AWS เพิ่มฟีเจอร์ของ Rekognition จากเดิมที่ประมวลผลภาพนิ่งเป็นหลักให้สามารถประมวลผลวิดีโอได้ด้วย โดยมีความสามารถใกล้เคียง Rekognition ที่ใช้ประมวลผลภาพนิ่งโดยสามารถจับภาพในหน้า, หาคนดังในภาพ, ไปจนถึงหาภาพไม่เหมาะสมในวิดีโอ
Rekognition Video สามารถหาวัตถุในภาพแต่ละช่วงเวลาได้ด้วย อย่างไรก็ตามข้อมูลจะบอกเพียงว่าในภาพนั้นมีวัตถุใดบ้างเท่านั้น ไม่ได้ตำแหน่งของวัตถุในแต่ละเฟรม แต่ฟีเจอร์ที่หายไปในวิดีโอคือ Face Recognition ทำให้ยังไม่สามารถติดตามใบหน้าตามฐานข้อมูลที่เราสร้างเองได้
นอกจากการประมวลผลวิดีโอแล้ว AWS ยังเพิ่มความสามารถของ Kinesis ระบบประมวลผลข้อมูลแบบสตรีมเป็นวิดีโอ และเก็บข้อมูลไว้ใน Kinesis ตามที่ตั้งไว้
AWS เปิดตัว DeepLens กล้องปัญญาประดิษฐ์ที่มีกลุ่มเป็นหมายเป็นนักพัฒนาเป็นหลัก โดยตัวกล้องใช้เฟรมเวิร์คปัญญาประดิษฐ์ของอินเทลเปิดให้นักพัฒนาสามารถสร้างโมเดลเข้าไปในรันในตัวกล้องได้
ตัวกล้องมีเซ็นเซอร์ภาพความละเอียด 4 ล้านพิกเซล และซีพียูใช้ Atom X5 แม้จะไม่มีชิปปัญญาประดิษฐ์โดยตรงแต่ซีพียูนี้ก็มาพร้อมส่วนกราฟิกพลังประมวลผลสูงระดับ 100 GFLOPS
ด้านซอฟต์แวร์ทาง AWS ใช้ไลบรารีของอินเทลทั้ง clDNN และ Math Kernel Library (MKL) มาเร่งความเร็วการประมวลผลให้รีดประสิทธิภาพของ Atom ออกมาให้มากที่สุด
ปัญญาประดิษฐ์เริ่มกลายเป็นสิ่งใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ งานวิจัยอย่างหนึ่งที่ทำกันมานานคือ image segmentation ที่พยายามสร้างปัญญาประดิษฐ์เพื่อให้ระบุว่าส่วนใดของภาพเป็นวัตถุประเภทใด ตอนนี้ Adobe ก็นำปัญญาประดิษฐ์นี้มาสาธิตใน Photoshop CC เพื่อการเลือกคนในภาพแล้ว ในชื่อ Subject Select
Subject Select ใช้แพลตฟอร์ม Sensei ของ Adobe เอง แม้ว่าจะมีปลั๊กอินที่ทำงานคล้ายกันได้อยู่แล้วแต่การที่ Adobe พัฒนาฟีเจอร์นี้เองก็น่าจะมีการพัฒนาที่เร็วกว่ามากและใช้ได้ทันทีที่ลง Photoshop
ที่มา - Engadet
Baidu และ Xiaomi ประกาศความร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และ Internet of Things อย่างเป็นทางการในงานประชุมนักพัฒนาที่จัดโดย Xiaomi ณ กรุงปักกิ่ง
ทั้งสองระบุว่าเป็นการร่วมมือโดยเน้นเรื่อง voice recognition, deep learning และ computer vision ที่ซึ่ง
Baidu อาจนำไปต่อยอดใน หุ่นยนต์ AR, VR และรถยนต์
ทั้งสองบริษัทมีการร่วมกันทำงานมาก่อนหน้านี้แล้วคือ Baidu มีแพลตฟอร์ม AI ของตัวเองในชื่อ DuerOS ซึ่งปรากฎในผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi บางรุ่นด้วย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ออกมาประกาศความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ
Mark Zuckerberg ประกาศว่า Facebook ได้อัพเกรดเครื่องมือ AI สำหรับการระบุความคิดในการฆ่าตัวตายบน Facebook เพื่อให้ป้องกันเหตุการณ์ได้อย่างทันท่วงที (Facebook ประกาศเรื่องนี้ตั้งแต่ช่วงต้นปี) ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว AI สามารถช่วย Facebook ตอบสนองกับปัญหาได้เร็วกว่าเดิม 100 เท่า
ดูเหมือนจะไม่มีศาสตร์ศิลป์แขนงไหนที่วิทยาการปัญญาประดิษฐ์จะเข้าไปมีส่วนร่วมไม่ได้ ไม่เว้นแม้แต่วงการอาหาร แต่วันนี้เราก็มีปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกสร้างมาเพื่อคิดวิธีปรับเปลี่ยนสูตรอาหารแล้ว ชื่อของมันคือ Giuseppe
Giuseppe เป็นผลงานที่พัฒนาโดยทีม NotCo (ชื่อเต็มคือ NotCompany) สตาร์ทอัพจากประเทศชิลี โดยหน้าที่ของ Giuseppe คือพยายามคิดปรับสูตรอาหารทั่วไป ให้ทดแทนด้วยวัตถุดิบกลุ่มพืชผักต่างๆ โดยที่ยังคงเปี่ยมด้วยรสชาติเหมือนเดิม โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับเปลี่ยนสูตรอาหารที่เดิมทีใช้ผลิตภัณฑ์จากนม ซึ่งชื่อ Giuseppe นี้ก็เป็นการตั้งตามชื่อศิลปินอิตาเลียนผู้มีนามว่า Giuseppe Arcimboldo ซึ่งมีผลงานโด่งดังเรื่องการวาดภาพบุคคล โดยใช้เทคนิคการวาดภาพสิ่งของต่างๆ เช่น พืช ผัก มาประกอบเข้าด้วยกันเป็นภาพใบหน้าคน
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือคอมพิวเตอร์เรียนรู้ด้วยตัวเอง (machine learning) เคยเป็นเทคโนโลยีที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ยากและต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะ แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาบริการคลาวด์ก็เริ่มออกบริการปัญญาประดิษฐ์มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราสามารถคิดพัฒนาแอปพลิเคชั่นต่อยอดได้
ปัจจุบันหุ่นยนต์โดยทั่วไป ถูกพัฒนารูปแบบให้มีปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ อาทิหุ่นยนต์ต้อนรับ หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย(ที่ไม่รู้น้อยใจอะไรหรือเปล่า) สัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่โดรนล่าสังหาร
แต่มีทีมวิศวกรและศิลปินกลุ่มหนึ่งคิดต่างออกไปในการพัฒนา ด้วยการสร้างหุ่นยนต์ที่มีกฎว่า "หลีกหนีให้ห่างจากมนุษย์"
Stanford ได้เผยแพร่งานวิจัยด้านการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพื่อวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยชื่อว่า CheXNet ซึ่งสามารถวิเคราะห์ภาพถ่าย X-ray ทรวงอก และตรวจหาอาการโรคปอดบวมได้ดีกว่านักรังสีวิทยาด้วย
ทีมวิจัยซึ่งนำโดย Andrew Ng ได้สร้างอัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์แบบ deep learning และใช้ข้อมูลภาพถ่าย X-ray ทรวงอกกว่า 112,000 ภาพ มาเทรนให้กับ CheXNet โดยนอกจากมันจะสามารถตรวจสอบโรคปอดบวมแล้ว CheXNet ยังสามารถตรวจสอบอาการเจ็บป่วยอื่นๆ ในช่องอกได้อีก 13 โรค
เมื่อปลายปีที่แล้ว AWS เปิดตัวบริการ Amazon Rekognition ระบบ AI แยกแยะข้อมูลในภาพ พร้อมฟีเจอร์จดจำใบหน้าคน (รู้จักใบหน้าคนดังด้วย) ให้ลูกค้าเรียกใช้งานได้ผ่าน API และคิดเงินตามจำนวนภาพ
เวลาผ่านมาหนึ่งปี Amazon Rekognition เพิ่มฟีเจอร์ใหม่อีก 3 อย่าง
Walmart เริ่มทดลองใช้หุนยนต์ในร้านค้าอย่างจริงจังในช่วงระยะหลังมานี้ ก่อนหน้านี้เพิ่งทดลองหุ่นยนต์เช็กสินค้าบนชั้นวาง ล่าสุดทดลองหุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นแล้ว โดยเป็นหุ่นยนต์จากบริษัท Brain Corp
ลักษณะหุ่นยนต์ สูงเกือบเท่าตัวคน มีกล้องและเซนเซอร์เพื่อหลบหลีกสิ่งกีดขวาง มีแท่นควบคุมขับเคลื่อนโดยคนด้วย แต่ก็ขับเคลื่อนตัวเองอัตโนมัติได้ด้วยเช่นกัน
รัฐบาลจีนประกาศนโยบายสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เต็มที่ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา โดยหวังจะเท่าสหรัฐฯ ภายในสามปีข้างหน้า ตอนนี้ทางกระทรวงวิทยาศาสตร์ของจีนก็เริ่มกำหนดเป้าหมายย่อยออกมา โดยเป้าหมายหนึ่งคือการพัฒนาชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์ที่ดีกว่า NVIDIA Tesla M40 ไปอีก 20 เท่าตัว ทั้งในแง่ประสิทธิภาพพลังงานและพลังประมวลผล
Tesla M40 เป็นชิปเก่าสองปีที่ใช้สถาปัตยกรรม Maxwell และมีพลังประมวลผลแบบ single-precision เพียง 7 TFLOPS (การ์ดใช้งานตามบ้านรุ่นใหม่อย่าง 1080Ti มีพลังประมวลผล 10.6 TFLOPS)
หน่วยงานผู้รับผิดชอบด้านกองทุนบำเหน็จบำนาญในญี่ปุ่น หรือ GPIF (The Government Pension Investment Fund) กำลังพิจารณ์ใช้ปัญญาประดิษฐ์มาวิเคราะห์การตลาดและการจัดการสินทรัพย์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามนุษย์ ทางหน่วยงานตั้งเป้าใช้งานช่วงต้นปีงบประมาณ 2018 ซึ่งจะเริ่มต้นช่วงเดือนเมษายน
การใช้ AI กำลังได้รับความนิยมในอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ ตัวอย่างในสหรัฐฯ ก็มีบริษัท BlackRock Inc. และ Goldman Sachs ใช้ AI ในการจัดการสินทรัพย์ บริษัทบางแห่งใช้ AI ให้บริการที่ปรึกษาให้คำแนะนำที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในการจัดสรรสินทรัพย์
ONNX (Open Neural Network Exchange) เป็นโครงการสร้างฟอร์แมตกลางสำหรับแลกเปลี่ยนโมเดล AI ที่ริเริ่มโดยไมโครซอฟท์และเฟซบุ๊ก และมีบริษัทอื่นๆ เข้าร่วมอีกหลายราย
ล่าสุด ONNX ได้สมาชิกรายสำคัญคือ Amazon Web Services (AWS) โดยเข้ามาช่วยทำแพกเกจสำหรับ Apache MXNet ซึ่งเป็นเฟรมเวิร์คด้าน deep learning ที่ได้รับความนิยมอีกตัว (และเป็นเฟรมเวิร์คหลักที่ AWS เลือกใช้) ตอนนี้โครงการ ONNX-MXNet เปิดเผยซอร์สโค้ดแล้วบน GitHub
Azure ขยายบริการด้านปัญญาประดิษฐ์ของตัวเอง โดยขยายภาษาที่รองรับสำหรับบริการแปลภาษา, แปลงเสียงเป็นข้อความ, และการวิเคราะห์ข้อความ
การอัพเดตแต่ละบริการมีดังนี้
รัฐบาลท้องถิ่นเซี่ยงไฮ้ประกาศแผนการ 21 ข้อ นำเมืองเซี่ยงไฮ้ไปสู่การเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีในประเทศจีน กระตุ้นอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี ตั้งเป้ามีขนาดอุตสาหกรรมมูลค่า 20.5 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2020
Chen Mingbo ผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและเทคโนโลยีประจำเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า เศรษฐกิจเมืองเซี่ยงไฮ้เติบโตเร็ว ส่งผลให้มีทรัพยากรข้อมูลมาก รวมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากมาย มีรากฐานมั่นคงมากพอจะพัฒนาเป็นเมืองแห่งเทคโนโลยีได้ในอนาคต
Dell Technology ประกาศตั้งแผนกใหม่ควบคุมงานและการลงทุนด้าน IoT ทั้งหมด เพิ่มเงินลงทุนอีก 1 พันล้านดอลลาร์ในรอบ 3 ปีในผลิตภัณฑ์ โซลูชั่น ห้องปฏิบัติการ ระบบนิเวศน์และโปรแกรมคู่ค้าใหม่สำหรับ IoT พร้อมทั้งประกาศยุทธศาสตร์ Distributed Core โมเดลใหม่ในการประมวลผลเพื่อรุกตลาด IoT
หลังพัฒนาปัญญาประดิษฐ์จนมีแพลตฟอร์ม AI ของตัวเองในชื่อ DuerOS วันนี้ Baidu ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานแพลตฟอร์ม AI เป็นครั้งแรก 2 ตัว ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับบริษัทลูก Raven Tech สตาร์ทอัพพัฒนาลำโพงอัจฉริยะที่ Baidu ซื้อมาเมื่อต้นปี
ตัวแรกคือลำโพงอัจฉริยะ Raven H ที่รันด้วย DuerOS แพลตฟอร์ม AI รองรับการสั่งงานลักษณะเดียวกับ Alexa หรือ Google Assistant โดยจุดเด่นของ Raven H คือแพแนลชั้นบนสุดที่เป็นจอ LED สามารถถอดออกจากตัวฐานลำโพง และพกติดตัวหรือนำไปวางไว้ที่อื่นเพื่อสั่งการ AI ไม่ว่าจะค้นหา เปิดเพลงหรือควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ โดยไม่ต้องพกลำโพงทั้งตัวไป วางจำหน่ายราคา 1,699 หยวนหรือราว 8,500 บาท
กูเกิลประกาศไว้ในงาน I/O 2017 ว่าจะนำเอนจิน TensorFlow Lite มาสู่ Android Oreo เพื่อให้สามารถประมวลผล deep learning ภายในมือถือได้โดยไม่ต้องส่งข้อมูลออกไปนอกเครื่อง
วันนี้ TensorFlow Lite เปิดให้ทดสอบแบบ developer preview แล้ว มันสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์ โดยเริ่มจาก Android, iOS และในอนาคตจะรันบนอุปกรณ์ IoT ได้ด้วย
ค่ายเพลงเกาหลีชื่อดังอย่าง S.M. Entertainment เปิดเผยว่ากำลังพัฒนา AI แชทบอทที่เป็นตัวแทนศิลปินให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนได้แชทกับศิลปินอยู่จริงๆ
งานนี้ค่าย S.M. ได้ร่วมมือกับ Korea Creative Content Agency (KOCCA) ในการพัฒนาผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา มีจุดประสงค์เพื่อผสานเทคโนโลยี AI และบริการด้านความบันเทิงและดนตรีเข้าไว้ด้วย ซึ่ง AI แชทบอทตัวนี้มีชื่อว่า Celeb Bot กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาโดย Scatter Lab โดยขณะนี้กำลังพัฒนาให้การสนทนาระหว่างบอทและผู้ใช้มีความเป็นธรรมชาติและให้ความรู้สึกเหมือนกำลังแชทอยู่กับศิลปินจริงๆ เบื้องต้นจะใช้แอพแชท Kakao Talk เป็นที่ให้บอทได้เรียนรู้การสนทนาและพัฒนาต่อไป
ในงานเปิดตัวได้สาธิตการทำงานของ Celeb Bot เล็กน้อย สามารถดูคลิปได้ท้ายข่าว
ปัจจุบันมีช่องทางรับข่าวสารมากมาย แต่เมื่อพูดถึงบทวิเคราะห์เจาะลึก ก็ยังเป็นสำนักข่าวใหญ่อย่าง The Guardian, The New York Times, The Washington Post ก็ยังเป็นช่องทางที่คนใช้เสพบทความเจาะลึก และแต่ละสำนักข่าวก็จะมีผู้เขียน ผู้เชี่ยวชาญอธิบายสถานการณ์โลกด้วยมุมมองของพวกเขา
Washington Post เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ให้คนอ่านได้รับมุมมองจากบทความอื่นที่ขัดแย้งกันกับบทความที่ผู้อ่านกำลังอ่านอยู่คือ Counterpoint วิธีการทำงานคือ เมื่อคนอ่านกำลังอ่านบทความหนึ่งชื่อ "Democrats can keep winning: Just copy (Bill) Clinton." เมื่อผู้อ่านอ่านจนจบ ตรงด้านล่างบทความจะเจอฟังก์ชั่น Counterpoint และมีข้อความล้อมกรอบที่เป็นมุมมองจากคนเขียนอีกคนที่แสดงความเห็นขัดแย้งจากเนื้อหาข้างต้น
Uber เปิดตัวภาษาโปรแกรมมิ่งแบบใหม่ชื่อว่า Pyro โดยมีจุดประสงค์สำหรับการเน้นให้นักพัฒนาสร้างโมเดลความเป็นไปได้ (probabilistic model) สำหรับการวิจัยด้าน AI ซึ่งถือเป็นโครงการที่เผยสู่สาธารณะครั้งแรกของ Uber AI Labs ซึ่งเป็นแล็บพัฒนาด้าน machine learning และนำผลวิจัยมาประยุกต์ใช้กับสิ่งต่าง ๆ เช่น รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ, การบินในเมือง, การปรับปรุงเมือง และความปลอดภัยในการขับขี่ยานพาหนะ
Eric Schmidt ประธานบอร์ดบริหาร Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล กล่าวในงานสัมมนา Artificial Intelligence and Global Security Summit โดยเตือนว่าในศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI นั้น ประเทศจีนมีโอกาสแซงหน้าอเมริกาได้ และย้ำว่า "เชื่อผมเถอะ คนจีนเก่งเรื่องนี้"
ถึงอย่างนั้นเขาก็บอกว่าหากวัดที่ปัจจุบัน อเมริกายังนำหน้าจีนอยู่ไปอย่างน้อย 5 ปี แต่จีนมีการพัฒนาที่รวดเร็วมาก และนำ AI มาใช้ทั้งในทางธุรกิจและในงานทางการทหาร เขายังให้ข้อมูลว่ารัฐบาลจีนนั้นมีเป้าหมายเป็นเบอร์หนึ่งด้าน AI อยู่แล้วภายในปี 2030 ซึ่งหากอเมริกาต้องการหนีจากจุดนี้ ต้องลงทุนงานวิจัยให้มากขึ้น ตลอดจนทำให้ผู้เชี่ยวชาญ AI จากทั่วโลกสนใจมาทำงาน
เว็บไซต์ The Verge พูดคุยกับ Yann LeCun หัวหน้าฝ่ายวิจัย AI ของ Facebook มีประสบการณ์ทำงาน AI ใน Facebook มาเป็นสิบปี ผลงานของทีมงาน LeCun มีซอฟต์แวร์แคปชั่นรูปภาพอัตโนมัติสำหรับผู้พิการทางสายตา ระบบแปลภาษาใน Facebook เป็นต้น
แม้ LeCun จะคลุกคลีและพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยความสามารถทาง AI มานาน เขาก็ยังเห็นว่า AI ยังไม่โตเต็มวัยหรือแข็งแรงพอจะจัดการทุกเรื่องได้ และที่สำคัญ LeCun ไม่อยากให้กำหนดขอบเขตใดมาชี้ว่า AI ควรจะเป็นแบบไหนหรือทำอะไรได้
กลุ่มบริษัทไอทีรวมตัวกันเป็น Information Technology Industry Council (ITI) ร่วมกันออกหลักปฏิบัติในการใช้ AI โดยให้สัญญาว่าจะพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์โดยตั้งอยู่บนความรับผิดชอบ เพื่อให้มั่นใจว่า AI สามารถสร้างผลประโยชน์สูงสุดได้
เหตุที่ต้องมาร่วมกันทำข้อตกลงเพราะปัญญาประดิษฐ์สร้างความกังวลต่อสังคมมากขึ้นทุกที ตั้งแต่ความกังวลเรื่องจะเข้ามาแทนที่แรงงานคน ไปจนถึงความไม่เที่ยงธรรมของปัญญาประดิษฐ์ที่อาจฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง การตั้งกฎขึ้นมาควบคุมตัวเองยังเป็นการป้องกันไม่ให้หน่วยงานรัฐเข้ามาควบคุมการพัฒนาเทคโนโลยีได้ด้วย