จากข่าว Tesla หยุดรับ Bitcoin เมื่อเช้านี้ ส่งผลให้ราคาเงินคริปโตหลายสกุลร่วงกันถ้วนหน้า
สำนักข่าว CNBC ประเมินมูลค่าตลาดเงินคริปโตที่หายไปหลังทวีตของ Elon Musk ประมาณ 2 ชั่วโมง 45 นาทีถัดมา (ใช้ข้อมูลจาก Coinmarketcap.com) ว่ามูลค่าเป็นตัวเงินหายไปราว 365.85 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 11.5 ล้านล้านบาท
แน่นอนว่าตัวเลขมูลค่าคริปโตเปลี่ยนไปตลอดเวลา จากที่ผมเช็คบน Coinmarketcap ขณะที่เขียนข่าวนี้ (ประมาณ 14 ชม. หลังทวีตของ Elon) มูลค่าของ Bitcoin ในรอบ 24 ชั่วโมงล่าสุดลดลงมาราว 11%
กราฟราคา Bitcoin จาก Coinmarketcap ขณะที่เขียนข่าวนี้
Elon Musk ประกาศข่าวว่า Tesla ไม่รับจ่ายเงินเป็น Bitcoin แล้ว หลังจากประกาศว่าจะรับจ่าย Bitcoin ในเดือนมีนาคม
เหตุผลของ Musk คือการรับจ่าย Bitcoin เป็นการสนับสนุนให้ทำลายสิ่งแวดล้อมจากการขุดเหมือง เขายืนยันว่าเงินคริปโตยังมีไอเดียดีๆ หลายอย่าง มีอนาคต แต่ก็ไม่ควรต้องแลกมาด้วยปัญหาสิ่งแวดล้อม
ส่วน Bitcoin ที่ Tesla ถือครองอยู่จะเก็บไว้ไม่ขาย และต้องการนำไปใช้แลกเปลี่ยนผ่านธุรกรรมคริปโต ในอนาคตที่แก้ปัญหาเรื่องพลังงานได้แล้ว เขายังโปรโมทว่าต้องการหาเงินคริปโตที่ใช้พลังงานต่อธุรกรรมน้อยกว่า 1% ที่ Bitcoin ใช้อยู่ในปัจจุบันด้วย
หลังข่าวของ Musk ประกาศออกมาประมาณ 1 ชม. ราคาของ Bitcoin ก็ตกลงมาราว 11%
ถึงแม้ Elon Musk ออกมาโฆษณาความสามารถของ Autopilot ของรถยนต์ Tesla อยู่บ่อยครั้ง แต่ในการให้ข้อมูลอย่างเป็นทางการกับกรมขนส่ง (Department of Motor Vehicles หรือ DMV) ของรัฐแคลิฟอร์เนีย กลับเป็นอีกทิศทาง
ผู้ที่ให้ข้อมูลฝั่ง Tesla คือ CJ Moore วิศวกรของระบบ Autopilot ที่พบกับเจ้าหน้าที่ DMV ในเดือนมีนาคม ระบุว่าข้อความอวดของ Musk ที่พูดถึง Level 5 (ไร้มนุษย์ขับอย่างสมบูรณ์) ไม่สะท้อนความสามารถจริงของ Autopilot ที่ยังทำได้แค่ Level 2 เท่านั้น (ยังต้องมีมนุษย์ขับเป็นหลัก) และยืนยันว่า Tesla ไม่มีทางทำ Level 5 ได้สำเร็จภายในสิ้นปี 2021
Tesla รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2021 มีรายได้รวมและกำไรสุทธิทำสถิติใหม่สูงสุด โดยมีกำไรแบบ GAPP 438 ล้านดอลลาร์ และมีรายได้รวม 10,389 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 74% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ตัวเลขส่งมอบเป็นไปตามที่รายงานก่อนหน้านี้ ผลิตรถยนต์ได้ 180,338 คัน และสามารถส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าได้ 184,800 คัน
Elon Musk ซีอีโอ Tesla ให้ข้อมูลในช่วงแถลงผลประกอบการว่า Model S รุ่นใหม่ จะเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีนี้ ส่วน Model X รุ่นใหม่ เริ่มส่งมอบในไตรมาสที่ 3 โดยอุปสรรคสำคัญในปีนี้ของการผลิตคือปัญหาซัพพลายเชน
หลังเกิดอุบัติเหตุรถ Tesla ชนต้นไม้ มีผู้เสียชีวิตสองรายในเท็กซัส และอีลอน มัสก์ ออกมาระบุว่าจากข้อมูลที่เก็บได้ ระบบ Autopilot ไม่ได้เปิดอยู่ และระบบจะไม่สามารถเปิดใช้บนถนนที่ไม่มีเส้นได้
ทวิตของอีลอนเป็นการตอบAhmad A Dalhat ที่สงสัยในบทความของ The Wall Street Journal ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่เชื่อว่าตอนเกิดเหตุ รถไม่มีคนขับอยู่ เพราะ Ahmad เชื่อว่าระบบ Autopilot ของ Tesla มีระบบป้องกันและจะตรวจสอบว่ามีคนขับนั่งจับพวงมาลัยอยู่หรือไม่
หลังมีข่าวอุบัติเหตุรถ Tesla ชนต้นไม้จนเกิดไฟไหม้ และมีผู้เสียชีวิตสองราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่าไม่มีคนนั่งอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ มีการถกเถียงเรื่องนี้กันพอสมควรบนทวิตเตอร์ โดยผู้ใช้ Ahmad A Dalhat ตั้งข้อสงสัยในทวิตข่าวนี้ของ The Wall Street Journal ว่าระบบ Autopilot จะมีระบบป้องกันที่คนขับต้องนั่งอยู่บนเบาะ และจับพวงมาลัยทุกๆ 10 วิ ไม่งั้นระบบจะปิดตัวเอง ทำให้ไม่น่าจะเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุนี้ได้
Chris Urmson ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทรถยนต์ไร้คนขับ Aurora ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg มีประเด็นที่น่าสนใจคือการเปรียบเทียบเทคโนโลยีของ Aurora กับฟีเจอร์ Autopilot ของ Tesla
เมื่อวันเสาร์ที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถ Tesla ชนในเท็กซัส และเกิดไฟไหม้รถ มีผู้เสียชีวิตสองราย ตำรวจบอกว่า ไม่มีใครนั่งควบคุมอยู่ตรงพวงมาลัย Mark Herman ตำรวจประจำเขต Harris County Precinct 4 ระบุว่า จากหลักฐานทางกายภาพในที่เกิดเหตุและการสัมภาษณ์พยานทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่าไม่มีใครขับรถในขณะที่เกิดอุบัติเหตุ
Tesla รายงานตัวเลขการผลิตและส่งมอบรถยนต์ ประจำไตรมาสแรกของปี 2021 ผลิตรถยนต์ได้ 180,338 คัน และสามารถส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าได้ 184,800 คัน
ตัวเลขส่วนการผลิตนั้นทั้งหมดเป็นของรถรุ่น Model 3 และ Model Y ส่วน Model S และ Model X ซึ่งออกรุ่นใหม่ คาดว่าจะเริ่มผลิตและส่งมอบได้ในไตรมาสปัจจุบัน ส่วนจำนวนรถที่ส่งมอบ เป็น Model 3/Y 182,780 คัน และ Model S/X 2,020 คัน
Tesla บอกว่า Model Y ได้รับการตอบรับอย่างดีในจีน และบริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตแล้ว ทั้งนี้ Tesla จะรายงานตัวเลขทางการเงินอีกครั้ง ในช่วงปลายเดือน
ที่มา: Tesla
Elon Musk ประกาศว่า Tesla Motors จะรับค่ารถเป็น Bitcoin ภายในปีนี้แต่จะให้บริการนอกสหรัฐฯ เท่านั้น
บริการต่างๆ รับ Bitcoin กันมาเป็นเวลานานแต่มักเป็นการรับผ่านบริษัทตัวกลางที่แปลงเงินเป็นเงินท้องถิ่นให้อีกครั้งโดยบริษัทเหล่านั้นมักคิดค่าบริการแพงจนกระทั่งการซื้อผ่าน Bitcoin แพงกว่าการซื้อด้วยเงินสดมาก
กรณีของ Tesla Motors ครั้งนี้ Musk ระบุว่าบริษัทจะรับค่ารถเป็น Bitcoin มาเก็บไว้ และจะไม่แลกกลับเป็นเงินสดแต่อย่างใด ตอนนี้เว็บ Tesla ยังแจ้งราคาเป็นเงินสกุลปกติเท่านั้นทำให้เรายังต้องเดากันต่อไปว่าถึงเวลาที่สามารถจ่ายด้วย Bitcoin ได้จริงๆ แล้วราคาจะต่างจากการจ่ายเงินสดแค่ไหน
ที่มา - @elonmusk
กองทัพจีนสั่งห้ามการใช้รถยนต์ของ Tesla กับกิจการของกองทัพ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง เพราะรถยนต์ของ Tesla มีกล้องและเซ็นเซอร์เสียงติดตั้งภายในรถ อาจนำข้อมูลสำคัญของกองทัพรั่วไหลไปฝั่งอเมริกาได้
ก่อนหน้านี้ Tesla ถูกหน่วยงานกำกับดูแลการค้า (State Administration for Market Regulation) สอบสวน 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องความปลอดภัยของรถยนต์ และการส่งข้อมูลออกนอกประเทศจีน
ตลาดจีนถือเป็นตลาดสำคัญอีกแห่งของ Tesla โดยมียอดขายสูงถึง 145,000 คันในปี 2020 (คิดเป็น 30% ของยอดขายทั้งบริษัท) และส่งผลให้ Tesla ทะยานขึ้นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 3 ของจีน รองจาก SAIC และ BYD เท่านั้น
ข่าวนี้ไม่ใช่มุกตลกเพราะเป็นเรื่องจริง
Tesla ยื่นเอกสารต่อคณะกรรมการหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) แจ้งเปลี่ยนชื่อตำแหน่งผู้บริหาร 2 ราย โดยยังทำงานเหมือนเดิม
คนที่คุ้นเคยกับซีรีส์ Game of Thrones อาจคุ้นเคยกับตำแหน่ง Master of Coin ที่เปรียบได้กับรัฐมนตรีคลัง การเรียก CFO ด้วยตำแหน่งนี้อาจมีความหมายลักษณะเดียวกัน (Tesla ไม่ได้ให้เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงใดๆ)
Tesla เตรียมปิดส่วนฟอรั่มบนเว็บไซต์เพื่อย้ายผู้ใช้ไปยังแพลตฟอร์มใหม่ Tesla Engagement Platform ที่เว็บไซต์ engage.tesla.com
สำหรับแพลตฟอร์ม Engage Tesla ที่สร้างขึ้นมาใหม่เป็นแพลตฟอร์มสำหรับทีม public policy ของ Tesla และคลับสำหรับเจ้าของรถยนต์ Tesla ลักษณะของแพลตฟอร์มจะเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คมากขึ้น ผู้ใช้สามารถคอมเมนท์บนโพสต์, ไลค์โพสต์ รวมถึงติดตามบัญชีผู้ใช้คนอื่น ๆ ได้
ส่วนระบบฟอรั่มที่เว็บไซต์ forums.tesla.com ทางบริษัทเริ่มแจ้งเตือนผู้ใช้ว่าระบบฟอรั่มจะเปลี่ยนเป็นโหมดอ่านอย่างเดียวตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคมนี้ และโพสต์ที่แนะนำแพลตฟอร์มใหม่ Engage Tesla ก็มีผู้ใช้งานบ่นเสียดายฟอรั่มจำนวนมาก
Tesla เป็นบริษัทรถยนต์ที่ปรับราคารถยนต์อยู่เสมอ รวมถึงมีการปรับรุ่นย่อยอยู่เรื่อยๆ เช่นกัน ล่าสุด Tesla ได้ปรับราคาขายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model 3 และ Model Y ในสหรัฐอเมริกาใหม่ โดยรุ่นล่างมีราคาถูกลง เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ส่วนรุ่นสูงมีราคาแพงขึ้น
Tesla Model 3 Standard Range Plus ซึ่งเป็นรุ่นต่ำสุดปรับราคาจาก 37,990 ดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 36,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,110,000 บาท ถูกลงราว 30,000 บาท
ด้าน Tesla Model Y Standard Range ปรับราคาจาก 41,990 ดอลลาร์สหรัฐ เหลือ 39,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,200,000 บาท ถูกลงราว 60,000 บาท
เรียกว่าเข้าใกล้ไทยเข้ามาอีกนิด กับ Tesla ที่ขณะนี้เปิดให้สั่งซื้อผ่านหน้าเว็บของประเทศสิงคโปร์แล้ว โดยรถรุ่นเดียวที่ให้สั่งซื้อตอนนี้คือ Model 3 มีให้เลือกสองรุ่นย่อยคือ Standard Range Plus และ Performance
สำหรับ Tesla Model 3 Standard Range Plus มีราคาหน้าเว็บอยู่ที่ 77,990 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 1.76 ล้านบาท แต่หากรวมภาษีต่างๆ และค่าจดทะเบียนรถแล้วราคาพุ่งไปอยู่ที่ประมาณ 113,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 2.54 ล้านบาท โดยวิ่งได้ไกล 448 กิโลเมตรตามมาตรฐาน WLTP ความเร็วสูงสุดที่ 225 กม./ชม. เร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.6 วินาที
Tesla ส่งเอกสารรายงานต่อคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์สหรัฐฯ หรือ SEC ว่าบริษัทได้ซื้อบิตคอยน์ เป็นมูลค่ารวม 1,500 ล้านดอลลาร์
บริษัทให้เหตุผลว่าการซื้อบิตคอยน์นั้นเป็นการกระจายการลงทุน และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากเงินสดที่บริษัทมีอยู่ นอกจากนี้ยังระบุว่า Tesla อาจรับชำระค่าสินค้าด้วยบิตคอยน์ในอนาคต
ราคาบิตคอยน์ปรับเพิ่มขึ้นไปถึงเกือบ 43,000 ดอลลาร์ ทันที หลังจากมีรายงานข่าวดังกล่าว
ที่มา: CNBC
เมื่อปลายปี 2017 Tesla เปิดตัวหัวรถบรรทุกในชื่อ Tesla Semi และเปิดราคาเริ่มต้นที่ 150,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 4.5 ล้านบาท แต่ก็ไปวุ่นกับการเปิดตัวและผลิตรถรุ่นอื่น ไม่ค่อยมีข่าวคราวออกมาเท่าไรนัก
ล่าสุด Elon Musk เปิดเผยระหว่างการประชุมรายงานผลประกอบการว่างานด้านวิศวกรรมของ Tesla Semi นั้นเสร็จสิ้นแล้ว และขณะนี้ก็พร้อมเริ่มการผลิตเป็นจำนวนมากทันที อย่างไรก็ตาม อุปสรรคที่บีบให้ผลิต Tesla Semi ได้ไม่เต็มกำลังคือ Tesla ไม่สามารถผลิตเซลล์แบตเตอรี่แบบ 4680 ได้มากพอในปัจจุบัน
วันนี้ Tesla ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model S และ Model X รุ่นใหม่ ที่หน้าตาภายนอกยังคงคล้ายเดิมอยู่มาก แต่ภายในถูกยกเครื่องใหม่ทั้งหมดจนไม่เหลือเค้าเดิม รวมถึงเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ Plaid และ Plaid+ ที่โฆษณาว่าเป็นรถที่มีผลิตขายจริงรุ่นแรกที่ทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ใน 2 วินาที
เริ่มที่ Model S กันก่อน ขณะนี้ Tesla มี Model S จำหน่ายเพียง 3 รุ่นย่อยเท่านั้น คือ Long Range, Plaid และ Plaid+ เพื่อให้ผลิตง่ายที่สุด โดย Long Range ราคาเริ่มต้น 79,990 ดอลลาร์สหรัฐหรือราว 2.4 ล้านบาท เร่งจาก 0-96 กม./ชม. ใน 3.1 วินาที วิ่งได้ระยะทาง 663 กิโลเมตร ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
Tesla รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2020 มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 270 ล้านดอลลาร์ รายได้รวมเพิ่มขึ้น 46% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 10,744 ล้านดอลลาร์ ผลการดำเนินงานนี้ทำให้ตลอดปี 2020 Tesla มีกำไรตลอดทั้งปีเป็นครั้งแรก กระแสเงินสดอิสระยังเพิ่มขึ้นเป็น 1,868 ล้านดอลลาร์
Tesla ให้ข้อมูลการดำเนินงานเพิ่มเติม โดยโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ มีกำลังการผลิต Model 3 มากกว่า 5,000 คันต่อสัปดาห์ และเริ่มการผลิต Model Y แล้ว ส่วนโรงงานที่เบอร์ลินและออสตินยังคงดำเนินงานได้ตามแผน โดยจะเริ่มการผลิตได้ในปีนี้ ส่วนรถบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi จะเริ่มส่งมอบในปีนี้
Elon Musk ออกมาตอบโต้ John Krafcik ซีอีโอ Waymo หลังมีข่าวที่เขาบอกว่า Tesla ไม่ใช่คู่แข่งของบริษัทในตลาดรถยนต์ไร้คนขับ โดย Musk ได้ตอบทวีตข่าวดังกล่าวว่า Tesla มีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ AI ที่ดีกว่า Waymo
Musk ยังปิดท้ายว่า money ซึ่งหมายถึงราคารถของ Waymo ที่สูงกว่า Tesla โดยในบทสัมภาษณ์ Krafcik นั้น เขาบอกว่าราคาจะอยู่ที่ 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป เทียบเคียงกับ Mercedes S-Class ขณะที่ Tesla มีเป้าหมายทำราคารถยนต์ให้เข้าถึงได้มากที่สุด โดยปัจจุบันเริ่มต้นที่ 38,000 ดอลลาร์
Asian Economy สื่อเกาหลีรายงานว่าซัมซุงจะเป็นพาร์ทเนอร์กับ Tesla Motors ในการพัฒนาและผลิตชิป Exynos Auto รุ่นใหม่ขนาด 5 นาโนเมตร กระบวนการผลิตแบบ EUV สำหรับการใช้งานกับระบบ Autopilot ของ Tesla
ปัจจุบันชิป Exynos Auto ของซัมซุงอยู่ที่ขนาด 8 นาโนเมตรและ 10 นาโนเมตรเท่านั้น และชิปล่าสุดอย่าง Exynos Auto V9 ก็เพิ่งจะนำมาใช้งานบนรถที่จะออกในปีนี้เท่านั้น ดังนั้นความร่วมมือระหว่างซัมซุงกับ Tesla น่าจะใช้เวลาอีกหลายปี (ในแง่กระบวนการผลิตชิปด้วย) กว่าจะออกเป็นผลิตภัณฑ์จริง
ในวงการรถยนต์ไร้คนขับเป็นที่ยอมรับว่า Waymo มีเทคโนโลยีที่พร้อมและล้ำหน้ากว่าเจ้าอื่นอยู่หลายปี แต่ในแง่การตลาดและความแพร่หลายแล้ว Autopilot ของ Tesla ถูกพูดถึงและถูกนำไปใช้งานมากกว่า
John Krafcik ซีอีโอของ Waymo ถูกถามถึง Tesla กับสื่อในเยอรมนี พูดถึง Tesla เรื่องระบบไร้คนขับว่าไม่ใช่คู่แข่งของ Waymo ในเรื่องนี้ เพราะ Waymo ผลิตระบบไร้คนขับแบบไม่ต้องมีคนมานั่งหลังพวงมาลัย แต่ของ Tesla เป็นบริษัทรถยนต์ที่ทำระบบช่วยขับขี่ (driving assistance) ที่ดีเท่านั้น
รถยนต์ไฟฟ้า Tesla รุ่นที่คนพูดถึงค่อนข้างน้อยคือ Model Y ทั้งที่รถรุ่นนี้น่าใช้พอสมควร เนื่องจากใช้แพลตฟอร์มเดียวกับ Model 3 ที่เป็นรถเก๋ง แต่นำมาทำให้เป็นรถครอสโอเวอร์ โดยขนาดตัวถังใหญ่กว่า Model 3 เล็กน้อยในทุกมิติ รวมถึงสูงกว่า Model 3 ราว 1.1 นิ้ว
เมื่อครั้ง Tesla เปิดตัว Model Y ในปี 2019 Tesla ระบุว่าจะมีรุ่น Standard Range ที่เป็นตัวต่ำสุดออกมาด้วย แต่หลังจากนั้น Elon Musk ก็ออกมาบอกว่าจะยกเลิกรุ่นนี้เพราะวิ่งได้ระยะทางน้อยเกินไป ทำให้ Model Y มีรุ่นต่ำสุดคือ Long Range มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคา 49,990 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.5 ล้านบาท
Tesla รายงานตัวเลขการผลิตและส่งมอบรถยนต์ ประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ผลิตรถยนต์ไปได้รวม 179,757 คัน และส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าได้ 180,570 คัน ซึ่งส่วนนี้แบ่งเป็น Model S และ X 18,920 คัน ส่วน Model 3 และ Y ส่งมอบไป 161,650 คัน
ผลการดำเนินงานรวมตลอดปี 2020 ทำให้ Tesla ส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าได้รวม 499,550 คัน ขาดไปเพียงเล็กน้อยจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ Tesla ประกาศไว้เมื่อต้นปี 2020 ที่ 5 แสนคัน
Tesla จะรายงานตัวเลขทางการเงินประจำไตรมาสในช่วงปลายเดือน นอกจากนี้มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า Model Y ได้เริ่มผลิตแล้วที่โรงงานในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะเริ่มส่งมอบเร็ว ๆ นี้
มีการสืบสวนจาก Tech Transparency Project (TTP) โครงการความโปร่งใสด้านเทคโนโลยี พบว่า Lens Technology บริษัทจีน ผู้ผลิตกระจก iPhone ให้ Apple มานาน และยังเป็นซัพพลายเออร์ให้ Tesla และ Amazon ด้วย มีการบังคับใช้แรงงานชาวอุยกูร์จากเขตซินเจียงหลายพันราย โดย TTP แชร์รายงานให้สำนักข่าว Washington Post