Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram โพสต์ข้อความว่า Threads โซเชียลเน้นตัวหนังสือของ Meta ตอนนี้มีผู้ใช้งานเป็นประจำมากกว่า 200 ล้านบัญชีแล้ว ซึ่งเป็นเวลา 13 เดือน นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ก็เพิ่งให้ข้อมูลหลังการแถลงผลประกอบการไตรมาสว่า Threads มีจำนวนผู้ใช้งานใกล้แตะ 200 ล้านบัญชี
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta และ Susan Li ซีเอฟโอ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ซึ่งเติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ แม้บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายการลงทุน AI ที่มากขึ้น
Li บอกว่าในแง่การเงินนั้น ผลตอบแทนการลงทุน AI คาดว่าต้องใช้เวลานานมากขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้ ขณะที่ Zuckerberg บอกว่าตอนนี้ยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าเทรนด์ AI จะเห็นผลตอบแทนเป็นรูปธรรมมากแค่ไหน แต่ในตอนนี้ Meta เลือกเสี่ยงสร้างทรัพยากรมารองรับไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ช้าเกินไปหากเทรนด์นี้มาจริง ๆ
Meta รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2024 รายได้รวม 39,071 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 13,465 ล้านดอลลาร์ โดยเป็นรายได้จากส่วนของแอป 38,718 ล้านดอลลาร์ และกลุ่ม Reality Labs หรือ Metaverse มีรายได้ 353 ล้านดอลลาร์ เฉพาะไตรมาสนี้ส่วน Reality Labs ขาดทุนจากการดำเนินงานมากขึ้นเป็น 4,488 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวันรวมทุกแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นเป็น 3.27 พันล้านคน
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta กล่าวว่า Meta AI ยังคงเดินหน้าสู่การเป็นผู้ช่วย AI ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลกภายในสิ้นปีนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทได้โอเพนซอร์สโมเดล AI ให้ใช้งาน, มีผลตอบรับที่ดีจากแว่น Ray-Ban Meta AI และยังรักษาการเติบโตได้ในทุกแอป
จากข่าว Meta เปิดบริการ AI Studio ให้ผู้ใช้งานสร้างอวาตารที่อิงกับความสนใจและลักษณะผู้ใช้งาน รวมทั้งสร้างแชทบอตไว้โต้ตอบกับผู้ติดตามได้ด้วย มีผลกับผู้ใช้งานในอเมริกา ก็มีประเด็นข้างกันนั่นคือแชทบอต Meta AI ที่นำคาแรกเตอร์บุคคลมีชื่อเสียง ซึ่งเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วได้ปิดให้บริการด้วยเช่นกัน
เหตุผลที่ Meta อธิบายก็ตรงไปตรงมา ในเมื่อ AI Studio สามารถคัสตอมคาแรกเตอร์ขึ้นมาได้เองแล้ว Meta ก็ไม่จำเป็นต้องให้บริการแชทบอตที่อิงคาแรกเตอร์บุคคลมีชื่อเสียงอีกต่อไปนั่นเอง หากบุคคลมีชื่อเสียงต้องการสร้างแชทบอตก็พัฒนาขึ้นมาเองได้เลย
Meta เปิดบริการ AI Studio ให้ผู้ใช้สร้างอวตาร AI ของตัวเอง มีทั้งหน้าตา และลักษณะนิสัยเพื่อพูดคุยโต้ตอบกับเราในเรื่องที่สนใจได้
รูปแบบการใช้งานคล้ายกับแชทบอท Meta AI ที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ของเดิมเอาบุคลิกของดาราเซเล็บมาทำเป็นแชทบอท ของใหม่คือเปิดให้ปรับแต่งเองได้อิสระ สามารถแชทคุยได้ผ่าน Instagram, Messenger, WhatsApp รวมถึงแชร์ให้เพื่อนๆ คุยกับบอทของเราได้ด้วย
Meta ปล่อยโมเดล Segment Anything Model (SAM) เวอร์ชั่นที่สองที่สามารถแยกส่วนวัตถุใดๆ ก็ได้ในภาพ โดยมีความสามารถเพิ่มขึ้นระดับที่สามารถจับวัตถุที่ไม่มีในชุดข้อมูลฝึกมาก่อน
แนวทางการใช้งานโมเดล SAM เช่น การจับการเคลื่อนไหววัตถุ, การสร้างเอฟเฟควิดีโอ, ตลอดจนการลบฉากหลังเมื่อประชุม โดยโมเดลต้องการอินพุตเป็น จุด, กล่อง, หรือพื้นที่ ของเฟรมเริ่มต้น ทั้งแบบ positive พื้นที่แสดงวัตถุกที่ต้องการ, และ negative พื้นที่แสดงว่าไม่ใช่วัตถุที่ต้องการ จากนั้นโมเดลสามารถวาดหาพื้นที่ของวัตถุทั้งหมดได้อัตโนมัติ และสามารถจดจำได้ว่ากำลังจับวัตถุอะไรอยู่
ช่วงเช้าที่ผ่านมา Blognone มีโอกาสได้ฟังแถลงทิศทางของ Facebook จาก Tom Alison ตำแหน่ง Head of Facebook ที่ Meta ซึ่งทีมงานก็ได้ถามเกี่ยวกับสแปมโฆษณาที่เราเห็นค่อนข้างเยอะในช่วงหลัง และการรีพอร์ตสแปมก็มีปัญหา
Tom ตอบว่าทาง Facebook พยายามร่วมมือกับหน่วยงานด้านกฎหมายท้องถิ่นอยู่ตลอดเพื่อแก้ปัญหานี้ รวมถึงจะลงทุนลงแรง (invest) กับเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น
หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา Meta เปิดตัว Llama 3.1 โมเดลปัญญาประดิษฐ์ บรรดาคลาวด์รายเล็กและรายใหญ่ก็ประกาศเปิดบริการ Llama 3.1 โดยพร้อมเพรียงกัน โดยบริการที่ครบถ้วนที่สุดคือ Microsoft Azure เปิดให้บริการพร้อมกับประกาศราคาออกมาพร้อมกันทั้งสามขนาด Google Cloud นั้นเปิดให้ใช้งานโมเดล 405B แล้วแต่ยังไม่ประกาศราคา ขณะที่ AWS นั้นประกาศราคาเฉพาะรุ่น 70B และ 8B โดยรุ่น 405B ต้องเปิดเคสขอใช้งาน
Meta ปล่อยโมเดล Llama 3.1 โมเดล LLM รุ่นล่าสุดที่รีดความสามารถได้สูงขึ้นมาก พร้อมกับปล่อยโมเดลขนาดใหญ่ที่สุด 405B ความสามารถจากการทดสอบหลายอย่างไปอยู่ระดับเดียวกับ GPT-4o แล้ว แม้ว่ายังไม่มีความสามารถ multimodal ที่รองรับภาพและเสียงได้ก็ตาม
ผลทดสอบหลายด้านของ Llama 3.1 แสดงให้เห็นว่าทาง Meta ยังรีดความสามารถในโมเดลขนาดเล็กได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยผลทดสอบหลายชุด Llama 3.1 8B สามารถทำคะแนนได้ใกล้ Llama 3.0 70B มากขึ้น ขณะที่ Llama 3.1 70B นั้นทำคะแนนเพิ่มเติมได้แทบทุกชุดยกเว้นบ้างเช่นชุดทดสอบเขียนโปรแกรม HumanEval ที่คะแนนลดลง
หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภค (CPC) ในคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ออกแถลงการณ์เตือน Meta ว่ารูปแบบการให้บริการ "จ่ายเงินหรือยอมรับเงื่อนไข" (Pay or Consent) ที่ใช้กับผู้ใช้งานแพลตฟอร์มในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป (EU) อาจละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
โดย Meta มีเวลาถึงวันที่ 1 กันยายน 2024 ในการยื่นข้อเสนอเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการดังกล่าว มิฉะนั้นอาจมีโทษปรับเงินสูงสุด 4% ของรายได้บริษัทในประเทศกลุ่มสหภาพยุโรป
เว็บไซต์ The Information อ้างแหล่งข่าวจากพนักงานและอดีตพนักงานของ Meta Reality Labs หน่วยงานที่รับผิดชอบการพัฒนาแว่น VR/AR และ metaverse ระบุว่าแผนก Reality Labs เริ่มถูกตัดงบประมาณลง 20% ตั้งแต่ปี 2024 ไปจนถึงปี 2026 ด้วยเหตุผลว่ารายได้ของ Reality Labs ไม่เป็นไปตามเป้า และรายจ่ายยังสูงอยู่เรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม การตัดงบไม่ได้แปลว่า Mark Zuckerberg จะล้มเลิกความฝันการสร้าง metaverse เพราะแหล่งข้อมูลของ The Information ยังกล่าวถึงแผนการออกแว่น VR/AR ในอนาคตดังนี้
มีรายงานว่า Meta ได้เจรจาเพื่อขอถือหุ้น 5% ในบริษัท EssilorLuxottica ซึ่งเป็นผู้ผลิตแว่นตาหลายแบรนด์ดังรวมทั้ง Ray-Ban ที่ Meta เป็นพาร์ตเนอร์ในการผลิตแว่นอัจฉริยะ Ray-Ban Meta Smart Glasses อยู่แล้ว
มูลค่าหุ้น 5% ของ EssilorLuxottica อยู่ที่ราว 4,330 ล้านยูโร หรือประมาณ 1.7 แสนล้านบาท โดยคำนวณจากมูลค่าตลาดตามราคาหุ้นของบริษัท
คาดว่า Meta ต้องการถือหุ้นใน EssilorLuxottica เพื่อร่วมกำหนดทิศทาง และควบคุมแผนการผลิตแว่นอัจฉริยะให้ได้ตามที่ต้องการ ซึ่งเป็นสินค้าที่ Meta หวังนำมาต่อยอดกับบริการโลกเสมือน
EssilorLuxottica เป็นบริษัทอิตาลี-ฝรั่งเศศ ซึ่งเกิดการควบรวมกิจการกันระหว่าง Essilor และ Luxottica
ต่อจาก EU ก็มาที่บราซิล โดย Meta ประกาศว่าจะปิดการใช้งานฟีเจอร์ Generative AI ทั้งหมดในประเทศ ซึ่งเป็นผลจากคำสั่งของหน่วยงานรัฐบาลก่อนหน้านี้ ที่ห้าม Meta นำข้อมูลผู้ใช้งานไปเทรน AI
Meta แถลงว่าในตอนนี้บริษัทจะปิดการทำงานของ Generative AI ไปก่อน แต่บริษัทยังคงเดินหน้าหารือกับคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลแห่งชาติของบราซิลหรือ ANPD เพื่อชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ที่หน่วยงานกังวล
บราซิลถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญมากของ Meta เช่น เป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ใช้งาน WhatsApp มากเป็นอันดับสองรองจากอินเดีย ก่อนหน้านี้ Meta ก็ออกระบบโฆษณาเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ AI ให้กับลูกค้าในบราซิลก่อน
Meta เปิดเผยว่าบริษัทมีแผนออกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Llama ที่รองรับข้อมูลผสมผสาน (Multimodal) ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ประเด็นสำคัญนั้น Meta บอกว่าโมเดล Llama ตัวใหม่นี้จะไม่เผยแพร่ให้กับผู้ใช้งานในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปหรือ EU
โดยเหตุผลที่ Meta ตัดสินใจเช่นนั้นเป็นเพราะ Meta มองว่าทิศทางของหน่วยงานกำกับดูแลของ EU มีลักษณะที่คาดเดาได้ยาก จึงเลือกไม่เผยแพร่โมเดลไปเลยดีกว่า
Meta ประกาศยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมดของบัญชี Facebook และ Instagram ของ Donald Trump ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากการประกาศปลดแบนบัญชีเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว
ในตอนนั้น Meta บอกว่า แม้บัญชี Facebook และ Instagram ของ Trump จะกลับมาใช้งานได้ แต่อยู่ในการควบคุม เช่น ไม่สามารถซื้อโฆษณาได้ หรือหากมีการละเมิดกฎการใช้งาน โพสต์จะถูกลบและถูกแบนการใช้งานทันที ซึ่งเป็นระดับการควบคุมที่สูงกว่าผู้ใช้งานทั่วไป ประกาศนี้จึงบอกว่าการควบคุมทั้งหมดถูกยกเลิกแล้ว บัญชีของ Trump จะมีสถานะแบบผู้ใช้งานทุกคน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Donald Trump ได้โพสต์บน Truth Social ขู่ถึงเหล่าคนที่ทรัมป์เชื่อว่าสมรู้ร่วมคิดการโกงเลือกต้ังประธานาธิบดีสหรัฐครั้งที่แล้ว โดยมีชื่อ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta อยู่ในโพสต์นั้นด้วย
ในโพสต์ดังกล่าว Trump ระบุว่า เขาจะไล่จัดการพวกที่สมรู้ร่วมคิดในการโกงเลือกตั้งถ้าเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี โดยคนพวกนั้นจะต้องโดนส่งคุกเป็นระยะเวลานาน และยังมีการพูดถึง Zuckerburg เป็นการปิดท้ายเชิงว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดีอีกด้วย
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลแห่งชาติ (ANPD) ของบราซิล มีคำสั่งห้ามไม่ให้ Meta นำข้อมูลของผู้ใช้งานที่โพสต์เป็นสาธารณะบนแพลตฟอร์ม ไปใช้เทรน AI หลัง Meta ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวล่าสุด โดย Meta มีเวลาในการปรับปรุงนโยบาย 5 วัน หลังจากนั้นจะโดนปรับวันละ 5 หมื่นเรอัลบราซิล หรือราวๆ 3.3 แสนบาท
ด้านหน่วยงานปกป้องความเป็นส่วนตัวข้อมูลของบราซิล ออกมาเห็นชอบกับการตัดสินใจครั้งนี้ พร้อมเผยว่า นโยบายของ Meta ในบราซิล จะนำเอาโพสต์และข้อมูลของเด็กและวัยรุ่นที่อายุต่ำกว่า 18 ปีไปใช้งานด้วย แตกต่างจากในยุโรปที่ Meta จะไม่ยุ่งกับข้อมูลของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ถึงกระนั้น Meta ก็เผชิญปัญหาคล้ายๆ กันในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป ที่โดนหน่วยงานปกป้องข้อมูล สั่งเบรคการนำข้อมูลลูกค้ามาเทรน AI
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ประกาศว่า Threads แพลตฟอร์มโซเชียลเน้นตัวหนังสือ ตอนนี้มีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs) มากกว่า 175 ล้านบัญชีแล้ว ซึ่ง Threads จะมีอายุครบ 1 ปี ในอีกกี่ไม่กี่วันข้างหน้า
ก่อนหน้านี้ Elon Musk เจ้าของ X หรือ Twitter เดิม ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ Threads หวังมาแข่งขัน เปิดเผยตัวเลขผู้ใช้งานว่ามี MAUs แตะ 600 ล้านบัญชี และถ้าเป็นผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs) ก็คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่ง หากเป็นตามนี้หนทางของ Threads ก็คงใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
Meta เตรียมลดขอบเขตการแบนเนื้อหาเกี่ยวกับคำว่า ‘ชะฮีด (Shaheed)’ คำใช้เรียกการพลีชีพในสงครามศาสนาตามหลักศาสนาอิสลาม หลังจาก Oversight Board (คณะกรรมการอิสระตรวจสอบการใช้อำนาจนโยบายของ Meta) แนะนำให้ Meta ปรับขอบเขตการแบนเนื้อหาเกี่ยวกับคำว่าชะฮีด เพราะการแบนเนื้อหาทั้งหมดมันเกินเหตุไปหน่อย
ก่อนหน้านี้ Meta ได้รับคำวิจารณ์การจัดการคอนเทนต์เกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางช่วงปี 2021 ก่อนจะบานปลายขึ้นเรื่อย ๆ หลัง Meta จำกัดการมองเห็นโพสต์เกี่ยวกับความขัดแย้งของอิสราเอลและกลุ่มฮามาสช่วงปีที่แล้ว
Meta เผยแพร่งานวิจัย AI ที่สามารถสร้างวัตถุสามมิติด้วยคำสั่งตัวหนังสือ ที่มีความละเอียดสูงในองค์ประกอบภายนอกทุกมิติ ด้วยความเร็วที่มากขึ้น 3-10 เท่า จากงานวิจัยก่อนหน้านี้
โมเดลนี้ Meta เรียกชื่อว่า Meta 3D Gen (3DGen) สามารถสร้างวัตถุสามมิติจาก text prompt ได้ผลลัพธ์ในเวลาน้อยกว่า 1 นาที ผลลัพธ์ที่รองรับ PBR จึงสามารถนำไปใช้งานต่อได้กับโปรแกรม 3D ต่าง ๆ
การทำงานของ 3DGen มีสองขั้นตอนหลัก คือ Meta 3D AssetGen เป็นการนำข้อความมาสร้างเป็นวัตถุสามมิติ (text-to-3D) และ Meta 3D TextureGen เป็นการสร้างพื้นผิวของวัตถุ (text-to-texture) เมื่อนำสองส่วนมารวมกันจึงทำให้ได้ผลลัพธ์เป็นวัตถุสามมิติที่มีรายละเอียดสูง
Meta เริ่มใช้ป้ายกำกับ "Made with AI" ในคอนเทนต์ที่พบว่าสร้างจาก AI ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรือวิดีโอ ซึ่งเป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการอิสระ Oversight Board มาตั้งแต่เดือนเมษายน อย่างไรก็ตามป้ายกำกับ "Made with AI" ดูจะสร้างปัญหาไม่น้อย เพราะช่างภาพหลายคนพบว่า แม้พวกเขาอัปโหลดรูปภาพปกติ ก็ถูกติดว่า Made with AI อาจเพราะมีการใช้เครื่องมือแต่งภาพนั้น แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
คณะกรรมาธิการยุโรปหรือ EC (European Commission) ออกแถลงการณ์แจ้ง Meta ในขั้นต้นว่ารูปแบบการให้บริการในภูมิภาคยุโรปแบบ "จ่ายเงินหรือยอมรับเงื่อนไข" สำหรับการแสดงผลโฆษณา ไม่เป็นไปตามกฎหมายดิจิทัล DMA โดยมองว่าทางเลือกที่มีอยู่ ไม่มีตัวเลือกที่สามารถปรับลดการแสดงผลเฉพาะบุคคล แต่ยังได้รับบริการเทียบเท่า
มีรายงานจาก Financial Times อ้างข้อมูลจากคนที่เกี่ยวข้องว่าสหภาพยุโรปหรือ EU เตรียมแจ้งความผิดกับ Meta ในประเด็นการให้บริการระบบสมาชิกจ่ายเงิน เพื่อแลกกับการไม่แสดงโฆษณา สำหรับผู้ใช้งานในยุโรป ว่าขัดกับกฎหมายดิจิทัล DMA ตามที่ EU ได้ประกาศเริ่มสอบสวนเมื่อเดือนมีนาคม
Meta เริ่มให้บริการสมัครสมาชิกใช้งาน Facebook และ Instagram แบบไม่มีโฆษณา เฉพาะผู้ใช้งานในยุโรปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ผู้ใช้งานมีสองทางเลือกคือใช้งานฟรีแบบมีโฆษณาติดตาม แต่หากไม่ต้องการให้มีโฆษณาเจาะจงก็ต้องจ่ายเงินค่าสมาชิก
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta ให้สัมภาษณ์กับ Kane Sutter จากช่อง Kallaway ในหลายประเด็นทั้งเรื่อง AI และแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Meta
ในช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ซึ่งถามมุมมอง Zuckerberg เกี่ยวกับ AI เขาบอกว่า AI ไม่น่าเป็นสิ่งที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างครบในเครื่องมือชุดเดียว โดยพูดถึงบริษัทหนึ่งที่พยายามสร้าง AI ผลิตภัณฑ์เดียวแล้วทำได้ทุกอย่าง เรียกว่าเป็น AI ที่แท้จริง เหมือนกับการสร้างเทพเจ้าขึ้นมา ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ Meta กำลังทำ และไม่คิดว่าวิธีนั้นจะได้ผลที่ดีด้วย
Meta ปล่อยโมเดลปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบเปิดให้ใช้เพื่อการวิจัยเท่านั้น ได้แก่