กูเกิลประกาศโอเพนซอร์สเครื่องมือภายในบริษัท ที่กูเกิลสร้างขึ้นเองเพื่อใช้จัดการฮาร์ดแวร์สายวินโดวส์จำนวนมากๆ ในองค์กรขนาดใหญ่
กูเกิลบอกว่าโครงการส่วนใหญ่เริ่มทำมาก่อนต้นปี 2020 ทำให้เมื่อต้องหยุดเข้าออฟฟิศ ทำงานจากที่บ้าน ทีมไอทีของกูเกิลจึงมีเครื่องมืออัตโนมัติช่วยจัดการคอมพิวเตอร์ของพนักงานได้สะดวก
เครื่องมือที่เปิดซอร์สมีหลายตัวดังนี้
Google Cloud เปิดตัวบริการความปลอดภัยองค์กร BeyondCorp Enterprise ซึ่งจะมาแทน BeyondCorp Remote Access ที่ออกในปี 2020 โดยครอบคลุมฟีเจอร์มากกว่า
กูเกิลมีแนวคิดยกบริการภายในทั้งหมดของตัวเองออกสู่อินเทอร์เน็ต พนักงานเข้าถึงได้โดยไม่ต้องใช้ VPN มาตั้งแต่ปี 2015 โดยใช้ชื่อโครงการว่า BeyondCorp แนวคิดเบื้องหลังคือไม่ว่าเครือข่ายภายในหรือภายนอกบริษัทมีความเสี่ยงเท่ากัน เชื่อถือใครไม่ได้เลย (zero trust) และใช้วิธีตรวจสอบความปลอดภัยหลายๆ อย่างช่วยกันประเมินความเสี่ยง แทนความเชื่อว่าเข้า VPN ได้แล้วจะปลอดภัยเสมอ
SAP ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการ Signavio ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับจัดการกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process Management) บนคลาวด์ โดยดีลนี้ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าอย่างเป็นทางการ แต่สำนักข่าว Bloomberg ประเมินว่าอยู่ราว 1,200 ล้านดอลลาร์
Luka Mucic ซีเอฟโอ SAP พูดถึงดีลซื้อกิจการนี้ว่าในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก ทุกบริษัทต่างต้องปรับกระบวนการทางธุรกิจให้รวดเร็วเพื่อตอบสนองตามมากยิ่งขึ้น การซื้อกิจการ Signavio จึงช่วยเสริมให้โซลูชันบริหารการจัดการกระบวนการของ SAP แข็งแกร่งมากขึ้น
Signavio เป็นสตาร์ทอัพจากเยอรมนี ได้รับเงินทุนไปแล้วมากกว่า 230 ล้านดอลลาร์ มีนักลงทุนรายสำคัญคือ Apax Digital และ Summit Partners
IT Asset Management Forum กลุ่มแลกเปลี่ยนการจัดการทรัพย์สินไอทีในองค์กรที่มีบริษัทขนาดใหญ่เป็นสมาชิกหลายราย เช่น Vodafone, P&G รายงานถึงผลสำรวจการเข้าตรวจสอบไลเซนส์ซอฟต์แวร์ในองค์กรในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา พบว่าองค์กรต่างๆ มีแนวโน้มถูกตรวจสอบมากขึ้นกว่าเดิม
กลุ่มผู้ตอบแบบสำรวจถึง 46.48% ระบุว่าถูกขอตรวจสอบไซเซนส์ซอฟต์แวร์มากขึ้นตั้งแต่ช่วง COVID-19 เป็นต้นมา มีเพียง 15.5% เท่านั้นที่ระบุว่าถูกตรวจสอบน้อยลง แสดงให้เห็นว่าผู้จัดจำหน่ายซอฟต์แวร์อาจจะกำลังพยายามทำยอดขายด้วยการตรวจไลเซนส์ตามองค์กรให้หนักขึ้น ตัวประธานฟอรั่มระบุว่าเขาสังเกตพบว่าโรงพยาบาลก็ถูกตรวจสอบไลเซนส์อย่างหนักในช่วง COVID-19 นี้ แสดงให้เห็นว่าผู้ค้าซอฟต์แวร์บางรายไม่คำนึงถึงความเหมาะสมต่อเหตุการณ์
RedHat ประกาศซื้อกิจการ StackRock สตาร์ตอัพด้านความปลอดภัยสำหรับคอนเทนเนอร์ ที่ระบุว่าเป็น Kubernetes-native security platform ด้วยแนวคิดการฝังคอมโพเนนต์ตรวจสอบความปลอดภัยไว้ในแต่ละคลัสเตอร์ ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยของทั้งระบบทำได้ง่ายขึ้น
ซอฟต์แวร์ของ StackRock จะถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Red Hat OpenShift แต่ซอฟต์แวร์เก่าก็ยังซัพพอร์ตต่อไป และใช้งานได้กับแพลตฟอร์ม Kubernetes ตัวอื่นๆ เช่น Google (GKE), Amazon (EKS), Azure (AKS)
Qualtrics บริษัทซอฟต์แวร์ด้านบริหารประสบการณ์ (Experience Management หรือ XM) ที่ SAP ซื้อกิจการมาด้วยมูลค่าถึง 8,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2018 ได้ยื่นเอกสารเพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นแล้ว โดยมีมูลค่ากิจการตามราคาไอพีโอราว 12,000-12,400 ล้านดอลลาร์
เมื่อกลางปี SAP ประกาศแผนนำ Qualtrics เข้าตลาดหุ้น โดยหุ้นของบริษัทจะซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค ด้วยตัวย่อ XM
ผลประกอบการของ Qualtrics ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2020 รายได้เพิ่มขึ้น 30% เป็น 550 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปี 2019 ที่ 413.4 ล้านดอลลาร์ และ 2018 ที่ 289.6 ล้านดอลลาร์
ในอภิมหาดีล Salesforce ซื้อ Slack ด้วยราคา 27.7 พันล้านดอลลาร์ ถึงแม้ทั้งสองบริษัทไม่ได้พูดชื่อออกมาตรงๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่าเกิดขึ้นเพื่อรับมือ Microsoft Teams ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ไมโครซอฟท์เงียบมาตลอดในเรื่องนี้ แต่เมื่อต้นเดือนธันวาคม Judson Althoff ผู้บริหารฝ่ายธุรกิจองค์กรของไมโครซอฟท์ไปพูดที่งานสัมมนาของธนาคาร UBS และได้รับคำถามเรื่องดีล Salesforce/Slack ว่าเขามีความเห็นอย่างไร เราจึงเห็นมุมมองของไมโครซอฟท์ต่อคู่แข่งเป็นครั้งแรก
SolarWinds ผู้ผลิตซอฟต์แวร์มอนิเตอร์เครือข่ายถูกแฮกเกอร์ฝังมัลแวร์เข้าไปยังอัพเดตซอฟต์แวร์สำหรับลูกค้าได้สำเร็จ ทำให้ผู้ใช้ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ SolarWinds Orion เวอร์ชั่น 2019.4 ไปจนถึง 2020.2.1 มีความเสี่ยงถูกโจมตี ล่าสุดทางบริษัทออกแพตช์ 2020.2.1 HF1 มาแล้ว ควรเร่งอัพเดตทันที
ทางด้าน FireEye ออกมารายงานถึงมัลแวร์ที่ฝังมาใน SolarWinds Orion โดยตั้งชื่อว่า SUNBURST เป็นมัลแวร์ที่พยายามหลบซ่อนตัวจากการตรวจจับ หลังเหยื่อหลงติดตั้งอัพเดตที่จริงๆ เป็นมัลแวร์แล้ว ตัวมัลแวร์จะไม่ทำอะไรอยู่ช่วงหนึ่งไม่เกินสองสัปดาห์ จากนั้นมัลแวร์จึงพยายามติดต่อกลับศูนย์ควบคุม แล้วพยายามส่งข้อมูลที่ดูคล้าย SolarWinds API
ในบทสัมภาษณ์ Salesforce-Slack นอกจากประเด็นว่าใครติดต่อไปคุยกันก่อน ยังมีการอธิบายว่าทำไมการซื้อ Slack ในราคาแพงถึง 8.3 แสนล้านบาทจึงสมเหตุสมผล
Bret Taylor ซีโอโอของ Salesforce ยืนยันว่า Slack คุ้มค่าเงิน 8.3 แสนล้านบาทแน่นอน เพราะ Slack จะกลายมาเป็นแกนกลางให้ Salesforce ต่อเชื่อมทุกอย่างเข้าด้วยกัน ธุรกิจของ Salesforce เริ่มจาก CRM แต่ภายหลังก็ขยายมายังซอฟต์แวร์องค์กรประเภทอื่นๆ เช่น งานขาย งานบริการลูกค้า วิเคราะห์ข้อมูล ฯลฯ แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่คือการสื่อสารระหว่างกัน ซึ่ง Slack เข้ามาเติมเต็มตรงนี้ได้พอดี
สัปดาห์ที่แล้ว Salesforce ประกาศข่าวสำคัญอีกข่าว (ที่โดนข่าวซื้อ Slack กลบมิด) คือ Hyperforce ซึ่งเป็นการปรับสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ของ Salesforce นับตั้งแต่เปิดบริษัทมา
เมื่อแรกก่อตั้งบริษัท ซอฟต์แวร์ทุกอย่างของ Salesforce เป็น SaaS (Software as a Service) ที่ทุกอย่างโฮสต์อยู่บนเซิร์ฟเวอร์ของ Salesforce เท่านั้น แต่ในโลกยุคใหม่ที่เป็นมัลติคลาวด์ ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลายทั้ง private cloud และ public cloud เป็นปัจจัยบีบให้ Salesforce ก็ต้องปรับตัวเช่นกัน
Microsoft Azure เปิดบริการ Azure Purview ระบบค้นหาแหล่งข้อมูลในองค์กรเพื่อลดการแยกข้อมูลเป็นไซโลทำให้ไม่สามารถใช้ข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมาเทรวมกันลงหน้าจอคอนโซลเดียวเพื่อให้หาทางนำไปใช้งานได้สูงสุด
Azure Puriview สามารถจัดการแหล่งข้อมูลได้ทั้งบนคลาวด์และ on-premise เมื่อรวมแหล่งข้อมูลเข้าด้วยกันจะสามารถค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้โดยใช้ศัพท์ธุรกิจ ขณะที่มีระบบจัดการข้อมูลส่วนบุคคล โดยใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนใดเป็นข้อมูลส่วนบุคคล หรือจะกำหนดชั้นความลับของข้อมูลเองก็ได้
ตอนนี้บริการยังเป็นสถานะพรีวิว ไมโครซอฟท์ยังไม่บอกราคาแต่จะให้ใช้งานฟรีจนถึง 1 มกราคม 2021
ข่าว Salesforce ซื้อ Slack ด้วยมูลค่าสูงถึง 2.77 หมื่นล้านดอลลาร์ (ราว 8.3 แสนล้านบาท) (ติดอันดับ 7 ดีลซื้อกิจการใหญ่ที่สุดของโลกไอที) สร้างความฮือฮาอย่างมาก โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อกิจการที่หลายคนมองว่าสูงมาก หรือ Salesforce ซื้อแพงเกินไป
ประเด็นเรื่องราคาของ Slack คงไม่มีใครอธิบายได้ดีเท่ากับ Marc Benioff ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Salesforce ที่ให้สัมภาษณ์กับช่อง CNBC
Benioff บอกว่าความฝันของเขาคือทำให้รายได้ต่อปีของ Salesforce เติบโตขึ้น 2 เท่า จาก 2.55 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มมาเป็น 5 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท) และเขายินดีทำทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงความฝันนี้ได้
Google เปิดตัว Android Enterprise Essentials โซลูชันความปลอดภัยบนอุปกรณ์แอนดรอยด์ ซึ่งเป็นแพ็คเกจรองลงมาจาก Android Enterprise ในราคาที่ถูกกว่า เพื่อปกป้องข้อมูลบนอุปกรณ์แอนดรอยด์สำหรับบริษัทขนาดเล็กและกลางที่มีงบประมาณด้านความปลอดภัยจำกัด โดยมีฟีเจอร์เด่นๆ ดังนี้
หลัง Joe Biden ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นคือทีมทำงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน (presidential transition team หรือ ptt) จะเข้าไปรับช่วงงานต่อจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน ก่อนเริ่มทำงานจริงหลังพิธีสาบานตนในเดือนมกราคม 2021
แต่เนื่องจาก Donald Trump ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ทำให้ทีมทำงานของ Biden ยังไม่สามารถรับช่วงต่ออย่างเป็นทางการได้ และยังไม่ได้อีเมล @ptt.gov ที่ดูแลโดยหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของรัฐบาลสหรัฐ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือทีมทำงานของ Biden จึงต้องเซ็ตระบบไอทีของตัวเองกันไปก่อน โดยเลือกใช้ Google Workspace (G Suite เดิม) แบบแพ็กเกจมาตรฐาน (จ่ายเงินกันเอง)
กูเกิลประกาศยืดระยะเวลาซัพพอร์ต Chrome บน Windows 7 นานขึ้นอีก 6 เดือน เป็นสิ้นสุดวันที่ 15 มกราคม 2022 เนื่องจากตลาดองค์กรยังใช้งาน Windows 7 กันอยู่มาก
กูเกิลอ้างสถิติจากบริษัท Kantar ที่ถูกจ้างให้สำรวจตลาดองค์กร พบว่า 78% ย้ายจาก Windows 7 แล้ว แต่ยังมีอีก 22% ที่ยังใช้งาน Windows 7 อยู่ แม้มีแผนการย้ายมาใช้ Windows 10 ก็ตาม
Google เปิดตัวระบบ Database Migration Service หรือ DMS สำหรับไมเกรตฐานข้อมูลภาคองค์กรขึ้นสู่ Google Cloud อย่างราบรื่น ลดปัญหาต่าง ๆ รวมถึงใช้เวลาดาวน์ไทม์ที่น้อยที่สุดในขณะไมเกรตระบบ
Google DMS ใช้ระบบทำสำเนาข้อมูลจากต้นทางทั้ง MySQL, PostgreSQL และ SQL Server ไปยังระบบ Cloud SQL โดยก่อนหน้านี้ Google จะให้บริการไมเกรตฐานข้อมูลผ่านพาร์ทเนอร์ (ในขณะที่คู่แข่งอย่าง AWS และ Azure มีมานานแล้ว) แต่เนื่องจากทุกวันนี้มีผู้สนใจย้ายมาคลาวด์มากขึ้น การออก DMS เองจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ต้องการไมเกรตระบบ ลดเวลาและขั้นตอนที่ใช้ในการไมเกรตระบบได้มาก
ข่าวสำคัญในวงการไอทีรอบเดือนนี้คือ IBM ประกาศแยกเป็น 2 บริษัท ที่หลายคนอาจยังงงๆ อยู่ว่าจะทำไปเพื่ออะไร และข่าวการแยกบริษัทอาจไม่น่าสนใจนักเมื่อเทียบกับข่าวการซื้อบริษัท อย่างการทุ่มเงินซื้อ Red Hat ในปี 2018
แต่จริงๆ แล้ว การแยกบริษัทครั้งนี้ถือเป็นแผนย่อยในแผนปรับตัวครั้งใหญ่ของ IBM ต่อจากการซื้อ Red Hat และมีความเกี่ยวโยงกันอย่างแนบแน่น
IBM เป็นบริษัทที่มีอายุยาวนานกว่า 100 ปี ผ่านการปรับตัวให้อยู่รอดตามยุคสมัยอยู่หลายครั้ง มีทั้งการซื้อกิจการดาวรุ่งและการขายกิจการที่เติบโตช้าออกไปอยู่ตลอดเวลา การปรับตัวของ IBM รอบนี้จึงประกอบด้วยยุทธศาสตร์ทั้งสองด้าน นั่นคือการซื้อกิจการ Red Hat เข้ามา และการแยกธุรกิจออกไปตามข่าวนี้นั่นเอง
บริษัท Parallels เปิดตัว Parallels Desktop for Chromebook Enterprise เพื่อให้รันวินโดวส์แบบ virtualization ได้บนระบบปฏิบัติการ Chrome OS ตามความร่วมมือกับกูเกิลที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
Parallels ระบุว่านี่เป็นซอฟต์แวร์ตัวแรกในโลกที่ทำให้รันวินโดวส์ได้จาก Chromebook โดยเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งอาจยังต้องการแอพบางตัวของวินโดวส์ (เช่น Microsoft Office หรือแอพเฉพาะทางขององค์กรเอง) ทำให้ยังติดขัด ไม่สามารถย้ายไปใช้ Chrome OS ได้
Epos บริษัทลูกในเครือ Demant Group ของเดนมาร์กที่เป็นผู้ผลิตระบบประสาทหูชั้นในเทียม เครื่องช่วยฟัง อุปกรณ์การแพทย์สำหรับตรวจเช็คการได้ยิน เปิดตัวโซลูชันหูฟังและลำโพงสำหรับองค์กรในไทย 2 ซีรีส์คือ Adapt ที่เป็นหูฟังและ Expand ที่เป็นลำโพงไร้สายสำหรับห้องประชุม
Adapt มี 2 รุ่นย่อยคือ Adapt 500 หูฟังไร้สายพร้อมก้านไมโครโฟน มีระบบ ANC ใช้งานได้ต่อเนื่อง 46 ชม. ราคา 9,900 บาทและ Adapt 100 หูฟังมีสาย เชื่อมต่อผ่าน USB-A, USB-C หรือ 3.5mm พร้อม ANC ราคา 1,100 บาท
Nokia ประกาศเซ็นสัญญากับกูเกิลเป็นระยะเวลานาน 5 ปี ย้ายศูนย์ข้อมูลแบบ on premise เดิมขึ้นไปรันบน Google Cloud แทน
Nokia ระบุว่าการย้ายระบบขึ้นคลาวด์ครั้งนี้ สะท้อนยุทธศาสตร์ digital transformation ของบริษัทที่ต้องการให้ระบบไอทีภายในเป็น cloud-first เพื่อรองรับการขยายตัว และการทำงานร่วมกันของพนักงานที่ดีขึ้น
ทั้งสองบริษัทไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของสัญญา แต่การได้ลูกค้ารายใหญ่ระดับ Nokia ก็ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวของ Google Cloud ที่ช่วงหลังหันมาเร่งปรับตัวชิงตลาด enterprise มากขึ้น หลังเปลี่ยนตัวซีอีโอมาเป็น Thomas Kurian อดีตผู้บริหารระดับสูงของ Oracle
Cloudflare รวมชุดสินค้าและบริการสำหรับองค์กรนอกเหนือจาก CDN มาเป็นชุดความปลอดภัยเน็ตเวิร์ค ใช้ชื่อ Cloudflare One รวบทราฟิกเข้าไปอยู่กับ Cloudflare ควบคุมการใช้งานตามโมเดลความปลอดภัย secure access service edge (SASE)
ที่ผ่านมา Cloudflare มีบริการด้านเครือข่ายสำหรับองค์กรที่ไม่ใช่ CDN อยู่หลายตัว เช่น WARP สำหรับบริการ VPN, บริการเชื่อมต่อศูนย์ข้อมูล การประกาศครั้งนี้บริษัทระบุว่าจะมีบริการชุดใหม่ ได้แก่ Magic WAN ให้องค์กรใช้งานแทน SD-WAN, Magic Firewall ดูแลทราฟิกขาออกไปยังอินเทอร์เน็ต ในฟีเจอร์เดิมจะปรับปรุงหน้าจอวิเคราะห์เน็ตเวิร์ค และเพิ่มฟีเจอร์ IDS
Twilio ผู้ให้บริการ API สำหรับโทรศัพท์และ SMS รายใหญ่ (IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2016) ประกาศซื้อกิจการ Segment บริษัทด้าน API เก็บข้อมูลของลูกค้า ด้วยมูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์
Segment เรียกตัวเองว่าเป็น Customer Data Platform (CDP) โดยผลิตภัณฑ์หลักคือ Connections ตัวเก็บข้อมูลจากลูกค้าองค์กร (ผ่านมือถือ เว็บ คลาวด์ ฯลฯ) แล้วส่งต่อไปยังแหล่งเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น ฐานข้อมูล Redshift, บริการวิเคราะห์ข้อมูล, ระบบ CRM หรือจดหมายข่าว Mailchimp โดยมีบริการสร้างโพรไฟล์ของผู้ใช้ (personas) และจัดการเรื่อง data governance ให้เพิ่มด้วย
Slack แอปแชทสำหรับองค์กรจัดงานสัมมนา Slack Frontier โดยทางบริษัทเผยฟีเจอร์ใหม่ของแพลตฟอร์มแชทองค์กรหลายอย่าง
ฟีเจอร์แรก Slack Connect Direct Messages หรือ Slack Connect DMs เป็นฟีเจอร์ส่งข้อความแบบ DM ระหว่างผู้ใช้ เปิดให้ใช้งานข้ามองค์กรเป็นครั้งแรก จากก่อนหน้านี้ที่จำเป็นต้องเปิด channel เพื่อส่งข้อความ ฟีเจอร์นี้มีกำหนดให้บริการในต้นปีหน้า
Red Hat ถือเป็นผู้บุกเบิกตลาด Kubernetes สำหรับองค์กรมาก่อนใครเพื่อนด้วย OpenShift แต่ช่วงหลังเราเห็นผู้เล่นใหม่ๆ ในวงการ Kubernetes เริ่มเข้าสู่ตลาด (เช่น VMware Tanzu รวมถึงเจ้าเก่าอย่าง Rancher) ส่งผลให้ล่าสุด Red Hat ออกมาหั่นราคา OpenShift ลงเฉลี่ย 75% และเพิ่ม service-level agreenment (SLA) เป็น 99.95% เพื่อดึงดูดลูกค้า
Red Hat มี OpenShift ขายหลายเวอร์ชัน แต่หลักๆ แบ่งได้เป็น Self-Managed (ใช้เครื่องหรือคลาวด์ของลูกค้าเอง), Online (ทุกอย่างอยู่บนระบบ Red Hat), Managed (ผู้บริการคลาวด์อย่าง AWS, IBM, Azure บริหารให้) และ Dedicated (ลูกค้าเช่าเครื่อง AWS หรือ GCP แล้ว Red Hat บริหารให้)
แพลตฟอร์มใหญ่ๆ มักมีพื้นที่ marketplace ให้ผู้พัฒนาโซลูชันรายอื่น มานำเสนอโซลูชันของตัวเองให้กับลูกค้าบนแพลตฟอร์ม เพื่อความสะดวกของทุกฝ่าย
VMware ในฐานะแพลตฟอร์มองค์กรรายใหญ่ก็มีพื้นที่ marketplace ถึง 2 แห่งคือ VMware Solution Exchange (VSX) และ VMware Cloud Marketplace ที่เปิดคนละช่วงเวลา และตอนแรกมีกลุ่มเป้าหมายต่างกัน แต่เมื่อตลาดลูกค้าทับซ้อนกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มสร้างความสับสน ทำให้ VMware ประกาศยุบทั้งสองเหลืออันเดียว เปลี่ยนชื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นเป็น VMware Marketplace
VMware Marketplace แห่งนี้มีผู้ให้บริการโซลูชันประมาณ 2,500 ราย ส่วนในแง่การใช้งานคงไม่ต่างจากเดิมมากนัก (ใช้ระบบของ Cloud Marketplace เดิม)