Microsoft ร่วมมือกับ Case Western Reserve University พัฒนาการตรวจหาเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้ายด้วยเครื่อง MRI โดยใช้อัลกอริทึมควอนตัมรันบนคอมพิวเตอร์และ HoloLens
Case Western Reserve ได้ริเริ่มการค้นคว้าวิจัยการตรวจโรคด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ MRI ซึ่งใช้เทคโนโลยีเดิมที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายทศวรรษ เพื่อความแม่นยำที่มากขึ้นของผลตรวจและใช้เวลาที่น้อยลง Case Western Reserve จึงนำเสนอวิธีการใหม่ที่เรียกว่า 'magnetic resonance fingerprinting' ซึ่งความร่วมมือกับ Microsoft จะเป็นการใช้อัลกอริทึมควอนตัมรันบนคอมพิวเตอร์มาช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยโรคและให้ความรวดเร็ว อันจะนำไปสู่ประสบการณ์ของผู้ป่วยที่ดียิ่งขึ้น
ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศลงทุนในบริษัท 1QBit ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านควอนตัมคอมพิวเตอร์จากแคนาดา โดยผ่านบริษัทลูก Digital Ventures (DV) ที่ทำหน้าที่ลงทุนในสตาร์ตอัพทั่วโลก ส่วนมูลค่าการลงทุนไม่ได้เปิดเผย
1QBit ก่อตั้งในปี 2012 โดยมุ่งเป้าเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และอัลกอริทึมสำหรับประมวลผลเพื่อแก้ปัญหายากๆ ด้วยฮาร์ดแวร์ทั้งที่เป็นควอนตัมและไม่ใช่ควอนตัม แนวทางของบริษัทคือไม่ทำฮาร์ดแวร์เอง (hardware-agnostic) และใช้วิธีพาร์ทเนอร์กับบริษัทต่างๆ แทน (ที่ระบุชื่อบนเว็บของ 1QBit คือ Fujitsu และ IBM) ก่อนหน้านี้บริษัทเคยได้รับเงินลงทุนจาก Fujitsu, Accenture, Allianz และ Royal Bank of Scotland
หลังจากที่ปล่อยให้คู่แข่งอย่าง IBM กับ Intel สร้างชิพควอนตัมนำไปก่อน ในที่สุด กูเกิลก็ออกมาเปิดเผยในงานประชุมประจำปี American Physics Society ที่ Los Angeles ถึง Bristlecone ชิพควอนตัม 72 คิวบิตที่กูเกิลกำลังวิจัยอยู่ นับเป็นชิพที่มีจำนวนคิวบิตสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการประกาศมา (เทียบกับชิพของ IBM และ Intel ที่มีอยู่ประมาณ 50 คิวบิต)
Alibaba Cloud ร่วมกับสถาบัน Chinese Academy of Sciences (CAS) เปิดให้ลูกค้าใช้เซอร์วิสคอมพิวเตอร์ควอนตัมบนคลาวด์แล้ว โดยจะใช้ชิพควอนตัมแบบ superconducting ขนาด 11 คิวบิตในการประมวลผล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มี IBM ที่เพิ่งเปิดเซอร์วิสคอมพิวเตอร์ควอนตัมบนคลาวด์ขนาด 20 คิวบิตไป
ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Quantum Development Kit ไปเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว โดยมีภาษา Q# สำหรับเขียนโปรแกรมบนคอมพิวเตอร์ควอนตัม และตัว simulator สำหรับจำลองการทำงาน ล่าสุดก็มีอัพเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือดังนี้
ชิพคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆ ในงานวิจัย คือชิพแบบ superconducting ที่บริษัทใหญ่ๆ อย่างกูเกิล, IBM, และอินเทลกำลังวิจัยสร้างอยู่ และชิพแบบ trapped ion ที่ใช้เลเซอร์ในการดักจับไอออนและแก้ไขสถานะของคิวบิต
แต่โลกของการวิจัยชิพควอนตัมก็ไม่ได้จบอยู่ที่สองแบบนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ อินเทลเคยประกาศไว้ว่ากำลังวิจัยชิพที่ทำจากซิลิคอนด้วยเช่นกัน โดยเชื่อว่าชิพซิลิคอนนี้จะมีขนาดเล็กกว่าชิพแบบอื่นเมื่อมีจำนวนคิวบิตเท่ากัน สามารถคงสถานะของคิวบิตได้นานกว่า สามารถทำงานที่อุณหภูมิสูงกว่าชิพแบบ superconducting ได้ และที่สำคัญคือ อินเทลมี know-how ในการสร้างชิพจากซิลิคอนอยู่แล้วด้วย
เก็บตกงาน CES 2018 เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา อินเทลได้แถลงว่าสามารถสร้างชิพประมวลผลควอนตัมสำหรับทดสอบ (test chip) โค้ดเนม “Tangle Lake” (มาจากชื่อของทะเลสาบใน Alaska) ขนาด 49 คิวบิตได้สำเร็จแล้ว หลังจากที่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วก็เพิ่งสร้างชิพ 17 คิวบิตไปหมาดๆ ขณะที่เมื่อเดือนพฤศจิกายน IBM ก็เพิ่งสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 50 คิวบิตไป
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา บริษัท Denso และบริษัท Toyota Tsusho ประกาศจะร่วมกันทดสอบการประมวลผลข้อมูลสภาพการจราจรในไทย โดยใช้ข้อมูลตำแหน่งและการเดินทางของรถแท็กซี่และรถบรรทุกกว่า 130,000 คันทั่วประเทศ ประมวลผลผ่านระบบคลาวด์คอมพิวเตอร์ควอนตัมของบริษัท D-Wave Systems
กระบวนการทดสอบโดยคร่าวๆ คือ บริษัท Denso จะพัฒนาอัลกอริทึมบนคอมพิวเตอร์ควอนตัมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล และจะส่งผลการวิเคราะห์ไปยังแอพพลิเคชันบนแพลตฟอร์ม TSquare ของบริษัท Toyota Tsusho Nexty Eletronics (ประเทศไทย) ต่อไป (ข่าวเก่า: สัมภาษณ์บริษัท TTET ผู้สร้างแอพจราจร TSquare จากข้อมูล GPS จริงกว่า 6 หมื่นตัวทั่วไทย)
Microsoft ได้เปิดตัวเครื่องมือล่าสุดเกี่ยวกับควอนตัม ในชื่อว่า Microsoft Quantum Development Kit ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการพัฒนาโปรแกรมที่ใช้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้
ตัวเครื่องมือ Quantum Development Kit นี้ สามารถอินทิเกรตเข้ากับภาษา Q# ภาษาโปรแกรมมิ่งที่เน้นการทำงานกับควอนตัมโดยเฉพาะ และ Visual Studio รวมถึงเครื่องมือนี้ได้ออกแบบมาให้เหมาะกับควอนตัมตั้งแต่ต้น
เมื่อต้นปี IBM ประกาศโครงการ IBM Q มีเป้าหมายเพื่อสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 50 คิวบิต และเมื่อเดือนมิถุนายนก็สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 16 คิวบิตเสร็จแล้ว
เมื่อวานนี้ IBM ประกาศว่า ทีมงานได้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมต้นแบบ (prototype) ขนาด 50 คิวบิตเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยจะยังคงทดสอบและพัฒนาให้มีประสิทธิภาพในการประมวลผลมากขึ้นเสียก่อน
Volkswagen ประกาศร่วมมือกับ Google เพื่อการใช้งานควอนตัมคอมพิวเตอร์ของ Google ในการวิจัยและพัฒนางานสามอย่าง คือการปรับปรุงการจราจร, ค้นหาโครงสร้างวัสดุแบบใหม่ โดยเฉพาะแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และพัฒนา AI
การร่วมมือของ VW และ Google จะเน้นไปที่การวิจัยที่ใช้งานได้จริง โดยผู้เชี่ยวชาญจาก Volkswagen Information Technology Centers หรือ IT Labs ที่อยู่ในซานฟรานซิสโกและมิวนิคจะพัฒนาอัลกอริทึม, การจำลอง และการปรับปรุงประสิทธิภาพ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจาก Google และจะนำไปรันงานบนควอนตัมคอมพิวเตอร์ของ Google
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อินเทลร่วมกับศูนย์วิจัย QuTech จากเนเธอร์แลนด์ ผลิตชิพควอนตัมขนาด 17 คิวบิตเพื่อใช้ในงานทดสอบของตัวเองแล้ว
Jack Ma ประธานบริหารกลุ่ม Alibaba ประกาศในคีย์โน้ตงานสัมมนา The Computing Conference 2017 เปิดตัวโครงการ Alibaba DAMO Academy ซึ่ง Alibaba จะลงทุนในการวิจัยและพัฒนา 1 แสนล้านหยวน หรือกว่า 5 แสนล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า กับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อค้นหาบุคลากรดาวรุ่ง และจัดตั้งสำนักงานวิจัยใน 7 เมืองทั่วโลก
ไมโครซอฟท์โชว์ความคืบหน้าของงานด้าน quantum computing ในงานสัมมนา Ignite 2017
แกนหลักสำคัญคือ Michael Freedman นักคณิตศาสตร์ชื่อดังซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายวิจัยของไมโครซอฟท์มายาวนาน และเป็นผู้เสนอทฤษฎี topological quantum computer หรือการจัดวางอนุภาคควอนตัมให้เรียงตัวกันอย่างมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีกว่า quantum computer แบบดั้งเดิม
ตามแนวคิดของ quantum computer ที่อยู่บนพื้นฐานของคิวบิท (qubit) จำเป็นต้องมีคิวบิทอย่างน้อยเป็นหลักหมื่นตัวเพื่อใช้ประมวลผลงานได้ แต่ปัญหาของการจัดการคิวบิทจำนวนมากๆ คือเรื่องเสถียรภาพ ซึ่งแนวทาง topological qubit จะเข้ามาแก้ปัญหานี้ ทั้งเรื่องเสถียรภาพและป้องกันค่าผิดพลาด
ทีมวิจัยจาก IBM ประสบผลสำเร็จในการจำลองโครงสร้างโมเลกุลของ beryllium hydride (BeH2) บนคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 7 คิวบิต นับเป็นโมเลกุลที่ซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยถูกจำลองบนคอมพิวเตอร์ควอนตัม
แม้ว่าสารประกอบดังกล่าวจะถูกจำลองบนซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ได้อยู่ก่อนแล้ว แต่ในอนาคต การค้นหาสารประกอบใหม่ๆ อาจจะต้องมีการจำลองโครงสร้างโมเลกุลที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันอาจจะไม่เพียงพอต่องานดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์จึงคาดหวังให้คอมพิวเตอร์ควอนตัมมาทำงานเหล่านี้แทน งานวิจัยชิ้นนี้จึงถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญอีกก้าวหนึ่ง
เมื่อต้นเดือน ทีมวิจัยจาก Institute for Quantum Computing และ Department of Physics and Astronomy, University of Waterloo ประเทศแคนาดา ประกาศความสำเร็จในการทดสอบแลกเปลี่ยนกุญแจเข้ารหัสผ่านช่องทางควอนตัม (quantum key distribution หรือ QKD, ข่าวเก่ามีพูดถึงไว้นิดหน่อย) โดยส่งจากสถานีภาคพื้นดินไปยังเครื่องบินขณะที่กำลังบินอยู่
ที่ผ่านมา วงการ cryptocurrency และ blockchain ได้รับความนิยมล้นหลาม ส่งผลให้ความต้องการการ์ดจอเพื่อเอาไปขุดเหมืองเพิ่มสูงขึ้น และเริ่มมีข่าวลือเกี่ยวกับการดัดแปลงการ์ดจอเพื่อใช้ขุดเหมืองโดยเฉพาะ ล่าสุดก็เริ่มมีบางคนปิ๊งไอเดียว่า แล้วถ้าเอาคอมพิวเตอร์ควอนตัมไปขุดเหมืองแทนล่ะ จะขุดเร็วขนาดไหน
คำตอบคือ ขุดเร็วกว่าการ์ดจอแน่ๆ แต่ “มันอาจจะเร็วเกินไปจนไปทำลายระบบ blockchain” ได้เลยทีเดียว
นอกจากนี้ การมาของคอมพิวเตอร์ควอนตัมจะทำให้ระบบ blockchain ไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ เพราะมันสามารถทำลายกลไกการเข้ารหัสและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในระบบได้อีกด้วย
จากข่าวจีนส่งดาวเทียมควอนตัมดวงแรกของโลกขึ้นสู่อวกาศเพื่อใช้ทดสอบการสร้างเครือข่ายควอนตัมระยะไกล วันนี้การทดสอบประสบความสำเร็จและสามารถสร้างเครือข่ายระหว่างสถานีฐาน 2 แห่งที่ห่างกันถึง 1,203 กิโลเมตร
ถ้ายังจำกันได้ IBM มีเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 5 คิวบิตอยู่ในมือ และมีเป้าหมายใหญ่ว่าจะสร้างคอมพิวเตอร์ขนาด 50 คิวบิตให้ได้
เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง IBM ก็ได้ประกาศหลักไมล์ของตนว่าตอนนี้สร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 16 คิวบิตเสร็จแล้ว แต่ยังอยู่ในเฟสของการทดสอบ โดยจะเปิดไว้เป็น beta access ผู้ที่ต้องการจะใช้งานสามารถส่งคำร้องขอได้ที่เว็บไซต์ IBM Quantum Experience (รายละเอียดการสมัคร)
สมรภูมิการวิจัยสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเดือนก่อน IBM ประกาศแผนพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมเชิงพาณิชย์ขนาด 50 คิวบิต ล่าสุด กูเกิลออกมาเผยว่าตนก็เตรียมจะผลิตคอมพิวเตอร์ควอนตัมในระดับนั้นด้วยเหมือนกัน (อย่าจำสลับกับคอมพิวเตอร์ของ D-Wave System ที่กูเกิลซื้อมานะครับ)
John Martinis หัวหน้าทีมวิจัยจากกูเกิลเปิดเผยว่า ทีมของเขาเตรียมจะสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 30 – 50 คิวบิตภายในสิ้นปีนี้ และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบคอมพิวเตอร์ดังกล่าวอยู่ โดยหากสร้างสำเร็จ คอมพิวเตอร์ดังกล่าวจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่มีอยู่บนโลก เรียกปรากฏการณ์นี้กันว่า quantum supremacy
หลังจากที่ปล่อยให้คู่แข่งอย่าง D-Wave นำหน้าไปหนึ่งก้าวด้วยการเปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 2,000 คิวบิต ก็ถึงทีของ IBM ที่จะออกมาเผยถึงโครงการด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัมของตัวเองถึง 2 หัวข้อด้วยกัน
D-Wave Systems บริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ควอนตัมสัญชาติแคนาดา เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมรุ่น 2000Q โดยมีจำนวนคิวบิตทั้งสิ้น 2,000 ตัว มากกว่ารุ่น 2X ซึ่งเป็นรุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2015 ถึง 2 เท่าตัว
D-Wave เคลมว่าคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่นี้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในหลายๆ ด้าน เช่น การทดสอบ benchmark พบว่าประมวลผลได้เร็วกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 2,600 เท่า, กินไฟน้อยกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปถึง 100 เท่า, และมีฟีเจอร์ anneal offsets ช่วยคำนวณการแยกตัวประกอบ (integer factoring) ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 1,000 เท่า
D-Wave หนึ่งในบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่กูเกิลเลือกใช้ในงานวิจัยด้าน AI ประกาศเปิดซอร์สโปรแกรมประมวลผลเชิงควอนตัม qbsolv บน Github เพื่อให้นักพัฒนาศึกษาและพัฒนาโปรแกรมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของบริษัทได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางด้านการประมวลผลควอนตัมมากมายนัก
NIST ประกาศตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาว่าจะเริ่มกระบวนการสรรหาอัลกอริทึมเข้ารหัสสำหรับหลังยุคคอมพิวเตอร์ควอนตัม ตอนนี้กติกาการแข่งขันก็เสร็จสิ้นแล้ว ถึงเวลาเปิดรับอัลกอริทึมจากนักวิจัยกันต่อไป
อัลกอริทึมที่เข้าแข่งขันต้องเข้ามาตรฐาน FIPS 186-4 ที่เป็นอัลกอริทึมสำหรับการสร้างลายเซ็นดิจิตอล และมาตรฐาน SP-800-56A และ SP-800-56B อัลกอริทึมเข้ารหัสลับแบบกุญแจลับ-กุญแจสาธารณะ
การเสนออัลกอริทึมในชั้นแรกจะสิ้นสุดกำหนดในเดือนพฤศจิกายน 2017 นี้
นอกเหนือจากผู้เล่นหลักอย่าง IBM และกูเกิลแล้ว ไมโครซอฟท์เองก็มีศูนย์วิจัยคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ก่อตั้งอย่างเงียบๆ มาตั้งแต่ปี 2005 ใน UC Santa Barbara นาม Station Q โดยเน้นไปที่งานวิจัยด้านคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ topological ซึ่งไมโครซอฟท์เชื่อว่าทนต่อการรบกวนของสภาพแวดล้อมได้ดีกว่าแบบอื่น
ล่าสุด เมื่อ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะยกระดับการวิจัยจากเดิมไปสู่การสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมทั้งในระดับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ โดยสนับสนุนด้านทุนวิจัยเพิ่ม และดึงเอา Todd Holmdahl มาบริหารงานในตำแหน่ง corporate vice president เขาเคยอยู่ในตำแหน่งบริหารงานผลิตภัณฑ์สำคัญๆ ที่สร้างชื่อให้ไมโครซอฟท์ทั้ง Xbox, Kinect, และ HoloLens มาแล้ว