ประเด็นการขึ้นราคาแว่น Meta Quest 2 ครั้งเดียวถึง 100 ดอลลาร์ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย สร้างความประหลาดใจให้ใครหลายคน ในประกาศของ Meta อ้างเรื่องต้นทุนการผลิตที่แพงขึ้น แต่แพงอย่างไรก็ไม่น่าเพิ่มทีเดียวถึง 100 ดอลลาร์
คำตอบของเรื่องนี้อาจอยู่ในงานแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Meta ที่แยกตัวเลขฝั่ง Reality Labs ออกมาให้เห็นชัดๆ (นับรวมแว่น Oculus, หน้าจออัจฉริยะ Portal) ว่ามีรายได้ 452 ล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ในอีกด้านก็ขาดทุนถึง 2,806 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.02 แสนล้านบาท
ถึงแม้เราเห็นข่าว Meta หรือ Facebook โดนเพ่งเล็งในข้อหาผูกขาดการแข่งขัน จากการซื้อทั้ง Instagram และ WhatsApp รวมถึงกรณีการซื้อ Giphy ที่โดนหน่วยงานฝั่งอังกฤษฟันธงว่าผูกขาด
แต่ Federal Trade Commission (FTC) หน่วยงานกำกับดูแลด้านการค้าของสหรัฐ กลับยังไม่เคยมีคำสั่งลักษณะเดียวกันมาก่อน จนกระทั่งล่าสุดมีเซอร์ไพร์สคือ FTC ประกาศว่าจะขวางดีล Meta ซื้อบริษัท Within ผู้พัฒนาแอพออกกำลังกาย VR ชื่อ Supernatural เมื่อปี 2021
ในการแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Meta ซีอีโอ Mark Zuckerberg ได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับระบบ Recommendations ที่จะแสดงโพสต์ของคนที่ผู้ใช้งานไม่ได้ติดตาม ซึ่งตอนนี้เริ่มมีแล้วทั้งใน Facebook และ Instagram ซึ่งหากไม่ชอบ นี่ก็คงเป็นข่าวร้าย
Zuckerberg บอกว่าปัจจุบันอัตราการแสดงผลโพสต์ประเภท Recommendations สำหรับผู้ใช้งานแต่ละคน อยู่ที่ประมาณ 15% บน Facebook และมากกว่านี้เล็กน้อยใน Instagram โดยตัวเลขจะเพิ่มเป็นเท่าตัว (คือประมาณ 30%) ภายในสิ้นปีหน้า
Meta รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 มีรายได้รวม 28,822 ล้านดอลลาร์ ลดลง 1% เทียบกับไตรมาสที่ 2 ปี 2021 และเป็นรายได้ที่ลดลงแบบเทียบปีก่อนหน้า (YoY) ครั้งแรกนับตั้งแต่บริษัทรายงานผลประกอบการมา ส่วนกำไรสุทธิลดลงเป็น 6,687 ล้านดอลลาร์
รายได้จากธุรกิจแอปในเครือทั้งหมดที่เรียกรวมว่า Family of Apps ลดลงเล็กน้อยเป็น 28,370 ล้านดอลลาร์ ส่วนธุรกิจใหม่ Reality Labs เพิ่มขึ้นเป็น 452 ล้านดอลลาร์ แต่เฉพาะส่วน Reality Labs ขาดทุนจากการดำเนินงาน 2,806 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ผ่านมา
Meta ประกาศขึ้นราคาแว่น Meta Quest 2 อีก 100 ดอลลาร์ในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ โดยให้เหตุผลเรื่องต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
เพื่อเป็นการปลอบใจ Meta จะแถมยอดฮิต Beat Saber (ที่ตอนนี้เป็นของ Meta แล้ว) ให้ฟรีจนถึงสิ้นปี 2022 ด้วย
ไม่ใช่มีแต่ตัวแว่นที่ขึ้นราคา อุปกรณ์เสริมของ Quest หรือแม้กระทั่งแว่นรุ่น refurbished ก็ขึ้นราคาตามด้วยเช่นกัน
Meta เตรียมหยุดให้บริการแอปสำหรับสนทนาระหว่างคู่รัก Tuned หลังจากเปิดทดลองตลาดมาเป็นระยะเวลากว่า 2 ปี
Tuned เป็นโครงการภายใต้ทีม New Project Experimentation ของ Meta โดยหน่วยงานนี้จะคอยพัฒนาแอปหลากหลายรูปแบบมาเพื่อทดลองตลาด โดย Tuned เปิดตัวครั้งแรกในปี 2020 ออกแบบแอปมาเน้นให้คู่รักคุยกันสองคน เป็นพื้นที่ส่วนตัวในการแชร์ข้อความ, ลิงก์, เพลงบน Spotify, รูปภาพ, ข้อความเสียง ฯลฯ ระหว่างคู่รัก โดย Craig Chapple จากบริษัทวิเคราะห์ตลาด Sensor Tower ระบุว่าบน App Store และ Google Play รวมกัน แอปนี้มียอดดาวน์โหลดเพียง 909,000 ครั้งเท่านั้น
Oleg Obleukhov และ Ahmad Byagowi วิศวกรจาก Meta เขียนบล็อกเพื่อสนับสนุนให้ยกเลิก Leap Second หรือ อธิกวินาที ที่หลายบริษัทเทคโนโลยีเคยเสนอก่อนหน้านี้ ซึ่งปัจจุบันถูกใช้เป็นวิธีชดเชยการนับเวลาของโลก ที่ไม่ได้หมุนรอบตัวเท่ากันเป๊ะในทุกปี โดยการบวกชดเชยเวลานั้น จะมีหน่วยงาน IERS เป็นคนกำหนดว่าให้ทำในปีใดวันใด
Instagram ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับการซื้อขายสินค้าผ่าน DM โดยสามารถจ่ายเงินและแทร็กสถานะคำสั่งซื้อกับร้านค้าได้จบในกล่องข้อความเลย
ฟีเจอร์นี้จะรองรับเฉพาะบัญชีธุรกิจของผู้ใช้ในอเมริกาที่ผ่านการตรวจสอบเงื่อนไข โดยขั้นตอนการจ่ายเงินจะทำผ่านระบบ Meta Pay เหมือนกับระบบซื้อขายจ่ายเงินใน Facebook Messenger
การเพิ่มคุณสมบัติรองรับการซื้อขายเต็มรูปแบบนี้ ทำให้ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นอีคอมเมิร์ซเต็มตัวมากขึ้น
ที่มา: Meta
AI สำหรับสร้างรูปภาพจากคำบรรยาย กำลังเป็นหัวข้อวิจัยที่มาแรง ซึ่งเห็นได้จากทั้ง DALL·E ของ OpenAI หรือ Imagen ของกูเกิล ที่สามารถสร้างสรรค์รูปภาพได้หลากหลายแบบ คราวนี้ก็เป็น Meta ที่เปิดตัวเครื่องมือแบบนี้บ้าง
งานวิจัยนี้ของ Meta มีชื่อเรียกว่า Make-A-Scene ใช้อินพุตที่เป็นข้อความบรรยายรายละเอียดรูปภาพ แต่เพิ่มเติมคือสามารถรับอินพุตที่เป็นภาพร่างเบื้องต้นได้ด้วยคู่กัน ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการได้ผลลัพธ์รูปภาพไม่ตรงกับที่คิดในหัว
Meta เปิดตัวโครงการ AI ใหม่แนวสารานุกรมออนไลน์ชื่อ Sphere
แนวทางการทำงานของ Sphere คือการให้ AI อ่านเอกสารความรู้เชิงวิชาการจำนวนมาก 134 ล้านหน้าบนอินเทอร์เน็ต นำมาย่อยเป็นข้อความ 906 ล้านย่อหน้า (เรียกว่า knowledge-intensive natural language processing หรือ KI-NLP) เพื่อให้ AI ทำตัวเป็น "ปราชญ์" สามารถตอบคำถามแนวความรู้ เช่น "ใครเป็นคนที่ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์คนแรกของโลก" ได้อย่างแม่นยำ
Meta บอกว่าแนวทางของ Sphere เป็นการเข้าไปอ่านเอกสารที่สแกนหาเองโดยตรง (Meta เขียน crawler เอง เพื่อมาอ่านให้เข้าใจด้วย NLP) ต่างจากแนวทางเดิมที่ใช้วิธีดึงข้อมูลจาก search engine ที่ผ่านการคัดกรองอันดับมาแล้ว
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ประกาศว่าตั้งแต่สิงหาคม 2022 เป็นต้นไป จะมีระบบบัญชีใหม่เรียกว่า Meta account เพื่อให้ผู้ใช้งานเฮดเซต VR และผลิตภัณฑ์ metaverse อื่น ของ Meta ใช้ล็อกอิน จากเดิมต้องใช้บัญชี Facebook หรือบัญชี Oculus เท่านั้น
สิ่งที่ Zuckerberg ย้ำคือการแยกบัญชีช่วยให้ผู้ใช้งาน มีประวัติและข้อมูลที่แยกจากกันกับ Facebook และบัญชี Meta ใหม่นี้ ไม่ใช่บัญชีสำหรับโซเชียล แต่ใช้สำหรับจัดการรายการอุปกรณ์และการจ่ายเงิน ส่วนข้อมูลด้านโซเชียลจะแยกเป็น Meta Horizon profile ต่างหาก รวมทั้งระบบรายชื่อเพื่อน การตั้งค่าต่าง ๆ จึงช่วยให้ผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการนำบัญชี Facebook มาใช้งานสบายใจขึ้น
Meta ประกาศโอเพนซอร์สโมเดล AI ที่สามารถแปลภาษาได้มากกว่า 200 ภาษา โดยโมเดลนี้ชื่อว่า No Language Left Behind ชื่อย่อ NLLB-200 ช่วยในการเข้าถึงข้อมูลในภาษาที่มีคอนเทนต์จำนวนมาก เช่น อังกฤษ จีน สเปน และอาหรับ สำหรับผู้ใช้งานในแอฟริกาและเอเชีย ที่ไม่ได้ใช้ภาษาดังกล่าว ซึ่งมีอยู่หลายร้อยล้านคน
โมเดล NLLB-200 ระบุว่ามีคุณภาพการแปลที่ดีขึ้น 44% โดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับงานวิจัยก่อนหน้านี้ของ Meta และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นถึง 70% สำหรับภาษาในพื้นที่แอฟริกาและอินเดีย โดยกระบวนการตรวจสอบคุณภาพการแปลนั้น ใช้ทั้งระบบและคนในการตรวจ
Facebook เริ่มทดสอบการแสดงภาพ NFT โดยตอนนี้จำกัดเฉพาะครีเอเตอร์จำนวนหนึ่งก่อน และเป็นครีเอเตอร์ในอเมริกา
ฟีเจอร์ NFT บน Facebook เป็นรูปแบบเดียวกับบน Instagram ที่เริ่มทดสอบเมื่อเดือนพฤษภาคม ซึ่งตนนั้น Mark Zuckerberg ก็บอกว่าจะรองรับการทำงานบน Facebook ด้วย
โดยเมื่อครีเอเตอร์โพสต์ผลงาน NFT ในหน้าฟีด Facebook พอกดเข้าไปดูจะแสดงรายละเอียดผลงานที่เกี่ยวข้อง
Meta ไม่ได้ให้ข้อมูลเชนที่รองรับ แต่ถ้าเหมือนกับ Instagram ก็ได้แก่ Ethereum และ Polygon ส่วน Solana กับ Flow จะรองรับในอนาคต
ที่มา: TechCrunch
บริษัทวิจัยตลาดไอที IDC รายงานภาพรวมตลาดเฮดเซต VR ของไตรมาสที่ 1 ปี 2022 จำนวนส่งมอบทั่วโลกเพิ่มขึ้น 241.6% เทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ปัจจัยหนุนหลักมาจากซัพพลายเชนที่ดีขึ้น ทำให้มีสินค้าส่งมอบมากขึ้น
Meta ครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดถึง 90% ซึ่งมีสินค้าหลักคือ Quest 2 ตามด้วย Pico ที่ตอนนี้เป็นบริษัทของ ByteDance ที่ 4.5% ส่วนอันดับ 3-5 คือ DPVT, HTC และ iQIYI ซึ่งมีตัวเลขส่วนแบ่งไม่มากนัก
IDC ประเมินว่าจำนวนส่งมอบเฮดเซต VR ปีนี้จะอยู่ที่ราว 13.9 ล้านชุด และมองว่าตัวเลขปี 2023 น่าจะเติบโตสูงอีกครั้งเนื่องจากผู้เล่นปัจจุบันต่างมีแผนออกรุ่นอัพเกรด ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีผู้เล่นรายใหญ่ที่ทำสินค้า VR ขายในปีหน้า คือ Sony กับ Apple
Meta ประกาศเตรียมปิดให้บริการ Novi กระเป๋าเงินดิจิทัล ที่ Facebook ทำเพื่อรองรับเงิน stablecoin ซึ่งตัวโครงการที่เกี่ยวข้อง Libra ได้ขายสินทรัพย์หลักไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่หัวหน้าโครงการ David Marcus ก็ลาออกจาก Meta ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
สำหรับผู้ที่ใช้งาน Novi จะไม่สามารถเติมเงินเข้ากระเป๋าได้อีกตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2022 เป็นต้นไป และตัวแอป Novi กับ Novi ใน WhatsApp จะไม่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ 1 กันยายน 2022 เป็นต้นไป ซึ่ง Meta ก็แนะนำให้ผู้ใช้งานถอนเงินออกมาทั้งหมดก่อนกำหนด
มีข้อมูลเอกสารภายในของ Meta ที่ Chris Cox หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์แจ้งพนักงาน ว่าตอนนี้บริษัทอยู่ในช่วงเวลาที่ร้ายแรง และได้รับผลกระทบหนัก ในครึ่งหลังของปี 2022 ผลงานทุกอย่างต้องทำออกได้ตามแผน ท่ามกลางสภาพตลาดที่การเติบโตลดลง และยังบอกว่าทีมงานทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน โดยอาจไม่ได้งบประมาณสูง หรือการรับคนเพิ่มแบบในอดีต
เขายังพูดถึงการลงทุนใน 6 หัวข้อ ซึ่ง Meta ให้ความสำคัญสูงสุดตอนนี้ ที่ช่วยปิดช่องว่างของบริษัท และสนับสนุนแผนงานในระยะยาวตามกลยุทธ์ที่วางไว้
Financial Times สัมภาษณ์นักพัฒนาแอพ-เกมสาย VR หลายราย ที่บ่นว่าบริษัท Meta เก็บค่าธรรมเนียมสโตร์ (Oculus Store เดิม หรือ Quest Store ในปัจจุบัน) ในอัตรา 30% ซึ่งถือว่าแพงเทียบเท่ากับสโตร์แอพมือถือของแอปเปิล-กูเกิล ทั้งที่ Mark Zuckerberg เองก็ออกมาวิจารณ์เรื่องนี้อยู่บ่อยๆ
โฆษกของ Meta ระบุว่านโยบายของบริษัทคือ ผู้ใช้สามารถ sideload แอพนอกสโตร์ได้เสมอ (สโตร์ทางเลือก เช่น SideQuest) นักพัฒนาจึงมีทางเลือกว่าจะเผยแพร่แอพของตัวเองผ่านช่องทางไหน
อย่างไรก็ตาม Financial Times อ้างข้อมูลจาก Sensor Tower ว่าตัวแอพของ Oculus มีคนดาวน์โหลด 19 ล้านครั้ง ส่วน SideQuest มีเพียง 4 แสนครั้งเท่านั้น ในทางปฏิบัตินักพัฒนาก็ไม่มีทางเลือกมากนักอยู่ดี
Instagram ประกาศเพิ่มวิธีการตรวจสอบอายุของผู้ใช้งาน เริ่มมีผลกับผู้ใช้ในอเมริกาที่พยายามแก้ไขอายุให้เกิน 18 ปี จากเดิมที่ผู้ใช้งานต้องแสดงบัตรประจำตัว (ID Card) โดยเพิ่มวิธีการยืนยันผ่านเพื่อน และอีกวิธีซึ่งมีรายละเอียดน่าสนใจคือ ส่งวิดีโอเซลฟี่แล้วใช้ AI ตรวจสอบอายุจากใบหน้า
ทั้งนี้ Instagram กำหนดให้ผู้ใช้งานต้องมีอายุอย่างน้อย 13 ปี โดยมีส่วนที่แตกต่างสำหรับผู้ใช้งานช่วง 13-17 ปี เช่น บัญชีจะตั้งค่าเป็นส่วนตัวเป็นค่าเริ่มต้น กำหนดไม่ให้คนไม่รู้จักติดต่อได้ รวมทั้งคอนเทนต์โฆษณาต่าง ๆ ก็ถูกปรับเนื้อหา
วันนี้ Mark Zuckerberg ประกาศอย่างเป็นทางการว่า Facebook Pay บริการระบบชำระเงินของ Meta เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Meta Pay อย่างเป็นทางการแล้ว
Zuckerberg ระบุว่า Meta Pay จะยังคงให้บริการเหมือน Facebook Pay เดิม ทั้ง Facebook, Instagram, WhatsApp และ Messenger ซึ่งในอนาคต Meta จะเพิ่มฟีเจอร์กระเป๋าเงินสำหรับ metaverse เข้าไปด้วย เพราะในอนาคตจะมีวัตถุดิจิทัลที่เราจะสร้างหรือซื้อจำนวนมาก ทั้งเสื้อผ้าดิจิทัล, ศิลปะ, วิดีโอ, เพลง, ประสบการณ์, อีเวนท์เสมือน และอื่น ๆ ซึ่งการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของนั้นสำคัญโดยเฉพาะถ้าต้องการย้ายวัตถุไปตามบริการต่าง ๆ ซึ่งในอนาคตเพียงลงชื่อเข้าใช้ทุกอย่างก็จะมาให้พร้อมใช้งาน
Meta, Microsoft และอีกหลายบริษัทเทคโนโลยี ประกาศร่วมจัดตั้ง Metaverse Standards Forum เพื่อกำหนดมาตรฐานร่วมกันในการพัฒนา metaverse คล้ายกับ W3C ที่เป็นองค์กรที่ร่วมกันกำหนดมาตรฐานของเว็บ
นอกจาก Meta และ Microsoft แล้ว รายชื่อบริษัทที่อยู่ในรายชื่อสมาชิกของ Metaverse Standards Forum ยังมีทั้ง Autodesk, Epic Games, Huawei, Ikea, NVIDIA, Qualcomm, Sony, Unity โดยมีข้อสังเกตว่าสมาชิกรุ่นก่อตั้งไม่มีบริษัทอย่าง Apple, Alphabet หรือบริษัทเกมอย่าง Roblox กับ Niantic
ทั้งนี้ในด้านคอนเทนต์ 3D นั้น แอปเปิลร่วมกับ Pixar กำหนดมาตรฐานไฟล์ขึ้นมาคือ USDZ โดยร่วมมือกับ Adobe ด้วย
Mark Zuckerberg โชว์ต้นแบบแว่น VR ที่เคยพัฒนาในห้องแล็บของบริษัท Meta จำนวนทั้งหมด 4 รุ่น โดยทั้ง 4 รุ่นไม่ใช่แว่นรุ่นที่จะวางขายจริง
Meta เริ่มเดินเครื่องจักรวาล Metaverse ของตัวเอง ด้วยการเปิด Avatars Store ร้านขายเสื้อผ้าสำหรับอวตารของเราที่อยู่ในแอพต่างๆ ของแพลตฟอร์ม ทั้ง Facebook, Instagram, Messenger และจะตามเข้าไปยังโลก VR ในเร็วๆ นี้
เสื้อผ้าที่นำมาขายมาจากดีไซเนอร์แบรนด์ดัง เช่น Balenciaga, Prada, Thom Browne โดยมีนายแบบ-นางแบบเป็นอวตารของ Mark Zuckerberg และ Eva Chen นักเขียนหนังสือเด็กที่ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการฝ่ายแฟชั่นของ Instagram
ที่มา - @Meta บนทวิตเตอร์ ที่ทำไมไม่โพสต์บนแพลตฟอร์มตัวเองก็ไม่รู้
เว็บไซต์ The Verge ได้เอกสารภายในของ Meta ที่ออกมาช่วงเดือนเมษายนโดย Tom Alison หัวหน้าทีมแอป Facebook พูดถึงแนวทางการปรับปรุง Facebook ใหม่ ซึ่งแม้ไม่ได้ระบุถึงแต่ก็เข้าใจได้ว่าเพื่อแข่งขันกับ TikTok
ประเด็นสำคัญคือการพัฒนา Discovery Engine เรื่องเครื่องมือสำหรับแนะนำคอนเทนต์ให้กับผู้ใช้งาน โดยระบุว่าหน้าฟีดจะปรับมาเน้นการแนะนำคอนเทนต์ ซึ่งผู้ใช้งานคนนั้นอาจไม่ได้ติดตามอยู่ เหมือน For You ใน TikTok แต่อาศัยข้อมูลพฤติกรรมหลายอย่างเพื่อคัดเลือกเนื้อหามาแสดง ตอนนี้เริ่มใช้แล้วใน Reels แต่จะขยายไปสู่คอนเทนต์ประเภทอื่นด้วย โดยแนวทางนี้ซีอีโอ Mark Zuckerberg เคยเกริ่นแล้วในงานแถลงผลประกอบการไตรมาส
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวลือเกี่ยวกับโครงการฮาร์ดแวร์ของ Meta หลายชิ้น ดังนี้
Meta บริษัทแม่ของ Facebook ประกาศปรับโครงสร้างฝ่าย AI เนื่องจาก Jerome Pesenti รองประธานฝ่าย ที่อยู่ในตำแหน่งนี้มา 4 ปี จะลาออกจากบริษัท มีผลกลางเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นการลาออกของผู้บริหารระดับสูงต่อจากซีโอโอ Sheryl Sandberg
การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือฝ่าย AI ใน Meta เดิมมีใช้วิธีจัดการแบบรวมศูนย์ คือทีมใหญ่ทีมเดียวรับผิดชอบ AI ในทุกผลิตภัณฑ์และบริการตั้งแต่ Facebook, Instagram จนถึง Oculus แต่หลังการลาออกของ Jerome ทีมงานในฝ่าย AI จะกระจายไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมต่าง ๆ ดังนี้