แม้ว่า ASUS เพิ่งจะวางตลาด Zenfone จริงไปได้ไม่นาน (Blognone มีทั้งลองจับและรีวิว) แต่ก็มีแผนการที่จะเตรียมส่ง Zenfone รุ่นที่สองซึ่งรองรับเทคโนโลยี LTE แล้ว โดยมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนชิปจากเดิมที่เป็น Intel ไปสู่ Qualcomm ด้วยเช่นกัน
Focus Taiwan ซึ่งเป็นสถานีข่าวท้องถิ่นในไต้หวัน อ้างคำกล่าวของ Jerry Shen ซีอีโอ ASUS ในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นประจำไตรมาสที่ระบุว่า ในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ทาง ASUS จะทำการเปิดตัว Zenfone ที่รองรับเทคโนโลยี LTE (ปัจจุบัน Zenfone รองรับเฉพาะ 3G เท่านั้น) โดยยังกล่าวต่อไปอีกว่า ทาง ASUS พร้อมที่จะทำงานร่วมกับบริษัทอื่น รวมถึง Qualcomm และ MediaTek ด้วย
เมื่อครั้งเปิดตัวซีพียู Haswell รุ่นปรับปรุง อินเทลระบุว่าซีพียูรุ่นใหม่นี้ต้องใช้งานร่วมกับชิปเซ็ตตัวใหม่ และตอนนี้ก็มีข้อมูลของชิปเซ็ตซีรีย์ 9 สำหรับใช้งานกับซีพียูออกมาให้เห็นแล้ว
กระแสซอฟต์แวร์แนวผู้ช่วยส่วนตัว (personal assistant) กำลังมาแรง เพราะบริษัทไอทียักษ์ใหญ่ต่างก็มีผลิตภัณฑ์ทั้ง Siri, Google Now, Cortana กันครบ
ฝั่งของอินเทลที่เริ่มมารุกตลาดการสั่งงานคอมพิวเตอร์แบบใหม่ๆ มาได้สักระยะ (ข่าวเก่า) จึงเสริมทัพบ้างโดยการซื้อซอฟต์แวร์และทีมงานด้าน personal assistant จาก Ginger Software บริษัทซอฟต์แวร์จากอิสราเอลที่ทำเรื่องการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (natural language processing)
Ginger ยังมีธุรกิจอีกอย่างที่ยังไม่ขายออกไปคือ ซอฟต์แวร์ด้านการฝึกภาษาอังกฤษ โดยซอฟต์แวร์ในชุดมีทั้งการตรวจสะกด ตรวจไวยากรณ์ และฝึกซ้อมการอ่าน-การฟังเสียงพูด
เมื่อสองวันก่อนสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า นอกจาก Surface mini รัน Windows RT 8.1 แล้วจะมี Surface รุ่นใหม่อีกหลายรุ่น โดยบางรุ่นจะใช้ชิปจากอินเทลในงานวันที่ 20 พ.ค. นี้ ล่าสุดแหล่งข่าวของเว็บไซต์ CNET เปิดเผยว่าจะมี Surface บนแพลตฟอร์มอินเทลตัวใหม่ในงานอย่างแน่นอน (definitely) แต่ในเรื่องที่ Surface นี้จะใช้ชิปอะไรนั้น เขาคิดว่ามันจะใช้ชิปรหัส Haswell รุ่นย่อยตัวใหม่ (a new power-optimized Haswell variant) ไม่ใช่ Atom อย่างตระกูล Bay Trail นอกจากนั้นสื่อมวลชนที่เข้าร่วมงานอาจจะได้รับ Surface รุ่นดังกล่าวกลับไปใช้งานด้วย
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Microsoft จะเปิดตัว Surface mini รัน Windows RT 8.1 ในงานวันที่ 20 พ.ค. นี้ โดยจะเป็นแท็บเล็ตตระกูล Surface ตัวแรกที่ใช้ชิปจาก Qualcomm และเป็นการสิ้นสุดการใช้ชิป NVIDIA ในคราวเดียวกัน
นอกจากนั้น บริษัทจะยังเปิดตัว Surface รุ่นใหม่อีกหลายรุ่น (ต้นฉบับบอก "other new Surface models") โดยบางรุ่นจะใช้ชิปจาก Intel ครับ
ที่มา: Bloomberg
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอินเทลเปิดตัว NUC Kit DE3815TYKHE รุ่นใหม่ที่นับเป็นรุ่นเล็กที่สุดในบรรดา NUC ตอนนี้ ความพิเศษของมันคือใช้ชิป Atom E3815 คอร์เดี่ยว 1.46 GHz ออกแบบมาเพื่อการใช้ในเชิงอุตสาหกรรมหรือใช้งานป้ายโฆษณา
บอร์ด NUC รุ่นใหม่นี้ไม่มีพัดลมทำให้ทำงานได้เงียบสมบูรณ์แบบ ที่พิเศษคือมันมี eMMC ความจุ 4 GB มาบนบอร์ดทำให้สามารถทำงานได้โดยเพิ่มแรม DDR3L เพียงอย่างเดียว โดยรองรับแรมสูงสุด 8 GB แต่สามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์เพิ่มเติมได้หากต้องการ
พอร์ตภายนอก มี USB 3.0 หนึ่งพอร์ต, USB 2.0 สองพอร์ต, พอร์ตแลนกิกะบิต, HDMI 1.4a, eDP, และ VGA รับไฟ 12-24 โวลต์ โดยต้องจ่ายพลังงานได้ 36 วัตต์
ให้หลังจากการเปิดตัว Thunderbolt 2 มาตรฐานการรับ-ส่งข้อมูลความเร็วสูงซึ่งทำได้มากถึง 20Gbps ไปไม่ถึงปี ก็ดูเหมือนว่าอินเทลกำลังพัฒนา Thunderbolt รุ่นไปต่อไปที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลได้เร็วขึ้นเป็นเท่าตัวอยู่ในแผนแล้ว
เบาะแสที่ว่ามาจากภาพสเปคของ Thunderbolt รุ่นใหม่รหัส Alpine Ridge ที่คาดว่าจะออกมาพร้อมๆ กับซีพียูรหัส Skylake (หลัง Broadwell ที่ยังไม่ออกอีกที) โดยสเปคสำคัญของ Thunderbolt รุ่นใหม่ (ขอเรียก Thunderbolt 3 ไปก่อน) คือเพิ่มความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล เป็นเท่าตัวไปอยู่ที่ 40Gbps รองรับ PCI-e 3.0 และลดการใช้พลังงานลงครึ่งนึง
ด้วยความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว Thunderbolt 3 จึงจะรองรับการต่อหน้าจอ 4K สองจอพร้อมกัน
อินเทลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2014 มีรายได้รวม 12,764 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 1,947 ล้านดอลลาร์ ลดลง 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน
ซีอีโอ Brian Krzanich กล่าวว่า ในไตรมาสที่ผ่านมามีการเติบโตดีมากในกลุ่มธุรกิจ Data Center และเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวในกลุ่มพีซี ซึ่งบริษัทส่งมอบชิปสำหรับแท็บเล็ตถึง 5 ล้านตัว
ในรายงานผลประกอบการไตรมาสนี้ยังเพิ่มหมวดธุรกิจใหม่ Internet of Things โดยมีรายได้ส่วนนี้ 482 ล้านดอลลาร์
ที่มา: อินเทล
พอร์ต Thunderbolt ตอนนี้รองรับเฉพาะอุปกรณ์ต่อพ่วงเช่นกล้องวิดีโอและฮาร์ดดิสก์ภายนอกเป็นหลัก แต่ในเร็วๆ นี้จะเริ่มใช้เชื่อมต่ออีเธอร์เน็ตระดับ 10 กิกะบิตต่อวินาทีได้แล้ว
อินเทลระบุวว่าไดร์เวอร์สำหรับ OS X นั้นพร้อมอยู่แล้ว ส่วนไดร์เวอร์สำหรับวินโดวส์กำลังพัฒนา ถ้าพอร์ตออกมาภายหลัง เครื่องที่มีพอร์ต Thunderbolt ตอนนี้ (ซึ่งส่วนมากเป็นเครื่องแมค) ก็จะมีทางเลือกเชื่อมต่ออีเธอร์เน็ตระดับ 10 กิกะบิตต่อวินาที
อินเทลปรับวิธีการจัดกลุ่มธุรกิจเพื่อรายงานสถานะทางการเงินใหม่ โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 6 สายงานดังนี้
เมื่อวานนี้ที่งาน Intel Developer Forum (IDF) ที่เซินเจิ้น อินเทลได้เปิดตัวซีพียูรหัส Braswell เป็นรุ่นที่พัฒนาต่อมาจาก Bay Trail ให้มีขนาดเล็กลงจาก 22 นาโนเมตรเหลือ 14 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นซีพียูในตระกูล Atom รุ่นที่ 5 (5th Gen) เป็น System on Chip (SoC) สำหรับแท็บเล็ต โดยยังไม่มีรายละเอียดว่าจะวางขายเมื่อไหร่
ขณะที่รุ่นใหญ่ที่จะใช้ชื่อรหัสว่า Broadwell (รุ่นต่อจาก Haswell) ยังคงไม่มีข่าวคราวความคืบหน้าอะไรเพิ่มเติมครับ
ที่มา - Engadget
อินเทลเปิดตัว Intel Smart Device Innovation Center ศูนย์สนับสนุนเพื่อให้บริษัทจีนพัฒนาอุปกรณ์ เช่น โน้ตบุ๊กแบบ 2-in-1, แท็บเล็ต, โทรศัพท์, คอมพิวเตอร์สวมใส่ได้ โดยศูนย์นี้จะตั้งพร้อมกองทุน Intel Capital China Smart Device Innovation Fund มูลค่า 100 ล้านดอลลาร์
ศูนย์นี้จะทำหน้าที่ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเข้าถึงการออกแบบสินค้าต้นแบบของอินเทล, เครื่องมือพัฒนา, และกระบวนการควบคุมคุณภาพ
โดยปกติแล้วอินเทลมักส่งพิมพ์เขียวสินค้าต้นแบบให้กับคู่ค้ารายสำคัญเพื่อให้ออกแบบสินค้าได้รวดเร็ว การมีศูนย์นี้ตั้งในจีนอาจจะช่วยให้โรงงานขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถผลิตสินค้าที่ใช้ชิปอินเทลได้ดีขึ้น และราคาถูกลง
อินเทลประกาศเข้าซื้อหุ้นในบริษัทซอฟต์แวร์ Cloudera จำนวน 18% คิดเป็นจำนวนเงิน 740 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดของอินเทลในบริษัทด้านเทคโนโลยีศูนย์ข้อมูล
Cloudera เป็นบริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ต่อยอดจาก Apache Hadoop ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์มาตรฐานในวงการ Big Data โดยใช้ชื่อผลิตภัณฑ์ว่า CDH (Cloudera Distribution Including Apache Hadoop)
หลังจากที่อินเทลเข้ามาถือหุ้น Cloudera จะพัฒนา CDH ให้เหมาะกับเทคโนโลยีของอินเทลในอนาคต ทั้งด้านแฟลช ความปลอดภัย (McAfee) และการเชื่อมต่อ (Intel Fabric) ส่วนอินเทลเองจะหยุดทำ Intel Hadoop (IHP/IDP) และรวมโครงการเข้ากับ CDH แทน
การบุกประเทศจีนเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่บริษัทไอทียักษ์ใหญ่มองข้ามไม่ได้ และในงาน Intel Developer Forum ที่เพิ่งจัดที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน Brian Krzanich ซีอีโอของอินเทลก็มีเซอร์ไพรส์ด้วยการเปิดตัวโมดูลที่รองรับ Category 6 LTE ที่ทำความเร็วได้มากกว่า 300Mbps
โมดูลตัวนี้เป็นรุ่น XMM7260 ที่เป็นรุ่นต่อจาก XMM7160 โมดูลรองรับ Category 4 LTE ที่เพิ่งส่งของเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยในโมดูลรุ่นใหม่นี้จะรองรับเครือข่ายที่นิยมในจีนอย่าง TD-LTE และ TD-SCDMA ด้วย
อินเทลระบุว่าจะเริ่มส่งของภายในไตรมาสสองของปีนี้ แต่ไม่ได้บอกว่ามีผู้ผลิตรายใดสั่งไปบ้างครับ
ที่มา - Engadget
ก่อนงาน BUILD ไม่ถึง 24 ชม. มีคนพบว่าไมโครซอฟท์เปิดเว็บไซต์ใหม่ Windows on Devices พร้อมระบุว่าจะนำ Windows ไปสู่อุปกรณ์ขนาดเล็กรูปแบบใหม่ (a whole new class of small devices) ตามแนวคิด Internet of Things แต่ต่อมาเว็บไซต์ดังกล่าวก็เข้าถึงไม่ได้อย่างไม่ทราบสาเหตุ
ไมโครซอฟท์ยกตัวอย่างอุปกรณ์ไว้ อาทิ แก้วกาแฟอัจฉริยะ ตุ๊กตาหมีพูดได้ และหุ่นยนต์ ซึ่งทั้งหมดนั้นรันอยู่บนแพลตฟอร์มและใช้เครื่องมือพัฒนาที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี การพัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าวจะอยู่บนแพลตฟอร์มอินเทล Galileo
บริษัทเผยว่าจะปล่อย SDK ในฤดูใบไม้ผลิของปีนี้ ตามข้อมูลที่อธิบายบนเว็บไซต์ คาดว่า SDK นี้จะรองรับการเชื่อมต่อกับ Azure ด้วย
เพื่อปลายปีที่แล้วอินเทลเปิดตัว MinnowBoard พีซี x86 ขนาดเล็กเป็นฮาร์ดแวร์โอเพนซอร์สเต็มตัว ข้อเสียคือราคาสูงถึง 199 ดอลลาร์ทำให้การใช้งานอาจจะลำบากสักหน่อย แต่บอร์ดรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัววันนี้ คือ MinnowBoard Max จะใช้ชิป BayTrail-T ราคาเริ่มต้นเพียง 99 ดอลลาร์ เริ่มวางตลาดกลางปีนี้
MinnowBoard Max จะมีสองรุ่น คือรุ่น 99 ดอลลาร์ เป็นซีพียูคอร์เดี่ยว 1.46 GHz แรม 1 GB และรุ่น 129 ดอลลาร์ ซีพียูสองคอร์ 1.33 GHz แรม 2 GB
พอร์ตเชื่อมต่อของ MinnowBoard Max ครบถ้วนทั้งพอร์ตความเร็วต่ำ เช่น SPI, I2C, UART, GPIO ส่วนพอร์ตความเร็วสูงเช่น PCIe 2.0 1x, SATA 3Gb/s, USB 2.0, USB 3.0
อินเทลเตรียมอัพเดตบอร์ด Edison ที่ใช้ชิป Quark ก่อนวางขายจริงในช่วงกลางปีนี้ จากเดิมที่จะมีขนาดพอดีกับการ์ด SD แต่ตอนนี้ Mike Bell ผู้จัดการฝ่าย New Devices Group ก็ออกมาบอกอินเทลตัดสินใจจะปรับปรุง Edison ให้ใช้งานได้ดีขึ้น โดยขยายขนาดบอร์ดขึ้นด้านละหนึ่งมิลลิเมตรทำให้ใส่ช่อง SD ไม่ได้แล้ว แต่จะต่อเซ็นเซอร์ได้มากขึ้น
ที่เพิ่มมาในบอร์ดรุ่นใหม่อีกอย่างคือการเชื่อมต่อไร้สาย อินเทลไม่ได้ระบุว่าจะใช้มาตรฐานอะไรเพื่อเชื่อมต่อ
ที่มา - PC World
วันนี้อินเทลประเทศไทยจัดงาน Intel Technology and Business Update 2014 สรุปความเคลื่อนไหวของอินเทลทั้งในแง่ผลิตภัณฑ์ (ที่รวมข้อมูลจากบริษัทแม่มาสรุปให้ฟัง) และทิศทางธุรกิจในบ้านเรา โดยคุณสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการคนใหม่ของอินเทลประเทศไทย (แต่อยู่กับอินเทลมานาน) เป็นคนบรรยายด้วยตัวเอง
ผมคิดว่าการบรรยายวันนี้สรุปให้เห็นทิศทางของอินเทลที่สะท้อนไปถึงตลาดพีซี อุปกรณ์พกพา และเซิร์ฟเวอร์ได้ดีพอสมควร จึงถ่ายรูปมาเยอะหน่อยนะครับ
คุณสนธิญา หนูจีนเส้ง
หลังจากอินเทลโชว์อุปกรณ์ไอทีสวมใส่ได้จำนวนมากในงาน CES 2014 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นความตั้งใจบุกตลาดนี้ของอินเทลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เข้าซื้อ Basis Science ผู้ผลิต Basis Band สายรัดข้อมือ และนาฬิกาเพื่อสุขภาพสำหรับเก็บข้อมูลการออกกำลังกาย เป็นจำนวนเงินประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ผลงานเดิมของ Basis อย่าง Basis Band นั้น เคลมว่าเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลสุขภาพที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก สามารถเก็บอุณหภูมิของผิวหนังได้ และมีฟังก์ชันอย่างการวัดการไหลเวียนของเลือด และอัตราการเต้นหัวใจเช่นกัน เมื่อทำงานร่วมกับแอพบน iOS และ Android สามารถติดตามพฤติกรรมการนอนของผู้ใช้ได้อีกด้วย
อินเทลประกาศเปิดตัวซีพียูเดสก์ทอป Haswell ชุดใหม่ อัพเดตคั่นก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนชุดไปยัง Broadwell ได้แก่ "Devil's Canyon" ซีพียูสำหรับเกมเมอร์ที่ปลดล็อกสัญญาณนาฬิกา โดยจุดเปลี่ยนสำคัญคือการอัพเดตแพ็กเกจระบายความร้อนแบบใหม่ อีกตัวหนึ่งคือ Pentium รุ่นครบรอบ 20 ปีเป็น Pentium สำหรับเกมเมอร์ที่ปลดล็อกสัญญาณนาฬิกาเช่นกันและเพิ่มฟีเจอร์ Intel Quick Sync เข้ามา ทั้งสองรุ่นวางขายจริงกลางปีนี้
อีกตัวที่อัพเดตใหญ่กว่าคือ Haswell-E เป็นซีพียูเดสก์ทอปไม่ล็อกสัญญาณนาฬิกาแบบ 8 คอร์ ใช้หน่วยความจำแบบ DDR4 ตัวแรก และต้องใช้กับชิปเซ็ต X99 ที่ออกมาคู่กัน ทาง Tom's Hardware ระบุข่าวลือจากเอกสารที่ไม่เปิดเผยว่า X99 นั้นจะมีพอร์ต SAS อีกสี่พอร์ตทำให้รองรับ SATA รวมถึงสิบพอร์ต
อินเทลเพิ่งเปิดตัว Atom รุ่นใหม่ Merrifield และ Moorefield ที่รองรับ 64 บิตทั้งคู่ และได้รับการคาดหมายว่าน่าจะมาเจาะตลาด Android ได้เพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม คนที่หวังจะซื้อสมาร์ทโฟน-แท็บเล็ตที่ใช้ Atom สองรุ่นนี้แล้วมาลงรอมเอง อาจต้องระวังสักหน่อยครับ เพราะตัวแทนของอินเทลออกมาให้ข้อมูลว่า Atom Merrifield (ไม่ได้บอกว่ารวมถึง Moorefield ด้วยหรือเปล่า) มีฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า "hooks" ที่สามารถตรวจสอบการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ของเครื่องได้ ถ้าผู้ใช้ลงระบบปฏิบัติการที่ไม่ผ่านการตรวจสอบและรับรองโดยอินเทล ตัวชิปอาจปิดความสามารถบางอย่าง เช่น LTE/3G ไม่ให้ระบบปฏิบัติการใหม่เข้าถึงได้
อินเทลร่วมมือกับบริษัท Corning, US Conec, TE Connectivity, และ Molex ประกาศตัวพอร์ต MXC ที่เป็นพอร์ตไฟเบอร์ออปติกส์เต็มรูปแบบ ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 1.6 Tbps
พอร์ต MXC ภายในเป็นแกนไฟเบอร์จำนวน 64 แกน แต่และแกนส่งข้อมูลที่ 25 Gbps จุดเด่นของมันคือมีชิ้นส่วนในหัวต่อไม่มากนักทำให้ทำต้นทุนได้ถูก และใช้พื้นที่ติดตั้งน้อย ที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือลำแสงเลเซอร์ของสาย MXC จะมีขนาดใหญ่มาก หน้าตัดแสงถึง 180 ไมโครเมตรเพื่อให้ทนฝุ่นในกรณีที่มีฝุ่นมาบังลำแสงไป
ผู้ที่เข้าร่วมกับ MXC ยังเป็นผู้ผลิตทั้งหมด โดย US Conec เป็นผู้ผลิตหัวต่อ Corning, TE Connectivity, และ Molex จะผลิตสายเคเบิล ขณะที่อินเทลจะผลิตชิป
ปัญหาการพัฒนาแอพพลิเคชั่นแอนดรอยด์ที่สำคัญ คือ อีมูเลเตอร์นั้นทำงานช้ามากเพราะมันเป็นอิมเมจที่สร้างเพื่อสถาปัตยกรรม ARM แต่มารันบนพีซีที่เป็น x86 แม้ช่วงหลังอินเทลจะช่วยทำอิมเมจ x86 ให้หลายรุ่น แต่ก็ยังไม่ซัพพอร์ตเต็มที่ ข้อจำกัดสำคัญคืออิมเมจ x86 นั้นจะไม่มี Google API มาให้ ทำให้ทดสอบทแอพพลิเคชั่นได้ไม่ครบถ้วน
แต่ใน SDK ตัวล่าสุด กูเกิลก็ปล่อยอิมเมจ x86 ของตัวเองมาแล้ว เพิ่มเติมจาก "Intel x86 Atom System Image" โดยอิมเมจใหม่ของกูเกิลจะใช้ชื่อ "Google APIs (x86 System Image)"
อิมเมจใหม่นี้จะรองรับเฉพาะ API 19 หรือ Android 4.4.2 เท่านั้น สำหรับความเร็ว หากใช้ความสามารถ Virtualization (Intel VT) ความเร็วที่ได้ก็จะเกือบเท่าฮาร์ดแวร์จริง
อินเทลทุ่มเทอย่างหนักให้นักพัฒนาหันกลับมาพัฒนาซอฟต์แวร์ให้กับซีพียูแพลตฟอร์ม x86 อีกครั้ง ในงาน MWC รอบนี้ก็มีการเปิดตัวชุดพัฒนา Intel INDE ชุดเครื่องมือพัฒนาสำหรับแอพพลิเคชั่นแบบเนทีฟ (C/C++) โดยมีจุดเด่นคือพัฒนาทีเดียวรองรับ Android ทั้ง ARM และ x86 พร้อมกับ Windows 7 และ 8.1 ไปพร้อมกัน
อินเทลเตรียมเข้าแข่งขันทั้งในอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ตัวเองกินส่วนแบ่งตลาดไม่ได้มากนักในช่วงสองปีที่ผ่านมา และเตรียมเข้าสู่ตลาดคอมพิวเตอร์แบบสวมใส่ได้ด้วยชิป Quark ตอนนี้ทาง ARM ก็จับชิป Quark มาสาธิตว่าเอาเข้าจริงแล้วชิปอินเทลก็ยังร้อนเกินไปอยู่ดี
ARM ทดสอบนาฬิกาที่ใช้ชิป Cortex-A9 แล้ววัดอุณหภูมิขณะใช้งานว่าร้อนเพียง 28 องศาเซลเซียสเท่านั้น ขณะที่ชิป Quark ที่ทำงานบนบอร์ดกาลิเลโอนั้นร้อนถึง 60 องศาเซลเซียส