สมาชิก Blognone คงคุ้นเคยกับสำนักพิมพ์โปรวิชั่น (Provision) ที่มีผลงานหนังสือ-ตำราทางด้านคอมพิวเตอร์มายาวนาน (โดยเฉพาะหนังสือ Windows XP ในตำนานเล่มนั้น)
ผมมีโอกาสฟัง คุณวศิน เพิ่มทรัพย์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรวิชั่น จำกัด บรรยายเรื่องอนาคตของสิ่งพิมพ์ เลยสรุปประเด็นมาฝาก ทั้งในแง่ผลงานที่ผ่านมาของโปรวิชั่น และธุรกิจสื่อในอนาคตครับ
เว็บไซต์ The Telegraph รายงานว่าสำนักข่าว BBC ของสหราชอาณาจักร เตรียมปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ในรอบ 93 ปี จุดสำคัญคือ BBC จะไม่แยกเป็นฝ่ายวิทยุและโทรทัศน์ ซึ่งเป็นรากเหง้าดั้งเดิมขององค์กรอีกต่อไปแล้ว แต่จะจัดกลุ่มองค์กรตามประเภทของเนื้อหาแทน
ตอนนี้โครงสร้างใหม่ของ BBC ยังไม่ชัดเจน แต่ The Telegraph คาดว่าเราจะได้เห็น BBC Entertain ที่รวมเนื้อหาด้านบันเทิงทุกประเภท (รายการบันเทิงทางทีวี และช่องวิทยุบันเทิง จะมาอยู่ใต้ฝ่ายเดียวกัน) และ BBC Inform ที่เป็นงานด้านข่าว คาดว่า BBC จะประกาศเรื่องนี้ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า
นิตยสาร Wired ออกมาตรการตอบโต้ซอฟต์แวร์บล็อคโฆษณา ซึ่งมีสัดส่วนถึง 20% ของทราฟฟิกที่เข้าเว็บไซต์ Wired.com และส่งผลกระทบต่อรายได้ของเว็บไซต์
จากนี้ไป Wired จะตรวจสอบผู้เข้าชมเว็บว่าใช้ซอฟต์แวร์จำพวก ad blocker หรือไม่ ถ้าพบก็จะไม่เปิดให้อ่านเนื้อหาได้ จนกว่าจะปลดบล็อคโฆษณา หรือจ่ายเงินสมัครสมาชิกราคา 1 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ เพื่ออ่านบทความแบบไร้โฆษณาใดๆ
Wired บอกว่าเข้าใจคนที่บล็อคโฆษณาด้วยเหตุผลต่างๆ นานา แต่ก็ขอให้เข้าใจด้วยว่า Wired อยู่ได้ด้วยรายได้จากโฆษณาเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกดูโฆษณาหรือจ่าย 1 ดอลลาร์ ก็ถือเป็นการสนับสนุน Wired ทั้งคู่
ที่มา - Wired
คนที่ติดตามวงการสตาร์ตอัพในบ้านเรา น่าจะเคยเห็น Storylog เว็บไซต์รวมเรื่องเล่ากันมาบ้าง และเชื่อว่าน่าจะสงสัย (แบบเดียวผม) ว่าในยุคที่ใครๆ ก็เปิดบล็อกของตัวเองได้ และคนหันไปเล่าเรื่องผ่านโซเชียลกันหมด เว็บไซต์แบบนี้จะทำไปเพื่ออะไรกัน?
Storylog เป็นหนึ่งในห้าทีมที่เข้ารอบสุดท้าย dtac Accelerate ปีสอง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ผมมีโอกาสคุยกับคุณปิ๊ปโป้ เปรมวิชช์ สีห์ชาติวงษ์ ผู้ก่อตั้ง Storylog รวมถึงทีมงาน ซึ่งมีคำตอบว่า "ทำไปทำไม" ครับ
Google Play Books เริ่มวางขายหนังสือดิจิทัลแนวทดลอง ภายใต้โครงการ Editions at Play ที่กูเกิลร่วมกับบริษัทครีเอทีฟ Visual Editions พัฒนาขึ้นมา และมีนักเขียนชื่อดังหลายคนมาร่วมสร้างผลงาน
หนังสือดิจิทัลในที่นี้ไม่ใช่อีบุ๊กแบบที่เราคุ้นเคย (PDF/ePUB/Kindle) ซึ่งเป็นการแปลงหนังสือกระดาษมาเป็นดิจิทัล แต่หนังสือของกูเกิลจะถูกเขียนขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยใช้เทคนิคการนำเสนอที่ไม่สามารถทำได้บนกระดาษ รูปแบบของหนังสือจึงแตกต่างไปจากอีบุ๊กพอสมควร
ชาว Blognone ที่ชอบการ์ตูน นิยาย เกม หรือภาพยนตร์ น่าจะคุ้นเคยกับชื่อ Wikia บริษัทของ Jimmy Wales ผู้ก่อตั้ง Wikipedia ที่ทำระบบโฮสต์ซอฟต์แวร์ตัวเดียวกัน (MediaWiki) แต่เปิดให้ "ใครก็ได้" มาสร้าง Wiki เฉพาะเรื่องแทนการสร้างสารานุกรมแบบ Wikipedia
Wikia เติบใหญ่ในฐานะแหล่งรวมข้อมูลของซีรีส์บันเทิงชนิดต่างๆ ปัจจุบัน Wikia มีเว็บย่อยกว่า 360,000 เว็บ และมียอดผู้เข้าชมมากกว่าเดือนละ 190 ล้านคน ก้าวใหม่ล่าสุดของ Wikia จึงเป็นส่วนต่อขยายของแฟนคลับเหล่านี้ โดยเปิดหน้าแรกของ Wikia.com เป็นเว็บใหม่ชื่อ Fandom
ข่าวใหญ่ของวงการไอทีช่วงต้นปีนี้คือ Netflix ขยายประเทศที่ให้บริการอีก 130 ประเทศ แต่กลับมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนเนื้อหาในหลายๆ ประเทศ ที่น้อยกว่าสหรัฐอเมริกามาก
หนังสือพิมพ์ The New York Times มีบทสัมภาษณ์ซีอีโอ Reed Hastings ที่ยอมรับว่า Netflix ยังมีข้อจำกัดเรื่องกำแพงภาษา มีเนื้อหาในภาษาอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษน้อย และบริษัทต้องทำงานอีกมากในการรองรับภาษาใหม่ๆ ให้มากขึ้น เขายังเล่าว่าหลังขยายบริการของ Netflix ก็มีผู้ใช้งานจากประเทศแปลกๆ อย่างโซมาเลีย และเกาะ Reunion Island ซึ่งเป็นเกาะของฝรั่งเศสในทวีปแอฟริกาด้วย
บริษัทวิจัยตลาด Nielsen ออกรายงานสภาพตลาดเพลงแบบสตรีมมิ่งประจำปี 2015 (เฉพาะในสหรัฐอเมริกา) พบว่าตลาดรวมโตขึ้น 92.8% (นับรวมทั้งเพลงและมิวสิควิดีโอ) โดยตัวเลขนี้รวมจากผู้ให้บริการสตรีมมิ่งหลายราย เช่น Spotify, YouTube, Beats, Google Play Music, Xbox Music, AOL
ถ้าแยกคิดเฉพาะเพลง ตลาดโตขึ้น 83% ส่วนวิดีโอเติบโต 102%, เพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มสตรีมมิ่งคืออัลบั้ม Purpose ของ Justin Bieber ทำสถิติคนฟังสตรีมเกิน 100 ล้านครั้งภายในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว
อีกตลาดที่เติบโตแบบเงียบๆ คือ "แผ่นเสียง" ที่ขายได้ 12 ล้านแผ่นในปี 2015 ถือเป็นการเติบโตต่อเนื่องมา 10 ปีติดต่อกันแล้ว
The Walt Disney Company ประกาศความร่วมมือกับ Alibaba โดยจะเปิดบริการเนื้อหาดิจิทัลชื่อ DisneyLife ในประเทศจีน
DisneyLife จะรวมเนื้อหาและบริการทั้งหมดในเครือ Disney และ Pixar ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ รายการทีวี เพลง เกม รวมถึงบริการข้อมูลการท่องเที่ยวสวนสนุกของ Disney ในจีน ทั้ง Hond Kong Disneyland และ Shanghai Disney Resort ที่จะเปิดบริการในปี 2016
วิธีการใช้งาน DisneyLife จะแปลกๆ เล็กน้อย เพราะลูกค้าจะต้องซื้ออุปกรณ์รูปมิกกี้เมาส์ในราคา 799 หยวน (ประมาณ 4,500 บาท) จากเว็บไซต์ Tmall ของ Alibaba โดยราคานี้จะรวมอายุสมาชิก DisneyLife ระยะเวลา 1 ปีมาด้วย ทั้งสองบริษัทเรียกบริการตัวนี้ว่า over-the-top (OTT) รูปแบบการใช้งานเหมือนกล่องเซ็ตท็อปแต่ต่ออินเทอร์เน็ตแทนสายเคเบิล
ยักษ์ใหญ่วงการอีคอมเมิร์ซจีน Alibaba ซื้อกิจการ South China Morning Post กลุ่มทุนสื่อรายใหญ่ของฮ่องกง
South China Morning Post ก่อตั้งมาแล้ว 112 ปี เริ่มจากการเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของฮ่องกง และภายหลังขยายมายังสื่ออื่นๆ เช่น นิตยสาร รวมถึงโฆษณาและการจัดอีเวนต์ ภายใต้ชื่อ SCMP Group (Alibaba ซื้อหมดทั้งเครือ)
Alibaba ระบุว่าซื้อ SCMP เพราะต้องการรุกตลาดสื่อดิจิทัล และต้องการขยายฐานผู้อ่าน SCMP ไปทั่วโลกที่สนใจข่าวสารเกี่ยวกับประเทศจีน แม้ว่าอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์กำลังอยู่ในช่วงขาลง แต่ Alibaba ก็มั่นใจว่าสามารถผสานเทคโนโลยีของตัวเองกับเนื้อหาของ SCMP เพื่อนำพาสื่อไปสู่ยุคใหม่
Instant Articles เป็นฟีเจอร์ของ Facebook ที่ช่วยให้เราอ่านบทความตามลิงก์ได้อย่างรวดเร็วบนอุปกรณ์พกพา โดยแสดงผลเนื้อหาตามฟอร์แมตของ Facebook แทนการโหลดหน้าเว็บโดยตรง (เทคโนโลยีอิงจาก RSS)
ฟีเจอร์นี้เปิดตัวในสหรัฐตั้งแต่กลางปี วันนี้เปิดตัวในไทยแล้ว โดยลิงก์จากหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก จะแสดงผลแบบ Instant Articles บนแอพมือถือแทนการโหลดเว็บ ส่วนสำนักข่าวอื่นที่เข้าร่วมโครงการได้แก่ ไทยรัฐ, เดลินิวส์, มติชน, ข่าวสด, ประชาชาติ ธุรกิจ, เนชั่น ทีวี, ผู้จัดการออนไลน์, Kapook จะเปิดบริการในเร็วๆ นี้
นับตั้งแต่รูปแบบการทำเงินจากเกม เริ่มเปลี่ยนจากขายตัวเกมแต่เพียงอย่างเดียวแล้วจบ มาเป็นตัวเกม บวกด้วย Downloadable Contents (DLCs) หรือส่วนเสริม ไม่ว่าจะเป็นไอเท็มหรือเนื้อเรื่องเพิ่มเติม ที่ต้องจ่ายเพิ่มหากอยากได้ และจากผลประกอบการของ Electronic Arts ล่าสุดที่ทำเงินจาก DLCs ได้มากกว่าตัวเกมหลัก ยิ่งตอกย้ำว่าทำไมบริษัทพัฒนาเกม เลือกใช้วิธีนี้ในการดูดเงินจากผู้เล่นกันเป็นส่วนใหญ่
และแล้วปัญหาระหว่าง Tidal กับแอปเปิลก็เริ่มก่อตัวขึ้นจนได้ เมื่อระหว่างรายการสดของ Lil Wayne อย่าง Hurricane Katrina ที่ออกอากาศสดผ่าน Tidal นั้น ถูกแอปเปิลก่อกวนอย่างหนักจนทำให้ไม่สามารถออกอากาศได้ในช่วงที่ Drake ขึ้นมาร้องเพลงของตน จนกระทั่งเมื่อ Drake ลงจากเวที รายการถึงจะกลับมาออกอากาศตามปกติ
โดยในช่วงระหว่างการถูกก่อกวน Tidal ได้ตัดสินใจขึ้นข้อความแจ้งผู้ใช้ว่า ขณะนี้เกิดปัญหาการก่อกวน (Interfere) กับศิลปินจากแอปเปิล และไม่ยอมให้ออกอากาศรายการต่อ ซึ่งต่อมา NYP ได้เผยว่า การก่อกวนที่ว่าของแอปเปิล คือการข่มขู่ว่าจะเดินเรื่องตามกฎหมายและฟ้องเรียกค่าปรับสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทันทีที่ Drake ออกอากาศ สำหรับความเสียหายในสิ่งที่ Drake กำลังจะทำในครั้งนี้
บริการฟังเพลงออนไลน์ Tidal ตอบโต้การมาเยือนของ Apple Music ด้วยแพ็กเกจสมาชิกแบบครอบครัว (Family Plan) โดยสมาชิกในครอบครัวคนต่อมาที่สมัคร Tidal จะได้ส่วนลด 50% จากราคาปกติ และใช้ได้มากที่สุด 4 บัญชีต่อครอบครัว (ไม่นับบัญชีแรก)
การคิดราคาของ Tidal แปลว่าสมาชิกคนแรกต้องจ่ายราคาเต็ม (179 บาทต่อเดือนสำหรับบริการระดับปกติ) ส่วนสมาชิกคนที่สองจนถึงคนที่ห้าจะจ่ายเพิ่มคนละ 89.50 บาทต่อเดือน ในกรณีที่อยากได้เพลงคุณภาพสูงแบบ HiFi ก็จะเป็น 358 บาทกับ 179 บาทตามลำดับ
สมาชิกคนแรกของครอบครัวจะมีสถานะเป็นแอดมิน คอยบริการจัดการสมาชิกคนที่เหลือ สมาชิกแต่ละคนจะมีล็อกอินแยกของตัวเอง และเล่นเพลงได้อย่างอิสระเหมือนสมาชิก Tidal ทั่วไป
Netflix ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต จากเดิมเคยนำภาพยนตร์ทั่วไปมาฉาย แต่ตอนนี้หันมาเริ่มทำภาพยนตร์เองแล้ว
รายละเอียดของภาพยนต์ที่ Netflix สร้างเองและนำมาฉายบนเว็บไซต์ ทั้ง 4 เรื่อง
จากข่าว NFL เตรียมทดลองถ่ายทอดสดการแข่งขันบางนัด "ผ่านเน็ตอย่างเดียว" วันนี้ประกาศชื่อบริษัทที่ได้สิทธิแล้วคือยาฮู
ยาฮูจะถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันระหว่าง Buffalo Bills และ Jacksonville Jaguars ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ โดยเปิดให้คนทั่วโลกดูฟรีผ่านเน็ต สามารถดูได้จากเว็บ Yahoo, Yahoo Sports, Yahoo Screen, Tumblr ส่วนการถ่ายทอดทางโทรทัศน์จะมีเฉพาะแค่ในเมือง Buffalo/Jacksonville เท่านั้น คนที่เหลือต้องดูผ่านเน็ตทั้งหมด
การถ่ายทอดผ่านเน็ตครั้งนี้ช่วยให้ NFL ลองขยายฐานผู้ชมมาสู่โลกออนไลน์ ฝั่งของยาฮูเองก็ได้ประโยชน์เพราะได้เนื้อหาที่เรียกผู้ชมอย่าง NFL ช่วยให้คนเข้าเว็บมากขึ้น
เมื่อวานเพิ่งมีข่าว Vox Media บริษัทแม่ของ The Verge ซื้อกิจการเว็บ Re/code วันนี้มีข่าวลือออกมาว่า Vox อาจโดนซื้อกิจการอีกทอดหนึ่งครับ โดยผู้ซื้อตามข่าวคือ Comcast บริษัทเคเบิลทีวีรายใหญ่ของสหรัฐอเมริกา
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Comcast มีหุ้นอยู่ในทั้ง Vox และ Re/code ด้วย แต่ผ่านองค์กรลูกคนละแห่งกัน โดยบริษัทลงทุน Comcast Ventures ลงทุนใน Vox ส่วน NBCUniversal บริษัทสื่อรายใหญ่ที่เป็นลูกของ Comcast ลงทุนใน Re/code
วันนี้มีข่าวของเว็บไซต์ไอทีสองเว็บติดๆ นอกจาก Vox Media จะเข้าซื้อเว็บไซต์ Re/code แล้ว เว็บไซต์ไอทีชื่อดังอย่าง Gigaom ที่ปิดตัวไปเมื่อต้นปีกำลังจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
การกลับมาของ Gigaom มาจากการเข้าซื้อของ Knowingly Corp บริษัทหน้าใหม่ด้านอินเทอร์เน็ต อย่างไม่เปิดเผยมูลค่า โดย Byron Reese ซีอีโอของ Knowingly Corp บอกว่าการที่ Gigaom ยังเดินหน้าต่อไปได้จะทำให้สามารถติดตามหน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ที่กำลังถูกขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยี และผลกระทบที่มาจากเทคโนโลยีต่างๆ
ตัวเว็บไซต์จะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 15 สิงหาคมนี้
Vox Media บริษัทแม่ของเว็บข่าวไอทีชื่อดัง The Verge ประกาศซื้อกิจการเว็บไอทีอีกราย Re/code เรียบร้อยแล้ว โดยเว็บไซต์ Re/code จะยังบริหารแยกจาก The Verge เช่นเดิม มูลค่าการซื้อกิจการไม่เปิดเผย
เหตุผลของการซื้อกิจการคือ The Verge เป็นเว็บไอทีสำหรับกลุ่มผู้อ่านทั่วไป ส่วน Re/code เป็นเว็บไอทีเชิงธุรกิจ มีกลุ่มผู้อ่านแตกต่างกัน นอกจากนี้ Re/code ยังมีรายได้จากการจัดสัมมนาอีกทางหนึ่งด้วย ผู้ก่อตั้ง Re/code ทั้งสองคนคือ Walt Mossberg และ Kara Swisher ก็ถือเป็นนักข่าวไอทีอาวุโสที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการ
TIDAL บริการเพลงออนไลน์ที่มี Jay Z นักร้องชื่อดังเป็นผู้ผลักดัน (อ่านรายละเอียดในข่าวเก่า Tidal บริการสตรีมมิ่งเพลงรายใหม่จาก Jay Z) เปิดบริการในประเทศไทยแล้ว
TIDAL เป็นบริการเพลงสตรีมมิ่งที่มีเพลงให้เลือกกว่า 25 ล้านเพลง วิดีโออีก 75,000 คลิป มีแพ็กเกจให้เลือก 2 แบบ
รองรับการใช้งานบน Android, iOS, เว็บ และสามารถเชื่อมต่อไปออกลำโพงหรือเครื่องเสียงสมัยใหม่ได้ด้วย
ที่มา - อีเมลประชาสัมพันธ์
"21 ภาพแมวอ้วนกลมดุ๊กดิ๊กที่จะทำให้คุณใจละลาย" "เมื่อภรรยานอกใจ สามีจึงวางแผนเอาคืนแบบแสบทะลักขีด" พาดหัวข่าวแบบนี้กลายเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในแวดวงโซเชียล เว็บเนื้อหาแนวไวรัลกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่างไรก็ตาม การพาดหัวชวนคลิกแบบโอเวอร์เกินจริง บวกกับปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์เนื้อหาจากเว็บอื่นๆ ทำให้เริ่มมีคนตั้งคำถามกับเว็บไซต์เหล่านี้
เว็บลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในต่างประเทศ และถ้าพูดถึง "ต้นฉบับ" ของเว็บข่าวแนวไวรัลเหล่านี้ก็ย่อมหนีไม่พ้น BuzzFeed ที่เริ่มกิจการมาตั้งแต่ปี 2006 (เกือบสิบปีแล้วนะ) บทความนี้จะแนะนำต้นกำเนิดของเว็บไวรัล และพัฒนาการของเว็บเหล่านี้ทั้งในและต่างประเทศ คำเตือน: รูปเยอะมาก
ลีกอเมริกันฟุตบอล NFL เริ่มยอมรับสื่ออินเทอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ และล่าสุดประกาศขายสิทธิการถ่ายทอดสดการแข่งขันบางนัดเฉพาะ "ออนไลน์อย่างเดียว" ไม่ฉายทางทีวีแล้ว
อย่างไรก็ตาม การถ่ายทอดสดออนไลน์รอบนี้ยังเป็นแค่การทดลองอยู่ โดย NFL คัดเลือกเกมการแข่งระหว่าง Jacksonville Jaguars กับ Buffalo Bills ในฤดูกาลหน้า (ซึ่งจะบินไปแข่งในกรุงลอนดอน เพื่อขยายฐานแฟนนอกอเมริกา) มาทดลอง เกมนัดนี้จะถ่ายทอดสดผ่านทีวีเฉพาะในเมือง Jacksonville กับ Buffalo เท่านั้น ถ้าอยู่นอกพื้นที่สองเมืองนี้แล้วอยากดูการแข่งขัน จะต้องดูผ่านเน็ตอย่างเดียว
สื่อชั้นนำของโลก 5 รายคือ CNN, Guardian, Reuters, Financial Times และ The Economist ประกาศจัดตั้งกลุ่มพันธมิตร Pangaea Alliance เพื่อทำระบบโฆษณาออนไลน์ใช้เองโดยไม่ต้องพึ่งกูเกิล ไมโครซอฟท์ หรือเฟซบุ๊ก
จุดเด่นของ Pangaea Alliance คือเป็นสื่อชื่อดังระดับโลก และมีฐานผู้อ่านรวมกัน 110 ล้านคนต่อเดือน (แถมเป็นกลุ่มผู้อ่านระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง) ช่วยให้ Pangaea มีอำนาจต่อรองกับแบรนด์ต่างๆ ที่จะมาลงโฆษณาได้มากขึ้น
ระบบโฆษณาของ Pangaea จะเริ่มทดสอบรุ่นเบต้าในเดือนเมษายน
ถ้าหากใครได้ติดตามข่าวไอทีจากเว็บไซต์ต่างประเทศมาในช่วง 10 ปีให้หลัง ก็น่าจะรู้จักกับเว็บไซต์อย่าง Gigaom ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ก่อตั้งโดย Om Malik และมีชื่อเสียงค่อนข้างมากพอสมควร แต่ทว่าผ่านมาวันนี้ ก็ถึงเวลาอวสานของเว็บไซต์ดังกล่าวเนื่องจากไม่สามารถจ่ายเงินเจ้าหนี้ได้
ทั้งนี้ Malik เผยว่า นับจากนี้ทรัพย์สินต่าง ๆ ของบริษัทจะไปอยู่ในมือของเจ้าหนี้ (ซึ่งก่อนหน้านี้ประมาณปีกว่า ๆ Malik ได้พักงานที่ Gigaom เพื่อไปเป็นหุ้นส่วนของบริษัทลงทุน True Venture) และเมื่อช่วงปีที่แล้วก็เพิ่งได้รับเงินทุนมาเพิ่มเติมอีก 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ถือเป็นการปิดตำนานเว็บไซต์ไอทีชื่อดังที่ไม่ค่อยสวยเท่าไรนะครับ
ที่ผ่านมา บริการดูหนังออนไลน์ Netflix ยังเปิดบริการเฉพาะในอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกเท่านั้น แต่ล่าสุดบริษัทก็ประกาศแผนการขยายตลาดในขั้นต่อไปดังนี้
ที่มา - Netflix