Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ประกาศว่าตั้งแต่สิงหาคม 2022 เป็นต้นไป จะมีระบบบัญชีใหม่เรียกว่า Meta account เพื่อให้ผู้ใช้งานเฮดเซต VR และผลิตภัณฑ์ metaverse อื่น ของ Meta ใช้ล็อกอิน จากเดิมต้องใช้บัญชี Facebook หรือบัญชี Oculus เท่านั้น
สิ่งที่ Zuckerberg ย้ำคือการแยกบัญชีช่วยให้ผู้ใช้งาน มีประวัติและข้อมูลที่แยกจากกันกับ Facebook และบัญชี Meta ใหม่นี้ ไม่ใช่บัญชีสำหรับโซเชียล แต่ใช้สำหรับจัดการรายการอุปกรณ์และการจ่ายเงิน ส่วนข้อมูลด้านโซเชียลจะแยกเป็น Meta Horizon profile ต่างหาก รวมทั้งระบบรายชื่อเพื่อน การตั้งค่าต่าง ๆ จึงช่วยให้ผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการนำบัญชี Facebook มาใช้งานสบายใจขึ้น
Meta ประกาศโอเพนซอร์สโมเดล AI ที่สามารถแปลภาษาได้มากกว่า 200 ภาษา โดยโมเดลนี้ชื่อว่า No Language Left Behind ชื่อย่อ NLLB-200 ช่วยในการเข้าถึงข้อมูลในภาษาที่มีคอนเทนต์จำนวนมาก เช่น อังกฤษ จีน สเปน และอาหรับ สำหรับผู้ใช้งานในแอฟริกาและเอเชีย ที่ไม่ได้ใช้ภาษาดังกล่าว ซึ่งมีอยู่หลายร้อยล้านคน
โมเดล NLLB-200 ระบุว่ามีคุณภาพการแปลที่ดีขึ้น 44% โดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ของ Meta และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นถึง 70% สำหรับภาษาในพื้นที่แอฟริกาและอินเดีย โดยกระบวนการตรวจสอบคุณภาพการแปลนั้น ใช้ทั้งระบบและคนในการตรวจ
Facebook เริ่มทดสอบการแสดงภาพ NFT โดยตอนนี้จำกัดเฉพาะครีเอเตอร์จำนวนหนึ่งก่อน และเป็นครีเอเตอร์ในอเมริกา
ฟีเจอร์ NFT บน Facebook เป็นรูปแบบเดียวกับบน Instagram ที่เริ่มทดสอบเมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งตนนั้น Mark Zuckerberg ก็บอกว่าจะรองรับการทำงานบน Facebook ด้วย
โดยเมื่อครีเอเตอร์โพสต์ผลงาน NFT ในหน้าฟีด Facebook พอกดเข้าไปดูจะแสดงรายละเอียดผลงานที่เกี่ยวข้อง
Meta ไม่ได้ให้ข้อมูลเชนที่รองรับ แต่ถ้าเหมือนกับ Instagram ก็ได้แก่ Ethereum และ Polygon ส่วน Solana กับ Flow จะรองรับในอนาคต
ที่มา: TechCrunch
บริษัทวิจัยตลาดไอที IDC รายงานภาพรวมตลาดเฮดเซต VR ของไตรมาสที่ 1 ปี 2022 จำนวนส่งมอบทั่วโลกเพิ่มขึ้น 241.6% เทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ปัจจัยหนุนหลักมาจากซัพพลายเชนที่ดีขึ้น ทำให้มีสินค้าส่งมอบมากขึ้น
Meta ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดถึง 90% ซึ่งมีสินค้าหลักคือ Quest 2 ตามด้วย Pico ที่ตอนนี้เป็นบริษัทของ ByteDance ที่ 4.5% ส่วนอันดับ 3-5 คือ DPVT, HTC และ iQIYI ซึ่งมีตัวเลขส่วนแบ่งไม่มากนัก
IDC ประเมินว่าจำนวนส่งมอบเฮดเซต VR ปีนี้จะอยู่ที่ราว 13.9 ล้านชุด และมองว่าตัวเลขปี 2023 น่าจะเติบโตสูงอีกครั้งเนื่องจากผู้เล่นปัจจุบันต่างมีแผนออกรุ่นอัพเกรด ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีผู้เล่นรายใหญ่ที่ทำสินค้า VR ขายในปีหน้า คือ Sony กับ Apple
Meta ประกาศเตรียมปิดให้บริการ Novi กระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ Facebook ทำเพื่อรองรับเงิน stablecoin ซึ่งตัวโครงการที่เกี่ยวข้อง Libra ได้ขายสินทรัพย์หลักไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่หัวหน้าโครงการ David Marcus ก็ลาออกจาก Meta ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
สำหรับผู้ที่ใช้งาน Novi จะไม่สามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าได้อีกตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป และตัวแอป Novi กับ Novi ใน WhatsApp จะไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2022 เป็นต้นไป ซึ่ง Meta ก็แนะนำให้ผู้ใช้งานถอนเงินออกมาทั้งหมดก่อนกำหนด
มีข้อมูลเอกสารภายในของ Meta ที่ Chris Cox หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์แจ้งพนักงาน ว่าตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงเวลาที่ร้ายแรง และได้รับผลกระทบหนัก ในครึ่งหลังของปี 2022 ผลงานทุกอย่างต้องทำออกได้ตามแผน ท่ามกลางสภาพตลาดที่การเติบโตลดลง และยังบอกว่าทีมงานทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยอาจไม่ได้งบประมาณสูง หรือการรับคนเพิ่มแบบในอดีต
เขายังพูดถึงการลงทุนใน 6 หัวข้อ ซึ่ง Meta ให้ความสำคัญสูงสุดตอนนี้ ที่ช่วยปิดช่องว่างของบริษัท และสนับสนุนแผนงานในระยะยาวตามกลยุทธ์ที่วางไว้
Financial Times สัมภาษณ์นักพัฒนาแอพ-เกมสาย VR หลายราย ที่บ่นว่าบริษัท Meta เก็บค่าธรรมเนียมสโตร์ (Oculus Store เดิม หรือ Quest Store ในปัจจุบัน) ในอัตรา 30% ซึ่งถือว่าแพงเทียบเท่ากับสโตร์แอพมือถือของแอปเปิล-กูเกิล ทั้งที่ Mark Zuckerberg เองก็ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้อยู่บ่อยๆ
โฆษกของ Meta ระบุว่านโยบายของบริษัทคือ ผู้ใช้สามารถ sideload แอพนอกสโตร์ได้เสมอ (สโตร์ทางเลือก เช่น SideQuest) นักพัฒนาจึงมีทางเลือกว่าจะเผยแพร่แอพของตัวเองผ่านช่องทางไหน
อย่างไรก็ตาม Financial Times อ้างข้อมูลจาก Sensor Tower ว่าตัวแอพของ Oculus มีคนดาวน์โหลด 19 ล้านครั้ง ส่วน SideQuest มีเพียง 4 แสนครั้งเท่านั้น ในทางปฏิบัตินักพัฒนาก็ไม่มีทางเลือกมากนักอยู่ดี
Instagram ประกาศเพิ่มวิธีการตรวจสอบอายุของผู้ใช้งาน เริ่มมีผลกับผู้ใช้ในอเมริกาที่พยายามแก้ไขอายุให้เกิน 18 ปี จากเดิมที่ผู้ใช้งานต้องแสดงบัตรประจำตัว (ID Card) โดยเพิ่มวิธีการยืนยันผ่านเพื่อน และอีกวิธีซึ่งมีรายละเอียดน่าสนใจคือ ส่งวิดีโอเซลฟี่แล้วใช้ AI ตรวจสอบอายุจากใบหน้า
ทั้งนี้ Instagram กำหนดให้ผู้ใช้งานต้องมีอายุอย่างน้อย 13 ปี โดยมีส่วนที่แตกต่างสำหรับผู้ใช้งานช่วง 13-17 ปี เช่น บัญชีจะตั้งค่าเป็นส่วนตัวเป็นค่าเริ่มต้น กำหนดไม่ให้คนไม่รู้จักติดต่อได้ รวมทั้งคอนเทนต์โฆษณาต่าง ๆ ก็ถูกปรับเนื้อหา
วันนี้ Mark Zuckerberg ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Facebook Pay บริการระบบชำระเงินของ Meta เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Meta Pay อย่างเป็นทางการแล้ว
Zuckerberg ระบุว่า Meta Pay จะยังคงให้บริการเหมือน Facebook Pay เดิม ทั้ง Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger ซึ่งในอนาคต Meta จะเพิ่มฟีเจอร์กระเป๋าเงินสำหรับ metaverse เข้าไปด้วย เพราะในอนาคตจะมีวัตถุดิจิทัลที่เราจะสร้างหรือซื้อจำนวนมาก ทั้งเสื้อผ้าดิจิทัล, ศิลปะ, วิดีโอ, เพลง, ประสบการณ์, อีเวนท์เสมือน และอื่น ๆ ซึ่งการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของนั้นสำคัญโดยเฉพาะถ้าต้องการย้ายวัตถุไปตามบริการต่าง ๆ ซึ่งในอนาคตเพียงลงชื่อเข้าใช้ทุกอย่างก็จะมาให้พร้อมใช้งาน
Meta, Microsoft และอีกหลายบริษัทเทคโนโลยี ประกาศร่วมจัดตั้ง Metaverse Standards Forum เพื่อกำหนดมาตรฐานร่วมกันในการพัฒนา metaverse คล้ายกับ W3C ที่เป็นองค์กรที่ร่วมกันกำหนดมาตรฐานของเว็บ
นอกจาก Meta และ Microsoft แล้ว รายชื่อบริษัทที่อยู่ในรายชื่อสมาชิกของ Metaverse Standards Forum ยังมีทั้ง Autodesk, Epic Games, Huawei, Ikea, NVIDIA, Qualcomm, Sony, Unity โดยมีข้อสังเกตว่าสมาชิกรุ่นก่อตั้งไม่มีบริษัทอย่าง Apple, Alphabet หรือบริษัทเกมอย่าง Roblox กับ Niantic
ทั้งนี้ในด้านคอนเทนต์ 3D นั้น แอปเปิลร่วมกับ Pixar กำหนดมาตรฐานไฟล์ขึ้นมาคือ USDZ โดยร่วมมือกับ Adobe ด้วย
Mark Zuckerberg โชว์ต้นแบบแว่น VR ที่เคยพัฒนาในห้องแล็บของบริษัท Meta จำนวนทั้งหมด 4 รุ่น โดยทั้ง 4 รุ่นไม่ใช่แว่นรุ่นที่จะวางขายจริง
Meta เริ่มเดินเครื่องจักรวาล Metaverse ของตัวเอง ด้วยการเปิด Avatars Store ร้านขายเสื้อผ้าสำหรับอวตารของเราที่อยู่ในแอพต่างๆ ของแพลตฟอร์ม ทั้ง Facebook, Instagram, Messenger และจะตามเข้าไปยังโลก VR ในเร็วๆ นี้
เสื้อผ้าที่นำมาขายมาจากดีไซเนอร์แบรนด์ดัง เช่น Balenciaga, Prada, Thom Browne โดยมีนายแบบ-นางแบบเป็นอวตารของ Mark Zuckerberg และ Eva Chen นักเขียนหนังสือเด็กที่ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นของ Instagram
ที่มา - @Meta บนทวิตเตอร์ ที่ทำไมไม่โพสต์บนแพลตฟอร์มตัวเองก็ไม่รู้
เว็บไซต์ The Verge ได้เอกสารภายในของ Meta ที่ออกมาช่วงเดือนเมษายนโดย Tom Alison หัวหน้าทีมแอป Facebook พูดถึงแนวทางการปรับปรุง Facebook ใหม่ ซึ่งแม้ไม่ได้ระบุถึงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเพื่อแข่งขันกับ TikTok
ประเด็นสำคัญคือการพัฒนา Discovery Engine เรื่องเครื่องมือสำหรับแนะนำคอนเทนต์ให้กับผู้ใช้งาน โดยระบุว่าหน้าฟีดจะปรับมาเน้นการแนะนำคอนเทนต์ ซึ่งผู้ใช้งานคนนั้นอาจไม่ได้ติดตามอยู่ เหมือน For You ใน TikTok แต่อาศัยข้อมูลพฤติกรรมหลายอย่างเพื่อคัดเลือกเนื้อหามาแสดง ตอนนี้เริ่มใช้แล้วใน Reels แต่จะขยายไปสู่คอนเทนต์ประเภทอื่นด้วย โดยแนวทางนี้ซีอีโอ Mark Zuckerberg เคยเกริ่นแล้วในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวลือเกี่ยวกับโครงการฮาร์ดแวร์ของ Meta หลายชิ้น ดังนี้
Meta บริษัทแม่ของ Facebook ประกาศปรับโครงสร้างฝ่าย AI เนื่องจาก Jerome Pesenti รองประธานฝ่าย ที่อยู่ในตำแหน่งนี้มา 4 ปี จะลาออกจากบริษัท มีผลกลางเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการลาออกของผู้บริหารระดับสูงต่อจากซีโอโอ Sheryl Sandberg
การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือฝ่าย AI ใน Meta เดิมมีใช้วิธีจัดการแบบรวมศูนย์ คือทีมใหญ่ทีมเดียวรับผิดชอบ AI ในทุกผลิตภัณฑ์และบริการตั้งแต่ Facebook, Instagram จนถึง Oculus แต่หลังการลาออกของ Jerome ทีมงานในฝ่าย AI จะกระจายไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมต่าง ๆ ดังนี้
Sheryl Sandberg ซีโอโอของ Meta ให้สัมภาษณ์กับ The Verge ถึงเหตุผลที่เธอลงจากตำแหน่ง ว่าอยากมีเวลาไปทำงานกุศลตามที่ต้องการ โดยเฉพาะเรื่องสิทธิสตรีที่เธอผลักดันมานานจากกลุ่ม Lean In ที่เธอทำมานานแล้ว
Sandberg บอกว่าตอนที่มารับตำแหน่งซีโอโอ เธอคิดว่าจะทำเพียง 5 ปีเท่านั้น แต่กลับทำมานานถึง 14 ปี ซึ่งเธอพบว่างานนี้สนุกและเป็นเกียรติมาก แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เมื่อเธอมั่นใจว่าทีมบริหารของ Meta เข้มแข็งมากพอแล้ว จึงถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนผ่าน
Sandberg ยังบอกว่าเธอจะยังเป็นบอร์ดของ Meta ต่อไป และยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นบอร์ดไปนานแค่ไหน
Sheryl Sandberg ซีโอโอ Meta บริษัทแม่ของ Facebook ประกาศลาออกจากตำแหน่ง มีผลในช่วงปลายปีนี้ ทั้งนี้ Sandberg จะยังรับตำแหน่งในบอร์ดบริหารของ Meta ต่อไป
Javier Olivan หัวหน้าฝ่ายการเติบโตของ Meta (Chief Growth Office) จะมารับตำแหน่งซีโอโอต่อ ซึ่งจากนี้จะเป็นช่วงการส่งต่องานทั้งหมดให้
หลัง Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta Platforms, Inc. สิ่งที่ยังคงอยู่จากยุค Facebook คือตัวย่อหุ้น (Ticker Symbol) ที่ยังใช้ "FB" เหมือนเดิม
แต่ล่าสุด Meta ประกาศว่ายื่นขอเปลี่ยนตัวย่อหุ้นจาก FB เป็น META แล้ว การเปลี่ยนแปลงจะมีผลในวันที่ 9 มิถุนายน 2022
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีผลเฉพาะตัวย่อหุ้นเท่านั้น โครงสร้างผู้ถือหุ้นยังเหมือนเดิมทั้งหมด
ที่มา - Meta
WhatsApp เปิดตัว Cloud API ให้ธุรกิจและนักพัฒนาสามารถเชื่อมระบบเข้ากับแพลตฟอร์มแชทได้แล้ว
WhatsApp ถือเป็นบริการแชทยอดนิยมที่เข้ามายังตลาดธุรกิจค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้ WhatsApp เคยเปิด Business API มาก่อน แต่จำกัดวิธีการใช้งานว่าผู้ใช้ต้องมีเซิร์ฟเวอร์เอง หรือใช้ผ่านเซิร์ฟเวอร์ของคู่ค้าที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น มีวิธีคิดเงินตามจำนวนข้อความที่ส่ง ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น
Cloud API เป็นการเปิด API ที่รันบนคลาวด์ของ Meta เอง ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์เอง แถมยังใช้งานได้ฟรี เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กมากขึ้น
บริษัท Meta ประกาศยกโครงการ Jest เฟรมเวิร์คสำหรับรันทดสอบจาวาสคริปต์ ให้เป็นของมูลนิธิ OpenJS Foundation
Jest ถือเป็นเฟรมเวิร์คสำหรับรันทดสอบยอดนิยมตัวหนึ่ง มียอดดาวน์โหลดสัปดาห์ละ 17 ล้านครั้ง ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่ปี 2011 ในชื่อว่า "jst" โดยใช้กับฟีเจอร์ Facebook Chat (ในขณะนั้นยังไม่เรียก Messenger) ที่ถูกเขียนใหม่เป็นจาวาสคริปต์ แต่บริษัทพบว่าไม่มีเฟรมเวิร์คสำหรับจาวาสคริปต์ที่ดีพอ จึงสร้างขึ้นมาเอง
Meta กำลังทยอยเปลี่ยนชื่อผลิตภัณฑ์ตามชื่อใหม่ของบริษัท โดยล่าสุดจะเป็นคิวของ Facebook Pay ที่กำลังจะเปลี่ยนชื่อเป็น Meta Pay และอาจมีแผนขยายบริการชำระเงินเข้าสู่ Metaverse ด้วย
Stephane Kasriel หัวหน้าฝ่ายฟินเทคของ Meta เขียนใน Medium ว่า ตอนนี้ Meta กำลังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นในการกำหนดสโคปว่ากระเป๋าเงินควรจะเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีแผนชัดเจน แต่ที่แน่นอนคือประสบการณ์เหล่านี้จะถูกนำเข้าไปสู่ Metaverse ด้วย
จากข่าวไม่ยืนยันเมื่อวานนี้ Instagram เตรียมเปิดทดสอบ NFT วันนี้ Mark Zuckerberg โพสต์ยืนยันเรื่องนี้แล้ว โดยทั้ง Instagram และ Facebook จะรองรับการแสดงภาพ NFT บนโพรไฟล์ในเร็วๆ นี้ โดยเริ่มทดสอบจากฝั่ง Instagram ก่อน
นอกจากนี้ Zuckerberg ยังพูดถึงการแสดง Augmented Reality NFT หรือ 3D NFT บน Instagram Stories ผ่านแอพ Spark AR เพื่อนำอวตาร 3D ไปแสดงบนพื้นที่กายภาพจริงๆ ผ่านกล้องของมือถือด้วย
Meta แจ้งอย่างเป็นทางการว่า Facebook จะยุติให้บริการ Nearby Friends และ Weather Alerts ตั้งแต่วันที่ 31 พ.ค. 2022 เป็นต้นไป นอกจากนี้ข้อมูล Location-Based ที่ผู้ใช้เปิดเผยให้กับ Facebook เช่น Location History และ Background Location จะหยุดเก็บข้อมูลตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามข้อมูลบางชุด เช่น Location History ที่ปกติระบบจะเก็บข้อมูลการเดินทางของผู้ใช้ เพื่อรับรู้ว่าเคยไปที่ไหนมาบ้าง ทาง Facebook จะเปิดให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดข้อมูลดังกล่าวลงมาได้จนถึงวันที่ 1 ส.ค. 2022 และหลังจากนั้นข้อมูลชุดนี้จะถูกลบออกจากระบบ
มีเอกสารภายในของบริษัท Meta หลุดออกมาว่า บริษัทมีนโยบายชะลอการจ้างงานใหม่ในแทบทุกฝ่าย หลังรายได้เริ่มโตช้าลง ทั้งจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ, สงครามยูเครน และการปรับนโยบายตามรอยของ iOS
ตามข่าวบอกว่า นโยบายชะลอการจ้างงานจะมีผลไปจนถึงสิ้นปี 2022
ปีที่แล้ว 2021 บริษัท Meta เร่งจ้างงานครั้งใหญ่ มีพนักงานเพิ่มขึ้นถึง 28%, มีบันทึกภายในชื่อ Why hiring is so hard right now หลุดออกมา และมีตัวอย่างการดึงวิศวกรคนสำคัญๆ จากแอปเปิลไปหลายคน จนแอปเปิลถึงขั้นต้องออกหุ้นพิเศษ เพื่อรั้งให้พนักงานไม่ย้ายบริษัทหนี
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ให้ข้อมูลในช่วงแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุด พูดถึง Reels แพลตฟอร์มคลิปวิดีโอสั้นที่ทำมาเพื่อแข่งกับ TikTok ว่าตอนนี้การรับชม Reels ใน Instagram คิดเป็น 20% ของเวลาทั้งหมดที่คนใช้งานใน Instagram แล้ว ส่วน Reels ใน Facebook ไม่ได้ให้ข้อมูลตรง ๆ แต่บอกว่าการดูวิดีโอทุกประเภท คิดเป็น 50% ของเวลาที่คนใช้ Facebook
เขายอมรับว่า Reels ตอนนี้ยังต่อยอดเพื่อทำเงินได้ยาก เทียบกับ Stories ที่ตอนนี้สามารถแทรกโฆษณาเข้ามาได้แล้ว แต่มองว่าตอนนี้ Reels ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น คาดว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นในอนาคต