Tesla รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2022 รายได้รวม 21,454 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 56% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กระแสเงินสดอิสระเพิ่มขึ้นเป็น 3,297 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิแบบ non-GAAP 3,654 ล้านดอลลาร์
Tesla ให้ข้อมูลน่าสนใจตัวหนึ่ง คือรูปแบบการส่งมอบรถ โดยช่วงสัปดาห์สุดท้ายของแต่ละไตรมาส การส่งมอบจะมีจำนวนสูงมาก และเกิดต้นทุนที่สูงมากกว่าปกติเพราะทุกอุตสาหกรรมต่างมีความต้องการขนส่งสินค้าในช่วงเวลาเดียวกัน Tesla จึงเตรียมปรับการส่งมอบให้คงที่มากขึ้น (ดูสไลด์ที่ท้ายข่าว)
หลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 และเลื่อนส่งมอบมาหลายรอบ ล่าสุด Elon Musk เปิดเผยว่า Tesla Semi ล็อตแรกเตรียมส่งมอบวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยลูกค้าคือ Pepsi
Musk ยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่า Tesla Semi สามารถวิ่งได้ไกล 500 ไมล์หรือราว 800 กิโลเมตร ขณะที่ลูกค้า นอกจาก Pepsi ก็มี Walmart, บริษัทขนส่ง J.B. Hunt, JK Moving Services ผู้ให้บริการย้ายบ้าน หรือแม้แต่ Fercam บริษัทขนส่งจากอิตาลี
ที่มา - @elonmusk
Tesla ออกประกาศว่าจะเลิกติดตั้งเซ็นเซอร์คลื่นอัลตร้าโซนิก (ultrasonic sensors หรือ USS) ในรถยนต์ของตัวเอง เพื่อเปลี่ยนผ่านมาสู่การใช้กล้องทั้งหมด (Tesla Vision) ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้
เดิมที ระบบ Autopilot/Full Self-Driving (FSD) ของ Tesla ใช้เซ็นเซอร์หลายอย่างร่วมกันวัดระยะห่างกับวัตถุรอบตัวรถ แต่หลังจากซอฟต์แวร์ FSD v9 เป็นต้นมา Tesla บอกว่าตัดสินใจใช้กล้องอย่างเดียว เพราะมั่นใจว่าให้ประสิทธิภาพในการตรวจจับดีกว่าเซ็นเซอร์ประเภทอื่น (ทั้งเรดาร์และอัลตร้าโซนิก)
Tesla อัพเดตความคืบหน้าของ Dojo ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่บริษัทออกแบบเองเพื่อเทรน AI ที่ใช้ในระบบขับขี่อัตโนมัติ และเปิดตัวต่อสาธารณะครั้งแรกช่วงกลางปี 2021
Tesla บอกว่าเมื่อขนาดของโมเดลใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีเครื่องขนาดใหญ่มากพอที่จะรัน ทางออกเดียวคือการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่มากพอขึ้นมาเอง
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Dojo ถูกออกแบบมาใหม่ทั้งหมด ภายใต้วิสัยทัศน์ว่าต้องเป็นตัวเร่งการประมวลผล (accelerator) ผืนใหญ่ผืนเดียว (single scalable compute plane) ใช้ชิปออกแบบเองที่เรียกว่า D1 นำมาต่อกับ I/O + Power + Cooling กลายเป็น Training Tile ซึ่งบอกว่ามีพลังเท่ากับจีพียู 6 ชุดเลยทีเดียว
Tesla รายงานตัวเลขการผลิตของไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ผลิตรถยนต์ได้ 365,923 คัน แบ่งเป็น Model S/X 19,935 คัน และ Model 3/Y 345,988 คัน
จำนวนรถยนต์ที่ส่งมอบให้ลูกค้าได้มี 343,830 คัน โดยแบ่งเป็น Model S/X 18,672 คัน และ Model 3/Y 325,158 คัน ซึ่ง Tesla อธิบายเหตุผลที่จำนวนส่งมอบน้อยกว่าจำนวนผลิต เนื่องจากกระบวนการผลิตที่เป็นแบตช์ และยังมีปัญหาการขนส่งรถยนต์ให้ได้ต้นทุนที่เหมาะสม ในช่วงที่ความต้องการรถขนส่งมีสูงกว่าปกติ ซึ่งไตรมาสปัจจุบันจะเห็นตัวเลขผลิตและส่งมอบที่ต่างกันมากขึ้นกว่านี้
Tesla จะรายงานตัวเลขการเงินและผลประกอบการช่วงปลายเดือนตุลาคม
Elon Musk โชว์หุ่นยนต์หน้าตาแบบมนุษย์ (humanoid robot) ตัวแรกของบริษัท Tesla ในชื่อว่า Optimus
จุดเด่นของ Optimus คือใช้ซอฟต์แวร์ประมวลผลตัวเดียวกับ Autopilot ที่ใช้ในรถยนต์ของ Tesla ทำให้มันสามารถแยกแยะวัตถุต่างๆ ในระดับเดียวกัน ในตัวอย่างที่โชว์บนเวที หุ่นยนต์ตัวนี้ "มอง" เห็นบัวรดน้ำ และแยกแยะได้ว่าต้องจับหูเพื่อเดินไปรดใส่ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กัน ส่วนหน่วยประมวลผลของหุ่นยนต์เป็น Tesla SoC แบบเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์เช่นกัน
Elon บอกว่าเดโมของ Optimus ครั้งนี้เป็นการทำงานอัตโนมัติทั้งหมด ไม่ต้องใช้ตัวช่วยควบคุมจากภายนอกเลย เขาบอกว่ามีแผนจะผลิตหุ่นยนต์ลักษณะนี้ขายเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาไม่น่าจะเกินตัวละ 20,000 ดอลลาร์ (ราว 7.5 แสนบาท) เมื่อวางขายจริง
Briggs Matsko เจ้าของรถยนต์ Tesla ในแคลิฟอร์เนีย ยื่นฟ้องบริษัท Tesla และ Elon Musk ซีอีโอของบริษัท ฐานหลอกลวงและสร้างความเข้าใจผิดจากการโฆษณาระบบ Autopilot และ Full Self-Driving
Matsko ระบุในคำฟ้องว่า Tesla และ Elon Musk หลอกลวงผู้ใช้เรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติหรือ ADS โดยอ้างว่าอยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีและจะสามารถใช้ได้ภายในระยะเวลาหนึ่งแต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามที่กล่าวอ้าง Matsko ยื่นฟ้องแบบกลุ่มเผื่อเรียกร้องค่าเสียหายให้กับผู้ใช้คนอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบด้วย
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเปิดเผยกับ Wall Street Journal ว่า Panasonic ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ใหญ่ของ Tesla กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรีแห่งใหม่ที่มีมูลค่าราว 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมองไว้ว่าจะสร้างโรงงานที่รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งก็คาดว่าเพื่อป้อนแบตเตอรี่ให้กับ Tesla มากขึ้น
Elon Musk โพสต์ข้อความว่าจะขึ้นราคาแพ็กเกจช่วยขับขี่ Full Self-Driving (FSD) ของรถยนต์ Tesla แบบซื้อขาดทีเดียว เป็น 15,000 ดอลลาร์ (ราว 540,000 บาท) ถือเป็นการขึ้นราคาครั้งที่สองในปีนี้ หลังขึ้นมาแล้วรอบแรกในเดือนมกราคม จาก 10,000 ดอลลาร์เป็น 12,000 ดอลลาร์
การเปลี่ยนแปลงจะมีผลเฉพาะในภูมิภาคอเมริกาเหนือ มีผลวันที่ 5 กันยายนเป็นต้นไป หลังการออกเวอร์ชัน FSD Beta 10.69.2 หากซื้อก่อนก็จะยังได้ราคาเดิม 12,000 ดอลลาร์
เว็บไซต์ TechCrunch รายงานว่ามีรถยนต์ที่ซื้อแพ็กเกจ Full Self-Driving อยู่ประมาณ 100,000 คัน ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา
หลังจากจีนสั่งปิดโรงงานในเสฉวนเกือบทั้งหมดซึ่งรวมถึงโรงงานของบริษัทผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม CATL ที่เป็นซัพพลายเออร์หลักของ Tesla ทำให้เกิดข้อกังวลว่า Tesla จะได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแบตเตอรี่เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม Tesla อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดในระยะนี้ เพราะแม้ว่า CATL อาจเผชิญปัญหาการขาดแคลนสินค้าแต่ CATL ยังมีโรงงานอีกหลายแห่งทั่วจีนรวมถึงมณฑลใหญ่อย่างกวางโจวและเซินเจิ้น และซัพพลายเออร์แห่งหนึ่งของ Tesla ได้แสดงความเห็นว่า เป็นไปได้มากว่าซัพพลายเออร์จะให้ความสำคัญกับ Tesla เป็นลำดับแรก ๆ เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีใหญ่อื่น ๆ เพราะเป็นลูกค้ารายใหญ่
Elon Musk CEO ของบริษัท Tesla ขายหุ้นบริษัท 7.9 ล้านหุ้น รวมมูลค่า 6.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากได้ขายหุ้นมูลค่า 8.5 พันล้านเหรียญไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดย Musk เปิดเผยในบัญชี Twitter ว่าการขายหุ้นครั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการขายหุ้นบริษัทอย่างกะทันหันหากเขาถูกตัดสินบังคับซื้อ Twitter ที่มีมูลค่า 44 พันล้านเหรียญ
Tesla ถูกหน่วยงานด้านยานยนต์ของแคลิฟอร์เนียหรือ DMV กล่าวหาว่าทางบริษัทใช้คำโฆษณาฟีเจอร์ Autopilot และ Full Self-Driving (FSD) ที่ชี้นำไปในทางที่ผิดและไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
ในคำฟ้องที่ DMV ยื่นต่อ California Office of Administrative Hearings ระบุว่า Tesla ใช้คำโฆษณาบนเว็บไซต์ที่ชี้นำไปในทางที่ผิด เช่น “ทั้งหมดที่คุณต้องทำคือนั่งและบอกรถว่าจะไปไหน ถ้าคุณไม่บอกอะไร รถคุณจะดูปฏิทินและพาคุณไปยังจุดหมายที่คาดหวัง Tesla ของคุณจะหาเส้นทางที่เหมาะสมที่สุด นำทางไปตามถนนในเมือง ทางแยกที่ซับซ้อน และฟรีเวย์”
Tesla โดนฟ้องในเยอรมนีเกี่ยวกับปัญหาคุณภาพการประกอบของรถยนต์ โดยในคำร้องระบุว่าพบรอยแตกในโครงสร้างตัวรถ แถม Tesla พยายามจะซ่อนดังกล่าวด้วยการพ่นสีทับ
เว็บไซต์ Blid ของเยอรมนีรายงานว่าลูกค้าที่ซื้อรถ Tesla Model 3 พบรอยแตกบนตัวรถตอนกำลังเปลี่ยนยาง และพบความพยายามปิดรอยดังกล่าวด้วยการทาหรือพ่นสีทับ เจ้าของรถยนต์คันนี้จึงร้องเรียนไปยังศาลท้องถิ่นมิวนิค ซึ่งศาลได้สั่งให้นำผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรอิสระมาตรวจสอบรถ และพบว่ารถคันดังกล่าวมีความเสียหายที่ร้ายแรงมากพอที่จะทำให้ตัวรถไม่ผ่านการตรวจสอบ TÜV ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยของประเทศเยอรมนี
Tesla รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 หลังจากรายงานตัวเลขการส่งมอบรถไปเมื่อต้นเดือน รายได้รวม 16,934 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 42% เทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 2,259 ล้านดอลลาร์ และมีกระแสเงินสดอิสระ 621 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Elon Musk ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงแถลงผลประกอบการว่า โรงงานใหม่ในเบอร์ลินตอนนี้มีความสามารถในการผลิตได้มาก 1,000 คันต่อสัปดาห์แล้ว ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนโรงงานใหม่อีกแห่งที่เมืองออสติน น่าจะผ่านตัวเลข 1,000 คันต่อสัปดาห์ ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
Elon Musk บอกว่ามีความคืบหน้าในการเพิ่ม Steam เข้ามาใน Tesla และ Demo อาจจะมาเดือนหน้า
แม้ Tesla จะสามารถเล่นเกมได้มาก่อนหน้าแล้วผ่านแอพ Arcade ของตัวเอง แต่จำนวนเกมที่รองรับยังน้อย (ปัจจุบันมีราวๆ 21 เกม) เมื่อเทียบกับจำนวนเกมบน Steam ที่มีเยอะกว่ามาก ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดขายในตลาดนี้ได้
ระบบ Entertainment ของ Tesla รันบน Linux และใช้ชิป Ryzen Embedded APU (Model S, X) ซึ่ง GPU เป็นสถาปัตยกรรม RDNA 2 ตัวใหม่และทาง AMD เคลมว่ารองรับเกม AAA ส่วนการเล่นเกมจากแอพ Arcade นั้นใช้ทั้งพวงมาลัยและคันเร่งรถได้ หรือจะใช้จอยคอนโทรลเลอร์แบบเดิมก็ได้เช่นกัน
Andrej Karpathy หัวหน้าฝ่าย AI และ Computer Vision ของ Tesla ประกาศลาออกจากบริษัทหลังทำงานมา 5 ปี โดยระบุว่ายังไม่มีแผนแน่ชัดว่าจะทำอะไรต่อ เบื้องต้นจะใช้เวลากลับไปค้นคว้างานด้านเทคนิคเรื่อง AI, โอเพนซอร์ส และการศึกษาก่อน
Karpathy ถือเป็นหัวหน้าทีม Autopilot Vision ที่ใช้กล้องของรถยนต์ช่วยในการขับขี่อัตโนมัติ และเป็นหนึ่งในผู้บริหารไม่กี่คนที่ได้ขึ้นเวทีพูดต่อสาธารณะอยู่บ่อยครั้ง ทวีตลาออกของเขายังมี Elon Musk มาตอบว่าขอบคุณที่อยู่ช่วยงาน Tesla มายาวนานด้วย
Tesla รายงานตัวเลขการผลิตของไตรมาสที่ 2 ปี 2022 ซึ่ง Tesla จะรายงานตัวเลขนี้ ก่อนการรายงานผลประกอบการในช่วงปลายเดือน ผลิตรถยนต์ได้รวม 258,580 คัน แบ่งเป็น Model S/X 16,411 คัน และ Model 3/Y 242,169 คัน
จำนวนรถยนต์ที่ส่งมอบให้ลูกค้ารวม 254,695 คัน แบ่งเป็น Model S/X 16,162 คัน และ Model 3/Y 238,533 คัน มีข้อสังเกตว่าตัวเลขไตรมาสที่ 2 นี้ น้อยกว่าไตรมาส 1/2022 อยู่พอสมควร ซึ่ง Tesla บอกว่ามาจากปัญหาซัพพลายเชน และคำสั่งปิดโรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุมของบริษัท อย่างไรก็ตามในเดือนมิถุนายน 2022 ตัวเลขการผลิตเป็นสถิติสูงสุดของบริษัทที่เคยมีมา
บริษัทรถยนต์จีน BYD สามารถแซงหน้า Tesla กลายเป็นแชมป์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้เป็นครั้งแรก โดย BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ 641,000 คันในครึ่งแรกของปี 2022 ส่วน Tesla ทำได้ 564,000 คัน
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ BYD แซงหน้า Tesla ได้สำเร็จ เกิดจากฝั่ง Tesla เองก็ผลิตรถยนต์ได้น้อยลงในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้จากปัญหาซัพพลายเชนและโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ต้องปิดชั่วคราว (ไตรมาส 1 ผลิตได้ 305,407 คัน, ไตรมาส 2 ผลิตได้ 258,580 คัน ลดลง 18%)
Tesla ปลดพนักงานทีมพัฒนาข้อมูล (data annotation) สำหรับระบบช่วยขับขี่ Autopilot จำนวน 195 คน และปิดสำนักงานที่เมือง San Mateo ในรัฐแคลิฟอร์เนีย เดิมทีทีมนี้มีพนักงาน 276 คน ทำให้เหลือ 81 คนซึ่งจะย้ายไปนั่งทำงานที่อื่นแทน
การปลดพนักงานรอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของการลดพนักงานทั่วโลกลง 10% รับมือปัญหาเศรษฐกิจ ตามที่ประกาศไว้เมื่อต้นเดือนนี้
เว็บไซต์ TechCrunch ระบุว่าพนักงานส่วนนี้เป็นงานทำป้ายกำกับข้อมูล (data labeling) ซึ่งเป็นงานทักษะต่ำ ค่าจ้างไม่แพง และคาดว่า Tesla จะย้ายงานส่วนนี้ไปยังสำนักงานในเมือง Buffalo ที่ค่าจ้างถูกกว่า
ตำรวจจราจรท้องถิ่นของเขตเป่ยไต้เหอในจีน ได้ออกคำสั่งห้ามรถยนต์ Tesla เข้ามาในพื้นที่ชายฝั่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนจะจัดการประชุมลับในบริเวณดังกล่าว
ส่วนสาเหตุนั้นไม่ได้ชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่ามาจากป้องกันข้อมูลรั่วไหล ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่รถของ Tesla ถูกสั่งห้ามใช้งานในลักษณะนี้ เมื่อปีที่แล้วกองทัพจีนก็สั่งห้ามใช้รถ Tesla ระบุว่าป้องกันข้อมูลรั่วไหลจากกล้องในรถ
หน่วยงานความปลอดภัยทางหลวงของสหรัฐ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ออกรายงานสถิติอุบัติเหตุของรถยนต์ที่มีระบบช่วยขับขี่ (Driver Assistance) เป็นครั้งแรก โดยนับสถิติการชนระหว่างเดือนกรกฎาคม 2021 จนถึง 15 พฤษภาคม 2022 และต่อจากนี้ไปจะออกรายงานสรุปให้ทุกเดือน
รายงานแบ่งเป็น 2 ฉบับคือ กลุ่มที่ใช้ระบบขับขี่ SAE Level 2 (ADAS) และอีกกลุ่มที่เป็น Level 3-5 ซึ่งเข้าข่าย Automated Driving System (ADS)
ต้นเดือนที่ผ่านมา Elon Musk ประกาศแนวทางลดพนักงานลง 10% ตอนนี้ก็เริ่มเห็นผล Christopher Bousigues ผู้จัดการ Tesla สิงคโปร์ก็ออกมาระบุว่าบริษัทยกเลิกตำแหน่งของเขาไปแล้ว
Tesla สิงคโปร์เพิ่งเริ่มดำเนินกิจการไม่นานนัก โดยเริ่มขายรถตั้งแต่ต้นปี 2021 ตอนนี้มีโชว์รูม 2 แห่ง, ศูนย์บริการ 1 แห่ง, และจุดชาร์จ Supercharger อีก 7 จุด ปริมาณรถ Tesla ที่มีการจดทะเบียนในสิงคโปร์ทั้งหมด 924 คัน
ที่มา - Strait Times
Elon Musk ส่งอีเมลถึงพนักงานระดับบริหารของ Tesla ระบุว่าเขารู้สึก "แย่มาก" กับภาวะเศรษฐกิจ (เขาใช้คำว่า super bad feeling) และบอกว่าบริษัทจำเป็นต้องปรับลดพนักงานลง 10% (ปัจจุบัน Tesla มีพนักงานราว 1 แสนคน) รวมถึงต้องหยุดการจ้างพนักงานเพิ่มด้วย
ก่อนหน้านี้เราเห็นบริษัทไอทียักษ์ใหญ่หลายแห่ง ประกาศชะลอการจ้างพนักงานเพิ่มกันแล้ว เช่น Microsoft, Meta, Uber, Coinbase
ที่มา - Reuters
Elon Musk อีเมลหาผู้บริหาร Tesla ว่าทุกคนต้องเข้าออฟฟิศอย่างน้อยสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง และหากจำเป็นต้องทำงานนอกสำนักงานต้องขออนุญาตจากเขาเองโดยตรงเป็นรายกรณีไปเท่านั้น นอกจากการบังคับเข้าออฟฟิศแล้ว คำสั่งยังระบุว่าต้องเข้าออฟฟิศที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำงาน ไม่ใช่ไปนั่งสาขาอื่นตามสะดวกอีกด้วย
ท่าทีเช่นนี้นับว่าต่างจากบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ที่พยายามให้ทางเลือกพนักงานทำงานจากที่บ้านได้มากขึ้น โดยเฉพาะทวิตเตอร์ที่ Musk กำลังเข้าซื้อนั้นประกาศแนวทางไม่ต้องกลับมาทำงานในสำนักงานตลอดไป ตั้งแต่ปี 2020 Musk เองก็ยอมรับว่าบริษัทอื่นๆ ให้อิสระมากกว่า แต่เขาก็ตั้งคำถามว่าบริษัทเหล่านั้นออกสินค้าเจ๋งๆ เหมือน Tesla ได้หรือไม่
วันนี้มีผู้พบว่าในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ได้มีข้อมูลการจดทะเบียนบริษัทของ "บริษัท เทสลา (ประเทศไทย) จำกัด" หรือก็คือ Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกาที่หลายคนกำลังรอให้เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยกันอยู่
จากข้อมูลบนเว็บไซต์ระบุว่าบริษัทจดทะเบียนเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 ด้วยทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท ส่วนกรรมการบริษัทมี 3 คน คือ