Nikkei Asian Review เทียบการบริหารประเทศระหว่าง Donald Trump กับ Xi Jinping ดำเนินนโยบายต่างกันชัดเจน ฝ่ายแรกเตรียมนำประเทศถอยหลัง ส่วนฝ่ายหลังเดินหน้าปฏิรูปประเทศก้าวสู่อนาคต เมื่อเร็วๆ นี้ทางการจีนเพิ่งประกาศแผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ เตรียมเป็นผู้นำและเตรียมตั้งศูนย์นวัตกรรม AI ระดับโลกภายในปี 2030 หรืออีก 13 ปีข้างหน้านี้

รายงานวิจัยเฟซบุ๊กกลายเป็นข่าวในบ้านเรามาอีกครั้ง แม้ตัวรายงานวิจัยถูกรายงานมาตั้งแต่หกสัปดาห์ที่แล้ว โดยข่าวมักถูกสร้างความหวือหวาด้วยการระบุว่านักวิจัยของเฟซบุ๊กต้องปิดการทำงานของแชตบ็อตเมื่อมันสร้างภาษาของมันเองขึ้นมา รายงานนี้มักถูกเขียนจากหลายแหล่งแต่มักอ้างอิงไปจากรายงานของ Fast Co. Design ที่พาดหัวว่า "AI กำลังสร้างภาษาที่มนุษย์ไม่เข้าใจ และเราควรหยุดมันหรือไม่" พาดหัวถูกแปลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็น "เฟซบุ๊กหยุดการทำงานบอตหลังมันเริ่มสร้างภาษาที่เราไม่เข้าใจ" ใน GlobalNews

ประเด็นการควบคุมปัญญาประดิษฐ์ (artificial intelligence - AI) กลายเป็นข้อถกเถียงระหว่างผู้บริหารธุรกิจขนาดใหญ่อย่าง Elon Musk กับ Mark Zuckerberg รวมถึงนักวิจัยอย่าง Andrew Ng แต่ข้อถกเถียงที่อ่านกันมักกลายเป็นเรื่องของเราควรกลัวหรือไม่กลัว AI ซึ่งหลายครั้งหลุดออกไปจากประเด็นที่คนดังเหล่านั้นคุยกันแต่แรก

ความกังวลต่อ AI ทั้งจากนักคิด, นิยาย, รวมถึง Elon Musk เอง อาจจะแบ่งออกเป็น 3 ความกังวล

ยุคสมัยของการประมวลผล deep learning บนสมาร์ทโฟนกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ช่วงต้นปีเราเห็นข่าว TensorFlow Lite ใน Android O กันไปแล้ว ฝั่งของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ก็เริ่มขยับตัวตาม

Qualcomm ออกมาประกาศเปิดชุดซอฟต์แวร์ประมวลผล AI ชื่อ Neural Processing Engine (NPE) ที่ใช้เร่งความเร็วประมวลผล deep learning บนหน่วยประมวลผล Snapdragon รุ่นใหม่ๆ ให้นักพัฒนาดาวน์โหลดไปใช้กันแล้ว

ชุดซอฟต์แวร์ NPE จะช่วยให้การรันโมเดลจากเฟรมเวิร์คยอดนิยม (รองรับ Caffe, Caffe2, TensorFlow) บนหน่วยประมวลผลของ Qualcomm มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการแบ่งโหลดจากซีพียูไปยังจีพียู (Adreno) และหน่วยประมวลผลสัญญาณ Hexagon DSP

Kewpie Corporation ผู้ผลิตมายองเนส และเครื่องปรุงอาหาร ทดลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยในการคัดแยกวัตถุดิบที่ไม่ได้มาตรฐานออกไป โดยพัฒนา machine learning บน TensorFlow

Kewpie บอกว่า ในการผลิตสินค้า จำต้องแยกแยะวัตถุดิบเป็นจำนวนมหาศาลกว่า 400 ชนิด รวมแล้วประมาณวันละ 4-5 ตันต่อวัน งานคัดแยกจึงเป็นงานหนักและใช้เวลามาก กระบวนการผลิตทั้งหมดไปจมอยู่กับงานคัดแยกเหมือนคอขวด ทางบริษัทจึงทดลองใช้เทคโนโลยีทุ่นแรงอย่างปัญญาประดิษฐ์เข้ามาแก้ปัญหา

วิวาทะด้าน AI ระหว่าง Mark Zuckerberg กับ Elon Musk เริ่มขยายวงกว้างไปยังคนอื่นๆ ในวงการไอที

ล่าสุด Andrew Ng นักวิจัยด้าน deep learning ระดับต้นๆ ของโลก โพสต์สนับสนุนแนวทางของ Mark Zuckerberg ว่าขอบคุณที่ Zuckerberg ออกมาพูดแย้งพวก "ปั่นให้คนกลัว AI" (Ng ใช้คำว่า AI fearmongering)

ทั้ง Mark Zuckerberg และ Andrew Ng ไม่ได้เอ่ยชื่อของ Elon Musk ออกมาตรงๆ

Xiaomi ขอตามกระแสลำโพงอัจฉริยะด้วยการเปิดตัว Mi AI Speaker รองรับการสั่งงานตามมาตรฐานทั่วไปอย่างเปิดเพลง ออดิโอบุ๊ค วิทยุหรือให้อ่านนิทานก็มี มาพร้อมกับระบบ Audio Beam Forming และไมโครโฟน 6 ตัวจับเสียงได้รอบทิศทาง พร้อมมีแอพสั่งงานในสมาร์ทโฟนด้วย

อย่างไรก็ตาม Xiaomi ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ Assistant ที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ราคาของ Mi AI Speaker อยู่ที่ 299 หยวน หรือราว 1,500 บาท

ที่มา - MIUI

หลังจากที่ Elon Musk ออกตัวแรงว่า A.I. ควรจะมีการกำกับดูแลเพราะอาจเป็นภัยคุกคามต่อมวลมนุษยชาติได้ Mark Zuckerberg ออกมาโต้กลับแล้ว แม้จะไม่ได้ระบุชื่อ Musk ชัดเจน แต่ก็เห็นว่าความคิดดังกล่าวของ Musk นั้นดูไร้ความรับผิดชอบพอสมควร และเป็นความคิดในแง่ลบเกินไป และยังเสริมทับอีกว่าเทคโนโลยีนั้นสามารถนำมาใช้ได้ทั้งในด้านดีและด้านร้าย คนที่สร้างมันขึ้นมาก็ต้องระมัดระวังด้วย

ถึงแม้ HoloLens รุ่นใหม่ยังไม่น่าจะมาเร็วๆ นี้ แต่ทางไมโครซอฟท์ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดของ HoloLens รุ่นใหม่คร่าวๆ แล้วว่าจะมาพร้อมกับชิปประมวลผล Deep Learning โดยเฉพาะ ซึ่งก็ดูสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Intelligent Cloud, Intelligent Edge ของซีอีโอเองด้วย

สำหรับหน่วยประมวลผลดังกล่าว ทางไมโครซอฟท์จะเป็นคนออกแบบซิลิคอนเอง เพื่อให้รองรับการทำงานของ Deep Neural Network ผ่านแว่น Mixed Reality ได้อย่างมีประสิทธิภาพและใช้แบตเตอรี่น้อยที่สุด โดยชิปตัวนี้จะฝังอยู่ใน HPU 2.0 (Holographic Processing Unit) หน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ของ HoloLens ที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

Kakao บริษัทไอทีเกาหลีใต้ประกาศร่วมมือกับ Hyundai บริษัทรถยนต์ร่วมชาติและ Kia บริษัทในเครือของ Hyundai พัฒนาเทคโนโลยี AI สำหรับใช้งานบนรถยนต์ผ่านแพลตฟอร์ม AI ของ Kakao ที่ถูกเรียกว่า Kakao I

Hyundai จะเริ่มนำเทคโนโลยี Speech Recognition ที่ทำงานผ่าน Kakao I ติดตั้งบน Genesis G70 รถซีดานหรูตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป ช่วยให้คนขับสามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่านปุ่มบนพวงมาลัย ค้นหาสถานที่หรือนำทางผ่านระบบ Kakao Maps ก่อนแสดงผลผ่านระบบนำทางบนรถอีกที

Kakao ระบุว่าร่วมมือพัฒนากับ Hyundai มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามผลักดัน Connected Car ของ Kakao เองด้วย

ที่มา - Korea Herald

หลังมีข่าวออกมาปลายเดือนที่แล้ว เมื่อวานนี้รัฐบาลจีนประกาศแผนพัฒนาปัญญาประดิษฐ์อย่างเป็นทางการ โดยตั้งเป้าคร่าวๆ ว่าจะต้องเป็นผู้นำและศูนย์นวัตกรรมด้าน AI ระดับโลกภายใน 2030

แผนพัฒนาระบุว่าจีนจะต้องสามารถคิดค้นเทคโนโลยีและทฤษฎีด้านนี้ได้เอง เริ่มตั้งแต่ทฤษฎี AI พื้นฐานไปจนถึงที่ล้ำหน้าอย่าง Brain-like Computing และ Quantum Intelligent Computing รวมถึงวางแผนผลักดันให้เกิดการนำ AI ไปใช้งานร่วมกับศาสตร์สาขาวิชาอื่นอย่างเศรษฐศาสตร์, คณิตศาสตร์และจิตวิทยา เป็นต้น ไปจนถึงผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่นำ AI ไปใช้ อาทิ หุ่นยนต์, ยานพาหนะหรือแม้แต่ AR และ VR

อินเทลเปิดตัว Movidius Neural Compute Stick จากบริษัท Movidius ที่อินเทลเพิ่งซื้อไปเมื่อปีที่แล้ว โดยภายในมี Movidius Myriad 2 VPU ที่อินเทลระบุว่ามีพลังประมวลผลรวมกว่า 100 GFLOPS ขณะที่กินพลังงานเพียงหนึ่งวัตต์

VPU นี้ใช้สำหรับการรัน (interference) ปัญญาประดิษฐ์เป็นหลัก โดยเหมาะกับงานที่ต้องการการรันระบบปัญญาประดิษฐ์ตามเวลาจริง เช่น การตรวจจับวัตถุจากวิดีโอ หรือการจดจำใบหน้า โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคลาวด์ใดๆ

ปีที่แล้ว กูเกิลเปิดฐานข้อมูล Open Images เป็นข้อมูล URL ภาพกว่า 9 ล้านภาพพร้อมคำบรรยาย (caption) เพื่อใช้ฝึก AI แยกแยะภาพว่าคืออะไร โดยเทียบกับคำบรรยายที่มีมาให้

ปีนี้ กูเกิลอัพเกรด Open Images โดยเพิ่มกล่องแสดงขอบเขตของวัตถุ (bounding-boxes) เพื่อให้ AI สามารถแยกแยะวัตถุแต่ละชิ้นในภาพได้แม่นยำขึ้น นอกจากนี้ กูเกิลยังอัพเกรดคำบรรยายให้ละเอียดและแม่นยำมากขึ้น ทั้งจากการใช้ AI ช่วยบรรยายภาพแล้วให้มนุษย์ตรวจสอบความถูกต้อง และการให้มนุษย์เป็นคนบรรยายภาพโดยตรง

การขยายข้อมูลในคลังภาพ Open Images จะช่วยให้งานวิจัยด้าน AI กับการประมวลผลภาพ (computer vision) พัฒนาไปมากขึ้น เพราะนักวิจัยไม่ต้องเสียเวลามาสร้างคลังข้อมูลตัวอย่างทุกครั้ง และสามารถใช้คลังภาพที่กูเกิลแชร์ให้มาเทรน AI ได้เลย

ทีมงาน TensorFlow เปิดโครงการย่อยบทความสอนการทำ neural machine translation (NMT) ในแบบ sequence-to-sequence (seq2seq) โดยใช้ API ใน TensorFlow 1.2 โดยมีทั้งบทความและโค้ดตัวอย่างที่สามารถใช้ชุดข้อมูลที่เปิดเผยมาใช้งานได้ทันที

ตัวบทเรียนมีตั้งแต่การทำตัวแปลพื้นฐาน ด้วย encoder-decoder ไปจนถึงการสร้าง attention mechanism และโมเดล NMT ใหม่ๆ เช่น bi-directional RNNs, beam search, ไปจนถึงการทำ multiple GPU สำหรับ attention mechanism

ตัวอย่างใช้ชุดข้อมูลภาษาอังกฤษ-เวียดนาม, และอังกฤษ-เยอรมัน ถ้าใครมีชุดข้อมูลภาษาไทยเอามาแบ่งปันกันได้ครับ

ที่มา - Google Research

Knightscope K5 หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัยของ DC เกิดความผิดพลาดการทำงาน ขับเคลื่อนตัวเองลงไปในน้ำพุของสำนักงานระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ยังไม่มีรายละเอียดว่าความผิดพลาดเกิดจากอะไร หรือเจ้าหุ่นยนต์อาจจะไม่ชอบงานของมันก็เป็นได้

Knightscope K5 ถูกสร้างให้เป็นหุ่นยนต์ลาดตระเวณเพื่อรักษาความปลอดภัย มีรูปร่างเหมือนจรวดสีขาวขนาดใหญ่ หนัก 300 ปอนด์ ติดล้อขับเคลื่อน และด้วยรูปร่างดังกล่าวทำให้มันไม่สามารถทำอันตรายกับใครได้ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เช่นกันเวลาล้มลง หรือตกน้ำ

SK Telecom หนึ่งในผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ของเกาหลีใต้ เตรียมทำลำโพงอัจฉริยะบุกตลาดต่างประเทศ โดยร่วมมือกับค่ายเพลง SM ซึ่งเป็นค่ายไอดอลใหญ่อันดับต้นๆ ของวงการ K-Pop และยังร่วมมือกันเป็นพาร์ทเนอร์ในการส่งเสริมธุรกิจคอนเทนต์ และไอซีทีร่วมกัน SK Telecom ยังเข้าซื้อหุ้นบริษัท SM Culture & Contents Co. ของ SM Entertainment ถึง 6 หมื่น 5 พันล้านวอนด้วย

SK Telecom เป็นผู้ผลิตลำโพงอัจฉริยะ Nugu มาก่อนที่รายใหญ่เตรียมจะบุกเข้ามาเปิดตัวในเกาหลีใต้ และจากการร่วมมือกับ SM ก็เป็นแผนการบุกตลาดต่างประเทศโดยทำลำโพงใช้เสียงไอดอลที่เป็นที่นิยมของคนทั่วโลก

ทีมวิจัยของกูเกิล พัฒนาระบบ AI ด้วยเทคนิค deep learning โดยให้เรียนรู้กระบวนการทำงานของช่างภาพระดับมืออาชีพ

ระบบ AI ของกูเกิลศึกษาภาพถ่ายพานอรามาของสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติชื่อดังทั่วโลกจาก Google Street View กว่า 40,000 ภาพ แล้วดูว่าแต่ละภาพมีแง่มุมด้านความสวยงามอย่างไรบ้าง เช่น การจัดวางภาพ ระดับของแสง (HDR) และความอิ่มสี (saturation) จากนั้นก็นำโมเดลที่ได้มา "ต่อภาพ" จาก Street View แล้วแต่งภาพให้ออกมาสวยงามราวกับช่างภาพมืออาชีพ

ย้อนกลับไปงานประชุมนักพัฒนา Google เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Scott Huffman รองประธาน Google ระบุว่า ผู้ช่วยอัจฉริยะหรือ Google Assistant จากเดิมที่รองรับได้เพียงภาษาอังกฤษนั้น จะรองรับภาษาเกาหลี อิตาลีและสเปนให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุด Google ทำ Google Assistant เวอร์ชั่นภาษาเกาหลีปล่อยเป็นระบบทดลองใช้แล้ว

Google มีความเคลื่อนไหวด้านปัญญาประดิษฐ์มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ตัวเองจะเป็นผู้นำของโลกด้านนี้อยู่แล้วก็ตาม หลังจากเมื่อวานเปิดตัว ตั้งกองทุน VC ใหม่ Gradient Ventures เน้นลงทุนสตาร์ตอัพด้าน AI ล่าสุดก็ได้เข้าซื้อสตาร์ทอัพปัญญาประดิษฐ์ Halli Labs ความน่าสนใจคือ ยังเป็นสตาร์ทอัพอายุน้อยมาก เพิ่งก่อตั้งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้เอง และเป็นสตาร์ทอัพจากอินเดียด้วย

Halli Labs ก่อตั้งที่ Bengaluru ประเทศอินเดีย มีแนวคิดทำปัญญาประดิษฐ์เพื่อแก้ไขปัญหาเดิมๆ อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายละเอียดว่าหลังจาก Google เข้าซื้อไปแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อ และไม่มีตัวเลขว่าซื้อมาด้วยมูลค่าเท่าไร

กูเกิลประกาศตั้งกองทุน Gradient Ventures เพื่อลงทุนในสตาร์ตอัพด้าน AI โดยเฉพาะ

ก่อนหน้านี้กูเกิลมีกองทุน VC อยู่แล้ว 2 กองคือ GV (Google Ventures เดิม) และ CapitalG (Google Capital เดิม) ทำให้ Gradient Ventures กลายเป็นกองทุนกองที่สามของกูเกิล และมีโฟกัสเฉพาะทางต่างจาก 2 กองทุนแรก

ท่ามกลางการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่ก้าวหน้าและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดคำถามหรือปัญหาความกังวลในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างคนกับปัญญาประดิษฐ์ อาทิ ความอคติของปัญญาประดิษฐ์ในการตัดสินใจหรือปัญหาการแย่งงาน

Google ในฐานะหัวเรือใหญ่ในด้านนี้เลยเปิดตัวโครงการ PAIR (จาก People + AI Research) เพื่อศึกษาแง่มุมจากมุมมองฝั่งของคนต่อการมาถึงของ AI และพยายามทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นประโยชน์ ช่วยเหลือและเข้าถึงทุกคน ด้วยการพัฒนา AI โดยมีคนเป็นศูนย์กลางตั้งแต่ต้น โดยการวิจัยของ PAIR แบ่งเป็น 3 ด้านหลักๆ ตามกลุ่มผู้ใช้งานได้แก่ วิศวกรและนักวิจัย, ผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้ (End-User)

ด้วยปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์และ Data Analysis โดยเฉพาะในสาขาการพัฒนาตัวยา บริษัท Chugai Pharmaceutical, Ono Pharmaceutical, Kyowa Hakko Kirin และ Fujifilm ร่วมกับมหาวิทยาลัยโตเกียว ออกหลักสูตรปริญญาเอกสาขานี้โดยเฉพาะ

ปัญหาของอุตสาหกรรมยาในญี่ปุ่นปัจจุบันคือต้นทุนการผลิตยาแต่ละตัวแพงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ยาตัวใหม่ยังคงออกสู่ตลาดยากเช่นเดิม (ต้องผ่านการทดสอบและทดลองหลายขั้น ไม่รวมความยากในการคิดค้น) จึงมองหาโอกาสในการนำข้อมูล Big Data มาเป็นโอกาสทางธุรกิจ แต่ทว่าก็ยังขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่

หลักสูตรใหม่นี้ของมหาวิทยาลัยโตเกียวจะเริ่มในปี 2020 เป็นหลักสูตร 3 ปี รับสมัครนักศึกษาราว 20-30 คนเท่านั้น

ผู้ช่วยอัจฉริยะในบ้านไม่ได้จำกัดเพียงลำโพงอัจฉริยะ แต่ยังรวมถึงหุ่นยนต์เพื่อนเล่นเด็ก หุ่นยนต์รีดผ้าพับผ้า ในประเทศญี่ปุ่น ตัวลำโพงอัจฉริยะยังไม่ได้รับความนิยมเท่ายุโรปและอเมริกา อาจเป็นเพราะ Amazon และ Google ยังไม่ได้เข้าไปเปิดตัวในญี่ปุ่น แต่หุ่นยนต์ผู้ช่วยด้านอื่นในบ้านเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ

ยกตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ Musio รูปร่างเป็นหุ่นยนต์น่ารักและมีคุณสมบัติคล้ายลำโพงอัจฉริยะ แต่ Musio จะให้ข้อมูลในสิ่งที่ผู้ใช้ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ช่วยแนะนำหนังให้ดูได้ถ้าร้องขอ ตัวหุ่นยนต์มีสีหน้าหลากหลาย และสามารถพูดประโยคตลกขบขันได้ด้วย

ไต้หวันเตรียมลงทุนเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์ไต้หวัน หรือคิดเป็นเงิน 32.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเวลา 5 ปีเพื่อการสร้างและสนับสนุนศูนย์วิจัยปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ในประเทศ

ไต้หวันจะสร้างศูนย์นวัตกรรม 3-4 แห่ง และจะทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีทั้งในและนอกประเทศ รวมถึง Nvidia ด้วย และเงินที่ลงทุนนี้จะนำไปดึงดูดตัวนักวิจัยและวิศวกรที่มีความสามารถ ทั้งในและนอกเกาะไต้หวัน

บริษัท DeepMind ของ Alphabet เจ้าของผลงาน AlphaGo เดิมมีฐานที่มั่นอยู่ในสหราชอาณาจักร แต่เมื่อโลก AI ขยายตัว ส่งผลให้ DeepMind ต้องขยายสำนักงานตาม

DeepMind เลือกตั้งสำนักงานนอกประเทศแม่ที่แคนาดาเป็นแห่งแรก โดยจะอยู่ที่เมือง Edmonton ในรัฐอัลเบอร์ตา เพื่อร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตาอย่างใกล้ชิด

DeepMind Alberta จะดึงอาจารย์ที่มีชื่อเสียงด้าน AI จำนวน 3 คนจากมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตามาเป็นแกนหลัก ทั้งสามคนจะยังทำงานเป็นอาจารย์ต่อไป และจะสรรหาบุคลากรด้าน AI จากชุมชนนักวิจัยในแคนาดามาร่วมงานด้วยเพิ่มเติม

David Turpin ประธานของมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา บอกว่าภูมิใจที่ DeepMind เลือกมาตั้งสำนักงานที่นี่ และเป็นสิ่งพิสูจน์ว่าแคนาดามีผู้เชี่ยวชาญด้าน AI จำนวนมาก