หลังจากบล็อกเกอร์รัสเซีย Eldar Murtazin ออกมาสร้างกระแสข่าวว่า Tizen ตายแล้ว สร้างความหวั่นกลัวให้แฟนๆ ผู้เฝ้ามอง Tizen อยู่ห่างๆ

ล่าสุดทั้งอินเทลและซัมซุงออกมาแก้ข่าวแล้ว โดยต่างฝ่ายต่างออกแถลงการณ์สั้นๆ ว่ายังมุ่งมั่นพัฒนา Tizen อยู่เช่นเดิม แต่ก็ไม่ยอมบอกเหมือนเดิมว่าเราจะได้เห็นมือถือ Tizen ตัวเป็นๆ กันเมื่อไรครับ

ในแถลงการณ์ของฝั่งอินเทลยังคุยด้วยว่าเพิ่งออกซอร์สโค้ดของ Tizen 2.1, Tizen IVI 2.0, Tizen 2.2 Beta SDK มาสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันก่อนนี้เอง

อุตสาหกรรมไอซีมีข้อจำกัดต่อผู้เข้ามาแข่งขันรายใหม่ข้อใหญ่คือการลงทุนขั้นต้นนั้นแพงมาก การเลือกสถานที่ตั้งโรงงานจึงต้องมั่นใจกับความพร้อมของประเทศนั้นๆ อย่างมาก ข่าวล่าสุดสำหรับโรงงานใหม่ของอินเทลคือโรงงานใหม่อาจจะไปตั้งที่อิสราเอล

ข่าวนี้มีที่มาจาก Nahum Itzkovich ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมการลงทุนของกระทรวงเศรษฐกิจอิสราเอล ว่าอินเทลกำลังเจรจาการลงทุนใหม่ที่มีมูลค่าถึงหมื่นล้านดอลลาร์ เท่ากับการลงทุนทั้งหมดของอินเทลในสิบปีที่ผ่านมารวมกัน

Brian Krzanich ซีอีโอคนใหม่ของอินเทลให้สัมภาษณ์กับ Reuters มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้ครับ

อินเทลประกาศเข้าร่วมกลุ่มบริษัทพัฒนาระบบชาร์จไร้สาย A4WP (Alliance for Wireless Power) ซึ่งมีซัมซุงกับ Qualcomm เป็นสองหัวหอกสำคัญ

ทิศทางของอินเทลในครั้งนี้ช่วยลดจำนวนกลุ่มมาตรฐานระบบชาร์จไร้สายในท้องตลาดจาก 4 กลุ่มลดลงมาเหลือ 3 กลุ่ม (รายละเอียดดูในข่าวเก่า) โดยกลุ่ม A4WP มีบริษัทมือถือรายใหญ่ทั้งเอชทีซี ซัมซุง แอลจี เข้าร่วม และมีบริษัทผลิตชิปรายสำคัญๆ ทั้งอินเทล NXP Qualcomm Broadcom TI มากันครบ (รายชื่อสมาชิก)

การ์ด Phi เพิ่งทำให้เครื่อง Tianhe-2 ขึ้นที่หนึ่งซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลกไป อินเทลก็อาศัยโอกาสนี้เปิดตัวการ์ด Phi รุ่นใหม่อีกส่ามรุ่น คือ 7120, 3120, และ 5120D

Phi 7120 จะเป็นรุ่นใหญ่สุดในบรรดการ์ด Phi ที่อินเทลขายอยู่ตอนนี้ จุดเด่นของมันคือการเพิ่มแรมบนการ์ดเป็น 16GB ทำให้มีแรมสำหรับแต่ละคอร์เพิ่มขึ้นมาก ความเร็วในการคำนวณเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.2 TFLOP สำหรับการคำนวณตัวเลข double precision (DP) แต่ในการใช้งานจริงก็จะใช้งานง่ายขึ้นมาก แยกสองรุ่นคือรุ่น P จะมีพัดลมระบายความร้อนมาด้วย ส่วนรุ่น X ไม่มีให้

ABI Research ที่เราเห็นรายงานการตลาดอยู่เนืองๆ ออกรายงานการทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูสำหรับตลาดโมบาย โดยทดสอบเครื่องห้ารุ่นได้แก่ Lenovo K900, Samsung Nexus 10, Samsung Galaxy S4 i9500, Samsung Galaxy S4 i377 และ Asus Nexus 7 พบว่าเครื่อง K900 ทำประสิทธิภาพได้ดีพอๆ กับ S4 i377 ขณะที่ส่วนซีพียูกินพลังงานน้อยกว่า

ปีนี้ความพิเศษของ Haswell คือแม้ซีพียูเดสก์ทอปจะเปิดตัวค่อนข้างช้า แต่ซีพียูรุ่นเซิร์ฟเวอร์กลับเปิดตัวตามมาไม่กี่วัน ทางฝั่งเอชพีก็เร่งอัพเกรดเซิร์ฟเวอร์รุ่นล่างของตัวเองเป็น Haswell ทันที

สองรุ่นที่ได้อัพเกรดได้แก่ DL320e เซิร์ฟเวอร์ขนาด 1U จะใช้ซีพียู E3-1220v3 หรือ E3-1240v3 ราคาเริ่มต้น 959 ดอลลาร์ ทางเอชพีระบุว่าหลังจากนี้จะมีซีพียูให้เลือก 13 รุ่นแต่เปิดตัวช่วงแรกจะมีเพียงสองรุ่นนี้ก่อน อีกรุ่นคือ ML310e เป็นรุ่นทาวเวอร์ ราคาเริ่มต้น 729 ดอลลาร์

อินเทลเปิดตัว SSD ตระกูลสำหรับเซิร์ฟเวอร์รุ่นเล็กตระกูล S3500 ที่ให้ความเร็วในการอ่าน 500 MB/s และเขียน 450 MB/s สามารถทำ IOPs ได้ถึง 75,000 IOPs สำหรับการอ่าน และ 11,500 IOPs สำหรับการเขียน ในราคาเริ่มต้น 115 ดอลลาร์สำหรับรุ่น 80GB ขนาด 1.8 นิ้ว ไล่ไปถึง 979 ดอลลาร์สำหรับรุ่น 800GB ขนาด 2.5 นิ้ว

SSD ตระกูล S3500 เป็นตระกูลต่ำสุดที่เปิดตัวหลังจากตระกูล S3700 และตระกูล 910 ตัวไดรฟ์รองรับการเข้ารหัสแบบ AES-256

โครงการ Tizen เป็นโครงการร่วมของอินเทลกับซัมซุงในการพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์พกพา (ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่มีผลิตภัณฑ์จริงออกวางขาย)

ล่าสุดมีวิดีโอหลุดของ Tizen ในฝั่งของอินเทลออกมา โดยอินเทลจะสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้ของตัวเองใต้โค้ดเนมชื่อ "Obsidian" ซึ่งดูจากหน้าตาแล้วจะคล้ายๆ Android ผสม MeeGo และมีจุดเด่นที่น่าสนใจคือการแจ้งเตือนบนไอคอนด้วยวิธี "เอียง" ไอคอนเป็นมุม 45 องศา กับโหมด quick-view ที่แตะไอคอนเพื่อแสดง widget ที่ขอบล่างของหน้าจอโดยไม่ต้องเข้าแอพโดยตรง (วิดีโอแปะไม่ได้ ดูกันเองตามลิงก์)

ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอื่นใดของ Obsidian ว่าเราจะได้เห็นมันจริงๆ หรือไม่อย่างไรครับ

Computex นับเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก "พีซี" ที่เหล่าผู้ผลิตตั้งแต่ต้นน้ำอย่างอินเทลเรื่อยไปจนถึงชิ้นส่วนประกอบเล็กๆ น้อยๆ จะมารวมตัวกัน แต่กระแสที่เปลี่ยนโลกไปทางอุปกรณ์เคลื่อนที่ก็ทำให้บริษัทต่างๆ ในกลุ่มนี้โดยเฉพาะอินเทลถูกตั้งคำถามว่าจะคงความยิ้่งใหญ่เหมือนในยุคทองของพีซีที่ผ่านมาได้หรือไม่

อินเทลพยายามกลับเข้ามามีบทบาทในโลกโมบายอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการเร่งพัฒนาชิป Atom อย่างมาก ในช่วงปีที่ผ่านมา Atom ออกมาแล้วหลายรุ่นและกำลังออกมาเรื่อยๆ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่สุดของอินเทลเอง

จีนเคยผงาดขึ้นเป็นแชมป์โลกด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2010 ด้วยซูเปอร์คอมฯ Tianhe-1A ความแรง 2.57 petaflop จากนั้นสหรัฐก็ทวงบัลลังก์คืนและครองแชมป์มาโดยตลอด (แชมป์ปัจจุบันคือ Cray Titan)

อย่างไรก็ตาม ผู้สืบทอดของซูเปอร์คอมสัญชาติจีน Tianhe-2 เสร็จสมบูรณ์แล้ว สมรรถนะในการประมวลผลของมันสูงถึง 54.9 petaflop มากกว่าแชมป์ปัจจุบัน Titan ที่ทำได้ 18 petaflop ประมาณสามเท่าตัว ขุมพลังของมันคือซีพียู Intel Xeon ยุค Ivy Bridge จำนวนทั้งหมด 32,000 คอร์ และการ์ดช่วยประมวลผล Xeon Phi อีก 48,000 ตัว

Intel ประกาศเปิดตัว Thunderbolt 2 สร้างมาตรฐานใหม่ในการรับส่งข้อมูลความเร็วสูง รองรับการใช้งานเพื่อรับ-ส่งข้อมูลจำนวนมากอย่างไฟล์วิดีโอ 4K ได้ดี

Thunderbolt รุ่นเดิมเป็นผลงานที่ Intel ร่วมพัฒนาขึ้นมากับ Apple ตั้งแต่ปี 2011 ซึ่งเป็นมาตรฐานการรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 10Gbps ซึ่งเหนือกว่ามาตรฐาน USB-3 แบบทิ้งห่าง โดยมุ่งเน้นเพื่องานเฉพาะทาง เช่น การตัดต่อวิดีโอ เป็นหลัก และจากจุดนั้น Thunderbolt ก็ได้กลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของผลิตภัณฑ์จาก Apple มาโดยตลอด ส่วนผู้ผลิตอุปกรณ์รายอื่นก็มีการนำเทคโนโลยี Thunderbolt ไปใช้กันบ้างเช่นเดียวกัน

เพียงไม่กี่วันหลังการเปิดตัวซีพียูเดสก์ทอป อินเทลก็อัพเดรดซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ตามมาติดๆ ทันทีด้วย E3-1200 v3 (เลขตระกูลเหมือนเดิมแต่เปลี่ยนเลขเวอร์ชั่น) ประเด็นสำคัญของการเปิดตัวครั้งนี้มีสองประเด็น คือ อัพเกรดแกนซีพียูไปใช้ Haswell และการเปิดสายการผลิตซีพียูกินไฟต่ำสำหรับไมโครเซิร์ฟเวอร์

ซีพียู E3-1220L สองคอร์ทำงานที่สัญญาณนาฬิกา 1.1GHz และปล่อยความร้อนเพียง 13 วัตต์ ซีพียูอีกหลายรุ่นมีกราฟิก P4600 และ P4700 สำหรับการใช้งานแบบเวิร์คสเตชั่นและการใช้งานในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการกราฟิก

อินเทลขึ้นเวทีเปิดงานอย่างเป็นทางการของ Computex 2013 พูดถึงธีมของอินเทลในปีนี้ว่าจะเป็นปีแห่ง "2-in-1 computing" หรือคอมพิวเตอร์ที่เป็นทั้งแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊กในเครื่องเดียวกัน พร้อมกับยกผลสำรวจตลาดที่ทำโดยอินเทลจากการสุ่มจำนวนมากทั่วโลกระบุว่าผู้ใช้ต้องการเครื่องที่ใช้งานเป็นทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตได้โดยไม่ต้องถอดประกอบ (detatchable)

อินเทลระบุว่าเครื่องแบบ 2-in-1 นี้น่าจะมีราคาถูกลงเรื่อยๆ จนเหลือเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์ (12,000 บาท) โดยไม่ระบุว่าเครื่อง 399 ดอลลาร์จะใช้ชิปอะไร เป็นไปได้ว่าจะเป็นเครื่อง BayTrail

เพื่อจะทำให้ Haswell รองรับเครื่องแบบ 2-in-1 นี้อินเทลปรับลดสเปคการปล่อยความร้อนของชิป Haswell จนเหลือเป้าสุดท้ายคือ 7 วัตต์ และชิปจริงสามารถทำได้ต่ำสุด 6 วัตต์

ที่เวทีอินเทลวันนี้ ในบรรดาเครื่องสาธิตที่อินเทลมาแสดงและให้นักข่าวเข้าไปดูใกล้ๆ มีสองเครื่องเป็นเครื่องต้นแบบที่อินเทลทำขึ้นเพื่อสาธิตแพลตฟอร์มของตัวเอง ทั้งสองเครื่องเป็นเครื่องที่ใช้ชิป BayTrail-M โดยยังอยู่ระหว่างการพัฒนา เครื่องที่เป็นแอนดรอยด์นั้นยังทำไดร์เวอร์จอสัมผัสไม่เสร็จ ความน่าสนใจของทั้งสองเครื่องคือรูปร่างมันคล้ายกับ Surface เป็นอย่างมาก มันใช้ขาตั้งที่ซ่อนไว้ในแผ่นตัวถังด้านหลัง และคีย์บอร์ดแบบบางที่ยึดเป็นฝาหน้า

ปกติแล้วเครื่องต้นแบบของอินเทล มักมีการส่งพิมพ์เขียวให้ผู้ผลิตไปผลิตต่ออยู่บ่อยครั้ง โดยผู้ผลิตจะดัดแปลงกันมากน้อยตามกำลังและความต้องการ หากอินเทลส่งพิมพ์เขียวของรุ่นนี้ให้กับผู้ผลิตเราอาจจะเห็นกองทัพแท็บเล็ตรูปร่างคล้ายๆ กันอีกชุดใหญ่

ที่งาน Computex อินเทลแสดงโน้ตบุ๊กต้นแบบที่กำลังอัพเกรดเป็นชิป Haswell ในบรรดาตัวต้นแบบต่างๆ มี VAIO Duo ที่ได้รับอัพเดตและมีข่าวมานานแล้วว่าจะอัพเดตเป็นจอ 13 นิ้วจากเดิมเป็น 11 นิ้ว

อินเทลไม่เปิดให้สื่อเข้าไปดูเครื่อง VAIO Duo ตัวนี้ใกล้ๆ เพียงแต่ถ่ายวิดีโอจากบนเวทีให้เห็น ที่สังเกตได้คือไม่มี trackpoint แบบออปติคอลเหมือนรุ่นเดิมอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นทัชแพดแทน และประมาณขนาดจอจากขนาดคีย์บอร์ดก็น่าจะเป็นแท็บเล็ตขนาด 13 นิ้วตามที่ลือกันมา

รายละเอียดทั้งหมด (ยกเว้นราคาที่ต้องรอแต่ละประเทศเปิดตัวกันอีกที) คงได้รู้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าครับ

หลังจากเปิดตัวซีพียู Merrifield ที่จะเป็นชิป Atom รุ่นใหม่สำหรับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต ไปในงาน MWC เมื่อต้นปี ในงาน Computex ครั้งนี้อินเทลได้นำสมาร์ทโฟนรุ่นต้นแบบที่ใช้ชิปรุ่นดังกล่าวมาโชว์แล้ว

จุดเด่นของ Merrifield นอกเหนือจากที่ออกมาก่อนหน้าคือ ใช้จีพียูของตัวเอง ใช้การประมวลผลแบบใหม่หมดทำให้กินไฟต่ำลง ตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิปรุ่นนี้จะมาพร้อมกับ "integrated sensor hub" ที่ใช้เซนเซอร์ในเครื่องเพื่อความปลอดภัย และบริการที่เป็นส่วนตัว ซึ่งน่าจะหมายถึงการตรวจจับการใช้งานผ่านดวงตา นิ้วสัมผัส เป็นต้น

ข่าวร้ายคือจากเดิมที่อินเทลบอกว่า Merrifield จะเริ่มส่งของในช่วงไตรมาสสามของปี จะเลื่อนไปเป็นต้นปี 2014 แทน

ในที่สุดอินเทลก็ทำให้ชิป Atom รองรับ LTE ได้เสียที หลังจากเพิ่งโชว์การใช้โมเด็ม XMM 7160 ให้ทำงานร่วมกับ Atom ควอดคอร์รหัส Bay Trail ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 22 นาโนเมตร

ด้วยการจับคู่กันแบบนี้ อินเทลเคลมว่า SoC ตัวใหม่จะสามารถเล่นเกมความละเอียดสูง และสตรีมวิดีโอความละเอียด 4K ผ่าน LTE ได้อย่างสบายๆ

ตอนนี้โซลูชันดังกล่าวยังมีแค่บนแท็บเล็ตเท่านั้น (เท่าที่เอามาโชว์) แต่ก็สัญญาว่าสมาร์ทโฟนจะรองรับภายในปีนี้เช่นกัน เพื่อแก้ปัญหาที่ไม่สามารถบุกตลาดสหรัฐฯ ได้เพราะไม่มีชิปรองรับ LTE นั่นเอง

ก่อนหน้างาน Computex ไม่กี่วัน อินเทลก็เผยข้อมูลของซีพียู Core รุ่นที่สี่ (4th-generation Core) รหัส Haswell แล้ว

Haswell เป็นการออกผลิตภัณฑ์ในขา tock ตามยุทธศาสตร์ tick-tock ของอินเทล นั่นคือเปลี่ยนสถาปัตยกรรมใหม่ แต่ยังใช้กระบวนการผลิต 22 นาโนเมตรเท่ากับรุ่นก่อน (Ivy Bridge) ซึ่งปีหน้าก็จะสลับเป็นขา tick คือใช้สถาปัตยกรรมเดิมของ Haswell แต่ลดขนาดลงมาเป็น 14 นาโนเมตร (Broadwell)

อินเทลยังยึดธรรมเนียมเดิมคือเปิดตัว Core i7 และ Core i5 ก่อนทั้งรุ่นเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก หลังจากนี้อีกสักพักจึงจะออกซีพียูรุ่นรองๆ อย่าง Core i3 และ Pentium ที่ใช้สถาปัตยกรรม Haswell ตามมา

ซีพียู

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ซัมซุงได้เลือกใช้ชิปรหัส Clover Trail+ จากอินเทลสำหรับ Galaxy Tab 3 10.1 อย่างน้อยหนึ่งรุ่นย่อย (ต้นฉบับระบุ "at least one version")

จากข่าวก่อนหน้านี้ ชิปรหัส Clover Trail+ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Atom Z2580 เป็นซีพียูดูอัลคอร์, มี Hyper-Threading, จีพียูดูอัลคอร์, ประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า Medfield หรือ Atom Z2460 ในปัจจุบันสองเท่าตัว

ต้องรอดูวันที่ 20 มิ.ย.นี้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ตามข่าวนี้ออกสู่สาธารณะหรือไม่ครับ

หลังจาก Brian Krzanich ขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ของอินเทล ได้เพียง 12 วัน เขาก็ประกาศข่าวการซื้อกิจการครั้งแรก โดยเป็นการซื้อฝ่ายผลิตชิประบบนำทางผ่านดาวเทียมมาจาก ST-Ericsson

ST-Ericsson เป็นบริษัทร่วมทุนของ STMicroelectronics กับ Ericsson ที่ไม่ประสบความสำเร็จนัก และกำลังอยู่ระหว่างการแยกส่วนกิจการออกเป็นชิ้นๆ ก่อนเลิกกิจการร่วมทุนนี้ไป เช่น โอนส่วนการผลิตชิป LTE กลับไปให้ Ericsson เป็นต้น

ในบรรดาสินค้ามากมายที่เปิดวางขายในงาน Mobile Expo ที่ผ่านมา ตัวที่อยู่ในความสนใจของผมที่สุดคงเป็น Asus Fonepad ที่เป็นแท็บเล็ตราคาถูก สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้ และยังใช้ชิปอินเทลเป็นแกน

แท็บเล็ต 7 นิ้วอาจจะต้องยกเครดิตให้กับซัมซุงว่าเป็นผู้บุกตลาดมาก่อนเป็นเวลานาน แถมยังใส่ฟีเจอร์ “โทรศัพท์แนบหน้า” ที่แม้หลายคนจะค่อนข้างรู้สึกว่าแปลกเมื่อใช้งาน แต่สำหรับหลายคนที่ต้องการอุปกรณ์แบบ “ตัวเดียวจบ” และไม่ต้องการถืออุปกรณ์ต่อพ่วงใดๆ ทั้งสิ้น ฟีเจอร์เช่นนี้กลับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก และซัมซุงเองก็ใส่ไว้เสมอแม้แต่เครื่องที่ใหญ่ขึ้นอย่าง Note 8

อินเทลยังไม่เปิดตัว Core รุ่นที่สี่รหัส Haswell อย่างเป็นทางการ แต่ก็ทยอยปล่อยข้อมูลออกมาเรื่อยๆ

Rani Borkar ผู้บริหารของอินเทลให้ข้อมูลกับสื่อว่าเป้าหมายหลักของ Haswell คือลดอัตราการบริโภคพลังงานโดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพในการทำงาน โดยโน้ตบุ๊กทั่วไปที่ใช้ Haswell จะใช้แบตเตอรี่ได้นานกว่า Ivy Bridge ถึง 50%

จุดเด่นของ Haswell คือลดอัตราการใช้พลังงานในช่วง idle/standby ลงจากเดิมมากถึง 20 เท่า นอกจากนี้ก็มีประเด็นที่เรารู้กันก่อนแล้วคือประสิทธิภาพด้านกราฟิก ดีกว่าเดิม 2 เท่าบนโน้ตบุ๊ก และ 3 เท่าบนเดสก์ท็อป

Brian Krzanich เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของอินเทลได้ไม่นานก็เริ่มปรับบริษัททันทีด้วยการตั้งแผนก New Devices เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต

เดิมอินเทลมีกลุ่มสินค้าอยู่สามกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มพีซี (โน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อป), กลุ่มศูนย์ข้อมูล (เซิร์ฟเวอร์), และกลุ่มสื่อสาร (Wi-Fi และ 3G) โดยกลุ่ม New Devices นี้จะดูแลโดย Hermann Eul ที่เคยดูกลุ่มสื่อสารมาก่อน

Atom ตั้งแต่ตัว CloverTrail เริ่มได้รับการยอมรับในหมู่ผู้ผลิตเพิ่มมากขึ้นทั้งในตลาดเท็บเล็ตราคาถูกอย่าง Asus Fonepad และตลาดโทรศัพท์ที่มี Lenovo K900 แต่ข่าวลือล่าสุดคือผู้ผลิตแอนดรอยด์หมายเลขหนึ่งอย่างซัมซุงก็จะมาใช้ชิป Atom ใน Galaxy Tab รุ่นหน้าจอ 10 นิ้วรุ่นต่อไป

ข่าวนี้มาจาก GFXBench ที่มีผลทดสอบของ Samsung GT-P5200 ที่ดูจะเป็นตัวต่อของ Galaxy Tab 2 10.1 ที่มีเลขรุ่น GT-P5100

GT-5200 มีหน้าจอ 1280x800 และใช้แอดดรอยด์รุ่น 4.2.2 ชิป CloverTrail ที่สัญญาณนาฬิกาสูงสุด 1.6 GHz