด 5.1% และผลที่ดีที่สุดของกูเกิลก่อนหน้านี้อยู่ที่ 4.82%
Wolfram Research เจ้าของระบบฐานข้อมูลความรู้ Wolfram Alpha เปิดตัวระบบปัญญาประดิษฐ์ใหม่ชื่อ Wolfram Language Image Identification Project ซึ่งมีความสามารถในการตอบว่าภาพที่เราอัพโหลดเข้าไป เป็นภาพของอะไร?
ระบบดังกล่าวใช้ฟังก์ชันที่ชื่อ ImageIdentify ซึ่งรวมอยู่ใน Wolfram Language ในการทำงาน โดย Stephen Wolfram ซีอีโอ Wolfram Research บอกว่ามันยังไม่สมบูรณ์แบบมากนัก แต่ก็ทำงานออกมาได้ดีพอสมควร
ไปทดสอบความแม่นยำของ ImageIdentify กันได้ที่เว็บ Image Identification Project ส่วนใครที่สนใจรายละเอียดการทำงานก็เข้าไปอ่านต่อได้จากที่มาครับ
เมื่อคืนนี้ Facebook จัดงานสัมมนา F8 2015 วันที่สอง โดย Mike Schroepfer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค (CTO) ของบริษัทขึ้นเวทีวาดวิสัยทัศน์ของ Facebook ในอีก 10 ปีข้างหน้าให้ทุกคนได้รับรู้
ผมคิดว่าการนำเสนอของ Schroepfer ช่วยให้เราเข้าใจหลายๆ อย่างที่ Facebook กำลังทำอยู่ในตอนนี้ว่าทำไปทำไม (เช่น ทำไมต้องซื้อ Oculus, ทำไมต้องทำโครงการ Open Compute หรือ Internet.org) จึงสรุปเนื้อหาจากงาน F8 มาในบทความนี้ครับ
Facebook โชว์ผลงานวิจัยล่าสุดจากทีมปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) สองอย่างดังนี้
NVIDIA เปิดตัวซอฟต์แวร์สำหรับฝึกโครงข่าย Deep Learning ของตัวเองชื่อว่า Deep Learning GPU Training System (DIGITS) เป็นซอฟต์แวร์เพื่อการสร้างโมเดลโครงข่ายประสาทเทียมแบบลึก (deep neural network - DNN)
DIGITS ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถออกแบบโครงข่ายประสาทเทียมด้วยตัวเองด้วยการคอนฟิกเครือข่ายว่าต้องการจำรูปร่างแบบใด แล้วใส่ชุดข้อมูลเพื่อฝึกโครงข่ายประสาทเพื่อฝึกให้ได้โมเดลโครงข่ายประสาทเทียมไปใช้งาน ตัวซอฟต์แวร์ DIGITS เป็นโอเพนซอร์สสามารถดาวน์โหลดแบบคอมไพล์แล้วจาก NVIDIA หรือเอาโค้ดจาก GitHub มาแก้ไขเองก็ได้
ทีมงานของ Microsoft Research เผยข้อมูลว่ากำลังพัฒนาระบบ AI ขั้นสูงที่ชื่อ "Einstein" ซึ่งมีฟีเจอร์อย่างการอ่านอีเมลของผู้ใช้เพื่อแจ้งเตือนนัดหมาย (แบบเดียวกับ Google Now) โดยมันจะถูกผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Cortana ช่วงปลายปีนี้
Microsoft Research มีโครงการวิจัยเกี่ยวกับ AI ที่ใช้เป็นผู้ช่วยส่วนตัวหลายอย่าง แต่มีเป้าหมายเดียวกันคือช่วยให้ชีวิตของผู้ใช้สะดวกมากขึ้น ที่มาของชื่อโครงการนี้มาจาก Einstein เข้าใจความสัมพันธ์ของเวลาและอวกาศ (space and time) ซึ่งไมโครซอฟท์หวังว่าจะให้ Cortana เข้าใจบริบทต่างๆ ของผู้ใช้แบบเดียวกัน
สำนักข่าว Reuters ยังรายงานข่าววงในว่าไมโครซอฟท์มีแผนจะออก Cortana บน Android และ iOS อีกด้วย
ใครที่อยู่นอกสหรัฐฯ และใช้ Cortana คงจะพบกับปัญหาชวนปวดหัวอย่างหนึ่งคือ ระบบผู้ช่วยส่วนตัวนี้แสดงผลอุณหภูมิเป็นองศาฟาเรนไฮต์เท่านั้น หากต้องการแปลงเป็นองศาเซลเซียสผู้ใช้ต้องสั่งการด้วยเสียงให้แปลงเป็นครั้งคราวไป (เข้าใจว่ายกเว้น Cortana เวอร์ชันสหราชอาณาจักรที่แสดงผลอุณหภูมิเป็นองศาเซลเซียสได้)
แต่ล่าสุดเมื่อสองวันก่อนมีผู้ใช้หลายรายรายงานว่า Cortana สามารถแสดงผลอุณหภูมิเป็นองศาเซลเซียสตามการตั้งค่าของผู้ใช้ได้แล้ว ไม่รู้ว่าผู้ใช้ในไทยเห็นข้อมูลอุณหภูมิเป็นองศาเซลเซียสกันหรือยัง
ที่มา: Windows Central
การใช้งานคอมพิวเตอร์ทุกวันนี้เรายังคงใช้งานคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่ตรงไปตรงมา เช่น คำนวณสมการคณิตศาสตร์ หรือการประมวลข้อความที่เป็นมีกฎตรงไปตรงมา ข้อดีของคอมพิวเตอร์ที่เราใช้ตลอดมาคือความเร็วที่คอมพิวเตอร์สามารถทำงานซ้ำๆ ได้อย่างรวดเร็วเกินกว่าคนจะทำได้ แต่ในงานที่คนเราทำได้ง่ายๆ เช่น การทำความเข้าใจภาพถ่ายสักภาพมีอะไรอยู่ในภาพบ้างสำหรับคนทั่วไปสามารถทำได้โดยง่าย เราสามารถวงได้ว่าภาพใดมีบ้าน, รถ, หรือวัตถุอื่นๆ ในบ้านได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ แต่กระบวนการเหล่านี้กลับยากมากสำหรับคอมพิวเตอร์
มีผู้ใช้หลายรายพบว่า Cortana มีฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมาใหม่ ดังนี้
ในยุคที่ระบบค้นหาด้วยเสียงและผู้ช่วยส่วนตัว แข่งกันสร้างบุคลิกหรือตัวตน (personality) เพื่อเพิ่มความเป็นมิตรต่อผู้ใช้ หลายคนอาจสังเกตว่าระบบค้นหาด้วยเสียงของกูเกิล ทั้งจาก Google Search และ Google Now กลับไม่มีบุคลิกที่ชัดเจนแบบเดียวกับ Siri หรือ Cortana
เรื่องนี้ถูกเฉลยในบทความเจาะลึก Google Search ของ Medium Backchannel ว่ากูเกิลเคยคิดจะใส่บุคลิกลงไปเช่นกัน แต่สุดท้ายเลือกไม่ทำ เพราะคิดว่ายังไม่สามารถสร้างบุคลิกและบทสนทนาได้ดีพอ โดย Jon Wiley หัวหน้าทีมออกแบบประสบการณ์การค้นหา (search design) บอกว่าโลกเราทุกวันนี้ยังห่างไกลกับการที่คอมพิวเตอร์จะสร้างบุคลิกได้สมจริงพอ ในระดับที่คนรู้สึกคุ้นเคยและสะดวกใจที่จะคุยด้วย
สำนักข่าวบีบีซีของสหราชอาณาจักร รายงานว่าบิล เกตส์ แสดงความกังวลเกี่ยวกับภัย (threat) ที่เกิดขึ้นจากปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence) ระหว่างการตอบคำถามของเขาในช่วง AMA (Ask Me Anything) ของเว็บไซต์ Reddit
บิล เกตส์ ระบุว่าตัวเขาเองนั้นอยู่ในกลุ่มที่กังวลกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ฉลาดมากๆ จนเกินไป และบอกว่าตัวเขาเองเห็นด้วยกับ Elon Musk ผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตรถยนต์ Tesla ที่เคยแสดงทัศนะว่ากังวลเช่นเดียวกัน พร้อมกับบอกว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนถึงไม่สนใจ (concerned) ในเรื่องเหล่านี้
ฝ่ายวิจัยปัญญาประดิษฐ์ของเฟซบุ๊กประกาศเปิดซอร์สโมดูลสำหรับการพัฒนา deep-learning เพื่อใช้กับเฟรมเวิร์ค Torch
โมดูลเหล่านี้มีหลายฟังก์ชั่นที่มาแทนฟังก์ชั่นเดิมที่ Torch มีอยู่แล้ว แต่โค้ดของเฟซบุ๊กปรับแต่งให้ทำงานกับชิปกราฟิกได้มีประสิทธิภาพดีกว่า โดยเฟซบุ๊กเลือกใช้เทคโนโลยี CUDA เป็นหลัก และมีโมดูลเพิ่มเติม เช่น โมดูลกระจายงานข้ามการ์ดกราฟิก, โมดูลตารางหาค่า (lookup table) เป็นต้น
ไลบรารีชุดนี้ทำให้คนที่ต้องการเทรนเครือข่ายนิวรอนสามารถเทรนได้เร็วขึ้นหากใช้การ์ดกราฟิกมาช่วยประมวลผลครับ
เว็บไซต์ WinBeta เผยคลิปโชว์ Cortana บน Windows 10 รุ่นทดสอบเป็นการภายใน ดูคลิปได้ที่ท้ายข่าวเช่นเคย
WinBeta ย้ำว่า Cortana ที่ปรากฏในวิดีโอยังไม่สมบูรณ์ (อาทิ ส่วนติดต่อผู้ใช้ (UI) ยังไม่เรียบร้อยดี) และจากการทดสอบพบว่าเธอยังไม่สามารถตอบคำถามด้านบุคลิกลักษณะ อาทิ "Who are you?" ได้ แต่เมื่อไมโครซอฟท์เปิดระบบผู้ช่วยส่วนตัวนี้สู่สาธารณะจะสามารถตอบคำถามลักษณะข้างต้นได้
ถึงแม้ Cortana จะรองรับการทำงานเหมือนเวอร์ชันบน Windows Phone เธอก็ยังไม่รองรับการสั่งให้ทำงานด้วยเสียง (voice activation) อย่าง "Hey, Cortana" ที่มากับอัพเดต Lumia Denim
ขอรวมข่าว Cortana มานำเสนอเป็นข่าวเดียวกันครับ
ข่าวแรก ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้ระบบผู้ช่วยส่วนตัวของบริษัท ดังนี้
ขอรวมข่าว Cortana ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมามานำเสนอในคราวเดียวกัน ดังนี้
Google ประกาศข่าวการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชื่อดังของอังกฤษอย่าง Oxford University เพื่อร่วมกันพัฒนางานวิจัยค้นคว้าด้านปัญญาประดิษฐ์
การร่วมมือครั้งนี้จะเน้นการปรับปรุงระบบปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะในด้านการรู้จำรูปภาพและการประมวลผลทำงานตอบสนองต่อภาษาธรรมชาติ ซึ่งทั้ง Google และ Oxford ต่างก็เชื่อว่าความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้จะทำให้งานวิจัยของทั้งสองฝ่ายรุดหน้าไปเร็วยิ่งขึ้นกว่าการแยกกันทำ