อินเดียถือเป็นประเทศที่บริษัทเทคโนโลยีต่างให้ความสนใจทำตลาด ทั้งโอกาสเติบโต และจำนวนประชากรที่มีอยู่มาก จนน่าจะเป็นตลาดที่ร้อนแรงเหมือนจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในตลาดสมาร์ทโฟนนั้น ซัมซุงครองส่วนแบ่งเป็นเบอร์หนึ่งมายาวนานถึง 6 ปี และเพิ่งเสียแชมป์ให้กับ Xiaomi เมื่อไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
เรื่องน่าสนใจมากกว่านั้นคือ Xiaomi เพิ่งเริ่มบุกตลาดในอินเดียเมื่อ 3 ปีที่แล้วเท่านั้น และบริษัทก็ไม่ได้เริ่มต้นสวยนัก โดยเฉพาะปี 2016 ที่ต้องแข่งขันรุนแรงกับคู่แข่งจากจีนด้วยกันอย่าง OPPO และ Vivo ซึ่ง Harish Jonnalagadda แห่ง Android Central มีบทวิเคราะห์ว่า Xiaomi ทำอย่างไรจึงมาถึงจุดนี้ได้
Google ประกาศเพิ่มฟีเจอร์แชทเข้าไปใน Tez แอปโมบายเพย์เมนท์ที่เปิดตัวในอินเดีย ตั้งใจจะชนกับ WhatsApp ที่กำลังจะเปิดบริการด้านเพย์เมนท์ในอินเดียเช่นกัน
Tez ได้รับความนิยมและมีผู้ใช้งานในอินเดียมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ราว 13.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่แล้วที่อยู่ที่เกือบ 12 ล้านคน โดยฟีเจอร์แชทบน Tez ทำได้เพียงรับและส่งข้อความเปล่าๆ เท่านั้นเพื่อยืนยันการทำธุรกรรมเป็นหลัก
เมื่อรวม Tez เข้าไปแล้ว ตอนนี้แอปสำหรับแชทของ Google มีทั้งหมด 5 ตัวได้แก่ Hangouts, Allo, Android Messages, Hangouts Chat และ Tez
ตลาดเพลงสตรีมมิ่งในอินเดียกำลังคึกคัก Amazon เปิดบริการ Prime Music ในอินเดียแล้วอย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้ สตรีมมิ่งสัญชาติอินเดียอย่าง Gaana เพิ่งจะระดมทุนจาก Tencent ได้ถึง 110 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,598 ล้านบาท
Amazon Prime Music ให้บริการทั้งบนเดสก์ท็อป, อุปกรณ์ iOS และ แอนดรอยด์ โดยคิดค่าบริการเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิก Prime ค่าสมาชิก 15 ดอลลาร์ต่อปี หรือ 999 รูปี ด้านสตรีมมิ่งเจ้าอื่นอย่าง Apple Music, Google Play, Saavn, Gaana ค่าบริการอยู่ระหว่าง 15-22 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,200-1,440 รูปี
Virgin Hyperloop One ประกาศข้อตกลงกับทางการอินเดียและรัฐมหารัชฏะ ในการสร้างเส้นทาง Hyperloop ระหว่างเมืองปูเณ่ (Pune) ไปยังมุมไบ โดยผ่านสนามบินนานาชาติ Navi Mumbai เป็นระยะทางราว 160 กิโลเมตร (อ้างอิงจาก Google Maps)
การเดินทางด้วย Hyperloop จะใช้เวลาราว 25 นาทีเท่านั้น จากปกติที่ต้องใช้เวลาราว 2.5 ถึง 3 ชั่วโมงบนรถยนต์และรถไฟ และจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า Hyperloop จะช่วยเหลือชาวอินเดียที่เดินทางระหว่างสองเมืองนี้เป็นประจำราว 150 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจราว 5.5 พันล้านเหรียญตลอดระยะเวลา 30 ปี
Google ถูกสั่งปรับจากอินเดียเป็นเงิน 1.36 พันล้านรูปี คิดเป็น 21.1 ล้านดอลลาร์ในข้อหาแสดงผลการค้นหาลำเอียง โดยการมีการร้องเรียนจากเว็บไซต์ท้องถิ่นในอินเดีย Matrimony.com Limited และ Consumer Unity & Trust Society ซึ่งแจ้งกับหน่วยงานรัฐไว้ตั้งแต่ปี 2012
Competition Commission of India หรือ CCI ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สั่งปรับ Google กล่าวว่า จากการสอบสวนทางหน่วยงานพบว่า Google ได้นำทางผู้ใช้ที่จะค้นหาเที่ยวบินไปยังหน้าค้นหาเที่ยวบินของ Google เอง คือทั้งทำการแสดงให้ Google Flight ดูโดดเด่นสะดุดตาบนหน้าผลการค้นหา และวางเว็บไซต์ของผู้ให้บริการรายอื่นไว้ล่าง ๆ
Arun Jaitley รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของอินเดีย กล่าวในการนำเสนอแผนงบประมาณแผ่นดินปี 2018 ต่อสภา ว่ารัฐบาลมองเงิน cryptocurrency ว่าผิดกฎหมาย และจะ "ทำทุกวิถีทาง" เพื่อไม่ให้คนอินเดียใช้งานเงินดิจิทัลเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม Jaitley บอกว่ารัฐบาลอินเดียจะสนับสนุนการใช้เทคโนโลยี blockchain ในการจ่ายเงินแทน แต่ก็ยังไม่ให้รายละเอียดว่ามีแผนการอย่างไร
ในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียและธนาคารกลางอินเดีย แสดงความกังวลต่อเงินดิจิทัลหลายครั้ง และตัวรัฐมนตรีคลังเองก็เคยบอกว่ามันเป็นแชร์ลูกโซ่ (ponzi scheme) แบบหนึ่งด้วย
หลังไตรมาส 3 ปีที่แล้ว Xiaomi ขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 เท่าซัมซุง ในตลาดอินเดียตามรายงานของ IDC ล่าสุดข้อมูลจาก Calanys ชี้ว่าไตรมาสสุดท้าย Xiaomi แซงซัมซุงขึ้นเป็นเบอร์ 1 แต่เพียงผู้เดียวได้แล้ว ด้วยยอดส่งมอบทั้งหมด 8.4 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่งที่ 27%
ส่วนซัมซุงถึงแม้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 17% แต่ส่งมอบน้อยลงจากไตรมาสก่อนหน้าเหลือ 7.3 ล้านเครื่อง ครองส่วนแบ่ง 25% ซึ่งเท่ากับ Xiaomi และซัมซุงรวมกันครองตลาดเกิน 50% ของอินเดีย ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนอินเดียโดยรวมยังคงเติบโตที่ 6% ส่งมอบไปทั้งหมดราวๆ 30 ล้านเครื่อง โดยมี Vivo, Oppo และ Lenovo ตามมาในท็อป 5
ทิศทางของ Grab ตอนนี้คือการเข้าสู่ธุรกิจ Mobile Payment มากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทประกาศเข้าซื้อกิจการ iKaaz สตาร์ทอัพบริการจ่ายเงินผ่านมือถือของอินเดียด้วยมูลค่าที่ไม่เปิดเผย ซึ่งปัจจุบัน Grab มีสำนักงานอยู่ที่บังกะลอร์ ประเทศอินเดีย โดยทีมงานของ iKaaz จะย้ายเข้าไปร่วมทีมกับ Grab ที่นี่ด้วย
iKaaz ก่อตั้งในปี 2012 โดย Soma Sundaram อดีตวิศวกรของโนเกีย ซึ่งผลิตภัณฑ์มีทั้งแพลตฟอร์มจ่ายเงินออนไลน์ ตลอดจนฮาร์ดแวร์ POS สำหรับร้านค้า และแอพกระเป๋าเงินบนมือถือ MOWA
สมาคมสตรีในรัฐคุชราตทางตะวันตกของอินเดีย หรือ Self Employed Women’s Association (SEWA) ที่มีสมาชิกว่า 2 ล้านคน ร่วมมือกับ Airbnb จัดอบรมการเป็นโฮสต์ ส่งผลให้ Airbnb เป็นอีกหนึ่งช่องทางเพิ่มรายได้ให้ผู้หญิงเหล่านี้
Reema Nanavaty ผู้อำนวยการ SEWA บอกว่า ในช่วงแรกไม่แน่ใจว่าจะมีคนอยากมาเข้าพักโฮมสเตย์ในพื้นที่นี้หรือไม่ จนกระทั่งมีแขกมาเข้าพัก สมาชิกในกลุ่มก็ลงทุนลงแรงปรับโฉมที่อยู่อาศัยของตนเพื่อรองรับแขก ใช้ Google Translate ในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยว จนกลายเป็นอีกช่องทางรายได้ให้พวกเธอ นักท่องเที่ยวที่มาพักจะได้กินอาหารท้องถิ่นเช่น Gujarati และได้ทำกิจกรรมเต้นรำกับคนพื้นเมืองและใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับคนที่นี่ เป็นต้น
Nanavaty บอกด้วยว่า มีที่พักในชนบทของอินเดียประมาณ 50 แห่งที่มีชื่ออยู่ใน Airbnb ที่กำลังดึงดูดนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯและยุโรปให้เข้ามาพัก บางหมู่บ้านไม่มีแม้แต่ชื่อใน Google Maps ด้วยซ้ำ
กูเกิลเปิดตัวโครงการ Android Go สำหรับเครื่องทรัพยากรน้อย ในงาน I/O 2017 และประกาศออกโค้ดตัวจริงของ Android Go ที่อยู่บน Android Oreo 8.1 เมื่อเดือนธันวาคม
ที่ผ่านมาเรารู้เพียงว่า Nokia 2 จะได้อัพเกรดเป็น Android Go 8.1 แต่ก็ยังไม่มีข่าวของมือถือยี่ห้ออื่นๆ
ล่าสุดมีข้อมูลลือมาจากทางอินเดียว่า Micromax ผู้ขายสมาร์ทโฟนชื่อดังในอินเดีย เตรียมเปิดตัวมือถือ Android Go ในราคาเพียง 2,000 รูปี (1,000 บาท) ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้
Wall Street Journal มีบทความกล่าวถึง UC Browser เว็บเบราว์เซอร์ที่กำลังมาแรงในประเทศกำลังพัฒนาที่มีประชากรมหาศาลอย่างอินเดียและอินโดนีเซีย
UC Browser เจ้าของโลโก้รูปกระรอก เป็นผลงานของบริษัท UC Web ที่เริ่มพัฒนาเบราว์เซอร์บนมือถือ Java ME มาตั้งแต่ปี 2004 และขายกิจการให้ Alibaba ในปี 2014 ปัจจุบัน UC Browser มีให้ใช้งานบนหลายแพลตฟอร์ม (Windows, iOS, Windows Phone, Java) แต่เวอร์ชันที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Android
ในประเทศอินเดีย WhatsApp เป็นแอพที่ได้รับความนิยมสูงมาก ประเมินว่ามีผู้ใช้มากกว่า 200 ล้านคน ซึ่งมีจำนวนสูงเกือบเท่ากับจำนวนผู้ใช้ Facebook ที่นั่น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ WhatsApp มีผู้ใช้ในอินเดียสูงมากนั้น อาจจะมีคำตอบที่คุ้นๆ หน่อยคือ ผู้สูงอายุที่อินเดียชอบ WhatsApp มาก
Pranav Dixit ผู้สื่อข่าวของ BuzzFeed ได้พยายามหาคำตอบว่าทำไม ซึ่งพบว่าคนแก่นั้นพบว่า WhatsApp ช่วยให้พวกเขาพบเพื่อนที่ไม่เจอกันนาน ได้พูดคุยกับคนในครอบครัว ได้เข้าร่วมกลุ่มต่างๆ ส่วนกิจกรรมหลักที่นิยมกันก็คือส่งต่อข้อความ ไม่ว่าจะเป็นภาพมีม, วิดีโอ, GIF ขำขัน, ภาพสวัสดีตอนเช้า ตลอดจนข้อความข่าวลือข่าวลวงทั้งหลาย
X ส่วนงานวิจัยของ Alphabet เผยว่า รัฐอานธรประเทศของอินเดียเตรียมจะเข้าซื้อเทคโนโลยีไร้สายใหม่ที่กำลังพัฒนา เพื่อใช้ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงกับประชาชนนับล้านภายในรัฐโดยไม่ต้องลากสายเคเบิล
ภายใต้สัญญานี้ จะมีการติดตั้งกล่องส่งสัญญาณจำนวนกว่า 2,000 กล่องห่างกันทุก 20 กิโลเมตร ตามเสาหรือหลังคาเพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับพื้นที่ที่มีประชากรพำนักอยู่ โดยไอเดียของโครงการนี้คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือและ Wi-Fi
อินเดียกลายเป็นสมรภูมิการแข่งขันของบริษัทเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีรายงานว่า Bigbasket ซูเปอร์มาร์เก็ตของอินเดีย เตรียมประกาศรับเงินลงทุนเพิ่มเติม 280 ล้านดอลลาร์ โดยเงินลงทุนนี้นำโดย Alibaba ยักษ์อีคอมเมิร์ซจากจีน 200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ Alibaba มาเป็นผู้ถือหุ้น 25% ใน Bigbasket
การแข่งขันระหว่าง Alibaba และ Amazon ในอินเดียดูจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น ก่อนหน้านี้ Amazon ลงทุนใน Flipkart อีคอมเมิร์ซใหญ่อินเดีย ส่วน Alibaba ก็ลงทุนใน One97
Bigbasket จัดจำหน่ายสินค้าของใช้ทั่วไป ปัจจุบันให้บริการมากกว่า 20 เมืองในอินเดีย มีสินค้ากว่า 18,000 รายการ ถือเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดในอินเดีย
หลังการพยายามเจาะตลาดล่างนำมาด้วย Android Go และแอปต่างๆ อาทิ YouTube Go, Datally, Files Go และ Google Go ล่าสุด Google ลุยไปแม้กระทั่งตลาดฟีเจอร์โฟนด้วยการพัฒนา Google Assistant สำหรับฟีเจอร์โฟน เพื่อเจาะตลาดอินเดียโดยเฉพาะ
ด้วยความที่อินเดียยังคงมีผู้ใช้ฟีเจอร์โฟนเยอะมาก ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้รันแอนดรอยด์ แต่ด้วยความที่ยังมีความสามารถในการเชื่อมต่อ 4G ทาง Google เลยอาศัยประโยชน์ตรงนี้ในการใช้งาน Google Assistant โดยฟีเจอร์โฟนรุ่นแรกที่รองรับผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Google คือ JioPhone 4G รันด้วย KaiOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นจาก Firefox OS
กูเกิลประกาศความสำเร็จของ Tez แอพจ่ายเงินผ่านมือถือ ที่เปิดตัวครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือน ก.ย. ว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือน ก็สร้างฐานผู้ใช้งานจริง (active users) ได้แล้วเกือบ 12 ล้านคน และมีจำนวนธุรกรรมเกิน 140 ล้านครั้ง
Tez ยังมีร้านค้าขึ้นไปอยู่บนแพลตฟอร์มแล้ว 525,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่หลากหลายตั้งแต่เมืองใหญ่ไปจนถึงร้านค้าในหมู่บ้านเล็กๆ
เป้าหมายถัดไปของ Tez คือเพิ่มฟีเจอร์จ่ายบิล โดยจะรองรับบริษัทผู้ออกบิลกว่า 70 ราย ทั้งบริษัทไฟฟ้า ประปา และขนส่ง มีระบบแจ้งเตือนกำหนดชำระบิล และป้องกันการจ่ายบิลซ้ำด้วย
Sajida Begum ผู้ป่วยโรคเรื้อน ตาบอด และนิ้วกุด กลับมาได้รับเงินสวัสดิการรัฐเดือนละ 1,000 รูปี (ประมาณ 500 บาท) ตามเดิม หลังจากถูกตัดไปเพราะไม่สามารถยืนยันข้อมูลทางชีวภาพ ทั้งม่านตาและลายนิ้วมือได้
เรื่องราวของ Begum ตกเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและได้รับความสนใจเป็นวงกว้างเพราะอินเดียบังคับบัตรสวัสดิการ หรือบัตร Aadhaar ทั้งประเทศ
Unique Identity Authority of India (UIDAI) หน่วยงานออกบัตรของอินเดียต้องส่งเจ้าหน้าที่ไปพบกับ Begum โดยตรงและออกบัตรให้เป็นกรณีพิเศษ
ผู้ใช้งานในอินเดียสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบน Google Maps โดยตรงส่วนที่ให้เลือกว่าจะเดินทางโดยวิธีใดนั้นมีสัญลักษณ์จักรยานยนต์เพิ่มเข้ามา ระบบจำคำนวณระยะทางจากการขับจักรยานยนต์ด้วยเช่นกันกับการเดินทางด้วยรถยนต์ รถโดยสาร และการเดินเท้า
แหล่งข่าวต้นทางระบุว่ามีเฉพาะผู้ใช่ในอินเดียที่สังเกตเห็นฟีเจอร์ใหม่ของ Google Maps นี้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าฟีเจอร์ใหม่จะเปิดให้ใช้ในอินเดียเป็นที่แรก ที่ซึ่งคนนิยมใช้จักรยานยนต์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
Uber ได้จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ Mahindra ผู้ผลิตรถยนต์ท้องถิ่น เพื่อทำการทดสอบรถยนต์ไฟฟ้าบนแพลตฟอร์มของ Uber ในประเทศอินเดีย โดยจะเริ่มปล่อยรถยนต์ลงทดสอบจริงนับร้อยคันในเดือนมีนาคมปีหน้าในเมือง Delhi และ Hyderabad ซึ่งในอนาคตอาจมีการพิจารณาการขยายการทดสอบต่อไป
ภายใต้ดีลนี้ Uber จะเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ขับรถบนแพลตฟอร์ม ส่วน Mahindra จะจัดหาประกันและบริการหลังการขายให้ และสองบริษัทนี้จะยังทำงานร่วมกับบริษัทอื่น ๆ เพื่อจัดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ใน Hyderabad อีกด้วย
Xiaomi นั้นไปได้ดีกับการบุกตลาดอินเดีย โดยไตรมาสที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาดเป็นที่ 1 เท่ากับซัมซุง ซึ่งจากนี้ Xiaomi ก็มีแผนจะยึดตลาดอินเดียให้อยู่หมัดมากยิ่งขึ้น
โดยซีอีโอ Lei Jun ให้สัมภาษณ์ว่าบริษัทมีแผนจะลงทุนถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ภายใน 5 ปีข้างหน้า กับสตาร์ทอัพในอินเดีย 100 แห่ง เพื่อให้บริษัทเหล่านี้พัฒนาแอพ เสริมระบบนิเวศบนสมาร์ทโฟนของ Xiaomi ให้เข้ากับตลาดอินเดีย
หมวดแอพและธุรกิจที่ Xiaomi สนใจลงทุนมีทั้งกลุ่มผู้ผลิตเนื้อหา, เทคโนโลยีการเงิน, บริการแบบเจาะเฉพาะพื้นที่, บริการซ่อมบำรุงโทรศัพท์ ตลอดจนภาคการผลิตที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟน
IDC เผยรายงานการส่งมอบสมาร์ทโฟนไตรมาส 3 ที่ผ่านมาในอินเดีย ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่ที่ 39 ล้านเครื่อง สูงกว่าไตรมาสก่อนหน้า 40% และเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ปีที่แล้ว โดยสาเหตุหลักมาจากการฉลองลดราคาของร้านค้าออนไลน์ต่างๆ ในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน
ขณะที่ในกลุ่มท็อป 5 มีส่วนแบ่งรวมถึงสูงถึง 72% นำมาโดย Xiaomi ที่ขึ้นมามีส่วนแบ่งเท่ากับซัมซุงที่ 23.5% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 3 เท่า โดย Redmi Note 4 เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ขณะที่ซัมซุงก็เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 23% โดย Galaxy J2, J7 Nxt และ J7 Max เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ส่วนเบอร์ 3 คือ Lenovo (รวมโมโตโรลา) ที่ตามมาห่างๆ ที่ 9% โดย 2/3 ของยอดขายเป็นของโมโตโรลา
รัฐบาลอินเดีย ประกาศส่งยานอวกาศไปยังดวงจันทร์อีกครั้งในช่วงต้นปี 2018 หลังจากเคยส่งมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2008
คราวก่อน หน่วยงานอวกาศอินเดีย (Indian Space Research Organisation หรือ ISRO) ส่งยาน Chandrayaan-1 ไปโคจรรอบดวงจันทร์ และมียานลูก Moon Impact Probe แยกออกจากยานแม่เพื่อวิ่งชนดวงจันทร์ ให้เกิดการปะทะเพื่อดูผล
รอบนี้ ยาน Chandrayaan-2 ไปไกลกว่าเดิม โดยจะมียานลงจอด (lander) และมีรถสำรวจ (rover) ไปวิ่งบนผิวดวงจันทร์ด้วย
เดิมที Chandrayaan-2 วางแผนจะให้หน่วยงานอวกาศของรัสเซียมาช่วยออกแบบ แต่ภายหลังก็เปลี่ยนแปลง เป็นการทำด้วยฝีมือคนอินเดียทั้งหมด 100%
บริษัทวิจัยตลาด Canalys รายงานว่าอินเดียตอนนี้ได้ขึ้นมาเป็นตลาดสมาร์ทโฟนรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแทนที่อเมริกาแล้ว (อันดับ 1 คือจีน) โดยยอดขายสมาร์ทโฟนช่วงที่ผ่านมาถึง 40 ล้านเครื่อง เติบโตถึง 23% จากปีก่อน
ส่วนแบ่งการตลาดของแบรนด์ยอดนิยมในอินเดียนั้นนำโดย ซัมซุง และ Xiaomi โดยสองแบรนด์นี้รวมกันมีส่วนแบ่งมากกว่า 50% ตามด้วย Vivo, Oppo และ Lenovo
Ishan Dutt นักวิเคราะห์ Canalys บอกว่าตัวเลขนี้ช่วยยืนยันว่าตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียนั้นยังมีโอกาสให้โตได้อีกมาก ถึงแม้ช่องทางการขายมือถือจะมีความซับซ้อนยุ่งยากกว่าประเทศอื่น แต่ก็เปิดกว้างให้แบรนด์ใหม่สามารถบุกตลาดได้เสมอ โดยกลุ่มสมาร์ทโฟนราคาถูกจะขายดีมากที่สุด (ทั้งซัมซุงและ Xiaomi ที่ขายดีเป็นกลุ่มสินค้าระดับล่าง)
ประเด็นคุกคามและความรุนแรงบนทวิตเตอร์มีมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในอินเดีย ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งชื่อ Dhanya Rajendran เป็น บก.เว็บไซต์อินเดียที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงคือ The News Minute โพสต์ว่าเธอไปดูหนังที่ Vijay ดาราชื่อดังในอินเดียแสดง และเดินออกจากโรงกลางคัน (ประมาณว่าวิจารณ์หนังไม่สนุก)
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีผู้ใช้รายอื่นต่างด่าทอเธอด้วยคำหยาบคาย และข่มขู่เธอผ่านเมนชั่นในทวิตเตอร์ และแฮชแทก #PublicityBeepDhanya ก็ขึ้นเทรนด์ 5 อันดับแรกอย่างรวดเร็ว และขึ้นเทรนด์อยู่หลายชั่วโมงกว่าทวิตเตอร์จะลบออก
Rajendran ระบุว่ามีการแจ้งเตือนมากกว่า 31,000 รายการในทวิตเตอร์ บางคนด่าทอเธอด้วยคำหยาบ ขู่จะข่มขืนเธอ การคุกคามนี้เป็นข่าวดังในสื่ออินเดีย หลายคนออกมาประณามการกระทำดังกล่าว
Ola บริการแชร์รถในอินเดียเผยระดมทุนเพิ่มจาก SoftBank และ Tencent อีก 1.1 พันล้านดอลลาร์ Ola ระบุว่ากำลังเจรจากับนักลงทุนรายอื่น หวังว่าจะทำให้มีเงินทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านดอลลาร์
"เราตื่นเต้นมากที่ได้ Tencent Holdings เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรใหม่ เพื่อสร้างความคล่องตัวให้กับชาวอินเดียนับพันล้านคน" Bhavish Aggarwal ผู้ร่วมก่อตั้ง Ola และซีอีโอกล่าว
Aggarwal บอกเพิ่มเติมว่า เงินระดมทุนรอบนี้จะลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ต่อไป เน้น AI และ machine learning เพื่อขับเคลื่อนระบบของบริษัท รวมถึงขยายการตลาดเพื่อดึงดูดคนขับใหม่ๆ ให้เข้ามาขับมากขึ้น