คดีระหว่างออราเคิลกับกูเกิล ทำให้เราได้เห็นเอกสารภายในของกูเกิล แสดงภาพต้นแบบของ Android ตั้งแต่ปี 2006 ที่กูเกิลนำเสนอไอเดียให้กับ T-Mobile ก่อนที่เราจะเห็นโครงการสำเร็จออกมาเป็น T-Mobile G1 ในปี 2008
จากภาพจะเห็นว่า "Google Phone" รุ่นแรกหน้าตาจะออกไปทาง BlackBerry แต่ไอเดียเรื่องกูเกิลเป็นคนผลิตมือถือ และเชื่อมต่อกับบริการของกูเกิลนั้นยังใช้ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ในเอกสารของกูเกิลตอนนั้นบอกว่ากำลังทำ Gmail, Gtalk, Google Calendar บนมือถือตัวนี้อยู่
สเปกของ Google Phone ที่ระบุในตอนนั้นคือซีพียู ARMv9 200MHz, RAM 64MB, ROM 64MB, mini SD, กล้อง 2MP พร้อมปุ่มชัตเตอร์แยก, USB, Bluetooth 1.2, จอ QVGA ไม่จำเป็นต้องเป็นจอสัมผัส, ปุ่ม soft button อย่างน้อยสองปุ่ม
ออราเคิลถูกหน่วยงานกำกับโฆษณาแห่งชาติของสหรัฐฯ (National Advertisement Division - NAD) เตือนเรื่องโฆษณาที่เปรียบเทียบระหว่างเซิร์ฟเวอร์ SPARC SuperCluster T4-4 กับ IBM Power 795 ที่ระบุว่าเซิร์ฟเวอร์ของออราเคิลนั้นเร็วเป็นสองเท่าและราคาถูกกว่า 3.3 ล้านดอลลาร์ ว่าการโฆษณาว่าเร็วกว่าสองเท่านั้นสามารถตีความได้ผิดว่าเซิร์ฟเวอร์ของออราเคิลนั้นเร็วกว่าสองเท่าในทุกรณี และราคา 4.5 ล้านดอลลาร์ของไอบีเอ็มก็เทียบราคารวมกับ storage ไม่ได้เทียบเฉพาะตัวเซิร์ฟเวอร์
งานนี้หน่วยงานกำกับระบุให้ออราเคิลระบุให้ชัดเจนว่าจะเปรียบเทียบกับสินค้ารุ่นใดและรายละเอียดเช่นใดของคู่แข่ง และให้หยุดการอ้างว่า "SPARC SuperCluster T4-4 รันออราเคิลและจาวาเร็วกว่าเครื่องที่เร็วที่สุดของไอบีเอ็มสองเท่าตัว"
วันนี้เป็นคิวของ Larry Page ซีอีโอของกูเกิลที่ต้องขึ้นให้การต่อศาลในคดีระหว่างออราเคิลกับกูเกิลที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ แต่ดูท่าทางของ Larry Page จะไม่ค่อยดีนัก โดยเมื่อ Larry Page ถูก David Boies ซึ่งเป็นทนายความของฝั่งออราเคิลถามคำถามใดๆ เขามักจะแสดงท่าทางไม่สบายใจ, ไม่ค่อยสบตากับ David Boies และปฏิเสธว่าจำเอกสารภายในของกูเกิล (ที่ออราเคิลนำมาใช้ในการสู้คดี) ไม่ได้อยู่บ่อยๆ
กระบวนการพิจารณาคดีระหว่างออราเคิลกับกูเกิลเรื่องสิทธิบัตร Android/Java ในวันที่สองยังคงดำเนินต่อไป แต่วันนี้ก็มีประเด็นที่น่าสนใจในช่วงการให้การต่อศาลของ Larry Ellison ซีอีโอออราเคิล โดยเขากล่าวว่าก่อนหน้าที่มีจะมีการฟ้องร้องกูเกิลนั้น ออราเคิลเองก็มีความสนใจที่จะขยายธุรกิจของตนมาทำสมาร์ทโฟนอยู่เหมือนกัน (Java Phone?)
ความคืบหน้าของคดีประวัติศาสตร์ระหว่างออราเคิลกับกูเกิล ในเรื่องสิทธิบัตร-ลิขสิทธิ์ของ Android/Java ครับ
คดีสิทธิบัตร-ลิขสิทธิ์ระหว่างออราเคิลกับกูเกิล ในประเด็นเรื่อง Java/Android จะกลับมาไต่สวนกันต่อวันที่ 16 เมษายนนี้
ในเอกสารฉบับล่าสุดที่กูเกิลยื่นต่อศาล กูเกิลระบุว่าถ้าหากออราเคิลสามารถพิสูจน์ได้ว่า Android ละเมิดสิทธิบัตรของ Java จริง (สิทธิบัตรมี 2 ชิ้น) กูเกิลจะยอมจ่ายเงินให้ออราเคิลและหยุดสู้คดีทันที แต่นั่นหมายความว่าออราเคิลจะต้องเห็นชอบกับตัวเลขค่าเสียหายที่กูเกิลเสนอด้วย
กูเกิลจะจ่ายค่าเสียหายจากการละเมิดสิทธิบัตรย้อนหลังให้ 2.8 ล้านดอลลาร์ และสำหรับค่าเสียหายในอนาคต กูเกิลจะจ่ายเงิน 0.5% จากรายได้ Android ให้กับสิทธิบัตรหนึ่งชิ้น (จนกว่าจะหมดอายุเดือนธันวาคมปีนี้) และ 0.015% สำหรับสิทธิบัตรอีกหนึ่งชิ้น (หมดอายุปี 2018)
ก่อนเข้าข่าวต้องปูพื้นก่อนนิดนึงว่า ผลิตภัณฑ์หลักของ Red Hat ในตอนนี้คือ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) ซึ่งเปิดซอร์สโค้ด แต่ไม่แจกไบนารี (ดังนั้นถ้าอยากได้อัพเดตก็ต้องเสียเงินค่า subscription/support)
เมื่อ RHEL เปิดซอร์สโค้ด ก็มีองค์กรหลายแห่งเอาซอร์สไปทำดิสโทรของตัวเอง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ CentOS (ฟรีทั้งหมดแต่อัพเดตช้าหน่อย)
ฝั่งของ Oracle ก็มี Oracle Linux ที่นำซอร์สโค้ดของ RHEL มาปรับแต่งให้เหมาะกับการรันแอพพลิเคชันของตัวเอง (แต่การทำงานข้างในยังเหมือน RHEL เกือบทั้งหมด) และใช้วิธีขาย subscription/support เหมือนกัน ซึ่งก็ถือว่าเจาะตลาดของ Red Hat ไปบางส่วน (โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่อยากรัน Oracle 11g บน RHEL ก็หันมาใช้ Oracle Linux แทนจะดีกว่า)
ออราเคิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามตามปฏิทินการเงินบริษัท รายได้เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนอยู่ที่ 9.1 พันล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13% เป็น 3.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อแยกรายได้ตามส่วนธุรกิจ ค่าขายไลเซนส์ซอฟต์แวร์ใหม่เพิ่มขึ้น 7% ค่าขายซอฟต์แวร์และการสนับสนุนหลังการขายเพิ่มขึ้น 8% ส่วนยอดขายฮาร์ดแวร์ลดลงถึง 16% ซึ่งออราเคิลอธิบายเพิ่มเติมว่าถ้าพิจารณาเฉพาะสินค้าตระกูล Exadata จะมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 139%
ออราเคิลทำระบบปฏิบัติการลินุกซ์ของตัวเองมาตั้งแต่ปี 2006 โดยนำซอร์สโค้ดของ Red Hat Enterprise Linux (RHEL) มาพัฒนาต่อ (ซึ่งไม่ผิดสัญญาอนุญาตตาม GPL) และขายในชื่อ Oracle Enterprise Linux (ภายหลังเปลี่ยนเป็น Oracle Linux เฉยๆ)
สิ่งสำคัญที่เพิ่มเข้ามาคือเคอร์เนลของ Oracle Linux ที่ออราเคิลปรับแต่งให้เหมาะสมกับการรันฐานข้อมูลของตัวเองมากขึ้น ตัวเคอร์เนลนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Unbreakable Enterprise Kernel ซึ่งของเดิมพัฒนาอยู่บนเคอร์เนลเวอร์ชัน 2.6
ไม่รู้ว่ายังมีใครใช้กันอยู่ไหมนะครับ แต่หลังจากที่ออราเคิลออก JavaFX 2.0 เมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ถึงเวลาที่ JavaFX รุ่นก่อนหน้าจะต้องจากไป
ถึงแม้ออราเคิลออก Java SE 7 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2011 แต่นักพัฒนาจำนวนมากก็ยังใช้ Java SE/JDK 6 กันอย่างแพร่หลาย จนออราเคิลต้องยืดอายุการพัฒนา-ดูแลรักษาออกไปอีก 4 เดือน จากเดิมที่จะหยุดพัฒนาในเดือนกรกฎาคมปีนี้ ไปเป็นเดือนพฤศจิกายนแทน
ต้องอธิบายนิดนึงว่า ระยะเวลาในที่นี้คือ end-of-life (EOL) ไม่ใช่ระยะเวลาของการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ (support) ที่จะยาวนานกว่านั้นมาก ในกรณีนี้ เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน 2012 ออราเคิลจะปิดไม่ให้ดาวน์โหลด Java SE 6 แต่คนที่จ่ายเงินซื้อบริการหลังขายจะยังใช้ไปได้ถึงปี 2016 ครับ
หลังจากออราเคิลเข้าซื้อซัน เรื่องหนึ่งที่หลายๆ คนกลัวคือออราเคิลจะเอา MySQL ไปดองไว้เพื่อขาย Oracle DB เป็นหลัก แต่การออก MySQL Cluster 7.2 น่าจะช่วยลดความกังวลใจนี้ไปได้
ฟีเจอสำคัญของ MySQL Cluster 7.2 คือการเร่งความเร็วการคิวรีขึ้นถึง 70 เท่าจากฟีเจอร์ Adaptive Query Localization ที่ดันงานประมวลผลลงไปอยู่ที่โหนดลูกแทนที่จะนำขึ้นมาประมวลที่โหนดหลัก นอกจากการคิวรีตามปรกติแล้วยังมี NoSQL API ที่ได้ประโยชน์จากการกระจายงานจนรองรับการคิวรีได้มากกว่าพันล้านครั้งต่อชั่วโมงบรเครื่อง x86 จำนวน 8 เครื่อง
มีรุ่น GPL ให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรีเช่นเดิม ส่วนถ้าใครอยากให้มีซัพพอร์ตก็มีขายเช่นกัน
Oracle เข้าซื้อกิจการบริษัท Taleo Corporation ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ทรัพยากรบุคคลในองค์กร ด้วยมูลค่าประมาณ 1.9 พันล้านดอลลาร์
Taleo เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ โดยการซื้อครั้งนี้ Oracle เสนอราคา 46 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นของ Taleo ก็อนุมัติด้วยดี
Taleo มีผลิตภัณฑ์อย่าง Talent Management Cloud ช่วยให้องค์กรสามารถตามติดพัฒนาการของพนักงานได้สะดวกจากหน้าเว็บ และมีลูกค้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ของสหรัฐ การซื้อกิจการครั้งนี้ยิ่งทำให้การขับเคี่ยวกันระหว่าง Oracle กับ SAP ยิ่งเข้มข้นขึ้น เพราะ SAP ก็กำลังเข้าซื้อกิจการของ SuccessFactors ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงของ Taleo แต่ยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการดี
แม้ภาษาที่ได้รับความนิยมสูงๆ นั้นจะเกาะกลุ่มเดิมๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง แต่ภาษาบางกลุ่มแม้จะไม่ได้รับความนิยมมากนักแต่ก็มีกลุ่มผู้ใช้ที่ชัดเจนสามารถสร้างฐานผู้ใช้เฉพาะทางที่เหนียวแน่น เช่นภาษา R ที่รองรับงานด้านสถิติได้เป็นอย่างดี งานนี้ออราเคิลก็ประกาศรองรับ R อย่างเป็นทางการ
Oracle Advanced Analytics เป็นชุดรวมระหว่าง Oracle R Enterprise กับ Oracle Data Mining พร้อมกับสามารถทำงานร่วมกับ Hadoop ที่เชื่อมกับฐานข้อมูลด้วย Oracle Big Data Connectors ได้ด้วย โดยออราเคิลอ้างว่า Advanced Analytics จะทำความเร็วได้กว่าเดิมตั้งแต่ 10 ถึง 100 เท่าตัว
บ้านเราคาดว่านักเรียนสายการเงินใช้ R กันเยอะพอสมควร งานนี้อาจจะมีออราเคิลเข้าไปให้นั่งเรียนเพิ่มกันอีกตัว
คดีระหว่างออราเคิลและเอชพียังคงอยู่ในช่วงของการค้นหาความจริงก่อนการพิจารณาคดี แต่ในภาพของคนภายนอกช่วงเวลานี้กลับกลายเป็นช่วงเวลาของการ "แฉรายวัน" ที่ทางออราเคิลหาประเด็นใหม่ๆ มาใส่ในเอกสารคดีได้เรื่อยๆ ล่าสุดก็มีสองประเด็นสำคัญคือ การขอข้อมูลจากอีกสองบริษัทคือไมโครซอฟท์และเรดแฮต และการระบุว่าเอชพีสัญญาจะจ่ายเงินอินเทลไปถึง 690 ล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2009 เพื่อยืดอายุการซัพพอร์ตชิป Itanium ไปจนถึงปี 2017
ความคืบหน้าของคดีออราเคิลฟ้องกูเกิลว่า Android ละเมิดทั้ง "สิทธิบัตร" และ "ลิขสิทธิ์" ของ Java ครับ
คดีที่เอชพีฟ้องออราคเคิลที่ประกาศหยุดซัพพอร์ตชิป Itanium ไปยังคงอยู่ในชั้นการฟังข้อเท็จจริงก่อนเริ่มขึ้นศาลจริง และตอนนี้ทางฝั่งอินเทลนั้นก็ถูกถามหาเอกสารจำนวนมากจากทางออราเคิล โดยออราเคิลเรียกร้องให้อินเทลเปิดเผยแผนการวางตลาด, เอกสารวางแผน, และอีเมลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับ Itanium ไปถึงปี 2005
อินเทลออกตัวทันทีว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ในคดีนี้ การเปิดเผยเอกสารทั้งหมดจะมีผลต่อการตัดสินใจของออราเคิลในการทำธุรกิจต่อไปด้วย เพราะออราเคิลเองก็เป็นผู้ผลิตชิป UltraSPARC ที่เป็นคู่แข่งของ Itanium เสียเอง
งานนี้ศาลเห็นด้วยกับอินเทลและไม่อนุญาตให้ออราเคิลเข้าถึงเอกสารเหล่านั้น และการพิจารณาคดีก็จะเริ่มในวันที่ 2 เมษายนนี้
ออราเคิลประกาศออกแพตช์ด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่จำนวน 78 ตัว ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เกือบ 20 ตัว ไล่ตั้งแต่ Oracle Database 11g/10g, Fusion Middleware, Application Server, WebLogic, PeopleSoft, JDEdwards, Virtualbox, Oracle MySQL Server
แพตช์ชุดนี้มีความสำคัญระดับ critical ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ค้นพบเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน ช่องโหว่นี้อาจทำให้ฐานข้อมูลล่มและต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหานานกว่าปกติ เว็บไซต์ InfoWorld ให้ข้อมูลว่าต้นเหตุของช่องโหว่นี้เกิดจากสถาปัตยกรรมเดิมที่ออราเคิลออกแบบไว้นานแล้ว (เรื่อง System Change Number - SCN) กลับกลายมาเป็นช่องโหว่ในปัจจุบัน รายละเอียดอ่านได้จากลิงก์ InfoWorld ครับ
ข่าวนี้ต่อเนื่องจากข่าวเก่า ออราเคิลร่วมวง NoSQL ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ Oracle Big Data Appliance จะให้รู้เรื่องต้องย้อนกลับไปอ่านก่อนครับ
สรุปสั้นๆ ก็คือ ออราเคิลเริ่มขายเซิร์ฟเวอร์สำเร็จรูป Big Data Appliance สำหรับงานประมวลผลจำพวก NoSQL/Big Data แล้ว
คดีของแอนดรอยด์ที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ คงเป็นคดีสิทธิบัตรจาวาที่ออราเคิลฟ้องกูเกิล แต่ก่อนที่จะมีการพิจารณาคดี ผู้พิพากษา William Alsup ก็สั่งเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป จนกว่าออราเคิลจะหากระบวนการคิดค่าเสียหายที่ยอมรับได้มาเสนอต่อศาลเสียก่อน
ออราเคิลเคยอ้างว่าบริษัทเสียหายจากการใช้จาวาของกูเกิลไปถึง 6,100 ล้านดอลลาร์ แต่ผู้พิพากษาก็ปฎิเสธคำอ้างนั้นก่อนจะมีการประเมินรอบล่าสุดเหลือเพียง 1,160 ล้านดอลลาร์ แต่ผู้พิพากษาก็ยังไม่พอใจเพราะออราเคิลไม่ได้เสนอกระบวนการคำนวณที่ดีพอ
ความคืบหน้าของคดีสิทธิบัตรระหว่างออราเคิล-กูเกิลครับ ต้องย้อนความสักนิดก่อนว่าหลังจากที่สองบริษัทเจรจากันเองไม่สำเร็จ คดีก็เดินหน้าต่อไป
กลยุทธของกูเกิลคือใช้ "เทคนิค" ยื่นคำร้องให้สำนักงานสิทธิบัตรของสหรัฐ (USPTO) ตีความสิทธิบัตรที่ออราเคิลใช้ฟ้องว่าเป็นสิทธิบัตรที่สมเหตุสมผลหรือไม่ (เรียกว่า re-examination) ซึ่งเป็นเทคนิคมาตรฐานที่ใช้กันในคดีสิทธิบัตรของสหรัฐ
ออราเคิลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองตามรอบการเงินของบริษัท กำไรสุทธิ 2.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยมียอดขายสุทธิเพิ่มขึ้น 2% เป็น 8.8 พันล้านดอลลาร์
เมื่อแยกยอดขายตามส่วนธุรกิจ ส่วนของซอฟต์แวร์และการสนับสนุนหลังการขายโตขึ้น 9% แต่ธุรกิจฮาร์ดแวร์ลดลงไป 9% ซีอีโอ Larry Ellison กล่าวว่ายอดขายสินค้า Exadata เติบโตถึง 100% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ Exalogic เติบโตสูงถึง 100% แบบไตรมาสต่อไตรมาส
ตัวเลขที่ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้มาก นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่าออราเคิลเป็นบริษัทที่ถูกแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอย ทำให้ยอดขายน่าจะเติบโตได้ช้าลงในอนาคตข้างหน้า
สงครามระหว่างออราเคิลกับเอชพีนั้นเงียบไปนานมาก โดยเป็นคดีที่ออราเคิลประกาศเลิกซัพพอร์ตชิป Itanium ของเอชพีและอินเทล โดยระหว่างนี้เป็นการรอการพิจารณาคดีในปีหน้า แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทางออราเคิลก็ได้ยื่นเอกสารให้การเพิ่มเติมไปยังศาลทำให้เราเห็นข้ออ้างของออราเคิล
หลังจากที่พรีวิวความสามารถในงาน Oracle OpenWorld เมื่อเดือนก่อน วันนี้ Solaris 11 ออกรุ่นจริงแล้ว
คดีมหากาพย์ระหว่างออราเคิลกับกูเกิลมีอันต้องเลื่อนออกไปอีก โดยผู้พิพากษา William Alsup เสนอให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปอีก
เดิมทีศาลนัดพิจารณาคดีในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ แต่ศาลมีปัญหาเรื่องคิวพิจารณาคดี เพราะมีคดีอาชญากรรมคดีใหญ่เข้ามาแทรก ผู้พิพากษา Alsup จึงเสนอให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไป โดยมีกำหนดคร่าวๆ คือปี 2012 เลย (แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาแน่ชัด)
การพิจารณาคดีจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับลิขสิทธิ์, ส่วนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตร, และส่วนอื่นๆ ที่เหลือ โดยออราเคิลและกูเกิลมีเวลาถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน เพื่อตอบผู้พิพากษาว่าเห็นด้วยกับแผนการนี้หรือไม่