Meta รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2024 รายได้เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทโดยเพิ่มขึ้น 21% จากปีก่อนเป็น 48,385 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 20,838 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานรวมทุกแอปเพิ่มขึ้น 5% เป็น 3.35 พันล้านคน มีจำนวนการมองเห็นโฆษณาเพิ่มขึ้น 6% และราคาเฉลี่ยต่อโฆษณาเพิ่มขึ้น 14%
กลุ่มธุรกิจ Reality Labs ที่ดูแลโครงการ Metaverse ซึ่งเพิ่งมีข่าวว่ารายได้เติบโตตามเป้าหมายในปีที่ผ่านมา เฉพาะไตรมาสที่ 4 รายได้ 1,083 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1% และขาดทุนมากขึ้นเป็น 4,967 ล้านดอลลาร์
Business Insider อ้างข้อมูลภายใน Meta โดยซีทีโอ Andrew Bosworth ได้เปิดเผยข้อมูลกับพนักงานในฝ่าย Reality Labs ซึ่งเป็นส่วนธุรกิจของ Meta ที่ดูแล Metaverse ว่ายอดขายในปี 2024 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 40% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และมีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายเช่นกัน
Bosworth บอกว่าผลลัพธ์การดำเนินงานนี้สะท้อนว่า 2024 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของส่วนธุรกิจ Reality Labs และบริษัทเห็นทิศทางที่แข็งแกร่งขึ้นของแบรนด์ Quest
Meta ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ให้ Meta AI ผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ในแชท ให้ "รู้จัก" ตัวเราผู้ใช้งานมากขึ้น 2 ทางดังนี้
The Information อ้างแหล่งข่าวภายใน Meta บอกว่าได้มีการเรียกประชุมหัวหน้าและวิศวกร ส่วนที่ดูแล Generative AI และ Infrastructure เป็นการเร่งด่วน โดยตั้งวอร์รูม (War Room) เป็น 4 ทีม เพื่อประเมินการทำงานและผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก DeepSeek
โดยมี 2 ทีม โฟกัสที่การทำงานของ DeepSeek ว่าใช้วิธีอย่างไรทำให้ต้นทุนการฝึกฝนต่ำมาก รวมทั้งใช้ทรัพยากรน้อยในการรันโมเดล อีกทีมทำการศึกษาว่า DeepSeek ใช้ข้อมูลจากแหล่งใดในการฝึกฝน AI และทีมสุดท้ายพิจารณาว่า Meta สามารถนำวิธีการใหม่ ๆ จาก DeepSeek มาปรับใช้ในการพัฒนาโมเดลของบริษัทอย่างไรได้บ้าง
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta โพสต์ใน Facebook ว่าบริษัทมีแผนการลงทุนในปีนี้ประมาณ 6-6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งการลงทุนหลักคือศูนย์ข้อมูลรองรับการเติบโตด้าน AI เพิ่มขึ้นตัวเลขปีที่แล้วประมาณ 3.8-4 หมื่นล้านดอลลาร์
เขาบอกว่าเป้าหมายคือ Meta จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนาผู้ช่วย AI ที่มีผู้ใช้งานกว่าพันล้านคน Llama 4 ที่จะออกมาในปีนี้ จะเป็นโมเดลปัญญาประดิษฐ์ความสามารถสูง บริษัทยังเพิ่มทีมวิศวกรด้าน AI เพื่อวิจัยและพัฒนาในโครงการที่เกี่ยวข้องนี้
ในที่สุด Threads ก็เริ่มแสดงโฆษณาแล้ว ตรงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่มีผลกับผู้ใช้งานในไทย โดย Meta บอกว่าการแสดงผลโฆษณาตอนนี้ยังจำกัดในผู้ลงโฆษณาไม่กี่รายก่อน เพื่อดูผลตอบรับ มีผลเฉพาะในสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น 2 ประเทศ ส่วนแผนขยายไปยังประเทศอื่นจะตามมาภายหลัง
โฆษณาใน Threads จะแสดงในรูปแบบโพสต์ที่มีรูปภาพแทรกในหน้าฟีดพร้อมป้ายกำกับว่า Sponsored ในช่วงแรกจะมีผลกับผู้ใช้กลุ่มเล็กก่อนด้วย
Meta บอกว่าได้เพิ่มเครื่องมือให้ผู้ใช้งานควบคุมโฆษณาที่เห็น มีคำอธิบายว่ามีการนำข้อมูลอะไรไปใช้ประกอบการแสดงโฆษณา หากเจอโฆษณาที่ไม่ชอบสามารถข้าม ซ่อน หรือกดรายงานได้ด้วย
ประธานาธิบดี Donald Trump กล่าวปาฐกถาแบบวิดีโอไปยังงานประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ มีประเด็นน่าสนใจที่เขาโจมตี EU ว่าพยายามรีดเงินอย่างไม่เป็นธรรมจากบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน เช่น แอปเปิล กูเกิล Meta เป็นจำนวนเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์
คดีที่ Trump พูดถึงอย่างเจาะจงคือ แอปเปิลแพ้คดีภาษีในไอร์แลนด์ ต้องจ่ายค่าปรับ 1.3 หมื่นล้านยูโร และพูดถึงกูเกิลโดนปรับอีกหลายพันล้านยูโรด้วย
Trump ใช้คำว่า EU พยายามหาวิธีเก็บภาษีในรูปแบบต่างๆ (a form of taxation) เช่น จากค่าปรับในคดีความต่างๆ และเขาบอกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สหรัฐอเมริกาจะร้องเรียนไปยัง EU ด้วย
Meta ประกาศว่าผู้ใช้งาน WhatsApp สามารถเลือกเพิ่มบัญชีที่ใช้งานอยู่ พ่วงเข้าไปกับระบบจัดการบัญชี Accounts Center ของ Meta เพื่อให้สามารถจัดการบัญชีแพลตฟอร์มต่าง ๆ ได้จบที่เดียว
หากผู้ใช้เพิ่มบัญชี WhatsApp เข้าไป นอกจากทำให้การล็อกอินผ่านระบบ Accounts Center ทำได้สะดวกขึ้น ยังสามารถสั่งโพสต์เดียวให้ขึ้นหลายแพลตฟอร์ม (cross-post) เพิ่มมาที่ WhatsApp ได้ด้วย
การเพิ่ม WhatsApp เข้า Accounts Center จะถูกปิดไว้เป็นค่าเริ่มต้น หากต้องการใช้งานต้องเปิดเอง และ WhatsApp ย้ำว่าข้อความและการโทรเสียงใน WhatsApp ยังคงเข้ารหัสแบบ end-to-end เหมือนเดิม แม้จะเพิ่มบัญชีเข้ามาที่ Accounts Center แล้วก็ตาม
Nicola Mendelsohn หัวหน้าฝ่ายธุรกิจทั่วโลกของ Meta ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg บอกว่าบริษัทยังไม่มีแผนใช้ระบบตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าวด้วย Community Notes ในประเทศอื่นนอกจากสหรัฐอเมริกาในตอนนี้ โดยจะดูผลลัพธ์ซึ่งอาจใช้เวลาตลอดปีนี้ จึงย้ำว่าในประเทศอื่นทั่วโลกจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
Meta เปิดตัวแอปตัดต่อวิดีโอบนมือถือชื่อว่า Edits โดย Adam Mosseri หัวหน้าทีม Instagram บอกว่าแอปนี้รองรับการใช้งานสำหรับคนที่ถนัดการตัดต่อวิดีโอบนโทรศัพท์ อย่างไรก็ตามแอปนี้ยังไม่มีให้ดาวน์โหลดในตอนนี้เพราะทีมงานกำลังเร่งพัฒนาอยู่ บนความร่วมมือกับเหล่าครีเอเตอร์เพื่อให้ได้เครื่องมือที่ดี โดยจะลง iOS ในเดือนหน้า และ Android หลังจากนั้น
ประกาศนี้สามารถเข้าใจได้ทันทีโดยเฉพาะกับคนที่ใช้แอปตัดต่อวิดีโอ CapCut ของ TikTok อยู่แล้ว เนื่องจาก CapCut ก็ถูกแบนในสหรัฐเหมือนกับ TikTok (แต่ตอนนี้แอปเริ่มกลับมาใช้งานได้แล้ว) จึงเป็นโอกาสของ Meta ที่จะสร้างแอปตัดต่อวิดีโอมาทดแทน
Meta ประกาศแผนปลดพนักงานรอบใหม่ คิดเป็นจำนวน 5% ของพนักงานทั้งหมดหรือประมาณ 3,600 คน โดยเป็นพนักงานที่มีผลการประเมิน 5% ต่ำสุดในบริษัท
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta อธิบายในอีเมลที่ส่งถึงพนักงานทุกคนว่า ตอนนี้บริษัทกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกทั้ง AI, แว่นตาอัจฉริยะ, โซเชียลมีเดียยุคใหม่ จึงเป็นปีที่เข้มข้นและท้าทาย เขาจึงต้องการทีมงานที่ดีที่สุด เลยตัดสินใจเพิ่มเกณฑ์ให้สูงคนด้วยการคัดคนที่ประสิทธิภาพน้อยที่สุดออก 5% ซึ่ง Meta มีระบบประเมินและให้พนักงานออกแบบนี้อยู่แล้ว แต่เกณฑ์ที่ประกาศนี้เป็นรอบพิเศษมีผลกับทั้งบริษัท
ผู้ใช้งาน Instagram ที่เล่นฟิลเตอร์สตอรีเป็นประจำอาจจะทราบอยู่แล้ว แต่เป็นการแจ้งอีกครั้งว่าฟิลเตอร์เอฟเฟกต์ AR ที่้สร้างโดยนักพัฒนาภายนอก (3rd Party) จะถูกลบออกทั้งหมด มีผลในวันที่ 14 มกราคมนี้ โดยไม่ใช่ว่าฟิลเตอร์จะหายไปทั้งหมด แต่ฟิลเตอร์ที่เหลือให้ใช้งานคือฟิลเตอร์พื้นฐานของ Meta เองเท่านั้น
การตัดสินใจลบฟิลเตอร์เอฟเฟกต์ AR นี้ เป็นผลจากประกาศปิดบริการ Spark AR แพลตฟอร์มที่ให้นักพัฒนาภายนอกสร้างเอฟเฟกต์ AR ให้ใช้งานกับแอปต่าง ๆ ในเครือ Meta โดยให้เหตุผลว่าบริษัทต้องการจัดลำดับความสำคัญของโครงการและบริการต่าง ๆ ใหม่
Linux Foundation ประกาศตั้งกลุ่ม Supporters of Chromium-Based Browsers ดึงหลายๆ บริษัทเข้ามาช่วยพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์ตระกูล Chromium
กลุ่ม Supporters of Chromium-Based Bowsers ที่อยู่ภายใต้ Linux Foundation จะทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางในการร่วมพัฒนา Chromium เพิ่มเติมจากกูเกิลทำอยู่รายเดียว ตอนนี้มีสมาชิกเข้าร่วมเพิ่มอีก 3 รายคือ Meta, Microsoft, Opera และจะเปิดรับสมาชิกเพิ่มเติมอีกในอนาคต
Meta ประกาศว่าจะอนุญาตให้ eBay แสดงข้อมูลสินค้าได้บน Facebook Marketplace ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกดูค้นหาและทำคำสั่งซื้อหรืออื่น ๆ ได้เลยกับ eBay ภายในแอป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลเฉพาะในยุโรปและอเมริกาเท่านั้น โดยจะทดสอบที่ฝรั่งเศส เยอรมนี และอเมริกา
เหตุผลหนึ่งที่น่าจะทำให้ Meta อนุญาตให้ eBay แสดงข้อมูลสินค้าได้บนแพลตฟอร์ม เนื่องจากสหภาพยุโรปได้สั่งปรับเงิน Meta 797 ล้านยูโร เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จากประเด็นที่ Facebook ถูกกล่าวว่าใช้ข้อได้เปรียบบางอย่างใน Facebook Marketplace เหนือคู่แข่งที่อยู่บนมาร์เกตเพลส โดย Meta ก็ได้ยื่นอุทธรณ์
Meta และซีอีโอ Mark Zuckerberg ประกาศการเปลี่ยนแปลงของเครื่องมือตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าว (Fact-Checking) จากที่ใช้แหล่งข้อมูลจากองค์กรภายนอก 3rd Party มาเป็นระบบให้ชุมชนช่วยกันรายงานและตรวจสอบเนื้อหาที่ถูกต้องหรือ Community Notes แบบเดียวกับ X ซึ่งจะมีผลในสหรัฐอเมริกาเป็นแห่งแรก
Meta บอกว่า Community Notes มีแผนเตรียมขยายไปยังผู้ใช้งานประเทศอื่นด้วย เมื่อเครื่องมือนี้มีการปรับปรุงมากขึ้น โดยปัจจุบันการตรวจสอบ Fact-Checking ของ Meta ใช้ข้อมูลผ่านเครือข่าย International Fact-Checking Network และ European Fact-Checking Standards Network สำหรับผู้ใช้งานในยุโรป มีผลทั้งบน Facebook, Instagram และ Threads
Meta ปรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงฝ่ายนโยบายสาธารณะ โดย Nick Clegg อดีตรองนายกรัฐมนตรีอังกฤษที่อยู่ในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2018 จะลงจากตำแหน่ง และแต่งตั้ง Joel Kaplan รองประธานฝ่ายนโยบายของ Meta มารับตำแหน่งแทน
Clegg โพสต์ใน Threads ว่าตอนนี้เป็นเวลาเหมาะสมในการลงจากตำแหน่งของเขา ซึ่งเขาจะใช้เวลาจากนี้ในการส่งต่องานให้กับ Kaplan ทั้งคู่ทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งแล้ว Clegg ยังบอกว่า Kaplan เป็นคนที่เหมาะสมสำหรับงานนี้ในช่วงเวลาตอนนี้
มาเลเซียออกใบอนุญาต WeChat และ TikTok ให้บริการโซเชียลมีเดียในประเทศ ซึ่งเป็นสองบริษัทแรกที่ได้ใบอนุญาต หลังกฎหมายเริ่มมีผลปีนี้ ระบุว่าผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และรับส่งข้อความ ที่มีผู้ใช้งานในมาเลเซียมากกว่า 8 ล้านคน ต้องมีใบอนุญาตจากรัฐบาล มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย
หน่วยงานดูแลการสื่อสารและสื่อของมาเลเซียยังเปิดเผยว่า Telegram และ Meta Platforms ซึ่งเป็นเจ้าของ Facebook, Instagram และ WhatsApp ก็เริ่มดำเนินการขอใบอนุญาตแล้ว ส่วน X และ YouTube ยังไม่ได้มาขอใบอนุญาต โดย X ให้เหตุผลว่าแพลตฟอร์มมีคนใช้งานในมาเลเซียไม่ถึง 8 ล้านคน ขณะที่ YouTube มองว่าแพลตฟอร์มวิดีโอของตนไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎหมายนี้ แม้หน่วยงานกำกับดูแลจะยืนยันว่าเข้าเกณฑ์ก็ตาม
JPMorgan รายงานข้อมูลโดยอ้างตัวเลขจาก New Street Research ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ มีการลงทุนด้านศูนย์ข้อมูลสำหรับงานประมวลผล AI เป็นจำนวนเท่าใดในปีที่ผ่านมา โดยตัวเลขนี้มาจากช่วงมกราคม-สิงหาคม 2024 คำนวณจากการลงทุนสินทรัพย์ถาวร AI และค่าใช้จ่ายในการดูแลศูนย์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
ไมโครซอฟท์มีการลงทุนมากที่สุดในปีที่ผ่านมารวม 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นการค่าใช้จ่ายจีพียูและชิปประมวลผล 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์, ค่าใช้จ่าย AI อื่น ๆ 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์, การฝึกอบรมและวิจัย 3 พันล้านดอลลาร์ และการทำ AI Inference 3 พันล้านดอลลาร์
อีก 3 บริษัทเทคโนโลยีที่อยู่ในรายงาน มีตัวเลขดังนี้
NPCI หน่วยงานกำกับดูแลระบบการจ่ายเงินออนไลน์ UPI ในประเทศอินเดีย ประกาศยกเลิกจำกัดจำนวนผู้ใช้งานบริการจ่ายเงิน WhatsApp Pay ของ Meta จากก่อนหน้านี้กำหนดเพดานไว้ที่ 100 ล้านคน มาตั้งแต่ปี 2022 ทำให้บริการ WhatsApp Pay ที่ทำงานบน UPI เช่นกัน สามารถเข้าถึงผู้ใช้งาน WhatsApp ที่มีมากกว่า 500 ล้านคนในอินเดียได้ทันที
ปัจจุบันแพลตฟอร์ม UPI ของอินเดียมีปริมาณการทำธุรกรรมมากกว่า 1.3 หมื่นล้านครั้งต่อเดือน โดยธุรกรรมมากกว่า 85% มาจาก Google Pay และ PhonePe บริการชำระเงินที่มี Walmart เป็นผู้ถือหุ้น การเข้ามาของ WhatsApp Pay ที่มากขึ้น จึงคาดหวังว่าจะมีการแข่งขันมากขึ้นในตลาด
บริการ Meta AI ที่เป็นแชตบอตสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเปิดให้ใช้งานในประเทศไทยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้จำกัดประเทศผู้ใช้งาน
Meta AI ใช้ Llama 3 เป็นฐานในการให้บริการ โดยผู้ใช้ในไทยสามารถใช้งานได้ครบถ้วน ทั้งการสสร้างภาพ หรือแม้แต่แปลงภาพให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวก็ยังได้
ที่มา - Meta AI
มีรายงานจาก The Information ว่า Meta เตรียมเพิ่มหน้าจอแสดงผลในแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta Glasses เพื่อรองรับความสามารถใหม่ที่ต้องการใส่เข้ามาในอนาคต คาดว่าแว่นรุ่นใหม่นี้จะเปิดตัวภายในครึ่งหลังของปีหน้า 2025
หน้าจอแสดงผลนี้จะไม่ได้กินพื้นที่ทั้งเลนส์ของแว่นตาให้กลายเป็นอุปกรณ์ Metaverse เหมือนแว่นตา Orion แต่จะมีขนาดจอเล็ก ๆ อยู่ที่ด้านหนึ่งของแว่น ไว้แสดงข้อมูลแจ้งเตือน หรือแสดงผลการตอบสนองของ Meta AI
รายงานบอกว่าแว่นตา Ray-Ban Meta Glasses เป็นสินค้าขายดีมากกว่าที่ Meta ประเมินไว้ตอนแรก ทำให้บริษัทพยายามต่อยอดสินค้านี้ด้วยการใส่ฟีเจอร์ใหม่มาดึงดูดลูกค้ามากขึ้นนั่นเอง
Meta รายงานถึงความคืบหน้าในการย้ายโค้ด Android จาก Java ไปเป็น Kotlin หลังจากเปลี่ยนแนวทางมาใช้ Kotlin เป็นหลักตั้งแต่ปี 2020 แต่ก็ยังมีโค้ด Java จำนวนมาก แต่ในช่วงหลังก็สามารถเร่งความเร็วในการแปลงโค้ดได้จากการทำงานร่วมกับ JetBrains ผู้สร้าง IntelliJ
ก่อนหน้านี้ Meta แปลง Java เป็น Kotlin โดยอาศัยฟีเจอร์แปลงโค้ดของ IntelliJ เป็นหลัก การแปลงแต่ละครั้งอาศัยนักพัฒนาคลิก IDE ทีละไฟล์เอง กระบวนการนี้ทำให้การแปลงโค้ดช้ามาก ทาง Meta เข้าไปช่วย IntelliJ พัฒนา J2K ที่เป็นเอนจินแปลงโค้ดภายใน IntelliJ ให้สามารถรันได้โดยไม่ต้องการ IntelliJ
หลังจากนั้น Meta พัฒนาเครื่องมือภายใน ชื่อว่า Kotlinator ที่ใช้ J2K เป็นแกน แต่มีฟีเจอร์ต่างๆ เพิ่มเติม
ตามที่ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปได้ออกกฎหมายดิจิทัล DMA เพื่อกำหนดให้ผู้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ ต้องเปิดให้คู่แข่งเข้ามาเชื่อมต่อระบบได้ ทำให้ไม่เป็นการกีดกันนักพัฒนารายย่อย หนึ่งในบริษัทที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายนี้คือแอปเปิล ซึ่งกรณีใหญ่ก็คือการเปิดให้ลงสโตร์ภายนอกตั้งแต่ iOS 17.4 และปรับโครงสร้างค่าธรรมเนียมนักพัฒนา หรือล่าสุดคือการเปิด NFC ใน iPhone ให้แอปจ่ายเงินเข้าถึงได้ตามคำสั่งของสหภาพยุโรปหรือ EU รวมทั้งต้องปฏิบัติตามคำร้องขอของนักพัฒนาหากต้องการเข้าถึงส่วนอื่นเพิ่มเติม
Meta ประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Live AI ในแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban Meta Glasses ช่วยให้ AI มองเห็นภาพเดียวกับที่ผู้ใช้งานเห็นตรงหน้า สามารถโต้ตอบผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์
Meta บอกว่าฟีเจอร์ใหม่จะเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งาน เพราะสามารถให้คำแนะนำโดยอัตโนมัติตามภาพที่เห็น ไม่ต้องรอให้ผู้ใช้งานเป็นคนสั่ง รวมทั้งการช่วยเหลือแบบ hands-free help เช่น เตรียมมื้ออาหาร ทำสวน โดยไม่ต้องพูด wake word เพื่อปลุก AI มารับคำสั่ง
ส่วนฟีเจอร์แปลภาษาที่มาคู่กับ Live AI สามารถแปลบทสนทนาภาษาอังกฤษ สเปน ฝรั่งเศส และอิตาลีได้แบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ Ray-Ban Meta Glasses ยังใช้ร่วมกับ Shazam สำหรับค้นหาเพลง เพียงแค่ถามว่า “Hey Meta, what is this song?”
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Meta โพสต์ข้อความว่า Threads แพลตฟอร์มโซเชียลเน้นตัวหนังสือที่ออกมาแข่งกับ X และ Bluesky มีตัวเลขผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs - Monthly Active Users) มากกว่า 300 ล้านบัญชีแล้ว
ที่น่าสนใจคือ Meta เปิดเผยจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAUs - Daily Active Users) เป็นครั้งแรกว่ามีมากกว่า 100 ล้านบัญชี
ตัวเลข DAUs นี้เป็นการย้ำกว่า Threads มีฐานผู้ใช้งานที่ใหญ่กว่า Bluesky มาก แต่ก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับ X