แอปเปิลเริ่มขยายบริการวิทยุออนไลน์ iTunes Radio ที่เปิดตัวช่วงกลางปีที่แล้ว และยังจำกัดเฉพาะลูกค้าในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น มายังประเทศนอกสหรัฐกับเขาบ้างแล้ว
ประเทศแรกที่จะได้ใช้ iTunes Radio คือออสเตรเลีย รูปแบบของบริการทั้งหมดยังเหมือนเดิมคือเป็นบริการฟรีที่ใช้ได้บนอุปกรณ์ของแอปเปิลทุกตัว และหารายได้จากการโฆษณา
สำหรับลูกค้าที่ไม่อยากฟังโฆษณาก็สามารถซื้อบริการ iTunes Match ปีละ 34.99 ดอลลาร์ออสเตรเลียได้
ส่วนลูกค้าในประเทศอื่นๆ ก็คงต้องรอกันอีกสักระยะหนึ่งเหมือนที่แล้วๆ มาครับ
ที่มา - Apple
ช่วงนี้โซนี่กำลังปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยประกาศข่าวเรื่องขายธุรกิจพีซีและปรับโครงสร้างธุรกิจทีวีไปแล้ว ล่าสุดเป็นธุรกิจด้านอีบุ๊กที่บริษัททำมานานแต่ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก
ล่าสุดโซนี่ประกาศปิดกิจการร้านขายอีบุ๊ก Sony Reader Store สำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาแล้ว มีผลวันที่ 20 มีนาคม 2014 เป็นต้นไป และโซนี่จะโอนถ่ายลูกค้าอีบุ๊กของตัวเองให้กับ Kobo ผู้ขายอีบุ๊กอีกรายหนึ่งดูแลแทน
การปิดกิจการ Reader Store จะมีผลทั้งบนเครื่องอ่านอีบุ๊ก Sony Reader และอุปกรณ์พกพาตระกูล Xperia โดยในอนาคตโซนี่จะพรีโหลดแอพ Kobo Reader ในอุปกรณ์สาย Xperia ด้วย
Flipboard โชว์อินเทอร์เฟซใหม่ของหน้า "รวมข่าวเด่น" หรือ Cover Stories จากของเดิมที่แสดงภาพข่าวเป็น thumbnail ปกติ ก็เพิ่ม "หมวดข่าว" พร้อมหัวข่าวเด่นในหมวดนั้นๆ เข้ามาในฝั่งขวามือของหน้าจอ (ดูภาพประกอบท้ายข่าว)
หมวดข่าวของ Flipboard สามารถแยกได้ตามแหล่งข่าว เครือข่ายสังคม และประเด็นข่าว ซึ่งจุดเด่นของมันคือการจัดกลุ่มข่าวแยกตามประเด็นโดยอัตโนมัติ ที่ Flipboard สามารถเรียนรู้ได้เองว่าผู้อ่านแต่ละคนชอบข่าวในหัวข้อใดบ้าง (Flipboard ใช้เทคโนโลยีจากบริษัท Ellerdale ที่ซื้อมาเมื่อหลายปีก่อน)
Flipboard ประกาศว่าจะนำเทคโนโลยีด้านการแยกแยะและจัดหมวดข่าวไปใช้กับเซคชั่นอื่นๆ เช่น นิตยสาร The Weekend ของบริษัทเอง ก็จะจัดกลุ่มเนื้อหาอัตโนมัติในลักษณะนี้มากขึ้น
การใช้อุปกรณ์พกพาในสนามกีฬาหรืองานคอนเสิร์ตมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ และเราก็ได้ยินปัญหา "เน็ตไม่วิ่ง" "โทรไม่ติด" ในพื้นที่ที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมากอยู่บ่อยครั้ง
การแข่งกีฬานัดสำคัญอย่างอเมริกันฟุตบอล NFL นัดชิงชนะเลิศ (ที่เรียกกันว่าซูเปอร์โบล์ว) ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ที่สนาม MetLife Stadium ในนิวยอร์ก ก็พยายามรักษาคุณภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย (ทั้ง cellular และ Wi-Fi) โดยไม่ให้ผู้ชมในสนาม (ที่สามารถชมการแข่งขันด้วยตัวเองอยู่แล้ว) ดูวิดีโอการแข่งขันแบบสดๆ ผ่านเน็ต
ปกติแล้ว การส่งภาพยนตร์ไปฉายตามโรงจะใช้วิธีส่งม้วนฟิล์มขนาด 35 มิลลิเมตรไปเข้าเครื่องฉายที่โรง แต่ในโลกยุคดิจิทัลเราก็เห็นโรงภาพยนตร์ที่ใช้เครื่องฉายดิจิทัล (เปิดแผ่นหรือเล่นจากไฟล์ที่ส่งผ่านดาวเทียม) มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแนวโน้มในอนาคตก็ชัดเจนว่าคงเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัลทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่าต้นทุนถูกกว่า บริหารจัดการง่ายกว่า
ค่ายหนัง Paramount Pictures เป็นสตูดิโอรายแรกที่ออกมาประกาศว่าจะหยุดใช้วิธีฉายหนังผ่านฟิล์มแบบดั้งเดิม (ตามข่าวบอกว่าเฉพาะโรงหนังในสหรัฐ) และเตรียมเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัลทั้งหมด โดยภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของบริษัทที่ยังใช้วิธีส่งฟิล์มคือ Anchorman 2 ซึ่งเริ่มฉายเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
เมืองไทยยังซื้อไม่ได้แต่เป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของกูเกิลครับ ล่าสุดกูเกิลขยับขยายเอาร้าน Google Play ส่วนของภาพยนตร์และรายการทีวี (Google Play Movies & TV) มาเป็นแอพเฉพาะบน iOS แล้ว จากเดิมที่มีแต่ Google Play Books และ Music เพียงแค่สองอย่าง
เท่านั้นยังไม่พอ ผู้ที่มี Chromecast ยังสามารถสั่งเล่นภาพยนตร์หรือรายการทีวีจากแอพ Google Play Movies & TV เวอร์ชันบน iOS ได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้คนที่ซื้อสื่อดิจิทัลจากเครือกูเกิลได้มาก เพราะเรียกใช้ได้จากทั้งอุปกรณ์ iOS และ Android
ยาฮูเปิดตัว Yahoo Tech เว็บข่าวและเนื้อหาด้านไอทีแห่งใหม่ โดยดึงเอา David Pogue อดีตคอลัมนิสต์ชื่อดังของหนังสือพิมพ์ The New York Times มาเป็นหัวหน้าทีม (ใครอ่านข่าวแอปเปิลบ่อยๆ น่าจะคุ้นกับชื่อของ Pogue)
Pogue ประกาศว่า Yahoo Tech จะเป็นเว็บไอทีอ่านเข้าใจง่ายสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที และตั้งใจจับกลุ่มผู้อ่านที่อยากซื้อสินค้าไอทีมาเพื่อใช้งานจริง คุ้มค่าเงิน ไม่สนใจความแรงของสเปกหรือข้อมูลทางเทคนิคที่ซับซ้อน
Nielsen SoundScan หน่วยวิเคราะห์ด้านอุตสาหกรรมดนตรีของ Nielsen ให้ข้อมูลว่ายอดขายเพลงดิจิทัลในปี 2013 มีจำนวนเพลงลดลง 5.7% จากปี 2012 (ขายได้ 1.26 พันล้านเพลง) ส่วนยอดขายแบบทั้งอัลบั้มก็ลดลงเล็กน้อย 0.1% จากปีก่อน
สถิตินี้ถือเป็นครั้งแรกที่ธุรกิจขายเพลงออนไลน์หดตัวลง ส่วนเหตุผลก็ไม่น่าแปลกใจครับ เพราะว่าธุรกิจเพลงออนไลน์เริ่มเปลี่ยนจากการขายขาดเป็นเพลงๆ หรืออัลบั้ม มาเป็นการจ่ายเหมาเพื่อฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งเป็นรายเดือนแทน (SoundScan ยังไม่ประกาศสถิติของธุรกิจเพลงแบบสตรีมมิ่ง)
ถ้ายังจำกันได้ อินเทลมีโครงการใหญ่ชื่อ OnCue ที่ตั้งใจทำแพลตฟอร์มทีวียุคใหม่ แต่สุดท้ายก็มีข่าวลือออกมาว่าแท้งก่อนคลอด และเตรียมขายให้ Verizon
ล่าสุด Brian Krzanich ซีอีโอของอินเทลออกมายอมรับว่าล้มแผนนี้จริง โดยเขาอธิบายว่าตัวฮาร์ดแวร์ อินเทอร์เฟซ และแนวคิดเรื่องการดูดรายการทีวีทุกรายการเก็บไว้ 3 วันนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่สุดท้ายแล้วธุรกิจทีวีตัดสินกันที่รายการที่จะนำมาฉาย ซึ่งอินเทลไม่มีประสบการณ์ในธุรกิจนี้ การเจรจากับเจ้าของรายการทีวีจำเป็นต้องการันตียอดผู้ชมจำนวนมาก (อินเทลยังไม่มีผู้ชมแม้แต่รายเดียว) ทำให้สุดท้ายอินเทลต้องมองหาพาร์ทเนอร์รายอื่นให้มาช่วยตรงนี้แทน
เชื่อว่าหลายคนต่างก็รู้จักเว็บไซต์ข่าวชื่อดังอย่าง AllThingsD เว็บไซต์ในเครือของ Wall Street Journal ของกลุ่มดาวโจนส์ ภายหลังจากที่เปิดตัวเว็บไซต์นี้ในปี 2007 (Wikipedia)
สำนักพิมพ์ Packt เป็นสำนักพิมพ์เกี่ยวกับหนังสือด้าน IT ได้จัดช่วงเทศกาล eBook Bonanza ขึ้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2557 ซึ่งเป็นการนำ eBook ทุกเล่มของสำนักพิมพ์มาลดราคาเหลือ $5 หรือประมาณ 160 บาทเท่านั้น! โดย eBook จะสามารถดาวน์โหลดได้หลายรูปแบบ เช่น .epub, .mobi หรือ .pdf และสามารถอ่านผ่านเว็บของ Packt ได้
นอกจาก eBook แล้ว ก็ยังมีส่วนของ video ที่ถูกนำมาลดราคาด้วยเช่นกัน
ที่มา - สำนักพิมพ์ Packt
Nancy Tellem ผู้บริหารกิจการบันเทิงของไมโครซอฟท์ออกมายืนยันกับเว็บไซต์ Variety ว่าแผนการสร้างซีรีส์-รายการทีวีเพื่อฉายผ่านทาง Xbox LIVE (ทั้ง 360/One) จะเสร็จสมบูรณ์ช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า หรืออย่างช้าก็คือไตรมาสที่สอง
ไมโครซอฟท์เคยประกาศทำซีรีส์ Halo โดยมี Steven Spielberg นั่งเป็นโปรดิวเซอร์มาก่อนแล้ว แต่นอกจากนั้นก็ยังมีแผนทำซีรีส์หรือรายการอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
Tellem อธิบายว่าแผนการด้านสื่อดิจิทัลบน Xbox LIVE นั้นต่างไปจาก Netflix และ Amazon ซึ่งแนวคิดที่ต่างออกไปทำให้สตูดิโอภาพยนตร์ในฮอลลีวู้ดยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าไมโครซอฟท์ต้องการอะไร และยังนึกไม่ออกว่าควรสร้างซีรีส์แบบไหนมาฉายบน Xbox LIVE ซึ่งก็เป็นการบ้านของไมโครซอฟท์ต่อไป
ปัจจุบัน Xbox LIVE มีสมาชิก 48 ล้านคน
โฆษกของไมโครซอฟท์ออกมายืนยันกับทางเว็บไซต์ VG247 ว่าไมโครซอฟท์ได้ปรับเพิ่มราคาค่าเกมแบบดิจิทัลที่ขายเฉพาะ Xbox One อันได้แก่ Dead Rising 3, Forza Motorsport 5 และ Ryse: Son of Rome ในสหราชอาณาจักร จากเดิมที่ขายอยู่ที่ 44.99 ปอนด์ เป็น 49.99 ปอนด์
ทั้งนี้โฆษกของทางไมโครซอฟท์ระบุว่า สาเหตุของการปรับขึ้นราคาค่าเกมแบบดิจิทัลนั้นเป็นเพราะว่าช่วงก่อนหน้านี้เป็นช่วงโปรโมชั่นในช่วงการเริ่มต้นวางจำหน่ายเครื่องเล่นเกม Xbox One อย่างเป็นทางการ และราคาค่าเกมอาจจะแตกต่างตามภูมิภาคที่วางจำหน่าย
หน่วยธุรกิจสิ่งพิมพ์ดิจิทัล Nook ในเครือ Barnes & Noble ยังประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง (เพราะแข่งกับ Amazon ไม่ค่อยได้) โดยรายได้ในไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ 2014 อยู่ที่ 109 ล้านดอลลาร์ ลดลงมาจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 32.2%
ถ้านับเฉพาะรายได้จากการขายสื่อดิจิทัลอยู่ที่ 57 ล้านดอลลาร์ ลดลง 21.2% จากปีก่อน ซึ่ง Nook ก็ยอมรับว่ามีจำนวนยอดขายลดลง ส่วนรายได้จากการขายเครื่องอ่านอีบุ๊กอยู่ที่ 51 ล้านดอลลาร์ ลดลง 41.3% จากปีก่อน ด้วยเหตุผลเรื่องยอดขายและราคาเครื่องที่ลดลง
หักลบต้นทุนแล้ว ไตรมาสล่าสุดนี้ Nook ขาดทุน 6 ล้านดอลลาร์ ถือว่าดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนไป 45 ล้านดอลลาร์
กูเกิลออกแอพอ่านข่าว-นิตยสารตัวใหม่ชื่อ Google Play Newsstand โดยยุบรวมแอพอ่านข่าวเดิม 2 ตัวคือ Google Currents และ Google Play Magazines เข้ามาด้วยกันเป็นตัวเดียว
Google Play Newsstand จะอ่านข่าวหรือเนื้อหาได้จาก 4 แหล่งคือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร บล็อก และเว็บไซต์ข่าวต่างๆ โดยมีทั้งแบบอ่านฟรีและเสียเงิน กูเกิลให้ข้อมูลว่ามีแหล่งข้อมูลมากกว่า 1,900 รายการแล้ว
แพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ Medium ของสองผู้สร้าง Twitter ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจำกัดกลุ่มผู้ใช้งานที่สามารถโพสต์เนื้อหาได้ (แต่ทุกคนเข้าไปอ่านได้) ตอนนี้เปิดให้ผู้ใช้คนโพสต์ได้แล้ว
ผู้ใช้งานต้องล็อกอินด้วยบัญชี Twitter และส่งคำขอโพสต์เนื้อหาโดยใช้อีเมลในการยืนยันตัวตน ก็สามารถโพสต์เนื้อหาเข้าไปใน Medium ได้ ปัจจุบันระบบรองรับการโพสต์ผ่านเบราเซอร์ Chrome, Firefox และ Safari เท่านั้น เบราเซอร์อื่นตลอดจนการโพสต์ผ่านมือถือยังไม่สามารถใช้งานได้
หนังสือพิมพ์อายุเก่าแก่กว่าร้อยปี The Washington Post ประกาศว่าบอร์ดบริหารมีมติให้ขายธุรกิจหนังสือพิมพ์แก่ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโออเมซอน ที่มูลค่า 250 ล้านดอลลาร์ โดยธุรกิจที่มีการซื้อ-ขายในดีลนี้ประกอบด้วยสื่อสิ่งพิมพ์อย่าง The Washington Post, El Tiempo Latino, The Express และ The Gazette แต่ไม่รวมนิตยสาร Slate, Foreign Policy และ TheRoot.com ตลอดจนไม่รวมธุรกิจที่ไม่ใช่สื่ออย่าง Kaplan หรือเคเบิ้ลทีวี
จำนวนเวลาที่คนสหรัฐอเมริกาใช้ในการบริโภคสื่อดิจิทัลเริ่มมากกว่าเวลาที่คนใช้สำหรับการดูโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในปีนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านจากสื่อยุคดั้งเดิม
จากการประมาณการโดยบริษัทวิเคราะห์ eMarketer ใน 1 วัน ผู้ใหญ่จะใช้เวลาโดยเฉลี่ย 5 ชั่วโมงกับอีก 9 นาทีออนไลน์หรือบริโภคสื่อดิจิทัลประเภทต่างๆ เพิ่มขึ้น 16 เปอร์เซนต์จากปีที่แล้ว ในขณะที่เวลาที่ดูโทรทัศน์โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ชั่วโมง 31 นาที
นอกจากนี้ อุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตก็จะแทนที่การใช้คอมพิวเตอร์ในการเป็นหนทางหลักสำหรับการบริโภคสื่อดิจิทัล เวลาเฉลี่ยที่คนใช้มือถือเข้าเว็บเพิ่มเป็น 2 ชั่วโมง 21 นาที เพิ่มจากปีที่แล้วถึง 51 เปอร์เซนต์
นิตยสารคอมพิวเตอร์ชื่อดัง PC World ประกาศหยุดพิมพ์ฉบับกระดาษแล้ว (หลังขายมาเกือบ 30 ปี) โดยนิตยสารฉบับเดือนสิงหาคม 2013 จะเป็นฉบับสุดท้าย หลังจากนี้จะเน้นไปที่สื่อดิจิทัลเพียงอย่างเดียว
นิตยสาร PC World (ฉบับอเมริกา) เป็นของบริษัท IDG โดยปัจจุบันมียอดสมาชิก 339,000 ราย การหยุดพิมพ์ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจทางยุทธศาสตร์ ไม่มีพนักงานถูกปลดเพราะย้ายไปทำฉบับดิจิทัลแทนทั้งหมด
สื่อในเครือ IDG ฉบับอื่นๆ อย่าง Macworld ยังพิมพ์นิตยสารฉบับกระดาษต่อไป และข่าวนี้ไม่รวมถึงนิตยสาร PC World ในประเทศอื่นที่เจ้าของเป็นคนละบริษัทกัน (แต่ใช้วิธีซื้อสิทธิ์หัวหนังสือไปทำต่อ)
ลือกันมานานหลายรอบ ในที่สุด YouTube ก็เปิดบริการช่องแบบเสียเงิน (paid channel) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ช่องแบบเสียเงินจะคิดค่าสมาชิกเป็นรายเดือน เริ่มต้นที่ 0.99 ดอลลาร์ต่อเดือน (บางช่องอาจแพงกว่านั้น เช่น 3.99 หรือ 5.99 ดอลลาร์ต่อเดือน) มีราคาพิเศษถ้าสมัครเป็นรายปี และไม่มีโฆษณาใดๆ มารบกวน การสมัครสมาชิกทำเพียงครั้งเดียวบนพีซีแล้วดูได้บนอุปกรณ์ทุกตัวที่รองรับ ในอนาคตจะสามารถกดสมัครสมาชิกได้จากอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่พีซีด้วย
เว็บไซต์ TechCrunch ได้เอกสารหลุดภายในของไมโครซอฟท์ที่ระบุว่า ไมโครซอฟท์เตรียมซื้อหุ้นทั้งหมดใน Nook Media มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์
Nook Media เป็นบริษัทร่วมทุนของไมโครซอฟท์และ Barnes & Noble โดยแยกส่วนธุรกิจออกมาจาก Barnes & Noble เดิม ไมโครซอฟท์ลงทุนไปแล้ว 300 ล้านดอลลาร์เพื่อแลกกับหุ้น 17.6% ใน Nook Media และหลังจากนั้นสำนักพิมพ์ Pearson ก็เข้ามาถือหุ้นอีกรายหนึ่ง (สรุปคือตอนนี้ไมโครซอฟท์ถือหุ้นอยู่ 16.8%)
Reggie Fils-Aime ผู้บริหารของนินเทนโดให้สัมภาษณ์หลังงานเปิดตัวเกมใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ายอดขายเกมผ่านระบบดาวน์โหลด (digital distribution) เติบโตขึ้นอย่างมาก
ตอนนี้นินเทนโดมีเกม 15 เกมที่ขายทั้งแบบแผ่นและแบบดาวน์โหลด ซึ่งยอดขายของแบบดาวน์โหลดคิดเป็นสัดส่วน 11% แล้ว และบางเกมอย่าง Fire Emblem Awakening มีสัดส่วนการดาวน์โหลดสูงถึง 1 ใน 3
เขายังพูดถึงยอดขายของ 3DS ว่ายอดขายเกมแบบแผ่นในสหรัฐจะแตะหลัก 20 ล้านแผ่นในสัปดาห์นี้ ส่วนยอดขายเครื่องในสหรัฐอยู่ที่ 8 ล้านเครื่อง มากกว่า DS ที่ใช้เวลาขายเท่ากันอยู่ 1 ล้านเครื่อง
โลกกำลังหมุนสู่ตลาดเพลงออนไลน์แบบสตรีมมิ่ง แต่การขายเพลงแบบเป็นไฟล์ (ที่แอปเปิลเป็นผู้นำตลาดด้วย iTunes Store) ก็ยังเติบโตอยู่
NPD เผยผลสำรวจข้อมูลผู้บริโภคต่อตลาดเพลงดิจิทัลในสหรัฐ (กลุ่มตัวอย่าง 13,000 ราย) พบว่าอัตราการจ่ายเงินซื้อเพลงเฉลี่ยของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผู้นำตลาดยังเป็นแอปเปิลที่ 63% ส่วน Amazon MP3 มีส่วนแบ่งตลาด 22% แล้ว
ตัวเลขส่วนแบ่งตลาดของ Amazon ถือว่าเติบโตขึ้นเรื่อยๆ นับจากปี 2008 ที่ 7% จนมาเป็น 22% ในปีนี้ ส่วนแอปเปิลเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 69% ในปี 2009 ปัจจุบันตกลงมาบางส่วนที่ 63%
มีคนไปพบโค้ดบนเว็บ Google Play กล่าวถึงบริการใหม่ชื่อ Google Play News ซึ่งน่าจะเป็นบริการสมัครสมาชิกหนังสือพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ของกูเกิล
Google Play ขายอีบุ๊กและนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์อยู่ก่อนแล้ว คาดว่าบริการนี้จะตั้งเป้ามาแข่งขันกับ Newsstand ของฝั่งแอปเปิลที่เปิดตัวมานานพอสมควร และมีฐานสมาชิกเป็นจำนวนมาก
ตอนนี้เรายังไม่มีข้อมูลว่ากูเกิลจะเชื่อม Google Play News เข้ากับบริการใกล้เคียงกันอย่าง Google News และ Google Current หรือไม่
ที่มา - The Next Web
จากปัญหาของเกม SimCity ภาคล่าสุด จนผู้เล่นจำนวนมากไม่พอใจและเรียกร้องขอคืนเงินค่าเกม
ทาง EA ก็ออกมาให้ข้อมูลผ่าน Twitter @OriginInsider แล้วว่า เกม SimCity ที่ซื้อแบบดิจิทัลดาวน์โหลดผ่านร้าน Origin นั้นไม่มีนโยบายคืนเงินให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นนโยบายที่ EA ปฏิบัติกับเกมบน Origin ทุกเกมอยู่แล้ว
ตัวแทนของ Origin ให้สัมภาษณ์ว่าการคืนเงินจะเกิดได้ในกรณีพิเศษจริงๆ และกรณีเซิร์ฟเวอร์ SimCity ล่มนั้นไม่เข้าข่ายแต่อย่างใด นอกจากนี้ Origin ยังปฏิเสธข่าวลือว่าลูกค้าที่ขอคืนเงินจะถูกแบนว่าไม่เป็นความจริงเลย
ส่วนปัญหาเซิร์ฟเวอร์ตอนนี้ทีมงาน Maxis ผู้พัฒนาเกม SimCity กำลังรีบแก้ไขอยู่