ผมเชื่อว่าหลายคนคงเล่น Beryl/Compiz ไปบ้างแล้ว ตอนนี้มีของเล่นใหม่คือ Metisse ซึ่งเป็น 2.5D Window Manager จาก Mandriva
อธิบายง่ายๆ ก็คือ Window Manager แบบที่ "พับ" หน้าต่างได้เหมือนพับกระดาษ หรือเอียงให้ลึกเข้าไปข้างในก็ได้ นึกตามไม่ออก ดูภาพ+วิดีโอง่ายกว่า คือมันจะไม่วื้ดว้าดแบบ Beryl แต่ดูๆ ไปแล้วอาจจะมีประโยชน์ใช้สอยมากกว่านะ ใช้สเปกเครื่องน้อยมากด้วย เค้าบอกว่าแค่ TNT2 ก็เล่นได้
ล่าสุด Mandriva เหมือนจะรู้ใจคนอยากลอง เลยออก Mandriva One 2007 ซึ่งเป็น live cd เวอร์ชันที่รวม Metisse เข้ามาให้ด้วยเลย สนใจลองดาวน์โหลดมาเล่นได้ (ผมก็ยังไม่ได้ลอง ถ้าใครเอามาแล้ว อยากจะเขียนรีวิวก็ยินดีครับ)
โซนี่ประกาศวางจำหน่าย PS3 ในทวีปยุโรปวันที่ 23 มีนาคมนี้ โดยจะขายรุ่น 60GB ก่อน ซึ่งโซนี่ตั้งราคาไว้ที่ 599 ยูโร หรือ 425 ปอนด์ ซึ่งตีเป็นเงินไทยเกือบ 30,000 บาท!!!
รุ่น 60GB นี้มีราคาขายในสหรัฐที่ 599 เหรียญ (ประมาณ 21,000 นิดๆ) ส่วนในญี่ปุ่นคือ 59,980 เยน (ประมาณ 17,000) โซนี่ให้เหตุผลว่าตลาดยุโรปนั้นค่อนข้างยากในการจัดจำหน่าย ทำให้ต้องวางขายล่าช้าและมีราคาแพงอย่างที่เห็น
ที่มา - Slashdot
ข่าวแถม: ยอดจำหน่ายเครื่องของนินเทนโดพุ่งมาก สิ้นปี 2006 นินเทนโดขาย DS ออกไปแล้วทั้งหมด 35 ล้านเครื่อง และตั้งเป้าจะขาย Wii ให้ได้ 6 ล้านเครื่องภายในเดือนมีนาคมนี้
ซิสโก้ ผู้ผลิตเราเตอร์ที่ครองตลาดมากส่วนใหญ่ได้ออกมายอมรับช่องโหว่ในระบบปฎิบัติการ IOS ที่ทางซิสโก้ใช้งานในเราเตอร์ของตนแทบทุกรุ่นว่ามีการพบช่องโหว่ 3 แห่งที่อาจะทำให้ผู้บุกรุกส่งคำสั่งอันตรายหรือยิง DOS ทำให้เราเตอร์หยุดทำงานได้ โดยบั๊กทั้งสามอยู่ในส่วนของการประมวลผล TCP, IPv4 และ IPv6 ทำให้แพกเก็ตที่ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อจู่มโจมบั๊กนี้สามารถทำอันตรายต่อเราเตอร์ได้ ซึ่งในตอนนี้ทางซิสโก้ได้ออกเอกสารแสดงวิธีการแก้ไขชั่วคราวพร้อมซอฟต์แวร์อัพเดตให้ในเว็บของทางซิสโก้แล้ว
ถ้าสงสัยว่าเราเตอร์ในหน่วยงานแก้ไขรึยังก็ถามแอดมินดูดีๆ นะ อย่าไปยิงเล่น เดี๋ยวเค้าหาว่าผมชี้โพรง....
เป็นเรื่องปรกติที่เว็บวีดีโออย่าง YouTube จะมีการโพสต์วีดีโอที่ละเมิดลิขสิทธิ์กันเนืองๆ แต่โดยปรกติแล้วทาง YouTube ก็จะลบวีดีโอนั้นแล้วเรื่องก็จบกันไป แต่คดีล่าสุดนี้ทาง FOX เคเบิลทีวีรายใหญ่ของอเมริกาได้ยื่นร้องต่อศาลเพื่อให้ออกหมายศาลขอข้อมูลผู้ใช้ของ YouTube ที่ชื่อว่า ECOtotal เนื่องจากผู้ใช้รายนี้ได้โพสต์ซีรี่ย์สุดฮิตของทาง FOX เรื่อง 24 ในวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา
Biolawcom.de มีบทความแนะนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาทไว้ค่อนข้างครบถ้วน บทความนี้ผมขอแนะนำให้บล็อกเกอร์ทุกท่านได้อ่านครับ เพราะใครจะรู้วันดีคืนดีเราอาจะมีคดีฟ้องบล็อกเกอร์ในเมืองไทย (หรือมีไปแล้ว?)
อีกเพียง 5 วันระบบปฎิบัติการที่รอกันมายาวนานถึงห้าปีอย่างวิสต้าก็จะออกวางตลาดกันแล้วในที่สุด รวมถึงในประเทศไทยที่เพิ่งมีงานเปิดตัวไปเมื่อวันก่อน แต่ตอนนี้สามหน่วยงานของรัฐบาลเกาหลี ได้แก่ Ministry of Information and Communication, the Ministry of Government Administration and Home Affairs, และ the Financial Supervisory Service ได้ออกประกาศเตือนให้ประชาชนชะลอการใช้งานวิสต้าไว้ก่อนเนื่องจากการใช้วิสต้าอาจะทำให้ประชาชนเกาหลีไม่สามารถเข้าถึงบริการสำคัญได้หลายอย่าง
ถ้าติดตามข่าวเก่าๆ ของ Blognone กันมานาน จะเห็นว่าเวลาเปิดตัว Gadget แต่ละทีก็มักจะมีการใช้ชิปรุ่นแปลกๆ ให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ เช่น ARM7/ARM9 ใน Nintendo DS หรือ Cell ใน PS3/Wii/Xbox360 เรื่องน่าสงสัยเล็กๆ คือทำไมไม่ค่อยมีใครใช้ x86 กันทั้งๆ ทีั่เป็นชิปตระกูลที่ราคาต่อประสิทธิภาพค่อนข้างถูกมาก
muslix64 ออกมาให้สัมภาษณ์ ผ่าน PM กับ www.slyck.com เกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ
ประโยคหนึ่งในนี้ที่คมมาก "The less secure the format, the more people will buy."
เจ้าตัวประกาศไว้ชัดเจนว่า จะกบดานซักพัก แล้วเจอกันใหม่เมื่อ BD+ ออก(ระบบป้องกันแบบใหม่ของ blu-ray)
ที่มา www.slyck.com
ข่าวลือประหลาดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อพนักงานของบริษัท Mars ผู้ผลิตช็อกโกแลตหลายยี่ห้อเช่น Snickers และ m&m ได้ซื้อขนมที่ไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบ (แต่ยังปลอดภัยสำหรับการกิน) แล้วพบว่า m&m บางเม็ตที่เขาซื้อมานั้นมีโลโก้ของบริษัทแอปเปิลอยู่ ทำให้เกิดคำถามตามมาว่านี่เป็นการโฆษณาแบบใหม่หรือแค่เรื่องบังเอิญ (หรือจะเป็นเรื่องแหกตา?)
ระวังแกะเลย์ถุงต่อไปแล้วมีโฆษณาวิสต้าบนแผ่นนะ..
ที่มา - Gizmodo (ดูรูปที่นี่)
หลังจากที่แอปเปิลได้ประกาศตัว iPhone ออกมาแล้วนั้น ก็มีผู้โชคดีหลายต่อหลายคนที่ได้สัมผัสกับเจ้าตัวโทรศัพท์เครื่องนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักข่าวและผู้มีชื่อเสียง ก็มีการรวบรวมคำถามที่มักถูกถามบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับ iPhone ซึ่งบางเรื่องก็พอจะเดาๆกันออก แต่บางเรื่องก็อ่านแล้วแปลกๆอยู่เหมือนกัน นี่เป็นบางส่วนที่คัดมาให้อ่านกัน
สามารถใช้ได้กับเครือข่ายและซิมของ Cingular เท่านั้นเหรอ ? - ใช่แล้ว และต้องใช้ไปอีกอย่างน้อย 2 ปี .. หลังจากนั้นก็ยังไม่แน่ว่าอาจจะใช้ได้กับค่ายอื่น
ถ้าจะขนมาขายในไทยจะใช้ซิมของไทยได้รึเปล่า ? - ถ้าเอามาจาก Cingular ไม่น่าจะได้ .. แต่มีข่าวลือว่าเมื่อถึงช่วงปลายปีที่เริ่มขายในยุโรปจะมีการขายรุ่นที่ปลดอีมี่แล้ว แต่ราคาจะแพงมากๆ
หลังจากที่ Google Groups 3 ได้เปิดให้ทดลองใช้ ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตอนนี้ได้เปิดให้ใช้ อย่างเป็นทางการแล้ว โดยเวอร์ชันนี้มีความสามารถใหม่ เพิ่มขึ้นมาหลายอย่างเช่น ส่วนของการพูดคุยที่เอาอินเตอร์เฟซของจีเมล์มาใช้ หน้าตาของกรุ๊ปที่ปรับแต่งได้ สามารถสร้างหน้าเว็บได้ อัพโหลดและแชร์ไฟล์ได้โดยมีพื้นที่ให้ 100 MB เป็นต้น
ที่มา - Google Operating System, Googlified
เครื่อง MacBook ที่วางขายในปีที่ผ่านมานั้นมีชิป 802.11n ใส่มาโดยไม่มีใครรู้จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนที่แอปเปิลให้บริการเปิดความสามารถนี้ขึ้นมาโดยเก็บค่าบริการ 1.99 ดอลลาร์ (ครั้งแรกประกาศเป็น 4.99 ดอลลาร์) โดยทางแอปเปิลอ้างว่าการเก็บค่าบริการนี้จำเป็นต้องทำเพื่อให้การทำบัญชีของแอปเปิลเป็นไปตามมาตรฐาน (Generally Accepted Accounting Principles - GAAP) แต่วันนี้ Lynn Turner อดีตหัวหน้าฝ่ายบัญชีของคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ก็ออกมาให้ความเห็นว่า GAAP นั้นไม่ได้ระบุให้เก็บค่าบริการแต่อย่างใด โดย GAAP นั้นเป็นเพียงมาตรฐานการทำบัญชีไม่ว่าบริษัทจะเก็บหรือไม่เก็บค่าบริการใดๆ
ผลพวงจากความตกลงระหว่างไมโครซอฟท์และโนเวลล์เริ่มส่งผลชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Wal-Mart ได้ตกลงที่จะซื้อบริการซัพพอร์ตของ SUSE Linux ผ่านทางไมโครซอฟท์ จากที่ก่อนหน้านี้ Wal-Mart เคยใช้งาน RedHat อยู่ก่อนแล้ว เรื่องนี้อาจะไม่น่าแปลกใจนักเนื่องจาก Kevin Turner ผู้บริหารของไมโครซอฟท์นั้นเป็นอดีตผู้บริหารฝ่ายสารสนเทศของ Wal-Mart
ถ้าใครเล่นหุ้นก็จะรู้ว่าช่วงนี้เป็นฤดูการประกาศผลประกอบการ ต่างประเทศก็ประกาศออกมาเหมือนกัน ที่น่าสนใจที่สุดเห็นจะเป็นเอเอ็มดีที่มีผลประกอบการขาดทุนถึง 574 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียว นับเป็นการขาดทุนเป็นครั้งแรกนับแต่ต้นปี 2005 ที่เอเอ็มดีทำตลาดตีตื้นอินเทลได้เรื่อยมา เอเอ็มดีอธิบายว่าการขาดทุนนี้เกิดจากทางการเข้าซื้อบริษัท ATI เป็นเงินถึง 550 ล้านดอลลาร์ แต่นั่นก็หมายถึงส่วนอื่นๆ ของเอ็มดีแทบไม่ทำกำไรเลยในไตรมาสที่แล้ว
ไมโครซอฟท์เปิดเผยสถิติของ Windows Genuine Advantage ว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2005 ที่เริ่มโปรแกรมนี้ มีลูกค้าเข้ามาลงทะเบียนทั้งหมด 512 ล้านคน และ 22.3% นั้ันเป็นวินโดวส์เถื่อน
ถึงจะดูเยอะแต่ก็ยังน้อยกว่าสถิติจากหน่วยงานอื่นๆ เช่น BSA บอกว่า 35% ของซอฟต์แวร์ทั้งโลกเป็นของปลอม (ถ้าในอเมริกาคือ 22%) ส่วน Yankee Group บอกว่าองค์กรจำนวน 55% ที่ถูกสำรวจมีปัญหาเรื่องนี้เช่นกัน
เสริมนิดนึงเผื่อใครไม่รู้ว่าซอฟต์แวร์แท้ ฟรี แถมส่งแผ่นให้ถึงบ้าน ก็ยังมีอยู่ในโลก
ที่มา - BetaNews
Ben Heckendorn ประสบความสำเร็จในการ "แปลงสภาพ" Wii ให้มีรูปร่างเหมือน laptop หลังจาก ที่ทำสำเร็จกับ XBOX 360 ไปก่อนหน้านี้
สิ่งที่ได้คือ
เห็นผลงานแล้วน่าประทับใจมาก ตอนนี้ engadget กำลังลงวิธีทำ ตอนแรกอยู่
หา! จะให้ผมดัดแปลงของผมด้วยเหรอ? ไม่ต้องหรอก ขอบคุณ!
Open Source Development Labs (OSDL - ที่ทำงานของลินุส ทอร์วัลด์) ได้ประกาศรวมตัวกับ Free Standards Group โดยมีชื่อองค์กรใหม่ว่า "Linux Foundation"
หน่วยงานใหม่จะมีสมาชิกระดับองค์กรจากหน่วยงานเดิมรวมกันประมาณ 70 ราย โดยจะได้รับเงินอุดหนุนจากสมาชิกเหล่านี้ (เช่น IBM หรือ HP) เป้าหมายของ Linux Foundation ก็ใกล้เคียงกับเป้าหมายเดิมของ OSDL และ FSG คือ ดูแลเครื่องหมายการค้า Linux, ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย, ให้เงินสนับสนุนนักพัฒนาอิสระ เป็นต้น
ที่มา - Ars Technica
วินโดวส์รุ่นพิเศษชื่อยาวเฟื้อย มีลายเซ็นของบิล เกตส์บนกล่อง (ไม่รู้ว่าเซ็นเองหรือเปล่า) รันหมายเลขให้และมีจำกัดเพียง 20,000 ชุดเท่านั้น
รุ่นนี้มีเฉพาะเวอร์ชันอัพเกรด ราคาขาย 259 เหรียญเท่ากับ Vista Ultimate แบบปกติ ดูหน้าตากล่องได้ตามลิงก์
ที่มา - Engadget
Vista ยังไม่ออกอย่างเป็นทางการ (วันที่ 30 มกรานี้) ไมโครซอฟท์ก็ยืนยันว่าจะออก Service Pack 1 แล้ว โดยจะออกในครึ่งหลังของปี 2007
ไมโครซอฟท์บอกว่า SP1 จะเน้นในเรื่องการแก้บั๊กและความปลอดภัยเป็นหลัก แต่ยังไม่ระบุอย่างแน่ชัดว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ตัวเต็งที่คาดกันว่าจะเพิ่มมาคือ PowerShell ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ใน Vista
รุ่นทดสอบของ SP1 จะเปิดให้สมาชิกเครือข่ายแบบต่างๆ ของไมโครซอฟท์ เช่น TAP ได้ไปทดลองใช้เหมือนกับตอนออก Beta หรือ RC
ที่มา - APC Mag
Rick Jelliffe อดีตทีมงานร่างมาตรฐาน XML และผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับ XML หลายเล่มได้เขียนลงบล็อกของเขา (ซึ่งอยู่บนเว็บ O'Reilly) ว่าไมโครซอฟท์ได้ติดต่อเขาเพื่อจ้างแก้ไขบทความเกี่ยวกับ OpenXML บน Wikipedia
[ตรงนี้อ่านดีๆ ก่อนตอบ และควรไปอ่านต้นฉบับด้วย]
สาเหตุก็เพราะว่าผู้สนับสนุน OpenDocument ได้เขียนบทความลง Wikipedia เยอะมาก ทำให้ข้อมูลของฝั่ง OpenXML มีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไมโครซอฟท์จึงอยากได้คนไปเพิ่มและแก้ไขข้อมูลของ OpenXML โดยไม่ต้องการให้เขียนโจมตี OpenDocument (อันนี้ตามที่ Jelliffe อ้าง)
ตอนนี้คอมเมนต์ในเว็บข่าวหลายแห่งกำลังซัดกันมันเลย เอ้อ เว็บนี้สนับสนุน OpenDocument อย่างเต็มตัวครับ
หนึ่งในหลักฐานความสำเร็จของเอเอ็มดีในปีที่ผ่านมาคือการเป็นพันธมิตรกับซันที่ขายเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ชิปของซันเอง และชิปเอเอ็มดีเท่านั้น เนื่องจากความเร็วของ Opteron ในยุคนั้นนำหน้า Xeon ของอินเทลไปค่อนข้างชัด แต่ตอนนี้ก็มีข่าวลือออกมาค่อนข้างมากว่าทางซันเตรียมจะประกาศ
แม้ในตอนนี้ทั้งทางซันและอินเทลต่างปฎิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ กับข่าวนี้ แต่แนวโน้มการย้ายค่ายของผู้ผลิตที่จะโน้มเข้าหาทางอินเทลนั้นค่อนข้างชัดเจนในช่วงหลังการวางตลาด Core 2 Duo ที่ให้ความเร็วนำหน้าทางเอเอ็มดีอยู่พอควร
ข่าวนี้คาดว่าจะได้รับการยืนยันภายในวันนี้
ที่มา - chron.com
หลังจาก แคร็ก HD DVD ไปไม่นาน ล่าสุด muslix64 ออกมาประกาศว่าเขาร่วมกับผู้ใช้ชื่อ Janvitos ประสบความสำเร็จในการแครก Blu-ray พร้อมกับออกมาแจก BackupBluRay V0.01 สำหรับคนอยากเอาไปลอง
ท่าทาง การป้องกันด้วยวิธีแนวๆ นี้จะไม่เวิร์กซะแล้ว ใช้ได้ไม่ทันไรเลย
ที่มา blog.wired.com, Doom9
โดยปกติแล้ววิกิพีเดียภาษาอังกฤษจะมีมาตรการกับการจัดการกับสแปมด้วยการใช้ URL Blacklist แต่เมื่อไม่กี่วันก่อน Jimmy Wales ออกมาเปลี่ยนมาตรการดังกล่าวเป็นการใช้งาน nofollow แทน
บอกก่อนว่า nofollow มันคือแอททริบิวสำหรับแทค rel บน HTML ที่จะทำให้เซิร์จเอนจิ้น "ไม่นับ" ลิงค์นี้เป็นคะแนน (ไม่ใช่ไม่ให้ Spider ตามลิงค์นะครับ) เช่น PageRank
การปรับเปลี่ยนครั้งนี้มีเหตุผลประกอบหลักๆ ก็คือ สแปมจาก SEO World Championship ซึ่งเป็นการแข่งขันว่าใครจะสามารถทำ SEO ได้ดีกว่ากัน โดยตัดสินจากอันดับในเซิร์จเอนจิ้น ณ วันที่ 1 พฤษภาคม
Wordpress เวอร์ชั่น 2.1 ออกแล้วครับพร้อมการแก้บั๊กกว่า 550 จุด ใช้ชื่อรหัสว่า Ella มาจากชื่อของนักร้องเพลงแจ๊ซ Ella Fitzgerald ฟีเจอร์หลักๆ ที่เพิ่มขึ้นมามี
แฟนๆ แอปเปิลในทุกวันนี้จำนวนมากคงซื้อแมคมาเพื่อใช้งานวินโดวส์กันเป็นเรื่องปรกติหลังจากที่มี Bootcamp ออกมาให้ใช้งาน ฟีเจอร์นี้คาดกันว่าจะแถมมากับ Leopard ที่กำลังจะวางจำหน่าย แต่สำหรับคนทีี่ใช้ Tiger แล้วทาง MacScoop ระบุว่ามีรายงานว่าผู้ที่ต้องการใช้ Bootcamp ตัวจริงอาจจะต้องจ่ายเพิ่ม 29 ดอลลาร์เพื่อความสามารถนี้
ก่อนหน้านี้แอปเปิลเพ่ิงประกาศเรียกเก็บเงิน 1.99 ดอลลาร์เพื่อเปิดความสามารถ 802.11n ใน MacBook ของแอปเปิลไปก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าคนใช้แอปเปิลคิดยังไงกันบ้าง แต่ผมรู้สึกว่าใช้แอปเปิลแล้วถ้าอยากใช้ของถูกลิขสิทธิ์ทั้งหมดนี่ดูค่าใช้จ่ายจะยุ่บยั่บเอาเหมือนกัน