เมื่อสัปดาห์ก่อน Dr. Steve Pinker ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้กล่าวในพ็อดแคสท์ของเว็บไซต์ Wired โดยวิจารณ์ AI ด้วยการยกตัวอย่างรถขับอัตโนมัติของ Tesla มาว่าหาก Elon Musk จริงจังกับการคุกคามของ AI จริงๆ เขาควรจะหยุดพัฒนารถขับอัตโนมัติเสีย
Pinker กล่าวเสริมว่า Elon คงไม่มานั่งกังวลว่าจะมีใครเขียนโปรแกรมใส่รถ Tesla ว่าคำสั่ง "พาฉันไปที่สนามบินโดยเร็วที่สุด" แล้วรถจะวิ่งตัดตรง ชนคน และไถต้นไม้ เพราะนั่นเป็นผลจากการที่รถแปลคำสั่ง "พาฉันไปทางที่เร็วที่สุด" สุดท้าย Pinker ระบุว่าแบบนั้นมันดูแย่มาก และ Elon จะถูกฟ้องแน่
Ashwin Ram หัวหน้าฝ่ายวิจัย Alexa AI ของ Amazon เตรียมย้ายไปทำงานที่ Google Cloud ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคสำหรับ AI (Technical Director of AI)
เขาอัพเดตข้อมูลนี้ใน LinkedIn ของเขาและบอกว่า เขารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะบอกว่าเขาได้ไปร่วมงานกับ Google ในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคสำหรับ AI ซึ่งเขามองว่า AI ของ Google อาจถือได้ว่าดีที่สุดในโลก งานของเขาจะช่วยให้ AI นั้นดียิ่งกว่าเดิมสำหรับทุกคน และเขาขอขอบคุณช่วงเวลาดีๆ ที่ Amazon
แม้ Google Cloud จะไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่เน้นกลุ่มผู้ใช้ทั่วไป แต่ก็เป็นส่วนสำคัญของบริการหลายอย่างของ Google ไม่ว่าจะเป็น Search หรือ YouTube
ในยุคสมัยที่ AI กำลังมาแรงสุดๆ แต่โลกกับขาดแคลนผู้มีทักษะความสามารถด้าน AI อย่างมาก ส่งผลให้กูเกิลตัดสินใจนำคอร์สวิชา Machine Learning ที่เดิมทีเปิดสอนเฉพาะพนักงานของตัวเอง มาเปิดให้คนทั่วไปเรียนกันฟรีๆ
คอร์สนี้มีชื่อว่า Machine Learning Crash Course (MLCC) เป็นบทเรียนวิชา machine learning เบื้องต้น ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 15 ชั่วโมง ประกอบด้วยเนื้อหา 25 บท วิดีโอเลคเชอร์ สไลด์ และแบบฝึกหัดต่างๆ อีกมาก
อินเทลเปิดตัวโครงการ AI: In Production ที่จะทำให้นักพัฒนาสามารถนำโครงการปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นสินค้าได้ง่ายขึ้น หลังจากกลางปีที่แล้วอินเ้ทลเริ่มขาย Neural Compute Stick ชิปปัญญาประดิษฐ์สำหรับนักพัฒนา
อินเทลระบุว่าตัว Neural Compute Stick นั้นขายได้นับหมื่นชิ้นแล้ว แต่การเสียบบอร์ดลูกผ่าน USB ก็อาจจะไม่เหมาะกับงานบางประเภท ที่ต้องการบอร์ดเชื่อมกับซีพียูด้วยความเร็วสูงขึ้น หรืออาจจะต้องการออกแบบสินค้าที่รูปร่างไม่เหมาะกับ compute stick
หลังการเปิดตัว Bixby ผู้ช่วยอัจฉริยะของซัมซุงในปีที่แล้วอาจไม่ค่อยสดใสนัก ทั้งในแง่ความสามารถและการถูกใช้งาน อย่างไรก็ตาม DJ Koh ซีอีโอซัมซุงโมบายล์ยอมรับว่าบริษัทโฟกัสไปที่การนำเสนอ Bixby 1.0 ให้กับสาธารณะให้เร็วที่สุด ขณะที่เวอร์ชัน 2.0 จะเน้นไปที่การขยาย ecosystem และน่าจะเปิดตัวได้เร็วสุดพร้อม Galaxy Note 9
นอกจากนี้ Eui-Suk Chung หัวหน้าฝ่ายซอฟต์แวร์และ AI ของซัมซุงยืนยันว่า Bixby 2.0 จะสามารถแยกแยะเสียงผู้พูดได้แล้ว โดยบริษัทวางแผนให้ Bixby ไปอยู่ในทุกๆ อุปกรณ์ ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องใดเครื่องหนึ่ง
Huawei ทำการทดลองโครงการชื่อ RoadReader ใช้ปัญญาประดิษฐ์ของสมาร์ทโฟนเรือธงตัวล่าสุด Mate 10 Pro ควบคุมรถยนต์ไร้คนขับ และทำการตรวจจับสิ่งกีดขวางเพื่อบังคับรถให้หลบหลีกได้
ทีมงาน Huawei ระบุใช้เวลา 5 สัปดาห์ ในการเทรนปัญญาประดิษฐ์ของ Mate 10 Pro ให้สามารถควบคุมรถยนต์ Porsche Panamera วิ่งไปบนถนนและหลบหลีกสิ่งกีดขวาง ซึ่งในคลิปวิดีโอก็สามารถรับรู้ได้ว่ามีสุนัขนั่งอยู่บนถนนด้านหน้ารถ และสั่งการให้รถหักหลบสุนัขที่นั่งขวางอยู่นั้นได้
กูเกิลประกาศเพิ่มภาษาสำหรับ Google Assistant อีกถึง 30 ภาษาในปีนี้ และ 7 ภาษาแรกที่จะเพิ่มจะมาในอีกไม่กี่เดือน ได้แก่ เดนมาร์ก, ดัชน์, ฮีนดี, อินโดนีเซีย, นอร์เวย์, สวีเดน, และไทย เป็นการยืนยันข่าวจากงาน Digital News Initiative Summit เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
กูเกิลยืนยันว่า Assistant จะสามารถรองรับหลายภาษาได้ด้วย โดยสามารถพูดสลับไปมาได้ แต่กลุ่มภาษาที่จะรองรับฟีเจอร์นี้จะจำกัดเฉพาะ อังกฤษ, เยอรมัน, และฝรั่งเศส ก่อน
DeepMind เจ้าของผลงาน AlphaGo ร่วมกับกระทรวงการทหารผ่านศึกของสหรัฐ (Department of Veteran Affairs) ในการพัฒนา Machine Learning เพื่อตรวจจับการเสื่อมลงของร่างกายผู้ป่วยที่กำลังอยู่ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาล (Deterioration)
กลุ่มอาการแรกที่ DeepMind ร่วมกับกระทรวง VA คือภาวะไตวายเฉียบพลัน (Acute Kidney Injury) โดยเป้าหมายของ DeepMind คือให้ Machine Learning สามารถพบเจอภาวะที่เกิดไตวายเฉียบพลันได้เร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์จะได้รักษาได้ทันการ และสาเหตุที่เลือกภาวะไตวายเฉียบพลันก่อนก็เพราะทั้งสององค์กรมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญและองค์ความรู้อยู่แล้ว
DeepMind ยืนยันด้วยว่าข้อมูลทางการแพทย์ที่ใช้งานวิจัยนี้จะไม่มีข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วย
Elon Musk ประกาศลาออกจากตำแหน่งบอร์ดของบริษัท OpenAI ที่เขาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งในปี 2015 ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับ Tesla ที่หันมาโฟกัสเรื่อง AI มากขึ้นเช่นกัน
Musk จะยังมีสถานะเป็นผู้บริจาคเงินและที่ปรึกษาให้ OpenAI โดยบริษัทจะตั้งบอร์ดคนใหม่ขึ้นมาแทน ตามโครงสร้างบอร์ดที่มี 5 คน
ในโอกาสเดียวกัน OpenAI ยังประกาศชื่อผู้บริจาคหน้าใหม่ๆ ซึ่งมีชื่อของ Gabe Newell แห่ง Valve, Michael Seibel ผู้ก่อตั้ง Socialcam และ Jed McCaleb ผู้ร่วมก่อตั้งเหรียญ Stellar ด้วย
ที่มา - OpenAI
เมื่อคืนนี้ (ตามเวลาในประเทศไทย) IBM และ Unity ประกาศความร่วมมือกัน พร้อมปล่อย IBM Watson Unity SDK ออกมาให้กับนักพัฒนาผ่าน Unity Asset Store ซึ่งจะทำให้นักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์มของ Unity สามารถผนวกรวม Watson เข้ากับแอพหรือเกมที่สร้างอยู่บนแพลตฟอร์มของ Unity ได้
แถลงการณ์ระบุว่าขั้นตอนการติดตั้งทำได้โดยง่าย และจะสามารถเปิดคุณสมบัติใหม่ๆ ให้กับเกมได้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการด้วยเสียง การแปลภาษา และอื่นๆ ซึ่งทำให้แอพหรือเกมที่สร้างสามารถมีคุณสมบัติใหม่ๆ ได้มากขึ้นกว่าเดิม (ดูวิดีโอตัวอย่างเกม Star Trek Bridge Crew ที่สร้างจากความสามารถนี้ได้ท้ายข่าว)
เปิดให้ดาวน์โหลดแล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
นักวิจัยจาก Google ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในนิตยสาร Nature Biomedical Engineering เรื่องความสำเร็จในการพัฒนาอัลกอริทึมให้ปัญญาประดิษฐ์ สามารถวิเคราะห์และคาดการณ์อาการความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจของผู้ป่วยได้ จากการสแกนจอประสาทตาเท่านั้น
วิธีการเทรนด์โครงข่ายปราสาทเทียมก็เหมือนอย่างทุกครั้ง คือการป้อนข้อมูลรูปภาพจอประสาทตาจากผู้ป่วยในสหรัฐและสหราชอาณาจักรกว่า 280,000 ภาพ เพื่อหาแพทเทิร์นของข้อบ่งชี้ที่นำไปสู่โรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง
ARM ตามกระแสหน่วยประมวลผลยุคใหม่ ที่เริ่มต้องมีหน่วยประมวลผลสำหรับ AI แยกเฉพาะ เปิดตัว Project Trillium สำหรับสถาปัตยกรรมซีพียูยุคหน้า เพิ่มหน่วยประมวลผล AI เข้ามานอกเหนือจากซีพียูและจีพียู
Project Trillium ประกอบด้วย
เมื่อกลางปีที่แล้ว กูเกิลเปิดตัว TPU (Tensor Processing Unit) ชิปสำหรับประมวลผล deep learning รุ่นที่สอง พร้อมจับขึ้นคลาวด์เพื่อให้คนทั่วไปใช้งาน โดยช่วงแรกยังจำกัดเฉพาะนักวิจัยเท่านั้น
เวลาผ่านมาเกือบปี Cloud TPU เปิดบริการรุ่นเบต้าบน Google Cloud Platform (GCP) สักที คนทั่วไปสามารถนำงานด้าน machine learning มาเทรนโมเดลบน Cloud TPU เพื่อเร่งความเร็วให้ได้มากขึ้น (Cloud TPU หนึ่งตัวมีสมรรถนะสูงสุด 180 tflops และแรม 64GB)
ผมได้เกริ่นเอาไว้ใน Google Assistant vs Alexa ตอนแรก แล้วว่างาน CES 2018 ที่ผ่านไป ได้กลายเป็นพื้นที่สงครามระหว่าง Intelligent Assistant 2 เจ้า ดูอย่างง่ายที่สุดก็จำนวนของผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในบทความเก่า
อย่างไรก็ตามเวทีนี้กลับไม่ได้เป็นเพียงสถานที่จัดงานโชว์หรือเปิดตัวเท่านั้น แต่ดูเหมือนจะกลายเป็นเวทีใหญ่สำหรับ Google สำหรับเดินหน้าในเกมผู้ช่วยอัจฉริยะด้วย โดยบทความนี้จะพยายามนำเสนอว่าเหตุใด Intelligent Assistant จึงกลายเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่มีการแข่งขันสูงและภาพรวมของการแข่งขัน ก่อนจะชี้ให้เห็นถึงความพยายามไล่ตาม Amazon ของ Google ให้เป็นรูปภาพธรรมมากขึ้น ปิดท้ายด้วยสภาพของเจ้าอื่นๆ อย่างไมโครซอฟท์ แอปเปิลหรือแม้แต่ซัมซุงจะมีที่ยืนในสมรภูมินี้แค่ไหน
Loup Ventures ได้ทำการทดสอบการใช้งาน Siri บนลำโพงของแอปเปิล HomePod ซึ่งสินค้าเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าทั่วไปแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยหัวข้อทดสอบใช้การส่งคำถามเข้าไป 782 คำถาม ในหมวดต่างๆ และเปรียบเทียบผลลัพธ์กับบริการลำโพงผู้ช่วยอื่นอย่าง Google Home, Alexa และ Cortana
ผลที่ออกมา HomePod ตอบคำถามได้ถูกต้อง 52.3% ซึ่งต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับ Google Home (81%), Alexa (64%) และ Cortana (57%)
Gene Munster หัวหน้าทีมวิจัยบอกว่าถึงผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ แต่ HomePod ก็มีจุดเด่นเหนือกว่าคู่แข่งคือคุณภาพเสียงที่ดีมาก และการติดตั้งที่ทำได้ง่ายมาก นอกจากนี้ Siri บน HomePod วันนี้ยังทำงานได้อย่างจำกัดมาก ซึ่งเชื่อว่าหากมีการเพิ่มความสามารถในอนาคต คะแนนก็น่าจะดีขึ้น
หลังจากผู้ใช้ Reddit ที่ใช้ชื่อ deepfakes เริ่มเผยแพร่วิดีโอโป๊ปลอมที่เริ่มสมจริงจากการใช้ deep learning วางภาพใบหน้าดาราลงไปบนวิดีโอโป๊ จนกระทั่งมีคนทำแอปให้คนอื่นๆ ไปทำวิดีโอปลอมเองได้ แม้เว็บจำนวนมากทั้งเว็บโป๊และเว็บทั่วไปที่ยอมรับเนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่จะออกมาประกาศแบนวิดีโอปลอมเหล่านี้ แต่การระบาดก็ดูจะหนักขึ้นเรื่อยๆ
เว็บ The Register ทดลองหาคำว่า "Deepfake" บน Pornhub ที่เคยประกาศแบนวิดีโอเหล่านี้แต่ก็พบว่ายังหาวิดีโอปลอมได้ทั่วไป เพราะกระบวนการของ Pornhub คือการรอคนรายงานก่อน เช่นเดียวกับกระบวนการลบเนื้อหาอื่นๆ
Microsoft ประกาศตั้ง Cortana Intelligence Institute เพื่อทำการศึกษาและทดลองเพื่อปรับปรุงระบบ AI ของ Microsoft โดยเน้นไปที่การใช้ในที่ทำงาน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสามองค์กรคือ Microsoft Research, Cortana Research และ RMIT University ในออสเตรเลีย
การร่วมมือกันวิจัย Cortana จะช่วยพัฒนาให้ Cortana สามารถทำงานโดยใช้คำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้น ซึ่ง RMIT จะเน้นการนำบริบทมาใช้เพื่อให้ Cortana เข้าใจงานของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น และสามารถจัดการงานต่าง ๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการได้ดียิ่งชึ้น
ยามาฮ่าสาธิตการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในเชิงศิลปะด้วยการปล่อยให้ปัญญาประดิษฐ์ควบคุมเปียโนระหว่างการแสดงการเต้นของ Kaiji Moriyama นักเต้นร่วมสมัยชื่อดัง
ตัวปัญญาประดิษฐ์สร้างขึ้นจากฐานข้อมูลเทียบระหว่างเพลงและท่าเต้นที่เต้นให้กับเพลงนั้นๆ จากนั้นระหว่างการแสดง เซ็นเซอร์จะจับท่าเต้นของ Moriyama เพื่อให้ปัญญาประดิษฐ์แปลงออกมาเป็นข้อมูล MIDI ส่งให้กับเปียโนต่อไป
การใช้ปัญญาประดิษฐ์ทำให้นักเต้นควบคุมเปียโนได้อย่างละเอียด การเปลี่ยนท่าเต้นเพียงเล็กน้อยมีผลต่อความหนักเบาของโน้ตแต่ละตัว
เอกสารวอยนิช หรือ Voynich Manuscript เป็นหนังสือเขียนพร้อมรูปภาพและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ยังไม่มีนักภาษาศาสตร์หรือนักโบราณคดีคนไหนสามารถแปลหรือถอดรหัสภาษาในเอกสารได้ จนกลายเป็นหนึ่งในเอกสารที่ลึกลับที่สุด
แนวคิดมากมายถูกยกขึ้นมาถึงข้อมูลในเอกสารเล่มนี้ ตั้งแต่ว่ามันเป็นเพียงเอกสารที่ไม่มีสาระอะไรเลย (hoax) ไปจนถึงว่ามีความเกี่ยวข้องกับการเล่นแร่แปรธาตุด้วย ส่วนการหาอายุจากคาร์บอนชี้ว่า เอกสารเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นราวต้นศตวรรษที่ 15 ก่อนจะถูกตั้งชื่อตาม Wilfrid Voynich พ่อค้าหนังสือชาวโปแลนด์ที่ซื้อหนังสือเล่มนี้มาในปี 1912
Josh Lovejoy ผู้ออกแบบ UX ของกูเกิล เขียนบล็อกอธิบายเบื้องหลังการทำงานของ Google Clips กล้อง AI ที่กูเกิลบอกว่าสามารถตัดสินใจบันทึกภาพช่วงเวลาสำคัญได้ด้วยตัวมันเอง ซึ่งมีรายละเอียดน่าสนใจหลายอย่าง
แนวทางออกแบบนั้นกูเกิลเรียกว่าเป็น Machine Learning แบบที่มีคนเป็นศูนย์กลาง โดยต้องทำให้แน่ใจว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นคนจะพึงพอใจด้วย ไม่ใช่พึ่งพาการตัดสินใจของ ML ฝ่ายเดียว กูเกิลจึงจ้างช่างภาพมืออาชีพในหลากหลายแนวมาช่วยเลือกว่าภาพแบบไหนที่เรียกว่าดี และดูมีความสำคัญ ตั้งแต่ช่างภาพสายนักข่าว, สายสารคดี ไปจนถึงแนวศิลปะ
เมื่อปลายปีที่ผ่านมาวิดีโอโป๊ปลอมที่มีคนนำหน้าของ Gal Gadot ไปแปะกับวิดีโอโป๊ทำให้โดยใช้ deep learning ทำให้เริ่มทำได้สมจริง ตอนนี้ผู้ใช้ Reddit ที่ชื่อ deepfakeapp ก็เปิดให้ดาวน์โหลดแอปพร้อมหน้าจอ GUI สำหรับการวางใบหน้าคนเป้าหมายลงบนวิดีโอใดๆ
deepfakeapp ระบุว่าโมเดล deeplearning ที่ใช้เป็นโมเดลเดียวกับที่ deepfakes ใช้สร้างวิดีโอ Gal Gadot เมื่อปีที่แล้ว
จบไปแล้วกับงานแสดงผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิคส์หรือ CES 2018 ที่ถือเป็นงานแสดงนวัตกรรมและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของหลายๆ แบรนด์หลายๆ ผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตามหนึ่งในไฮไลท์ของงานนี้ที่สื่อต่างประเทศพูดถึงกันแทบทุกเจ้า คือ CES 2018 ได้กลายเป็นพื้นที่สงคราม Smart Assistant กลายๆ
ถึงแม้ภายในงานจะมีการเปิดตัว Smart Assistant หน้าใหม่ๆ อยู่บ้าง แต่ที่ถูกเรียกว่าเป็นสงคราม ก็เพราะมีผลิตภัณฑ์ที่รันด้วย Smart Assistant รุ่นใหญ่อย่าง Amazon Alexa และ Google Assistant เปิดตัวกันเยอะมาก ซึ่งงานนี้เป็นภาพสะท้อนสิ่งที่ Google กำลังพยายามทำได้หลายอย่าง โดยบทความตอนแรกนี้จะเน้นไปที่การแบ่งฝ่าย ด้วยรายชื่อแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ที่มีการเปิดตัวภายในงานนี้ ก่อนที่จะวิเคราะห์กันในบทความตอนจบต่อไป
หน่วยวิจัยของเฟซบุ๊กเปิดตัว Detectron ซอฟต์แวร์จับวัตถุในภาพ (object detection) ที่อิมพลีเมนต์งานวิจัยยอดนิยมเช่น Faster R-CNN, RPN หรืองานวิจัยใหม่ๆ อย่าง Mask R-CNN และ RetinaNet ที่เพิ่งตีพิมพ์ในปี 2017 ที่ผ่านมา
ตัวซอฟต์แวร์พัฒนาบน Caffe2 โดยมี operator เฉพาะของ Detectron เอง ทำให้ใครที่ติดตั้ง Caffe2 อยู่แล้วอาจะต้องอัพเดตใหม่เพื่อให้รองรับ operator ใหม่ๆ เหล่านี้ด้วย และต้องการเครื่องที่มีชิปกราฟิกเท่านั้นไม่สามารถรันบนซีพียูได้
ตัวสัญญาอนุญาตเป็น Apache License 2.0 และเฟซบุ๊กระบุว่าสถาปัตยกรรมน่าจะง่ายต่อการเพิ่มเติมโมเดลในอนาคต ถ้าใครสนใจส่งแพตช์ทางเฟซบุ๊กก็ยินดี
ภายในวันเดียวกันทั้ง Facebook และ Google ประกาศเพิ่มและยกระดับทีมวิจัย AI ที่ฝรั่งเศส โดย Google จะเปิด Google Hub เป็นโครงการนำร่องที่ Brittany ส่วน Facebook ก็ระบุว่าลงทุนในนวัตกรรมใหม่ด้าน AI ในฝรั่งเศส 10 ล้านยูโร
Google ระบุว่าจะเปิดศูนย์ Google Hub ในฝรั่งเศสสี่แห่งในชื่อ "Les Ateliers Numériques" ซึ่งดำเนินการโดยเครือข่ายพันธมิตรภาคดิจิทัลจากท้องถิ่น ครึ่งปีแรกของ 2018 จะเปิดนำร่องที่เมือง Rennes ใน Brittany และจะเปิดอีก 3 ศูนย์ตามมา เป้าหมายของศูนย์คือการอบรมทักษะดิจิทัล และจะมีทีมวิจัยใหม่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำงานวิจัย AI ที่เกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ สิ่งแวดล้อม และจะเปิดเผยงานวิจัยแบบ open-source
ด้าน Facebook ระบุจะเพิ่มบุคลากรนักวิทยาศาสตร์ปัญญาประดิษฐ์เป็น 60 คน, ลงทุน 10 ล้านยูโร หรือประมาณ 12.3 ล้านดอลลาร์ เพิ่มทุนการศึกษาปริญญาเอก AI เป็น 40 ทุนการศึกษา และจะเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ข้อมูล 10 แห่งในสถาบันสาธารณะของฝรั่งเศสด้วย
Sundar Pichai ให้สัมภาษณ์รายการทีวีจัดโดย MSNBC และ Recode เว็บไซต์พี่น้องของ The Verge เขาพูดถึง AI ว่า เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่มนุษยชาติกำลังดำเนินการอยู่ และอาจมีความลึกซึ้งกว่าไฟและไฟฟ้าด้วยซ้ำ
Pichai กล่าวว่า คนเรียนรู้ที่จะใช้ไฟ-ไฟฟ้าเพื่อประโยชน์ต่อมนุษย์ ในขณะเดียวกันมันก็ฆ่าคนได้ ดังนั้นจึงต้องเอาชนะข้อเสียของมันให้ได้ด้วย AI ก็เช่นกัน
พิธีกรถามถึงบทบาท AI จะมาทดแทนแรงงานคน และข้อคิดเห็นที่ว่า บริษัทในซิลิคอนวัลเล่ย์มีอนาคตสดใสสำหรับการทำเทคโนโลยีมา disrupt ชีวิตคน Pichai ยอมรับว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะกังวล แต่ก็ยังมีความจำเป็นที่จะยอมรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ทำประโยชน์ได้หลากลาย เช่น แก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือรักษามะเร็งได้ Pichai บอกเพิ่มเติมว่า ประวัติศาสตร์สอนเราว่าประเทศที่ปิดกั้น จะทำได้ไม่ดีเมื่อมีโอกาสทางเทคโนโลยีมาถึง ดังนั้นจึงต้องยอมรับความเปลี่ยนแปลง