Automobile
Michael Halbherr ผู้บริหารฝ่าย Location and Commerce ของโนเกียให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ GigaOm ถึงยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัท ว่าอยากบุกเข้าไปยังตลาดรถยนต์ให้มากกว่านี้
โนเกียมีแพลตฟอร์ม Here และบริษัทลูก Navteq ทำระบบแผนที่และข้อมูลจราจรให้กับวงการรถยนต์อยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตก็ต้องการขยับขยายจากเนื้อหา (content) ไปยังแพลตฟอร์มและบริการด้วย
Halbherr ยังไม่เปิดเผยว่าโนเกียจะออกผลิตภัณฑ์ด้านรถยนต์อะไร แต่ก็บอกว่าบริษัทมองไกลกว่าระบบแดชบอร์ด (dashboard) ภายในรถ โดยมองไปถึงรถยนต์ไร้คนขับ และการเชื่อมโยงรถยนต์เข้ากับระบบการจราจรระดับเมืองด้วย
วิสัยทัศน์ของโนเกียมองว่ารถยนต์ในอนาคตไม่เพียงแต่หาเส้นทางที่เร็วที่สุด แต่ยังมองไปถึงเส้นทางที่ลดการปล่อยคาร์บอนให้มากที่สุดด้วย
ค่ายรถยนต์ Nissan ประกาศแผนว่าจะวางขายรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Drive) ในปี 2020
บริษัทบอกว่าศึกษาวิจัยเรื่องนี้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกมาสักระยะแล้ว และตอนนี้กำลังเตรียมสนามทดสอบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งจะสร้างเสร็จในปีงบประมาณ 2014 สนามทดสอบแห่งนี้จะจำลองเมืองจริงๆ เพื่อทดสอบความเป็นไปได้แบบต่างๆ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
Nissan บอกว่าจะตั้งราคารถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติให้ผู้บริโภคจับต้องได้ เป้าหมายของบริษัทคือรถยนต์ทุกระดับราคาที่ขายจะต้องมีระบบนี้ ภายในอีก 2 รุ่นข้างหน้า
หลังจากที่พัฒนาระบบรถยนต์ไร้คนขับและผ่านการทดสอบมามากมาย ตอนนี้มีกระแสข่าวว่า Google กำลังเตรียมที่จะออกแบบและสร้างรถยนต์ไร้คนขับขึ้นเองแล้ว จากเดิมที่เป็นการนำรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วไปมาดัดแปลง
รถยนต์ไร้คนขับรุ่นต้นแบบของ Google ที่เห็นกันผ่านสื่อต่างๆ นั้น เป็นการนำรถยนต์นั่งมาดัดแปลงโดยเพิ่มอุปกรณ์ตรวจจับต่างๆ พร้อมระบบสื่อสาร และซอฟต์แวร์การประมวลผล แต่นั่นยังไม่ใช่ร่างสุดท้ายของรถยนต์อัตโนมัติที่ Google ใฝ่ฝันถึง และนั่นทำให้ Google ต้องทำงานหนักเพื่อหาผู้ร่วมโครงการที่จะร่วมกันออกแบบและสร้างรถยนต์ไร้คนขับที่ฝังฮาร์ดแวร์เซ็นเซอร์ต่างๆ ตลอดจนระบบประมวลผลและอุปกรณ์สื่อสารไว้ภายในตัวรถอย่างกลมกลืน
General Motors ยักษ์ใหญ่ของวงการรถยนต์โลก ประกาศว่าจะใส่เทคโนโลยีการชาร์จไฟไร้สาย (wireless charging) เข้ามาในรถยนต์ที่จะขายในปี 2014 บางรุ่น เพื่อให้ลูกค้าสามารถชาร์จอุปกรณ์อย่างโทรศัพท์มือถือได้โดยไม่ต้องเสียบสาย
ตามข่าวบอกว่า GM จะใช้เทคโนโลยีของบริษัท Powermat (ซึ่ง GM ถือหุ้นอยู่ด้วย) โดยยึดตามมาตรฐาน Power Matters Alliance ที่สนับสนุนโดย Powermat และ BlackBerry (ยังไม่มีข้อมูลว่ามือถือรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีอื่นๆ อย่างเช่นโนเกีย-ซัมซุงที่ใช้ Wireless Power Consortium จะสามารถใช้งานร่วมได้หรือไม่)
ตอนนี้ GM ยังไม่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะใส่เทคโนโลยีของ Powermat อย่างไร และมีรถยนต์รุ่นใดบ้าง
Audi ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมันเผย eKurzinfo แอพแนะนำการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ในรถยนต์โดยใช้เทคโนโลยี augmented reality กล่าวคือ เมื่อผู้ใช้เปิดแอพนี้บนสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตแล้วชี้มันไปยังชิ้นส่วนต่างๆ ในรถยนต์ แอพจะแสดงรายเอียดของชิ้นส่วนนั้นขึ้นมา
แอพ eKurzinfo รุ่นแรกๆ สามารถให้ข้อมูลขั้นพื้นฐานของฟังก์ชันต่างๆ ของรถยนต์รุ่น [A1](http://www.audi.com/com/brand/en/models/a1/a1.html) ได้ 65 รายการ แอพนี้ได้รับการปรับปรุงเรื่อยมาจนสามารถให้ข้อมูลฟังก์ชันต่างๆ ของรถยนต์รุ่น [A3 สี่ประตูซีดาน](http://www.audi.com/com/brand/en/models/a3/a3-saloon.html)ได้กว่า 300 รายการ อย่างสัญลักษณ์บนก้านควบคุมใบปัดน้ำฝนกระจกบังลมหน้า หรือกระทั่งส่วนประกอบของเครื่องยนต์
J.K. Shin ซีอีโอร่วมของ Samsung Electronics ให้สัมภาษณ์กับ CNET ถึงระบบปฏิบัติการ Tizen ว่าซัมซุงจริงจังกับมันมาก และมองมันเป็น "ทางเลือกนอกเหนือจาก Android"
แผนการของซัมซุงคือออกแบบ Tizen ให้ทำงานได้บนอุปกรณ์นานาชนิด เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้อง รวมถึงอุปกรณ์แบบใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ชีวภาพ หรือธนาคารได้ด้วย
J.K. Shin บอกว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ถือเป็นเป้าหมายหนึ่งของซัมซุงในอนาคต แต่ CNET ก็อ้างแหล่งข้อมูลวงในว่ากว่า Tizen จะพร้อมสำหรับรถยนต์คงต้องรอถึงปี 2015
นอกจากนี้ Shin ยังพูดถึงตลาดแท็บเล็ตว่าจะมีข่าวดีในเร็วๆ นี้ (ในข่าวไม่ได้บอกว่าหมายถึง Tizen โดยตรง หรือหมายถึงแท็บเล็ตของซัมซุงในภาพรวมที่อาจใช้ระบบปฏิบัติการอื่นๆ ด้วย)
ศูนย์วิจัย Mercedes-Benz Research & Development North America (MBRDNA) เปิดเผยกับ Silicon Valley Business Journal ว่า กำลังทำโปรเจกต์ระบบนำทางที่ประสานการทำงานร่วมกันระหว่างระบบนำทางในรถยนต์และระบบนำทางคนเดินเท้าโดยใช้ Google Glass อยู่
Johann Jungwirth ประธานของศูนย์วิจัยยกตัวอย่างการทำงานว่า สมมติผู้ใช้เปิดให้ระบบนำทางแนะนำเส้นทางกลับบ้าน เมื่อผู้ขับขี่ลงจากรถเพื่อเดินต่อไปยังบ้านของตน ระบบก็จะนำทางในเส้นทางที่เหลือจากที่จอดรถกลับไปที่บ้านผ่าน Google Glass ได้อัตโนมัติ โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องมาระบุจุดหมายปลายทางใหม่จากที่จอดรถแต่อย่างใด
งาน USENIX 13 ที่กำลังจะมีขึ้นกลางเดือนสิงหาคมนี้มีงานนำเสนออันหนึ่งเป็นการนำเสนอช่องโหว่ของ Megamos Crypto ระบบเข้ารหัสของกุญแจแบบ immobilizer ที่รถราคาแพงหลายรุ่นใช้งานเพื่อยืนยันตัวกุญแจ แต่ Volkswagen ฟ้องต่อศาลอังกฤษว่างานวิจัยนี้ยังไม่ควรถูกเปิดเผยต่อสาธารณะเนื่องจากทำอันตรายให้กับเจ้าของรถที่อาจถูกขโมยรถได้โดยง่าย
สมาชิกของทีมวิจัยรายหนึ่งเป็นพลเมืองอังกฤษจึงต้องทำตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนี้ แต่ยังน่าสงสัยว่าผู้ร่วมทีมอีกสองคนที่ไม่ได้เป็นพลเมืองอังกฤษต้องเชื่อฟังคำสั่งศาลนี้หรือไม่ รวมถึงว่างาน USENIX 13 นั้นจัดในสหรัฐฯ อีกด้วย
เมอร์เซเดส-เบนซ์เผยระบบ Car-to-X ซึ่งจะช่วยให้รถเมอร์เซเดส-เบนซ์แต่ละคันสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เพื่อเตือนผู้ขับขี่ถึงอันตรายที่อยู่ข้างหน้าหรือปัญหาการจราจรได้ อาทิ รถเสียหรือรถฉุกเฉินจะส่งสัญญาณออกไปแจ้งรถยนต์คันอื่น หรือรถจะส่งสัญญาณแจ้งเมื่อมีสภาพอากาศที่เลวร้าย หรือกระทั่งมีรถขับผิดช่องทางจราจร เป็นต้น ผู้ใช้จึงสามารถปรับเปลี่ยนการขับขี่ได้ทันท่วงที นอกจากนั้นระบบยังรองรับให้ผู้ใช้แจ้งเตือนได้เอง อาทิ เมื่อมีสิ่งกีดขวางการจราจรบนนถนน ผู้ขับขี่ที่พบสามารถส่งข้อความแจ้งผู้ขับรถคันอื่นได้ เป็นต้น
ปิดท้ายงาน WWDC ปีนี้ด้วยอนาคตของ iOS ที่กำลังจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์อย่างเป็นรูปธรรมแล้ว หลังจากที่มีข่าวจับมือกับผู้ผลิตรถยนต์หลายยี่ห้อในช่วงปีที่ผ่านมา
สภาพของ iOS บนรถยนต์จะเป็นการนำอินเทอร์เฟซของ iOS ไปไว้บนหน้าจอของรถ (น่าจะเป็นจอสัมผัส) แม้ว่าจะไม่เหมือนกับบน iPhone เสียทีเดียว แต่ก็ได้กลิ่นอายอยู่
แอพที่นำมาโชว์ในงานยังมีแค่โทรศัพท์, วิทยุ, ข้อความ และระบบนำทาง เดาเอาว่าน่าจะสั่งการจาก iPhone ได้ด้วยครับ
แอปเปิลตั้งเป้าว่าจะเริ่มนำไปใช้กับรถยนต์ได้ในปี 2014 พร้อมกับประกาศคู่ค้ามารวดเดียวสิบสองราย ได้แก่ Chevrolet, Honda, Mercedes-Benz, Nissan, Kia, Infiniti, Hyundai, Volvo, Jaguar, Ferrari และ Acura ครับ
จากที่กูเกิลได้แอบทดสอบรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ส่วน Toyota และ Audi ก็ได้อวดรถยนต์ไร้คนขับในงาน CES 2013 ตอนนี้ก็ถึงคิวของ Mercedes-Benz ที่ออกมาโชว์รถยนต์ S-Class รุ่นขับเคลื่อนอัตโนมัติในเยอรมนี
Apple ขอจดสิทธิบัตรเทคนิคการใช้สัญญาณบลูทูธเพื่อค้นหาตำแหน่งของรถยนต์ รวมทั้งควบคุมการทำงานบางอย่างจากระยะไกลโดยใช้สมาร์ทโฟนเป็นเครื่องมือควบคุม
งานนี้ต้องใช้องค์ประกอบ 3 ส่วน ทั้งรถยนต์ที่ต้องเพิ่มชุดรับ-ส่งสัญญาณผ่านบลูทูธ, สมาร์ทโฟนที่ต้องมีแอพสำหรับใช้งานควบคู่กันพร้อมข้อมูลแผนที่ของพื้นที่จอดรถอย่างสมบูรณ์ และอย่างสุดท้ายคือภายในพื้นที่จอดรถซึ่งต้องมีเสาส่งสัญญาณกระจายเต็มบริเวณ พร้อมด้วยเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลข้อมูล
เราได้ยินคำว่า iCar มาเนิ่นนาน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าจากแอปเปิล แม้ว่าช่วงหลังแอปเปิลจะจับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้า (ยกตัวอย่าง Siri Eyes Free สำหรับใช้งาน Siri บนรถยนต์)
ล่าสุดแอปเปิลได้ไปจับมือกับผู้ผลิตรถสัญชาติเยอรมนีอย่างโฟล์กสวาเกนทำระบบให้กับรถรุ่นใหม่อย่าง iBeetle ให้รองรับการใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนได้ดียิ่งขึน โดยการใช้งานที่ว่าคือรถรุ่นดังกล่าวจะมีด็อกกิงสำหรับ iPhone อยู่ซึ่งนอกจากช่วยทำให้สะดวกต่อการใช้งานฟีเจอร์พื้นฐานอย่างดูถนนหนทาง ดูหนังฟังเพลง หรือใช้แสดงผลเกจน้ำมัน อุณหภูมิของรถ และเครื่องยนต์ก็ยังได้
โนเกียประกาศความร่วมมือกับ Toyota Motor Europe จับระบบแผนที่ Here ของโนเกียในส่วนของการค้นหาข้อมูลสถานที่ (Local Search for Automotive) ไปใช้กับระบบนำทาง Touch & Go รุ่นหน้าของโตโยต้า
รถโตโยต้ารุ่นที่มีระบบของโนเกียจะเริ่มวางขายช่วงต้นปี 2014 ในยุโรป รัสเซีย และตะวันออกกลาง
ข่าวนี้แสดงให้เห็นธุรกิจใหม่ของโนเกียที่ไม่ใช่การขายโทรศัพท์โดยตรงว่าเริ่มมีศักยภาพอยู่ได้ด้วยตัวเอง ในอนาคตเราคงเห็นข่าวลักษณะนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา - Nokia
Google ได้รับสิทธิบัตรใหม่ว่าเกี่ยวกับส่วนติดต่อผู้ใช้งานสำหรับอุปกรณ์แสดงผลภายในรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ภาพประกอบในสิทธิบัตรไม่ได้แสดงให้เห็นความแตกต่างจากระบบแสดงผลของอุปกรณ์นำทางภายในรถยนต์ทั่วไปมากนัก เว้นแต่เพียงการเพิ่มแถบสถานะเข้ามาในหน้าจอซึ่งเอาไว้แสดงข้อมูลสถานะต่างๆ ของรถยนต์ ทั้งนี้ในคำบรรยายสิทธิบัตรระบุว่า การแสดงผลดังกล่าวอาจมีทั้งภาพและเสียงควบคู่กัน
เมื่อต้นปีที่แล้ว เราเห็นข่าว Ford เปิดตัวแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์รถยนต์ OpenXC เวอร์ชัน Beta พอมาถึงปีนี้ Ford ประกาศ OpenXC รุ่นจริงแล้ว
OpenXC เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอพ (บนมือถือ ไม่ใช่บนรถยนต์) ที่เชื่อมต่อข้อมูลจากเซ็นเซอร์สารพัดชนิดของรถยนต์ได้ โดยพื้นฐานแล้วมันพัฒนาจากฮาร์ดแวร์ Arduino และระบบปฏิบัติการ Android ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่แพร่หลายในวงการอยู่แล้ว (หน้าตากล่อง OpenXC)
หลายคนคุ้นเคยกันดีกับรถยนต์ของ Google ที่มีความสามารถพิเศษในการวิ่งได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาคนขับ ซึ่งตอนนี้ผู้ผลิตรถยนต์เองต่างก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน เมื่อ Toyota และ Audi ต่างก็พัฒนารถยนต์แบบไม่ง้อคนขับ เตรียมนำออกโชว์ในงาน CES 2013 สัปดาห์หน้า
Google ประกาศความร่วมมือกับ Hyundai Motor ผู้ผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Hyundai และ Kia ในการนำเอาความสามารถของ Google Maps มาใส่ในรถยนต์รุ่นใหม่
ด้วยระบบใหม่นี้ จะทำให้ผู้ขับขี่สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆ จาก Google Maps บนสมาร์ทโฟนและส่งข้อมูลเหล่านั้นให้กับรถยนต์ได้อย่างสะดวก ทำให้รถยนต์สามารถจดจำเส้นทางการเดินทางจาก Google Maps และจดจำข้อมูลของบริเวณต่างๆ ที่เป็นจุดหมายของการเดินทางได้จาก Google Places ซึ่งเป็นฟีเจอร์หนึ่งที่แสดงข้อมูลสถานที่ต่างๆ บนแผนที่ของ Google Maps
ระบบใหม่นี้จะเริ่มนำมาใช้กับรถยนต์จากค่าย Hyundai เฉพาะรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาฯ ก่อนเป็นประเทศแรก โดยยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าจะมีการขยายไปยังรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศอื่นในภายหลังหรือไม่
Hyundai กำลังพัฒนาระบบสั่งการรถยนต์ด้วยสมาร์ทโฟนแบบใหม่ ให้ผู้ใช้สามารถสั่งการรถยนต์ได้ด้วยสมาร์ทโฟนแทนการใช้กุญแจ
Hyundai สาธิตการใช้งานระบบดังกล่าวด้วยรถยนต์รุ่น i30 โดยผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องติดตั้งแอพพลิเคชันใดๆ เพิ่มลงในสมาร์ทโฟน เพียงอาศัยการสั่งงานผ่านทาง NFC เท่านั้น
เริ่มตั้งแต่เปิดประตูรถ ผู้ใช้เพียงนำสมาร์ทโฟนไปจ่อไว้ใกล้กับป้ายที่มีเครื่องหมาย NFC บริเวณกระจกหน้าต่างเท่านั้น ก็สามารถเปิดประตูรถได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ
BMW เปิดตัว Car Hotspot LTE หรือเราเตอร์ต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย เพื่อให้บริการอินเทอร์เน็ตกับอุปกรณ์อื่นผ่านการเชื่อมต่อ Wi-Fi
Car Hotspot LTE รองรับเครือข่าย LTE (รวมถึง EDGE และ 3G กรณีที่ไม่มีสัญญาณ LTE) และรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้มากสุด 8 ตัว สำหรับการระบุตัวตนของอุปกรณ์ที่จะเชื่อมต่อกับเราเตอร์นี้สามารถทำได้โดยการพิมพ์โค้ด, WPS หรือการแตะสัมผัสผ่านเทคโนโลยี NFC
ใครที่ติดตามข่าวทาง Blognone ก็คงจะเห็นได้ว่าระบบซอฟต์แวร์สำหรับรถยนต์ได้รวมเข้ากับอุปกรณ์ไอทีและบริการต่างๆ บนออนไลน์อย่างต่อเนื่อง อาทิ HondaLink ระบบเชื่อมโทรศัพท์กับรถยนต์ของฮอนด้า, สมาร์ทโฟนจากซัมซุงจะสามารถเชื่อมเข้ากับระบบข้อมูลในรถโตโยต้า หรือ เมอร์เซเดส-เบนซ์เปิดตัวระบบสั่งงานในรถที่เล่น Facebook, Google Street View ได้ เป็นต้น คราวนี้มาดูบริษัทวอลโว่กันบ้าง
Spotify บริการสตรีมเพลงที่กำลังมาแรงในอเมริกา เตรียมผนวกรวมเข้ากับวิทยุบนรถ Volvo ซึ่ง Weird รายงานว่า Thomax M. Müller รองประธานด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ของ Volvo เปิดเผยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
การรวม Spotify เข้ากับรถ Volvo ยังไม่มีกำหนดการแน่ชัด แต่ตามที่ Weird กล่าว บริการนี้จะถูกใช้กับ Connected Vehicle Cloud Service ของ Ericsson ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่อำนวยความสะดวกในการสร้างแอพที่ใช้กับรถยนต์ กำหนดการที่ Spotify จะมาลงในรถ Volvo น่าจะเป็นปี 2014 ในระยะแรกจะใช้โทรศัพท์ของผู้ขับรถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ส่วนเวอร์ชันต่ออินเทอร์เน็ตได้ในตัวจะมาในปี 2016
หากยังจำกันได้ งาน WWDC เมื่อเดือนมิถุนายน แอปเปิลบอกว่า ตอนนี้กำลังทำงานร่วมกับบริษัทรถยนต์ เพื่อให้ใช้งานโหมด Eyes Free ของ Siri ได้ โดยจะรวมเข้ากับระบบสั่งการด้วยเสียงภายในรถยนต์ที่มีอยู่แล้วในบางคัน ซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องหันไปมองหน้าจออุปกรณ์ตอนสั่งการ Siri ซึ่งในงาน WWDC นั้น Scott Forstall (อดีต)หัวหน้าฝ่าย iOS ประกาศพันธมิตรค่ายรถยนต์ดังนี้คือ BMW, GM, Mercedes, Land Rover, Jaguar, Audi, Toyota, Chrysler และ Honda
GM ประกาศออกมาแล้วว่า จะนำ Siri รวมเป็นส่วนหนึ่งของระบบ MyLink ของ Chevrolet Spark และ Sonic ในต้นปี 2013 โดยมีรายละเอียดดังนี้
หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal มีสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับโครงการรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล เนื้อหาภายในสกู๊ปเน้นไปที่ประเด็นทางการเมืองและกฎหมาย ที่กูเกิลพยายามล็อบบี้ให้นักการเมืองในสหรัฐผ่านกฎหมายอนุญาตให้รถยนต์ไร้คนขับสามารถวิ่งบนถนนได้
ในสกู๊ปชิ้นนี้มีประเด็นเล็กๆ เรื่องแนวทางการผลิตรถยนต์ไร้คนขับของกูเกิล โดยอ้างคำพูดของ Sergey Brin ว่ากูเกิลจะจับมือกับผู้ผลิตรถยนต์ที่สนใจนำเทคโนโลยีของกูเกิลไปใช้งาน แต่ไม่สนใจผลิตรถยนต์เอง
แต่ Wall Street Journal ก็ให้ข้อมูลอีกด้านจากวงในใกล้ชิดว่า กูเกิลกำลังพิจารณาว่าจะเข้ามายุ่งกับกระบวนการผลิตรถยนต์ด้วยตัวเองหรือไม่ ถ้าข่าวนี้เป็นจริง อีกไม่นานเราอาจเห็นกูเกิลซื้อบริษัทรถยนต์รายเล็กที่กำลังเผชิญปัญหาแข่งขันไม่ได้ก็เป็นได้
ช่วงนี้ Nokia Maps ทำอะไรก็ดีไปหมดครับ ล่าสุดโนเกียประกาศเซ็นสัญญาข้อตกลงกับบริษัทรถยนต์ และระบบนำทางอีกหลายราย บริษัทเหล่านี้จะนำข้อมูลจาก Nokia Location Platform ไปใช้งานในอนาคตอันใกล้นี้