เว็บไซต์ DigiTimes อ้างแหล่งข่าวภายในวงการฮาร์ดแวร์ว่า Amazon มีโอกาสหั่นราคาแท็บเล็ต Kindle Fire ลง จากราคาปัจจุบัน 199 ดอลลาร์มาเหลือ 149 ดอลลาร์ (4,700 บาท)
เหตุผลก็เป็นเพราะ Kindle Fire รุ่นปัจจุบันออกมาได้เกือบปีแล้ว, เราอาจเห็น Kindle Fire รุ่นใหม่ในเร็วๆ นี้ และกระแสข่าว Nexus Tablet ของกูเกิล
ส่วน Kindle Fire รุ่นใหม่คาดว่าจะเปิดตัวในไตรมาสที่สามของปี แบ่งเป็นรุ่นท็อปใช้หน้าจอ 7" ความละเอียด 1280x800 ราคา 199 ดอลลาร์ และจะมี Kindle Fire รุ่นถูก หน้าจอ 7" 1024x600 เท่าตัวปัจจุบัน (คาดว่าจะอัพเกรดสเปกจากเดิม) ขายในราคาเท่ากัน 149 ดอลลาร์
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า Amazon จะออก Kindle Fire หน้าจอ 8.9" และ 10.1" ตามมาทีหลังด้วยครับ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าววงในว่า Amazon เตรียมเปิดตัวเครื่องอ่านอีบุ๊ก Kindle และแท็บเล็ต Kindle Fire รุ่นใหม่ในเดือนกรกฎาคมนี้
สำหรับ Kindle ที่ใช้หน้าจอ E Ink จะเพิ่มไฟช่วยส่องสว่างด้านหน้า (front light) ซึ่งคู่แข่งอย่าง Barnes & Noble ชิงตัดหน้าเปิดตัว Nook Simple Touch with GlowLight ไปตั้งแต่เดือนเมษายนแล้ว
นักวิเคราะห์ประเมินว่า Kindle รุ่นมีไฟส่องไม่ได้ทำยากอะไรนัก และมีต้นทุนเพิ่มขึ้นมาจากเดิมอีกประมาณ 10 ดอลลาร์ต่อเครื่อง โดย Amazon น่าจะคงราคาให้เท่ากับ Kindle รุ่นก่อนๆ หรือไม่ก็เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ส่วนแท็บเล็ต Kindle Fire รุ่นใหม่มีข่าวลือว่ามันจะใช้หน้าจอใหญ่ขึ้นเป็น 8.9" ครับ
IDC ได้เผยข้อมูลยอดขายแท็บเล็ตรอบโลกสำหรับไตรมาสแรกของปี 2012 แม้ว่ายอดขาย iPad จะตกลงกว่า 20% จากไตรมาสก่อนหน้าก็ตาม แต่ส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตของแอปเปิลนั้นสูงขึ้นจากไตรมาสที่แล้วมาอยู่ที่ 68% จากเดิม 54.7% โดยทั้งหมดนี้เกิดจากยอดขายแท็บเล็ต Android ที่ลดลงมานั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Kindle Fire จากไตรมาสก่อนหน้าที่ทำยอดขายได้อย่างถล่มทลายที่ 4.8 ล้านเครื่อง กลับทำยอดขายในไตรมาสแรกของปีนี้ได้น้อยกว่า 750,000 เครื่อง
เช่นกัน ส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตของ Amazon ในไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 16.8% แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้กลับตกลงมาอยู่มากกว่า 4% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะเดียวกันซัมซุงกลับขโมยซีน Amazon ในตลาดนี้ไปได้ และครองอันดับที่สองในส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตไป
ข่าวนี้ยิ่งเป็นการยืนยันว่ายุทธศาสตร์การขายแท็บเล็ตราคาถูกที่ทำงานเฉพาะด้านของ Amazon เป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้อง เพราะส่วนแบ่งตลาด Android Tablet (ไม่นับรวมแท็บเล็ตแพลตฟอร์มอื่นนะครับ) ของ Kindle Fire ในสหรัฐ เพิ่มสูงถึง 54.4% นับถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2012
อันดับสองเป็นของ Samsung Galaxy Tab 15.4% ตามด้วย Motorola Xoom 7.0%, ASUS Transformer 6.3%, Toshiba AT100 5.7%
ที่น่าสนใจคือส่วนแบ่งตลาดของ Kindle Fire เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในทุกๆ เดือน โดยเดือนธันวาคม 2011 มีส่วนแบ่ง 29.4%, เดือนมกราคม 2012 ขึ้นมาที่ 41.8% และสุดท้ายมาปิดที่ 54.4% ในเดือนกุมภาพันธ์
หลังจากปล่อยให้แอปเปิลรุกตลาดหนังสือเรียน เปิดตัว iBooks 2 ที่เน้นสื่อการเรียนการสอนแบบอิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่เต็มรูปแบบ มาวันนี้อเมซอนเริ่มไล่ตามในตลาดหนังสือเรียนบ้าง
ชั่วโมงนี้คู่แข่งสำคัญที่สุดของ iPad คงหนีไม่พ้น Kindle Fire จาก Amazon ที่เพิ่งมีข่าวจาก Digitimes ว่ากำลังจะเปิดแท็บเล็ตอีกสองรุ่นในไตรมาสสองนี้ โดยจะมีขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว และ 10 นิ้ว
Digitimes อ้างข้อมูลจากซัพพลายเออร์ของ Amazon อย่าง Wintek และ TPK Holding ที่เตรียมส่งวัตถุดิบหน้าจอขนาด 10 นิ้วไปยังโรงงานประกอบอย่าง Foxconn และ Quanta ซึ่งผิดไปจากข่าวตอนแรกที่บอกว่า Kindle Fire รุ่นใหม่จะมีขนาดหน้าจอ 8.9 นิ้ว
ที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ Amazon เพิ่งลดปริมาณการสั่งจอ E-Ink กับ EIH ลงทำให้รายได้ของ EIH ตกลงมาถึง 62% ในปีนี้
ดูจากข้อมูลส่วนนี้เป็นไปได้ว่ายอดขายของ Kindle Fire อาจดีพอที่ Amazon จะเน้นที่ตลาดแท็บเล็ตมากกว่าเครื่องอ่านอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2012 ก็เป็นได้
หลายคงคงรอเครื่องอ่านอีบุ๊กจอสีแบบ E Ink กันมานาน เพราะที่ผ่านมานั้นจอ E Ink แบบสียังทำได้ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ และหน้าจอแบบอื่นก็ให้อารมณ์การอ่านได้ไม่สบายตาเหมือนกับจอแบบ E Ink
ตอนนี้สิงห์นักอ่านอีบุ๊กอาจมีเฮ เมื่อเว็บ DigiTimes ได้รายงานข่าวว่าทางผู้ผลิตหน้าจอ E Ink ได้เตรียมการจัดส่งชิ้นส่วนของหน้าจอของเครื่องอ่านอีบุ๊กจอสีแบบสัมผัสขนาด 6 นิ้ว ให้กับทาง Amazon ในเดือนมีนาคมนี้ถึงสามล้านหน่วยเลยทีเดียว
นอกจากนี้แล้ว ยังมีข่าวอีกว่า Foxconn Electronics นั้นได้รับคำสั่งผลิต Kindle Fire ขนาดหน้าจอ 10 นิ้วจาก Amazon และจะเริ่มจัดส่งสินค้าให้ในไตรมาสสองของปีนี้อีกด้วย
หลังจากที่ทางบริษัท Barnes & Noble เปิดตัว Nook Tablet ให้ทำตลาดสักพัก แต่ยอดขายกลับไม่ได้ดีเท่า Amazon Kindle Fire เนื่องจากราคาที่สูงกว่าถึง 50$ ล่าสุดทาง The Verge ได้ไปค้นว่าทาง Barnes & Noble เตรียมที่จะวางขายตัว Nook Tablet 8 GB ซึ่งแต่เดิมมีขายแค่ 16 GB โดยแผนดังกล่าวได้บอกว่าจะวางตลาดในวันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ โดยก
บริษัทวิจัยตลาดฮาร์ดแวร์ IHS iSuppli เผยข้อมูลยอดขายส่งแท็บเล็ตในไตรมาสสุดท้ายของปี 2011 และรวมข้อมูลตลอดปี 2011 พบสถิติดังนี้
ไตรมาส 4 ปี 2011
ข่าวนี้ถือเป็นภาคต่อของ ส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตโลก: iPad 57.6% Android 39.1% ซึ่งเป็นสถิติของบริษัท Strategy Analytics
คราวนี้บริษัท Flurry ซึ่งเก็บสถิติของแอพบนมือถือ ก็ออกมาเผยข้อมูลว่าตลาด Android Tablet เป็นอย่างไรบ้าง (สถิติของ Flurry วัดจากการใช้งานแอพ ไม่ได้วัดจำนวนเครื่องที่ขายออกไป แต่ก็สะท้อนส่วนแบ่งตลาด Android Tablet ได้ในระดับหนึ่ง)
Vimeo บริการวิดีโอออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอีกตัวหนึ่ง (เทียบกับ YouTube คงห่างกันไกล แต่ก็มีกลุ่มผู้ใช้เหนียวแน่นของตัวเอง) ประกาศออกแอพมือถือบนแพลตฟอร์มใหม่ๆ จากเดิมที่เคยมีแต่เวอร์ชัน iOS
แพลตฟอร์มเหล่านี้ได้แก่ Android, Kindle Fire, Windows Phone (โดยเวอร์ชัน Windows Phone จะออกแบบตาม Metro UI ด้วย) สำหรับแอพเวอร์ชัน Android มีให้ดาวน์โหลดแล้ว (Market) โดยปรับหน้าจอให้เหมาะกับแท็บเล็ตเช่นกัน
Vimeo บอกว่าจะออกแอพ iOS รุ่นใหม่ที่มีความสามารถทัดเทียมกับแอพชุดล่าสุดนี้ ซึ่งจะปรับหน้าจอให้เหมาะกับ iPad ด้วยครับ
DigiTimes รายงานข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กูเกิลเกี่ยวกับแท็บเล็ตที่กูเกิลจะสั่งผลิตเอง ซึ่งก่อนหน้านี้ Eric Schmidt ออกมาบอกว่าจะเป็นแท็บเล็ตคุณภาพสูง ว่าจะเป็นแท็บเล็ตขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว ใช้ระบบปฏิบัติการ Andro
นักวิเคราะห์จากบริษัท Morgan Keegan ประเมินยอดขาย iPad ในไตรมาสที่ผ่านมาว่าน่าจะอยู่ราวๆ 13 ล้านเครื่อง ถึงตัวเลขจะเยอะกว่าคู่แข่งมาก แต่ยอดเดิมที่ Morgan Keegan คาดการณ์ไว้คือ 16 ล้านเครื่อง
เหตุผลสำคัญที่ยอดประเมิน (ไม่ใช่ยอดขายจริงนะครับ) ลดลงไป เป็นเพราะ Kindle Fire ที่คาดว่าจะขายได้ถึง 4-5 ล้านเครื่องในไตรมาสก่อน ซึ่งในจำนวนนี้น่าจะราวๆ 1-2 ล้านเครื่องที่แย่งยอดขายมาจาก iPad ได้
Morgan Keegan ให้เหตุผลว่า Kindle Fire ขายดีเป็นเพราะปัจจัยเรื่องราคา โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่สนใจแท็บเล็ตราคา 500 ดอลลาร์ แต่จะซื้อแท็บเล็ตราคาถูกเท่านั้น หรือไม่ก็ไม่ซื้อมันเสียเลย
บริษัทไอทีต่างๆ ออกมาเผยความสำเร็จของยอดขายในช่วงคริสต์มาสกันยกใหญ่ คราวนี้เป็นคิวของ Amazon เจ้าพ่อแห่งร้านค้าปลีก ซึ่งมีผลิตภัณฑ์เด่นอย่าง Kindle ด้วย
บริษัทโฆษณา Millennial Media ซึ่งทำระบบโฆษณาบนแอพมือถือ เปิดเผยสถิติประจำเดือนพฤศจิกายน 2011 (รายงานฉบับก่อนๆ)
ไฮไลท์อยู่ที่แท็บเล็ต Kindle Fire ที่เพิ่งวางขายช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน ปรากฏว่ายอดโฆษณาของ Millennial Media ในแอพ Android ที่รันบน Kindle เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดแสดงโฆษณารวม "หลายร้อยล้านครั้ง" ต่อเดือน ถ้าคิดอัตราเฉลี่ยต่อวัน จะเติบโตวันละ 19% เลยทีเดียว
อัตราการเติบโตนี้ถือว่าเยอะกว่า iPad 1 ตอนที่วางขายเมื่อต้นปี 2010 ด้วยซ้ำ (อย่างไรก็ตามคงเทียบกันตรงๆ ไม่ได้เพราะสภาพตลาดแท็บเล็ตเปลี่ยนไปจากเดิมมาก)
ส่วนสถิติของสมาร์ทโฟนอื่นๆ ในสหรัฐอเมริกา มีดังนี้
เราเห็นข่าว Kindle Fire ขายดี
ดูเหมือนว่าอุปกรณ์อะไรก็ตามที่มีหน้าจอจะถูกแฮ็กเพื่อติดตั้ง Android ไปซะหมด และแล้วล่าสุดก็ถึงคิวของ Kindle Fire ที่ล่าสุดถูกจับติดตั้ง CyanogenMod 7 ภายหลังจากทาง Amazon ได้เปิดซอร์สและให้สิทธิ์ root กันอย่างเต็มที่ ข่าวนี้จึงไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย
Amazon ออกมาประกาศความสำเร็จของ Kindle ทุกรุ่นในเทศกาลจับจ่าย Black Friday ของสหรัฐ โดยยอดขายของ Kindle ทุกรุ่น (รวม Kindle Fire) ของช่วง Black Friday ในปีนี้ เยอะกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4 เท่าตัว
Dave Limp รองประธานฝ่าย Kindle ยังระบุว่าลูกค้าจำนวนมากสั่งซื้อ Kindle มากกว่าหนึ่งเครื่อง โดยเครื่องหนึ่งให้ตัวเอง และเครื่องที่เหลือให้เป็นของขวัญแด่คนรอบข้าง ส่วนร้านขายปลีก Target ระบุว่า Kindle Fire เป็นแท็บเล็ตที่ขายดีที่สุดของร้านในช่วงนี้
Amazon เพิ่งเปิดตัว Kindle ใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่นในปีนี้ แถมลดราคารุ่นเก่า และเมื่อรวมกับกระแสอีบุ๊กและแท็บเล็ตที่โตอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้ Kindle ขายดีตามที่เป็นข่าว
เพิ่งมีข่าวว่า Kindle Fire โดน root เรียบร้อย แต่แล้วหนทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่คิด เมื่อมีผู้ที่ทำการ root เครื่องแล้วกลับไปใช้บริการของ Amazon ตามปกติ พบว่าบริการ Video ไม่สามารถใช้บริการได้ตามปกติ โดยตัวเครื่องจะแจ้งว่าอุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้ตั้งค่าอย่างถูกต้อง สำหรับการเล่นวีดีโอของ Amazon ซึ่งการแก้ปัญหานี้มีทางเดียวคือต้องใช้ SuperOneClick ทำการ unroot เครื่องกลับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
งานนี้คงไม่ได้เป็นอย่างที่เหล่าชุมชนนักแฮ็กคิดแล้วล่ะครับ
ที่มา - Android Central
สองข่าวของ Kindle Fire ที่ทำให้ชุมชนนักแฮ็กมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ
ข่าวแรกคือมีสมาชิกของเว็บบอร์ด Android Forums สามารถเข้าถึง root ของเครื่อง Kindle Fire ได้แล้ว โดยใช้วิธี SuperOneClick 2.2 ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ชุมชนนักพัฒนารอมใช้กันแพร่หลายอยู่แล้ว รายละเอียดอ่านได้จาก Android Forums, Phandroid
ข่าวนี้จะคล้ายๆ กับ 26% ของผู้ซื้อ Kindle Fire ชะลอการซื้อ iPad แต่เป็นข้อมูลจากคนละบริษัทกัน
บริษัทวิจัยตลาด Retrovo ทำแบบสอบถามผู้บริโภคในสหรัฐว่าคิดยังไงกับ Kindle Fire และการซื้อแท็บเล็ตในช่วงปลายปีนี้ ผลคือ 69% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าสนใจซื้อแท็บเล็ต และในจำนวนนี้ มีคนที่ตอบว่า "สนใจซื้อ Kindle Fire แทน iPad 2" เป็นจำนวนถึง 44% ส่วนคนที่ตอบว่าจะซื้อ iPad 2 แน่นอนมีเพียง 12%
ก่อนหน้านี้ Amazon Kindle นั้นถูกมองว่าไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของ iPad เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากนิยมที่จะมีสินค้าทั้งสองชิ้นพร้อมๆ กันเพราะ Kindle นั้นถูกใช้งานเพื่ออ่านหนังสืออย่างเดียวมากกว่าจะเป็นแท็บเล็ตทั่วไป
แต่รายงานการสำรวจจากบริษัท ChangeWave ได้สำรวจกลุ่ม early adopter (กลุ่มใช้สินค้าเทคโนโลยีใหม่ๆ ก่อนตลาดหลัก) จำนวน 2,600 คน พบว่าร้อยละ 5 ของกลุ่มนี้ได้สั่งซื้อหรือค่อนข้างแน่ว่าจะสั่งซื้อ Kindle Fire เทียบกับร้อยละ 4 ของกลุ่มเดียวกันเมื่อครั้งที่ iPad เปิดตัว
แท็บเล็ต Kindle Fire จะส่งมอบให้ลูกค้าในวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ และตอนนี้ยังไม่มีลูกค้าคนไหนได้จับเครื่องจริง แต่ยอดสั่งซื้อล่วงหน้ากลับล้นหลามมาก (อ่านข่าวเก่า ประเมินยอดสั่งซื้อ Kindle Fire วันแรก 95,000 เครื่อง ประกอบ)
Kindle Fire ยังไม่ทันวางขายแต่ทาง Amazon ก็โดนฟ้องเข้าแล้ว เมื่อบริษัท Acacia Research Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่รวบรวมและสะสมสิทธิบัตร ยื่นฟ้อง Kindle Fire ข้อหาละเมิดสิทธิบัตรเรียบร้อย (Kindle Fire โดน 4 ชิ้น ส่วน Kindle 3G + Wi-Fi โดน 1 ชิ้น
Acacia Research เคยยื่นฟ้องแอปเปิลและ RIM มาก่อนแล้ว (patent troll ตัวจริง?) ส่วนสิทธิบัตรที่ฟ้อง Kindle Fire คือสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับการแตะสัมผัสไอคอนเพื่อให้อุปกรณ์ทำงานต่างๆ และสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับการใช้ปฏิทินหลายอันบนอุปกรณ์เครื่องเดียว