Javier Soltero อดีตผู้บริหารหัวหน้าทีม Outlook ของไมโครซอฟท์ ประกาศเข้าทำงานกับกูเกิลในฐานะหัวหน้าทีม G Suite ซึ่งถือเป็นการย้ายงานแบบข้ามค่ายที่เป็นคู่แข่งกันโดยตรง
ประวัติของ Javier Soltero เองก็ถือว่าน่าสนใจ เขาเคยทำงานกับบริษัทไอทีมาหลายแห่ง (เช่น Netscape) และเคยก่อตั้งสตาร์ตอัพแล้วขายกิจการมา 2 รอบ รอบแรกคือบริษัท Hypernic ควบกิจการกับ SpringSource ก่อนขายให้ VMware ในปี 2009 หลังจากนั้นเขาออกมาตั้งบริษัทใหม่ Accompli ทำแอพอีเมลบนมือถือ แล้วถูกไมโครซอฟท์ซื้อกิจการในปี 2014 เพื่อนำ Accompli มาทำเป็น Outlook for Android
รูปแบบการโจมตีในยุคหลังซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มเห็นการโจมตีในระดับชั้นที่ต่ำกว่า OS นั่นคือไปที่เฟิร์มแวร์โดยตรง ทำให้ OS ที่บูตขึ้นมาไม่สามารถตรวจจับได้ว่าโดนดักข้อมูลอยู่
ในโลกของฮาร์ดแวร์เซิร์ฟเวอร์ เราเริ่มเห็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์บางราย (เช่น Dell หรือ HPE) เพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยที่ระดับของฮาร์ดแวร์ (hardware root of trust) บางครั้งอาจไปถึงขั้น กูเกิลออกแบบชิปความปลอดภัย Titan ขึ้นมาใหม่ทั้งตัวเพื่อป้องกันการโจมตีเฟิร์มแวร์ลักษณะนี้
ล่าสุดแนวคิดนี้มาถึงโลกของพีซีแล้ว โดยไมโครซอฟท์เป็นผู้มาผลักดันด้วยตัวเอง และใช้ชื่อเรียกว่า Secured-core PC
แนวโน้มการรันซอฟต์แวร์องค์กรแบบ on premise เริ่มลดลงเรื่อยๆ เมื่อองค์กรเริ่มหันมาใช้ public cloud สำหรับโครงการใหม่ๆ ที่เริ่มทำในยุคหลัง
SAP เป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ ERP รายใหญ่ที่เติบโตมากับยุค on premise ก็เริ่มปรับตัวเช่นกัน เมื่อกลางปีนี้ SAP ประกาศโครงการ Project Embrace ที่จับมือกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ทั้ง 3 รายคือ AWS, Azure, Google Cloud เพื่อผลักดันการย้ายลูกค้า SAP S/4HANA ซอฟต์แวร์ ERP ตัวหลักของบริษัทขึ้นคลาวด์
ล่าสุด SAP แถลงความร่วมมือใน Project Embrace กับไมโครซอฟท์ เพื่อส่งเสริมให้ลูกค้า SAP S/4HANA ย้ายมาอยู่บน Azure
เทรนด์ของโลกคลาวด์ในช่วงหลัง หมุนมาในทาง hybrid cloud หรือการใช้คลาวด์ผสมผสานกันทั้ง public cloud และ private cloud ขององค์กรเอง เราเห็นผู้ให้บริการ public cloud ยอมปล่อยซอฟต์แวร์ของตัวเองมารันบน private cloud กันมากขึ้น เช่น Azure Stack ของไมโครซอฟท์
ล่าสุด AWS ประกาศเปิดบริการฐานข้อมูล Relational Database Service (Amazon RDS) เวอร์ชันรันแบบ on premise บนคลัสเตอร์ VMware แล้ว
Amazon กับ Oracle กลายเป็นคู่กัดคู่ใหม่ของวงการไอที เหตุเพราะบริการด้านคลาวด์กลายเป็นคู่แข่งกัน ฝั่งของ Amazon ก็พยายาม เลิกใช้ฐานข้อมูล Oracle สำหรับงานในบริษัท
วันนี้ Amazon ประกาศว่าย้ายฐานข้อมูลของตัวเองออกจาก Oracle อย่างสมบูรณ์แล้ว (ยกเว้นซอฟต์แวร์ 3rd party บางตัวที่บังคับใช้ Oracle เท่านั้น)
หลายคนอาจสงสัยว่า Amazon ย้ายไปใช้ฐานข้อมูลอะไรแทน คำตอบคือย้ายไปใช้ฐานข้อมูลในเครือ AWS ทั้งหมด ขึ้นกับรูปแบบงาน ตั้งแต่ DynamoDB (NoSQL), Aurora (Relational เวอร์ชันทำเอง), Amazon RDS (MySQL/PostgreSQL เวอร์ชันคลาวด์) และ Amazon Redshift (data warehouse)
นอกจาก โน้ตบุ๊ก Pixel Go กูเกิลยังเปิดตัว Pixelbook Go Enterprise เวอร์ชันสำหรับลูกค้าองค์กรมาแบบเงียบๆ ด้วยอีกตัว (ไม่ขึ้นเวทีแถลง แต่ประกาศผ่านบล็อก)
สเปกและหน้าตาของ Pixelbook Go Enterprise เหมือนกับ Pixel Go รุ่นปกติทุกประการ จุดต่างมีเพียงเรื่องซอฟต์แวร์ที่มีฟีเจอร์ Chrome Enterprise สำหรับการจัดการจากระยะไกลของแอดมินเท่านั้น
ปกติแล้วกูเกิลขายไลเซนส์ Chrome Enterprise แยกต่างหาก แต่ Pixelbook Go Enterprise รวมไลเซนส์มาให้เลย เช่นเดียวกับ Chromebook Enterprise ยี่ห้ออื่นๆ เช่น Dell หรือ HP
HP เปิดตัว HP Chromebox Enterprise G2 คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กติดตั้งระบบปฏิบัติการ Chrome OS สำหรับพนักงานหน้าร้าน, call center, ตู้ kiosk, Co-working space หรือแม้แต่ป้ายโฆษณาดิจิทัลก็สามารถนำไปใช้งานได้
ขนาดตัว HP Chromebox นั้นถูกออกแบบให้เล็กจึงติดตั้งหลังหน้าจอได้ด้วยแท่นยึดทำให้กินพื้นที่ติดตั้งน้อย ส่วนสเปคของ HP Chromebox Enterprise G2 จะมีดังนี้:
ใช้คลาวด์บน data center ของคุณเอง ขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว จ่ายตามการใช้งานจริงเป็นรายเดือนกับโซลูชัน Private Cloud in A Box จากยิบอินซอย ผสานที่สุดของซอฟต์แวร์จาก VMware และฮาร์ดแวร์จาก HPE
เราเห็น Ryzen ซีรีส์ 3000 วางขายในตลาดคอนซูเมอร์มาได้สักระยะ ตอนนี้ได้เวลาของ Ryzen Pro ซีรีส์ 3000 สำหรับลูกค้าฝั่งธุรกิจกันบ้าง ซึ่งก็แน่นอนว่าใช้สถาปัตยกรรม Zen 2 ตัวเดียวกับ Ryzen 3000 ฝั่งคอนซูเมอร์ทุกประการ แต่เพิ่มฟีเจอร์สำหรับลูกค้าฝั่งธุรกิจ เช่น การรักษาความปลอดภัยและการจัดการจากระยะไกล เข้ามา
AMD เปิดตัว Ryzen Pro 3000 ที่เป็นซีพียูสำหรับเดสก์ท็อปมาทั้งหมด 7 รุ่น แบ่งเป็น Ryzen Pro กลุ่มที่ไม่มีจีพียูมาด้วย 3 รุ่น ทุกตัวเป็น TDP 65 วัตต์
Windows Virtual Desktop บริการเดสก์ท็อปเสมือน virtual desktop infrastructure (VDI) ที่ไมโครซอฟท์ทำเองและรันบน Azure เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน 2018 และเปิดให้คนทั่วไปทดสอบในเดือนมีนาคม 2019 ออกตัวจริง มีสถานะเป็น generally available (GA)
ลูกค้าองค์กรสามารถรันเดสก์ท็อป Windows บนคลาวด์ Azure ของไมโครซอฟท์โดยไม่จำเป็นต้องมีพีซีด้วยซ้ำ เพราะไมโครซอฟท์ประกาศออกไคลเอนต์ให้ทั้งบน Windows, Android, Mac, iOS, HTML5 เพื่อล็อกอินเข้ามาใช้งานเดสก์ท็อปได้
ไมโครซอฟท์ประกาศเปิดบริการ Azure Sentinel ซึ่งเป็นบริการจัดการข้อมูลและเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย (ในวงการมีชื่อเรียกว่า security information and event management หรือตัวย่อ SIEM)
SIEM เป็นระบบวิเคราะห์ไฟล์ล็อกและข้อมูลอื่นๆ แบบเรียลไทม์ เพื่อตรวจจับว่าเกิดการโจมตีหรือมีข้อมูลรั่วออกไปหรือไม่ องค์กรจะได้มีเวลารับมืออย่างทันท่วงที ในตลาดเองมีผลิตภัณฑ์ SIEM หลายตัว ที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น LogRythm, Splunk, ArcSight หรือ RSA NetWitness
เราเห็นข่าว VMware ไล่จับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ๆ เพื่อนำแพลตฟอร์ม VMware Cloud Foundation ของตัวเองไปรันบนเครื่องของผู้ให้บริการเหล่านี้ เริ่มตั้งแต่ AWS, Azure และรายล่าสุดก่อนหน้านี้คือ Google Cloud Platform
ในงาน Oracle OpenWorld เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว VMware ก็ประกาศความร่วมมือแบบเดียวกันกับ Oracle Cloud Infrastructure ช่วยให้ลูกค้าสามารถย้ายงานจาก VMware vSphere ที่รันแบบ on-premise ไปรันบนคลาวด์ของ Oracle ได้ทันที
ในงาน HUAWEI CONNECT 2019 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Huawei เปิดตัวคอมพิวเตอร์สำหรับเทรน AI ชื่อว่า Atlas โดยมีจุดเด่นที่การใช้หน่วยประมวลผล AI ของตัวเองชื่อ Huawei Ascend (ชื่อเหมือนกับชื่อเดิมของมือถือตระกูล Ascend Mate/P ที่ภายหลังตัดคำว่า Ascend ออก)
Ascend ถือเป็นหนึ่งในหน่วยประมวลผลของ Huawei ตามยุทธศาตร์สร้างชิปเองทุกระดับชั้น ตอนนี้ Huawei มีหน่วยประมวลผลทั้งหมด 4 แบรนด์คือ Kunpeng ซีพียูสำหรับงานทั่วไป, Ascend สำหรับงาน AI, Kirin สำหรับสมาร์ทโฟน และ Honghu สำหรับอุปกรณ์กลุ่มมีจอภาพ (smart screen)
เมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว เราเห็นอดีตคู่กัดตลอดกาล Oracle/Microsoft ประกาศจับมือเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์ ล่าสุดทั้งสองบริษัทขยายความร่วมมือกันไปอีกขั้น โดยบริการแชทองค์กร Microsoft Teams จะเชื่อมต่อกับผู้ช่วยส่วนตัว Oracle Digital Assistants
Oracle Digital Assistants เป็นบริการสำหรับสร้างผู้ช่วยส่วนตัว/แช็ทบ็อตสำหรับองค์กร โดยองค์กรสามารถเชื่อมระบบ ERP/CRM ของตัวเองเข้ากับ Digital Assistants เพื่อให้บริการลูกค้าผ่านแอพแชทยอดนิยมอย่าง Facebook Messenger, WeChat, Slack รวมถึงลำโพงอัจฉริยะอย่าง Amazon Echo, Google Home, Apple HomePod
ไมโครซอฟท์ประกาศต่ออายุเซิร์ฟเวอร์อีเมล Exchange Server 2010 ไปอีก 9 เดือน ด้วยเหตุผลว่าลูกค้าหลายกลุ่มยังไม่พร้อมเปลี่ยน
Microsoft Exchange Server 2010 ออกตัวจริงในปี 2009 และจะหมดอายุในวันที่ 14 มกราคม 2020 (พร้อมกับ Windows 7 และ Windows Server 2008/2008 R2) โดยไมโครซอฟท์จะขยายวันหมดอายุเป็น 13 ตุลาคม 2020 แทน
วันที่ 13 ตุลาคม 2020 เป็นเส้นตายสุดท้ายที่ไมโครซอฟท์จะไม่ออกแพตช์ใดๆ ให้อีกแล้ว ผู้ใช้ต้องรับความเสี่ยงหากถูกโจมตีกันเอง
IBM ประกาศเปิดตัว z15 เป็นสินค้าชิ้นใหม่ในไลน์คอมพิวเตอร์เมนเฟรม IBM Z โดยตัวเครื่องสามารถประมวลผลงาน web transaction ได้สูงสุดถึง 1 ล้านล้านครั้งต่อวัน รองรับการรันฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และรันลินุกซ์คอนเทนเนอร์ได้สูงสุดถึง 2.4 ล้านคอนเทนเนอร์
ตัวเครื่องเมนเฟรมจะอยู่ในตู้แร็คขนาด 19 นิ้ว มีเมนเฟรม 1-4 เครื่องรวมกันเป็น 1 ระบบ ซึ่งตัวเครื่องนี้เล็กกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง z14 ทำให้ผู้ใช้ประหยัดพื้นที่กว่ารุ่นเดิม 50% และประหยัดไฟกว่าเดิม 10% โดยสเปคของตัวเครื่องเมื่อเทียบกับ z14 แล้ว มีจำนวนคอร์ซีพียูมากกว่า 12% และเมมโมรี่มากกว่า 25% ซึ่ง IBM ระบุว่าเมนเฟรมนี้ใช้เวลาพัฒนาต่อเนื่องกว่า 4 ปี และมีสิทธิบัตรในกลุ่ม IBM Z กว่า 3,000 รายการ
Atlassian บริษัทเจ้าของซอฟต์แวร์ด้านการทำงานเป็นทีม-การพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อดังๆ หลายตัวอย่าง Jira, Confluence, Trello, Bitbucket ประกาศปรับแพ็กเกจบริการของตัวเองใหม่ โดยเพิ่ม free tier สำหรับบริการบางตัวอย่าง Jira และ Confluence ด้วย
ก่อนหน้านี้ Atlassian มีแพ็กเกจฟรีเฉพาะซอฟต์แวร์บางตัว เช่น Trello หรือ Bitbucket แต่ล่าสุดได้ขยายแพ็กเกจฟรีเพิ่มมายังซอฟต์แวร์อีก 4 ตัว
กูเกิลประกาศทำ Chromebook Enterprise ที่เจาะตลาดองค์กรธุรกิจโดยตรง จุดที่เพิ่มมาจาก Chromebook รุ่นปกติคือฟีเจอร์ด้านการรักษาความปลอดภัยที่ระดับฮาร์ดแวร์
พาร์ทเนอร์รายแรกที่เปิดตัว Chromebook Enterprise คือ Dell ที่ออกสินค้ามา 2 รุ่นพร้อมกัน ได้แก่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว VMware ประกาศเจรจาซื้อ Pivotal ซึ่งเคยเป็นบริษัทในเครือเดียวกับ VMware มาก่อน
วันนี้การเจรจาบรรลุผลแล้ว โดย VMware จะซื้อหุ้นของ Pivotal จากผู้ถือหุ้นรายย่อย และใช้วิธีแลกหุ้นของ VMware กับหุ้นของ Pivotal ที่เป็นของ Dell Technologies (ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ VMware เหมือนกัน แปลว่า Dell Technologies จะได้ถือหุ้นใน VMware มากขึ้น แลกกับการที่ Pivotal กลายเป็นบริษัทลูกของ VMware อย่างสมบูรณ์) กระบวนการทั้งหมดทำให้มูลค่าของ Pivotal อยู่ที่ 2.7 พันล้านดอลลาร์
ซอฟต์แวร์ในเครือของ Pivotal ได้แก่ Cloud Foundry, Spring, Greenplum และภายหลังก็ขยายมาทำ Kubernetes ด้วยอีกอย่าง
Google ประกาศเลื่อนการปิด Hangouts สำหรับผู้ใช้ G Suite จากแผนเดิมที่กำหนดไว้เดือนตุลาคมนี้ เป็นเลื่อนไปปีหน้า ซึ่ง Google ยังไม่กำหนดชัดเจน โดยบอกไว้เพียงว่าก่อนเดือนมิถุนายน
Google ระบุว่า แม้ว่าฟังก์ชันต่าง ๆ ของ Hangouts เดิมจะมาพร้อมกับ Hangouts Chat และ Hangouts Meet เกือบหมด แต่ฝ่ายไอทียังต้องการเวลาไมเกรตผู้ใช้ในองค์กรให้ย้ายมาใช้ Hangouts Chat อีกสักระยะ ดังนั้น Google จึงเลื่อนแผนไปปีหน้าเพื่อให้มีเวลาเตรียมตัวมากยิ่งขึ้น และระหว่างนี้ Google จะเพิ่มฟีเจอร์ให้ Hangouts เดิมด้วย เพื่อให้การย้ายไป Hangouts Chat ทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น
VMware ประกาศเจรจากับบริษัทซอฟต์แวร์ Pivotal เพื่อขอซื้อหุ้นทั้งหมด
ข่าวการซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นสายสัมพันธ์เครือญาติของบริษัทในสังกัด Dell Technologies ด้วยกันเอง เพราะ Pivotal เป็นบริษัทที่แยกตัวออกมาจาก EMC (ชื่อในตอนนั้น) และ VMware (ซึ่งถือหุ้นใหญ่โดย EMC) ในปี 2012 โดยซีอีโอคนแรกของ Pivotal คือ Paul Maritz อดีตซีอีโอของ VMware (ปัจจุบัน Maritz ยังเป็นประธานของ Pivotal แต่ไม่ได้เป็นซีอีโอแล้ว)
Red Hat ออก Red Hat Enterprise Linux (RHEL) 8 ตัวจริงเมื่อเดือน พ.ค. ทำให้ RHEL เวอร์ชัน 7.x ที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2014 ลดความสำคัญลง
ล่าสุด Red Hat จึงออก RHEL 7.7 ซึ่งถือเป็นเวอร์ชันสุดท้ายของ RHEL 7 ที่จะมีฟีเจอร์ใหม่เพิ่ม (หลังจากนี้ RHEL 7 จะเข้าสถานะ Maintenance Phase ที่ออกเฉพาะแก้บั๊กหรือแพตช์ช่องโหว่เท่านั้น) ส่วนระยะการซัพพอร์ตของ RHEL 7 ทั้งหมดจะนาน 10 ปี (สิ้นสุด 2024) ตามที่บริษัทเคยสัญญาไว้
ชะตาชีวิตของ MapR บริษัทสาย Big Data/Hadoop ที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ลงเอยด้วยการขายกิจการให้กับยักษ์ใหญ่ Hewlett Packard Enterprise (HPE) โดยไม่เปิดเผยมูลค่า
การซื้อกิจการ MapR ของ HPE ครั้งนี้ไม่ได้เป็นการซื้อบริษัทตรงๆ แต่เป็นการซื้อทรัพย์สิน (business assets) ที่ประกอบด้วยเทคโนโลยี, สิทธิบัตร, ทรัพย์สินทางปัญญา และบุคลากรบางส่วน เข้าไปอยู่ภายใต้ธุรกิจด้านข้อมูลของ HPE ที่ใช้ชื่อว่า Intelligent Data Platform
Antonio Neri ซีอีโอของ HPE ระบุว่าซื้อทรัพย์สินของ MapR เพราะมีเทคโนโลยีด้านระบบไฟล์ขนาดใหญ่ ซึ่งนำไปต่อยอดเป็นธุรกิจด้านวิเคราะห์ข้อมูลได้
เหตุผลสำคัญที่ IBM ต้องทุ่มเงินมหาศาลซื้อ Red Hat เป็นเพราะยุทธศาสตร์คลาวด์ก่อนหน้านี้ของ IBM ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และบริการ IBM Cloud ในฐานะ public cloud ก็มีส่วนแบ่งตลาดตามหลังผู้นำตลาดอยู่ไกล
การซื้อ Red Hat เพื่อครองซอฟต์แวร์โครงสร้างพื้นฐานชิ้นสำคัญๆ ทั้งระบบปฏิบัติการ RHEL และดิสโทร OpenShift (ที่ข้างในเป็น Kubernetes) จึงเป็นก้าวสำคัญของการปรับยุทธศาสตร์มาเป็น hybrid cloud (อ่านบทวิเคราะห์ที่นี้)
ไม่นานหลัง IBM ซื้อ Red Hat เสร็จสมบูรณ์ วันนี้ IBM ก็ประกาศข่าวสำคัญคือ บริษัทปรับปรุงซอฟต์แวร์ของตัวเองกว่า 100 ตัวให้รันบน Red Hat OpenShift ได้เป็นอย่างดี และลูกค้าองค์กรสามารถนำซอฟต์แวร์เหล่านี้ไปรันบนคลาวด์ยี่ห้อใดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ IBM Cloud (ที่ระบุชื่อคือ AWS, Azure, Google, Alibaba รวมถึง private cloud ในองค์กร)
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เปิดตัวโซลูชั่น Android Zero-Touch รายแรกในประเทศไทยที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่รองรับการติดตั้งค่าอุปกรณ์แบบ แอนดรอย ซีโร่ทัช (Android Zero-Touch) เพื่อช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจลูกค้าองค์กร ก้าวสู่ยุค Digital Transformation โซลูชั่น Android Zero-Touch เป็นวิธีการติดตั้งที่ง่ายดายและปลอดภัย ช่วยให้องค์กรสามารถทำการติดตั้งค่าเริ่มต้น ระบบการจัดการ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ลงบนสมาร์ทโฟนสำหรับพนักงาน ในสภาพพร้อมใช้งานทันทีเมื่อแกะกล่อง