สิ่งที่พลิกโผที่สุดของงานแถลงข่าว iPad รุ่นใหม่เมื่อคืนนี้ คงเป็นเรื่อง "ชื่อ" ที่สุดท้ายแล้วเป็นแค่ "iPad" สั้นๆ ห้วนๆ ไม่มีชื่อรุ่นต่อท้ายเหมือน iPad 2
หลังจากมีการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่กันไปแล้วในชื่อ "The New iPad" ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจว่าทำไมแอปเปิลถึงเลือกที่จะใช้ชื่อนี้แทนที่จะเป็น "iPad 3", "iPad HD" หรือ “iPad Epic Pro Super X 4G LTE Touch” ซึ่ง Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิลได้ให้เหตุผลสั้นๆว่า
"ก็เพราะเราไม่อยากให้ใครคาดเดาได้น่ะสิ"
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะแอปเปิลมักจะขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีก็มีเสียงตอบรับในเชิงไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่ เช่น Charles Rashall ประธานและผู้ก่อตั้ง Brandadvisors ได้กล่าวว่า "เมื่อคุณพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ไม่ตั้งชื่อให้ต่างจากเดิม อาจทำให้เกิดความสับสนได้"
หลังจากไมโครซอฟท์ได้เผยว่า Windows Phone ที่มีหน่วยความจำ 256 เมกะไบต์ จะไม่สนับสนุน background task ไมโครซอฟท์ก็เผยข้อจำกัดทั้งหมด ดังนี้
หลังจากอัพเกรด Apple TV รุ่นใหม่ให้รองรับการเล่นวิดีโอระดับ 1080p ได้แล้ว แอปเปิลก็อัพเดต iTunes ให้เป็นรุ่น 10.6 เพิ่มฟีเจอร์ให้ตามทัน Apple TV รุ่นใหม่
โดยคอนเทนต์ใน iTunes Store ทั้งหมดจะเพิ่มความละเอียดเป็น 1080p โดยสามารถดาวน์โหลดผ่าน iTunes หรือสตรีมผ่าน Apple TV รุ่นใหม่ก็ได้ และผู้ที่เคยซื้อหนัง หรือรายการมาก่อน สามารถดาวน์โหลดวิดีโอ 1080p ซ้ำได้
นอกจากนี้ยังมีการแก้เรื่องการเล่นเพลง และ iCloud นิดหน่อย ดูได้ท้ายข่าวครับ
ที่มา - The Verge
เพิ่มเติมข้อมูลจากข่าวแอปเปิลปล่อย iOS 5.1, Siri ภาษาญี่ปุ่นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ว่าแอปเปิลเริ่มปล่อยตัวอัพเดต iOS 5.1 แบบ OTA (Over-The-Air) ไฟล์มีขนาด 189MB ต้องการพื้นที่ว่าง 1GB
ฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างตรงกับข่าวลือแทบทั้งหมดดังนี้
ก่อนจบงานเปิดตัว The new iPad แอปเปิลได้ประกาศลดราคา iPad 2 ลงทันที 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหลือราคา 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 529 ดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับรุ่น 3G
สำหรับราคาในประเทศไทย Apple Store ประกาศราคาออกมาแล้วเริ่มต้นที่ 13,500 บาทสำหรับรุ่น Wi-Fi (ลดมา 2,400 บาท) ส่วนรุ่น 3G ลดลงมาเหลือ 17,500 บาท โดยยังขายตั้งแต่รุ่น 16GB-64GB เหมือนเดิม
ที่มา - Apple Store Thailand
ในงานเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ได้มีสถิติที่น่าสนใจของแอปเปิลออกมาหลายอย่าง โดยแอปเปิลจงใจพูดถึงอุปกรณ์ยุคหลังพีซี (Post PC) ที่หมายถึง iPod, iPhone และ iPad ว่าสามารถทำรายได้ถึง 76% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสที่สี่ปีก่อน ส่วนสถิติอื่นๆ มีดังนี้
มีปัญหากับการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงจนจำมันไม่ได้หรือเปล่า? บางทีคุณอาจต้องการผู้ช่วยเป็นกุญแจ USB ที่คอยช่วยจดจำและป้อนรหัสผ่านแทนคุณครับ
ผลงานชิ้นนี้เป็นของนาย Joonas Pihlajamaa โดยสร้างจากชิปวงจร ATtiny85 ความสามารถของมันนอกจากคอยป้อนรหัสผ่านให้ มันยังสามารถสร้างรหัสผ่านชุดใหม่ได้อีกด้วยครับ
สนใจอยากลองทำเองบ้าง? หาลายวงจรและซอร์สได้จากที่มาเลยครับ
ที่มา: Code and Life ผ่าน Engadget
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ iPad รุ่นใหม่ของปีนี้ โดยรวมแล้วหน้าตาตัวเครื่องไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม (iPad 2) มากนัก ส่วนสเปคก็แทบจะตรงกับข่าวลือที่หลุดมาก่อนหน้าทุกประการดังนี้
ที่งานแถลงข่าวของแอปเปิล Tim Cook ประกาศปล่อย iOS 5.1 อย่างเป็นทางการ หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่คือ Siri เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น (ตามข่าวหลุดก่อนหน้านี้) โดยแอปเปิลจะ roll out ให้ผู้ใช้ในญี่ปุ่นใช้งานในอี
ในงานเปิดตัว iPad รุ่นใหม่วันนี้ นอกจากพระเอกแล้ว มีพระรองอย่าง Apple TV ที่มีข่าวมาหมดสต๊อกมาได้พักนึงแล้ว โดย Apple TV รุ่นใหม่มีรายละเอียดดังนี้
Apple TV รุ่นใหม่เปิดราคาที่ 99 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่าเดิม วางขาย 16 มีนาคมนี้ (คาดว่าในสหรัฐฯ)
ที่มา - The Verge
เป็นที่รู้กันดีกว่าในชาตินี้ แอปเปิลอาจไม่มีวันที่จะออกสไตลัสมาใช้ร่วมกับอุปกรณ์ในบริษัทตัวเอง (เพราะว่าจ็อบส์เกลียด)แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ต้องการใช้จริงๆ เพราะมีสไตลัสสำหรับไอโฟน ไอแพดวางขายอยู่มากมาย และ Ten One Design เองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นที่ไม่ได้เพียงทำให้มันเป็นสไตลัส แต่ทำให้ทัดเทียมกับคู่แข่งต่างระบบปฏิบัติการคือสามารถรองรับแรงกดได้นั่นเอง
สไตลัสที่ว่านี้ยังไม่มีชื่อ แต่มีโค้ดเนมว่า Project Blue Tiger ที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ iDevice ผ่านบลูทูธ 4.0 ที่รัน iOS 5 ขึ้นไป และหากทำแอพที่รองรับกับสไตลัสนี้แล้ว จะสามารถทำให้อุปกรณ์รับการเขียนผ่านสไตลัสอย่างเดียวได้ หรือวางมือบนจอได้นั่นเอง
จากคำเชิญที่ว่า "We have something you really have to see. And touch." คำว่า "And touch" คงจะสะดุดใจหลายคนบ้างเพราะปกติ iPad ก็สัมผัสได้อยู่แล้ว ทำไมสองคำนี้ถึงกับถูกนำมาขึ้นเป็นประโยคใหม่เลยทีเดียว
ข่าวลือล่าสุดในวินาทีสุดท้ายก่อนเปิดตัว iPad ใหม่ในคืนนี้กล่าวว่า แอปเปิลอาจจะมีเทคโนโลยีหน้าจอแบบ "ผิวไม่เรียบ" (on-screen texture) มาด้วย โดยเป็นเทคโนโลยีจากบริษัทหนึ่งในประเทศฟินแลนด์ที่ชื่อว่า Senseg ที่มีข่าวว่ามีความร่วมมือกับแอปเปิลมาก่อนหน้านี้
งานนี้ทำให้คำว่า "And touch" ดังกล่าวฟังดูน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาเลยทีเดียว อีกไม่กี่ชั่วโมง รอชมกันครับ
Matthew Dillon นักพัฒนาในโครงการ Dragonfly BSD พบว่าซีพียูของเอเอ็มดีทำให้โปรแกรมแครชอย่างไม่มีสาเหตุในบางครั้ง หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางเอเอ็มดีหลายครั้ง ทางเอเอ็มดีก็ยืนยันว่าเป็นปัญหาในชิปตระกูล E (ตระกูล APU เช่น E-350)
การทำให้บั๊กนี้แสดงผลต้องใช้คำสั่ง pop ต่อเนื่องกันหลายๆ ครั้งใกล้กับคำสั่ง return จะทำให้พอยเตอร์ใน stack ชี้ไปยังจุดที่ผิดพลาด ทำให้โปรแกรมแครชไปในที่สุด
เอเอ็มดีจะออกแนวทางการแก้ปัญหา (revision guide) ออกมาในเร็วๆ นี้ เมื่อคอมไพล์เลอร์หลีกเลี่ยงการใช้ชุดคำสั่งในรูปแบบที่เจอปัญหานี้ก็คงไม่มีผลอีกต่อไป
ที่มา - GMane
Microsoft SQL Server 2012 เข้าสู่สถานะ released to manufacturing (RTM) หรือพัฒนาเสร็จเรียบร้อย รอวางขายตามช่องทางต่างๆ โดยกลุ่มสมาชิก MSDN/TechNet จะดาวน์โหลดได้วันที่ 7 มีนาคมเป็นต้นไป ส่วนช่องทางซื้อแบบ volume licensing ขององค์กรจะเริ่มวันที่ 1 เมษายนนี้
ตัวแกนหลักของ SQL Server คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ของใหม่ใน SQL Server 2012 แบ่งออกเป็น 3 ส่วน
ตามข่าวแถลงการทิศทางของ Flash ก่อนหน้านี้ ที่ Adobe ได้ประกาศว่าจะให้ Flash มุ่งเน้นตลาดด้านเกมและวีดีโอพรีเมียม
Adobe จึงได้เปิดตัวเว็บไซต์ Adobe Gaming ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลให้กับนักพัฒนาเกม
ไมโครซอฟท์ได้อธิบายเกี่ยวกับการแสดงผลภาพแบบพาโนรามาบนสองจอภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ของ Windows 8 ดังนี้
สถิติส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนสหรัฐจากบริษัท comScore ประจำรอบเดือนพฤศจิกายน 2011 ถึงมกราคม 2012 ยังไปในทิศทางเดิม นั่นคือ Android และ iOS มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อันดับผู้ผลิตมือถือ (ทุกชนิดไม่ใช่เฉพาะสมาร์ทโฟน) ยังเหมือนเดิมคือ ซัมซุง แอลจี โมโตโรลา แอปเปิล และริม โดยมีแอปเปิลเป็นรายเดียวที่ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น
ต่อจากข่าว หลายบริษัทบอกตรงกัน "Google+ เป็นสังคมออนไลน์ที่รกร้างไร้ผู้คน" ทางผู้บริหารของกูเกิลออกมาตอบโต้ข่าวนี้แล้ว
Phil Molyneux ผู้บริหารของโซนี่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในสหรัฐว่า หลังจากวันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไป โซนี่จะใช้นโยบาย unilateral pricing (หรือ minimum advertised pricing) ซึ่งหมายถึงการกำหนดราคาขั้นต่ำของสินค้าที่จะขายผ่านช่องทางต่างๆ ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน (อารมณ์เหมือนกับว่าเราซื้อสินค้าแอปเปิลไม่ว่าจะร้านไหน ราคาจะเท่ากัน)
ยุทธศาสตร์นี้ของโซนี่จะช่วยรักษาภาพลักษณ์พรีเมียมของแบรนด์เอาไว้ ไม่ให้ผลิตภัณฑ์ของโซนี่ต้องตัดราคาแข่งกันเองจากตัวแทนค้าปลีกต่างรายกัน ทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์ดูตกต่ำลง
นอกจากนี้ โซนี่ยังจะลดรุ่นย่อยของผลิตภัณฑ์แขนงต่างๆ ลงด้วย เช่น ปีก่อนโซนี่มีทีวีจำนวนกว่า 40 รุ่นวางตลาด แต่ปีนี้จะลดลงเหลือเพียง 22 รุ่น
คล้อยหลัง อเมซอนลดราคา EC2 สูงสุดถึง 37% เพียงวันเดียว ฝั่งกูเกิลก็ประกาศลดราคาลงบ้าง โดยลดราคาพื้นที่เก็บข้อมูลออนไลน์สำหรับนักพัฒนาแอพคือ Google Cloud Storage (เทียบได้กับ Amazon S3 มันเป็นคนละอย่างกับ Google Drive ที่มีข่าวลือนะครับ)
รายงานตลาดเซิร์ฟเวอร์ในไตรมาสที่สี่ของ IDC พบความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจคือมูลค่าตลาดรวมของตลาดเซิร์ฟเวอร์นั้นกำลังลดลง 7.2% เหลือ 14,200 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่สี่ปี 2011 เหตุจากเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็กราคาถูกที่กำลังกินส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง
เซิร์ฟเวอร์ในกลุ่มเครื่องขนาดเล็กซึ่งมักใช้ในศูนย์ข้อมูลที่ให้บริการแบบกลุ่มเมฆนั้นมียอดขายมากขึ้นถึง 51.5% เป็นจำนวน 132,876 เครื่องในไตรมาสเดียว แต่มูลค่าตลาดในส่วนนี้กลับเพิ่มขึ้นเพียง 33.8% หรือเป็นมูลค่า 458 ล้านดอลลาร์ หรือราคาต่อเครื่องเพียง 3,446 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ขณะที่ราคาเฉลี่ยเซิร์ฟเวอร์ทั้งตลาดนั้นอยู่ที่เครื่องละ 6,651 ดอลลาร์ต่อเครื่อง
กลุ่มนักวิจัยของไมโครซอฟท์ รีเสิร์ชได้เผย Cliplets แอพพลิเคชันที่ให้ผู้ใช้สามารถสร้างเรื่องราวในมุมมองใหม่จากคลิปวีดีโอหนึ่งให้กลายเป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวในชิ้นงานเดียวกันได้อย่างกลมกลืน ใครนึกภาพไม่ออกลองเชิญชมวิดีโอสาธิตที่ท้ายข่าว
เบื้องหลังของแอพพลิเคชันนี้คือการผสมผสานเทคนิคของคอมพิวเตอร์วิทัศน์ (computer vision) และคอมพิวเตอร์กราฟิก ใครสนใจลองเล่นก็สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชันและศึกษาการใช้งานเพิ่มเติมได้จากที่มาของข่าว
ความนิยมในอีบุ๊กดูจะเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับสำนักพิมพ์ต่างๆ อย่างมาก นอกจากความนิยมในฝั่งผู้อ่านทั่วไปแล้ว ห้องสมุดใหม่ๆ ก็เริ่มสั่งหนังสือเป็นอีบุ๊กแทนด้วย โดยจะซื้อหนังสือในราคาที่แพงกว่าปรกติเพื่อให้สมาชิกห้องสมุดสามารถยืมออกไปได้ แต่สำนักพิมพ์ขนาดใหญ่อย่าง Random House ก็ตัดสินใจขึ้นลิขสิทธิ์ในหนังสือเหล่านี้เกือบเท่าตัว
ราคาหนังสือที่ห้องสมุดต้องจ่ายให้กับ Random House นั้นจะแบ่งเป็นหนังสือใหม่ อยู่ในช่วง 65-85 ดอลลาร์ หนังสือเก่าที่ออกฉบับปกอ่อนแล้วจะเหลือ 25-50 ดอลลาร์ ส่วนหนังสือเด็กนั้นจะอยู่ในช่วง 35-85 ดอลลาร์สำหรับหนังสือใหม่ และ 25-45 ดอลลาร์สำหรับหนังสือเก่า
จากปฏิบัติการ LulzXmas ในช่วงคริสมาสต์ปีที่แล้ว ไม่ได้มีเพียง