Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 690 ชิปเซ็ตระดับกลาง ประสิทธิภาพซีพียูดีขึ้นกว่ารุ่นเก่าอย่าง Snapdragon 675 อยู่ 20% ส่วนเรื่องกราฟิคดีขึ้น 60% รองรับ 5G คลื่น sub-6GHz ด้วยชิป Snapdragon X51
ซีพียูเป็น Kryo 560 8 แกนแบบ 2+6 โดยใช้ Cortex-A77 2GHz 2 แกนและ Cortex-A55 1.7GHz 6 แกน ส่วนจีพียูเป็น Adreno 619L ใช้กระบวนการผลิต 8nm LPP รองรับกล้องความละเอียดสูงสุด 192 ล้านพิกเซล หน้าจอรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz รองรับ Wi-Fi 6
Snapdragon 690 จะเริ่มออกสู่ตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ที่มา - Anandtech
ปีนี้ชิป Snapdragon 865 ทำมือถือแอนดรอยด์ขึ้นราคาไปตามๆ กัน สร้างความลำบากให้กับค่ายมือถือสเปกเรือธงราคาประหยัดหลายๆ ค่าย เพราะ Snapdragon 865 ไม่มีชิปโมเด็ม 5G ในตัวและถ้าจะรองรับ 5G ต้องซื้อชิปโมเด็ม X55 จาก Qualcomm พ่วงมาด้วยจนกดราคาไว้ไม่อยู่ จนเหมือนว่าปีนี้จะเป็นปีที่ “นักฆ่าเรือธง” กลายเป็นเรือธงเต็มตัวไปตามๆ กัน และอาจต้องปรับตัวเนื่องจากโทรศัพท์รุ่นเรือธง ไม่ได้มีอะไรใหม่ๆ มากนัก และโทรศัพท์รุ่นหมื่นกลางๆ ก็มีฟังก์ชั่นพอใช้งานทั่วไปแล้ว เช่นที่ผู้เขียนเคยกล่าวในบทวิเคราะห์นี้
หลังรัฐบาลสหรัฐใส่ชื่อ Huawei เข้าไปใน Entity List บริษัทที่รัฐบาลกังวลในประเด็นด้านความมั่นคงและบริษัทสหรัฐจะต้องขอใบอนุญาตก่อนเพื่อทำธุรกิจด้วย ล่าสุด The Global Times รายงานอ้างอิงแหล่งข่าววงในว่า รัฐบาลจีนเตรียมจะทำแบบเดียวกับบริษัทสหรัฐแล้ว
บริษัทสหรัฐที่มีรายชื่อว่าน่าจะโดนมาตรการนี้คือ Apple, Cisco, Qualcomm และ Boeing ซึ่งอาจจะทั้งโดนสอบสวนและอยู่ในรายชื่อบริษัทที่ไม่น่าไว้ใจ (unreliable entity list)
ทั้งนี้ The Global Times อยู่ในเครือของ People's Daily ซึ่งเป็นสื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
เว็บไซต์ XDA-Developers เขียนบทความเกี่ยวกับสถานการณ์เชิงบังคับของการใช้งาน 5G บนสมาร์ทโฟน ที่ทำให้มือราคาเรือธงราคาแพงขึ้นกว่าเดิม แถมอาจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มือถือนักฆ่าเรือธงไปไม่รุ่งในปีนี้
ในบทความยกตัวอย่าง OnePlus One ที่วางจำหน่ายในราคา 299 เหรียญ หรือเพียงครึ่งเดียวของ Galaxy S5 มือถือเรือธงของค่ายแอนดรอยด์ในปีนั้นที่วางจำหน่ายในราคา 500 เหรียญ เป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า “นักฆ่าเรือธง”
Qualcomm เปิดตัวชิปเซ็ต Snapdragon 768G ใหม่ที่เป็นการจับเอา Snapdragon 765G มาเพิ่มคล็อกสปีดโดยที่สถาปัตยกรรมและไส้ในส่วนใหญ่เหมือนเดิม
ซีพียูเป็น Kryo 475 แปดคอร์สัญญาณนาฬิกา 2.8GHz (เดิม 2.4GHz) จีพียู Adreno 620 ที่ประสิทธิภาพดีขึ้นจาก Snapdragon 765G ที่ 15% อัพเกรดชิปบลูทูธรองรับ Bluetooth 5.2 (เดิม 5.0) รองรับการอัพเดต GPU ผ่าน Project Mainline ชิป 5G เป็น Snapdragon X52 เหมือนเดิม
Qualcomm เปิดตัวเทคโนโลยีชาร์จเร็วอัปเกรดใหม่ Quick Charge 3+ (เพิ่ม + เข้ามาจาก Quick Charge 3.0) เพื่อเป็นอีกทางเลือกของระบบชาร์จเร็วราคาถูก เพราะรองรับสายแบบ USB type A ไป type C โดยมีฟีเจอร์ เปรียบเทียบกับ Quick Charge 3, 4 และ 4+ ดังนี้
Qualcomm ประกาศขยายความร่วมมือกับ Google ปล่อย GPU Inspector เครื่องมือสำหรับนักพัฒนาเกมบนแอนดรอยด์ เพื่อปรับแต่งเกมให้ดึงสมรรถนะของจีพียู Adreno ออกมาให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ GPU Inspectgor ยังช่วยให้นักพัฒนาสามารถฟีดแบ็คเรื่องจีพียูและไดร์ฟเวอร์กลับมายัง Qualcomm ได้ด้วย และ Qualcomm จะปล่อยเป็นอัพเดตไดร์ฟเวอร์จีพียูให้กับสมาร์ทโฟนผ่าน Play Store (ด้วย Project Mainline)
ชิป Snapdragon 865 ของ Qualcomm อาจเป็นชิปสมาร์ทโฟนที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอันดับต้นๆ ในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ แต่สำหรับในรุ่น Snapdragon 865 นั้น ดีไซน์ที่ Qualcomm พยายามใส่เทคโนโลยี 5G เข้ามา ทำให้โทรศัพท์รุ่นที่ใช้ ร้อนขึ้น ใหญ่ขึ้น และมีราคาแพงขึ้นกว่าปีที่แล้ว
เราเห็น Qualcomm ออกชิปโมเด็ม 5G มาสักระยะแล้วคือ Snapdragon X50 ชิปตัวแรกของ Qualcomm ที่รองรับ 5G ตามด้วย Snapdragon X55 รุ่นอัพเกรด
วันนี้ Qualcomm ออกชิปโมเด็มรุ่นที่สามคือ Snapdragon X60 ที่ขยายการรองรับ 5G ให้ครอบคลุมคลื่นความถี่หลากหลาย (mmWave, sub-6 GHz, low-band), รูปแบบการสื่อสาร (FDD/TDD) และวิธีการติดตั้งเครือข่าย (SA และ NSA)
การที่เครือข่ายยุค 5G ใช้ความถี่หลากหลายย่าน ทำให้โอเปอเรเตอร์จำเป็นต้องผสมการใช้คลื่นเข้าด้วยกัน (เช่น 5G บนความถี่ LTE เดิม) ซึ่งโมเด็ม Snapdragon X60 ก็รองรับการผสมคลื่นในลักษณะนี้ (เช่น 5G FDD-TDD carrier aggregation) ช่วยให้รองรับความเร็วสูงสุดได้ดีกว่าเดิม
Qualcomm รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงินบริษัท 2020 (ตุลาคม-ธันวาคม) รายได้เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 5,057 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 1,151 ล้านดอลลาร์
ที่ผ่านมารายได้ของ Qualcomm ลดลงต่อเนื่องหลายไตรมาส แต่ในไตรมาสนี้รายได้กลับมาเติบโตเป็นครั้งแรก
Steve Mollenkop ซีอีโอ Qualcomm กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาสที่แข็งแกร่งนี้สะท้อนจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ Qualcomm เริ่มรับรู้จากการเติบโตของ 5G
Qualcomm เปิดตัวหน่วยประมวลผล Snapdragon รุ่นซอยย่อยอีก 3 ตัวคือ 720G, 662, 460 เพื่อใช้กับสมาร์ทโฟนระดับกลาง-ล่าง ที่จะวางขายในปี 2020
Snapdragon 720G เป็นตัวอัพเกรดของ Snapdragon 710/712
Qualcomm เปิดตัว Snapdragon Ride ชุดประมวลผลสำหรับรถยนต์ไร้คนขับ หลังซุ่มพัฒนามาอย่างเงียบ ๆ โดย Qualcomm บอกว่า Snapdragon Ride รองรับกับระบบไร้คนขับเต็มรูปแบบ (full self-driving) เลย
ขนาดของ Snapdragon Ride มีขนาดแค่ฝ่ามือเท่านั้น (ดูรูปได้จากที่มา) รวมถึงใช้พลังงานต่ำ ไม่ต้องใช้พัดลมหรือระบบหล่อเย็นด้วยน้ำเพื่อระบายความร้อนใด ๆ เรียกได้ว่า Qualcomm พัฒนามาเผื่อความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าในตัวด้วย
Qualcomm เริ่มบุกตลาดหน่วยประมวลผลสำหรับโน้ตบุ๊กมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว ด้วย Snapdragon 8cx แม้ว่าตลาดยังตอบรับไม่มากนัก มีโน้ตบุ๊กเพียงไม่กี่รุ่นที่นำไปใช้งาน เช่น Samsung Galaxy Book S และ Surface Pro X (ใช้ Microsoft SQ1 ที่เป็น Snapdragon 8cx เวอร์ชันพิเศษ ปรับแต่งให้แรงขึ้น)
ปีนี้ Qualcomm ออก Snapdragon อีกสองตัวคือ 8c และ 7c ที่ประสิทธิภาพลดหลั่นลงมาจาก 8cx เพื่อจับตลาดโน้ตบุ๊กที่ราคาถูกลง
Niantic ประกาศร่วมมือกับ Qualcomm เพื่อร่วมกันสร้างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รวมถึงระบบคลาวด์ โดยมีเป้าหมายสร้างอุปกรณ์ AR รูปแบบใหม่ โดยใช้แพลตฟอร์ม XR2 ของ Qualcomm
นอกจาก Snapdragon 865 ยังมีหน่วยประมวลผลระดับรองคือ Snapdragon 765/765G ที่ออกมาเปิดเผยสเปกดังนี้
Snapdragon 765
Qualcomm เผยรายละเอียดของ Snapdragon 865 ชิปมือถือเรือธงของปี 2020 ที่เปิดตัวเมื่อวานนี้
Qualcomm เปิดตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใหม่ในชื่อ 3D Sonic Max ต่อจากรุ่นก่อนหน้า 3D Sonic Sensor ยังคงใช้การสแกนแบบอัลตร้าโซนิคเช่นเดิม (ที่ถูกนำไปใช้สแกนใต้หน้าจอ) แต่ขนาดตัวเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 17 เท่าและเร็วกว่าเดิม รวมถึงรองรับการสแกนลายนิ้วมือ 2 นิ้วพร้อมกัน (simultaneous two-finger authentication)
ยังไม่มีข้อมูลว่า Qualcomm จะส่งมอบเซ็นเซอร์ใหม่นี้ได้เมื่อไหร่ และเราจะได้เห็นการสแกน 2 นิ้วเพื่อยืนยันตัวตนบนสมาร์ทโฟนได้จริง ๆ เมื่อไหร่
นอกจาก Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 865 ก็ยังมีหน่วยประมวลผลระดับรองลงมาอีกตัวคือ Snapdragon 765 ที่มีชิปโมเด็ม 5G ในตัวให้เสร็จสรรพ ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้
Snapdragon 765 ใช้ชิปโมเด็ม X52 Modem-RF โดยแยกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ Snapdragon 765 และ 765G รุ่นจีพียูแรงสำหรับเกมเมอร์ (เคยทำแบบนี้มาแล้วตั้งแต่ Snapdragon 730G)
รายละเอียดทางเทคนิคของ Snapdragon 765 ยังไม่ออกมาเช่นกัน ส่วนสมาร์ทโฟนที่ประกาศใช้งานแล้วคือ Nokia (HMD Global) และ Motorola
Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 865 หน่วยประมวลผลเรือธงประจำปี 2020 โดยชูเรื่อง 5G เป็นฟีเจอร์สำคัญ
แต่ตัว Snapdragon 865 เองกลับไม่มีโมเด็ม 5G ในตัว และต้องใช้คู่กับชิป Snapdragon X55 Modem-RF ที่มาด้วยกัน (ไม่มีรุ่นโมเด็ม 4G)
ตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเทคนิคของ Snapdragon 865 ออกมาทั้งหมด แต่ข้อมูลเท่าที่มีคือใช้กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร, สมรรถนะ 15 TOPS (trillion operations per second), รองรับกล้องความละเอียดสูงสุด 200MP
สมาร์ทโฟนยี่ห้อที่ประกาศใช้งาน Snapdragon 865 แล้วคือ Xiaomi Mi 10 และ Oppo
Qualcomm รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินบริษัท 2019 สิ้นสุดเดือนกันยายน รายได้รวมลดลง 17% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 4,814 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 506 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Steve Mollenkopf กล่าวว่าผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา มีธุรกิจจำหน่ายไลเซนส์ที่เติบโตดี และผลงานที่ผ่านมาทำให้บริษัทพร้อมสำหรับการผลักดันเทคโนโลยี 5G ผ่านความร่วมมือต่าง ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2020
นอกจากนี้ Qualcomm ยังประเมินตัวเลขที่น่าสนใจคือภาพรวมอุปกรณ์ 5G ที่จะส่งมอบในปีการเงินหน้า จะอยู่ราว 175-225 ล้านชิ้น ซึ่ง Qualcomm จะได้ประโยชน์จากสิทธิบัตรหลายอย่างในเทคโนโลยีนี้
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าผู้ผลิตชิปอเมริกันหาทางส่งมอบของให้ Huawei หลังคำสั่งแบนโดยอ้างว่าไม่ใช่สินค้าอเมริกัน รวมถึงการล็อบบี้รัฐบาลสหรัฐเรื่องคำสั่งแบน ล่าสุด Steve Mollenkopf ซีอีโอ Qualcomm ยืนยันว่าส่งเริ่มกลับมามอบของให้ Huawei แล้ว แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์ตัวไหนหรือด้วยวิธีการอะไร
Huawei อาจเป็นผู้ผลิต SoC รายแรกที่ออก SoC รองรับ 5G ในตัว แต่ฝั่งของเจ้าตลาด Qualcomm ก็ไม่ยอมแพ้ ออกมาประกาศแผนการออก Snapdragon 5G ที่มาเป็นชุดคือ Snapdragon ซีรีส์ 8, 7, 6 เลย แปลว่าเราจะได้เห็นมือถือระดับกลางๆ รองรับ 5G กันอย่างถ้วนหน้าในปี 2020
Qualcomm มีชิปโมเด็ม X50 ที่รองรับ 5G วางขายมาแล้วตั้งแต่ต้นปี 2019 แต่การใช้งานต้องเป็นชิปแยกกับตัว SoC อีกทีหนึ่ง ส่วนแผนการออก Snapdragon ที่รองรับ 5G ในตัวมีดังนี้
ซัมซุงเปิดตัวโน้ตบุ๊ก Galaxy Book S โน้ตบุ๊กวินโดวส์ชิป ARM ที่ชูจุดเด่นการเชื่อมต่อ LTE ในตัว พร้อมอายุแบตเตอรี่ยาวนานถึง 23 ชั่วโมงเมื่อใช้ชมวิดีโอต่อเนื่อง
สเปค Galaxy Book S มีดังนี้
ทีมวิจัย Blade Team ของ Tencent รายงานถึงช่องโหว่ระดับวิกฤติในโมดูลเคอร์เนลของ Qualcomm เปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถยึดโทรศัพท์แอนดรอยด์ผ่านทางการยิงแพ็กเก็ต Wi-Fi โดยใช้ชื่อช่องโหว่กลุ่มนี้ว่า QualPwn
ช่องโหว่เกิดจากโมดูลเคอร์เนลที่เป็นไดร์เวอร์โมเด็มของ Qualcomm ที่ไม่ตรวจข้อมูลอินพุตจากตัวโมเด็มดีพอ เมื่อแฮกเกอร์ broadcast แพ็กเก็ตมุ่งร้ายที่ออกแบบมาเฉพาะ จะทำให้เคอร์เนลเขียนข้อมูลลงหน่วยความจำโดยเชื่อข้อมูลจากโมเด็มทันที และนำไปสู่การเขียนข้อมูลทับโมดูลเคอร์เนลและนำไปสู่การรันโค้ดในเครื่องของเหยื่อ
ช่องโหว่ที่จริงแล้วเป็นกลุ่ม รวม 3 รายการ ได้แก่ CVE-2019-10539, CVE-2019-10540, และ CVE-2019-10538
Qualcomm รายงานผลประกอบของไตรมาสที่ 3 ตามปีการเงิน 2019 สิ้นสุดเดือนมิถุนายน รายได้รวมเพิ่มขึ้น 73% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 9,635 ล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,149 ล้านดอลลาร์ ที่รายได้เพิ่มสูง เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ค่าไลเซนส์จากแอปเปิลเพื่อยุติคดีความพิเศษ 4,700 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Steve Mollenkopf กล่าวว่าไตรมาสนี้ Qualcomm ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี ท่ามกลางความต้องการสินค้า 4G ที่ชะลอตัวลง เนื่องจากตลาดกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่ 5G ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้ส่วนนี้มากขึ้นในปีการเงิน 2020 เป็นต้นไป
ที่มา: Qualcomm