Tesla ประกาศให้ลูกค้าในประเทศจีนสามารถทดลองใช้งานแพ็คเกจ Full Self-Driving ได้ฟรี มีผลตั้งแต่ 17 มีนาคม ถึง 16 เมษายน ไม่จำกัดว่าเป็นลูกค้าปัจจุบันหรือลูกค้าใหม่

เงื่อนไขคือลูกค้านั้นต้องมีรถยนต์ที่ติดตั้งอุปกรณ์ซึ่งรองรับการใช้งานระบบช่วยเหลือการขับ รวมทั้งมีซอฟต์แวร์นำทางที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด ทั้งนี้ Tesla มีแผนให้บริการระบบ FSD เต็มรูปแบบในจีนภายในปีนี้ โดยร่วมมือกับ Baidu ในการพัฒนาระบบ

รายงานบอกว่าขณะที่ระบบ FSD ในอเมริกา Tesla ไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์แผนที่นำทางทำงานร่วมกัน เพราะมีการฝึกฝนข้อมูล AI เก็บข้อมูลไว้อยู่แล้ว แต่ในจีนนั้น Tesla ไม่สามารถเก็บข้อมูลแบบนั้นได้ตามกฎหมายในจีน จึงต้องใช้ซอฟต์แวร์นำทางทำงานร่วมด้วย

ประเด็นเรื่องกล้อง vs lidar เป็นสิ่งที่ถกเถียงกันมานานในวงการรถยนต์ไร้คนขับ ซึ่งนิกาย Elon Musk และผู้ศรัทธา บอกเสมอว่ากล้องนั้นเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ lidar

ยูทูบเบอร์ Mark Rober จึงจัดการทดสอบ โดยนำ Tesla Model Y เปิดโหมด Autopilot เทียบกับรถยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ใช้ lidar ช่วยตรวจจับสภาพแวดล้อม การทดสอบสำคัญคือสร้าง "ฉากถนนปลอม" (เหมือนในการ์ตูนเรื่อง Road Runner) แล้วดูว่ารถยนต์ทั้งสองรุ่นจะตรวจจับถนนปลอมได้หรือไม่

ผลการทดสอบเป็นไปตามคาดคือ รถยนต์ lidar ตรวจเจอได้สบายๆ ในขณะที่ "ศรัทธา" Model Y ชนกับฉากกั้นเข้าเต็มๆ

ข่าว Elon Musk ประจำวันนี้ภาคบ่าย หลังจากที่ Donald Trump ซื้อรถ Tesla Model S มูลค่าประมาณ 80,000 ดอลลาร์ฯ (และไม่มีการขอส่วนลด) เพื่อเป็นการซัพพอร์ต Elon Musk ที่โดนวิจารณ์ถึงการทำงานในหน่วยงานรัฐ

ด้าน Musk จึงสัญญากับ Trump ว่า Tesla จะเพิ่มการผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกาเป็นสองเท่าภายในอีกสองปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุน Trump และนโยบายของเขา

Trump เคยโจมตีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่หลายครั้งในช่วงหาเสียง และในเดือนมกราคม Trump เพิกถอนคำสั่งฝ่ายบริหารปี 2021 ที่ลงนามโดยอดีตประธานาธิบดี Joe Biden ที่พยายามให้รถยนต์ที่ขายในสหรัฐฯ ภายในปี 2030 ครึ่งหนึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเมื่อคืนนี้ ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 7 บริษัท หรือที่เรียกกันว่าหุ้น 7 นางฟ้า (Magnificent Seven) ต่างปรับลดลงมาก จนทำให้ภาพรวมดัชนี Nasdaq ลดลง 4% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ปิดที่ 17,468.32 จุด

ราคาหุ้น 7 นางฟ้าปรับลดลงดังนี้ NVIDIA ลบ 5%, Alphabet ลบ 4.4%, Meta ลบ 4.4%, Apple ลบ 4.9%, Microsoft ลบ 3.3%, Amazon ลบ 2.4% ส่วน Tesla ลบ 15.4%

นักวิเคราะห์ให้เหตุผลหลักที่ทำให้ราคาหุ้นปรับลดลงมากรวมทั้งกลุ่มเทคโนโลยี ว่ามาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจในช่วงเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งนโยบายของรัฐบาลสหรัฐทั้งการขึ้นกำแพงภาษี การตัดลบงบประมาณหน่วยงานรัฐ

แม้ช่วงนี้ Tesla เจอกับมรสุมข่าวที่ไม่ค่อยดีนัก ทั้งยอดขายลดลงในหลายประเทศ การประท้วงหน้าโชว์รูมหลายรอบ เจ้าของ Tesla เริ่มขายรถ-หุ้นทิ้ง บางคนถึงขั้นเปลี่ยนโลโก้เป็นแบรนด์อื่น เพราะไม่อยากโดนกลุ่มแอนตี้เพนต์สีรถ แต่ยกเว้นสหราชอาณาจักรที่ยังมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เจ้าของรถยนต์​ Tesla ในสหรัฐบางส่วน หาวิธีสร้างสรรค์หลบเลี่ยง การถูกประทุษร้ายรถยนต์จากกระแสไม่พอใจ Elon Musk ด้วยการถอดตราสัญลักษณ์ Tesla ออก แล้วเปลี่ยนไปติดโลโก้ของรถยนต์แบรนด์อื่นแทน เช่น Mazda, Honda, Audi

นอกจากนี้ยังมีเจ้าของ Tesla Cybertruck คันหนึ่งที่ไปสุดกว่านั้นคือ ติดโปรเจคเตอร์ท้ายรถเพื่อยิงข้อความบอกเพื่อนร่วมถนนคนอื่นๆ ว่า อย่ามาเพนต์ข้อความบนรถของฉัน แค่นี้ฉันก็ดูโง่พอแล้ว “this truck already makes me look stupid enough.” และทำภาพล้อเลียน Elon ดูดกัญชาเองเลย

ที่มา - Electrek

The Guardian มีบทสัมภาษณ์เจ้าของรถยนต์ Tesla รายหนึ่งชื่อว่า Filipos อาศัยอยู่ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย เขาบอกว่าตัวเองเป็น "แฟนบอย Tesla ที่แท้จริง" เป็นเจ้าของ Model 3 Performance และจอง Cybertruck ด้วย

ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว Filipos เปลี่ยนใจไปซื้อรถกระบะไฟฟ้า Ford F-150 Lightning และขาย Model 3 เปลี่ยนไปใช้ Honda Acura แทน ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการขับรถที่เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งเลวร้าย (something so awful) อย่างการสนับสนุนนาซี การขับรถแบรนด์นี้ถือเป็นการโฆษณาให้บริษัทไปโดยปริยาย

Filipos ถือเป็นตัวแทนคนหนึ่งของกลุ่มผู้ขับ Tesla ที่ตอนนี้เปลี่ยนใจ ขายรถ เลิกเช่า ขายหุ้นทิ้ง ฯลฯ ซึ่งจุดเปลี่ยนของทุกคนคล้ายๆ กันคือ Elon ทำท่านาซี

เหตุการณ์ประท้วง Tesla Takedown ที่โชว์รูม Tesla ในสหรัฐอเมริกายังเกิดขึ้นต่อเรื่อยๆ โดยมีการประท้วงที่เขตแมนฮัตตันในนครนิวยอร์ก ที่ผู้ประท้วงบุกเข้าไปด้านในโชว์รูมเพื่อชูป้าย Nazi ได้สำเร็จ

การประท้วงที่โชว์รูมแห่งนี้มีผู้เข้าร่วมประมาณ 300 คน โดยเกือบทั้งหมดยืนประท้วงอยู่ด้านนอก ส่วนผู้ที่บุกรุกเข้าไปด้านในและโดนตำรวจจับไปมีทั้งหมด 9 คน

ส่วนการประท้วงที่โชว์รูมแห่งอื่นๆ เท่าที่มีรายงาน มีโชว์รูมที่เมือง Tucson ในแอริโซนา มีผู้ประท้วงหลายร้อยคน

ที่มา - Electrek

ข่าว Elon ประจำวันเอาใจแฟนๆ ใน Blognone

เมื่อคืนนี้ ราคาหุ้น Tesla ร่วงลงหนักเกือบ 8% ด้วยเหตุผลว่านักลงทุนกังวัลเรื่อง ยอดขายในยุโรปลดลง 45% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา สวนทางกับยอดขายรถยนต์ EV ในยุโรปที่เติบโตขึ้น 37.3%

ผลจากราคาหุ้นที่ลดลง ทำให้มูลค่าบริษัท (market cap) ของ Tesla ตอนปิดตลาด ลดต่ำลงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือ 9.74 แสนล้านดอลลาร์ หลุดสถานะความเป็น Trillion Dollar Company ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 หลัง Donald Trump ชนะเลือกตั้ง

เหตุการณ์ประท้วง Elon Musk/Tesla ในสหรัฐอเมริกา เริ่มรุนแรงมากขึ้น โดยโชว์รูมของ Tesla แห่งหนึ่งที่เมือง Salem ในรัฐโอริกอน ถูกทุบกระจก มีเสียงยิงปืน และมีรถยนต์ถูกเผาทำลายอย่างน้อยหนึ่งคัน

ตำรวจท้องถิ่นของเมือง Salem เข้ามาสืบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว และขอให้ผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ติดต่อไปยังตำรวจเพื่อให้ข้อมูล

ก่อนหน้านี้ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2025 ยังมีโชว์รูมอีกแห่งในรัฐโคโลราโด ถูกสเปรย์พ่นกระจกเป็นคำว่า Nazi Caps (หมายถึงท่านาซีของ Elon) และรถ Cybertruck ที่จอดอยู่ด้านหน้าก็ถูกพ่นสีเป็นตัว X ด้วย

Sheryl Crow นักร้องสาวชื่อดังชาวอเมริกัน โพสต์คลิปผ่าน Instagram ว่าเธอขายรถยนต์ Tesla ของเธอแล้ว เพราะไม่พอใจ "ประธานาธิบดี Musk" และเงินค่าขายรถจะบริจาคให้ NPR องค์กรสื่อสาธารณะของสหรัฐอเมริกา ที่ถูก Musk ปรับลดงบประมาณลง

Sheryl อ้างคำพูดของพ่อแม่เธอที่ว่า ตัวตนของเรามาจากคนที่เราสนิทสนมด้วย ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจขายรถที่ขับประจำ เพราะไม่อยากยุ่งกับ Elon อีก

นอกจากการขายรถของ Sheryl แล้ว ช่วงนี้ในสหรัฐเองยังมี การประท้วง Tesla ตามโชว์รูมสาขาต่างๆ เพราะไม่พอใจ Elon

Dara Khosrowshahi ซีอีโอ Uber ให้สัมภาษณ์กับ Stratechery ในหลายประเด็นตั้งแต่ก่อนมารับตำแหน่งซีอีโอที่ Uber ไปจนถึงมุมมองเรื่องรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่ง Uber ได้ยกเลิกการพัฒนาและวิจัยส่วนนี้ในบริษัททั้งหมด เปลี่ยนมาใช้วิธีร่วมมือกับบริษัทอื่นแทน

Khosrowshahi ตอบคำถามเรื่องที่ Tesla เตรียมให้บริการ Robotaxi หรือรถแท็กซี่อัตโนมัติผ่านแอป Tesla ว่าไม่มีใครอยากแข่งกับ Tesla ตรง ๆ เพราะศักยภาพของ Tesla นั้นสูงมาก แต่ที่ Uber จะทำคือการเป็นพันธมิตรให้ความร่วมมือ เพราะ Uber วันนี้ก็มีรถยนต์ในระบบที่เป็น Tesla หลายแสนคัน คนขับเหล่านี้สามารถแปลงระบบรถเป็นอัตโนมัติในแอป Uber เมื่อเริ่มให้บริการได้ทันทีเช่นกัน การร่วมมือกันย่อมสร้างมูลค่าที่ดีกว่าต่างคนต่างทำ

เกิดกระแสการประท้วง Tesla (จริงๆ ต้องบอกว่าประท้วง Elon Musk) หน้าโชว์รูมทั่วสหรัฐอเมริกา โดยกลุ่มผู้ประท้วงใช้แท็ก #TeslaTakeover ก่อตัวมาสักพักแล้วในโซเชียล BlueSky (คนที่หนี Elon ไปจาก Twitter/X) ถึงแม้มีจำนวนยังไม่เยอะมาก แต่เกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วอเมริกา

กระแสการประท้วงเกิดจากแนวทางของ Elon Musk ที่เข้าไปนั่งเป็นหัวหน้า Department of Government Efficiency (DOGE) ในรัฐบาล Donald Trump และตัดงบประมาณ ยุบโครงการหลายอย่างที่สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มประท้วง จึงออกมาโชว์ป้ายต่อต้าน เช่น “Don’t buy swasticars” หรือ "Dogs Against Doge" เป็นต้น

สถิติยอดขายรถยนต์ในประเทศจีน เดือนมกราคม 2025 ค่าย Tesla มียอดขายลดลง 11.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ BYD กลับทิศกันคือเติบโต 47%

ยอดขายเป็นจำนวนคันของ Tesla คือ 63,238 คัน ส่วน BYD ขายได้ 296,446 คัน ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจีนยี่ห้ออื่นๆ อย่าง Changan และ Xpeng ก็เติบโตเช่นกัน

ที่มา - CNBC

ออสเตรเลียเผยยอดขายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม 2025 พบว่ายอดส่งมอบของ Tesla ลดลง 33% จากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว เหลือส่งมอบได้ 739 คัน

ปัญหาของ Tesla เกิดจาก Model 3 ที่ยอดขายลดลงหนักถึง 63% ในขณะที่ยอดส่งมอบ Model Y เพิ่มขึ้น 20%

หากดูตัวเลขทั้งปี 2024 ยอดขายของ Tesla ลดลง 17%

ยอดขายของ Tesla ลดลงหนักในหลายๆ ประเทศ ข่าวก่อนหน้านี้คือ ยอดขายในเยอรมนีตกลง 59.5% ถ้านับรวมยุโรปทั้งหมดลดลง 50.4%

ที่มา - Electrek

หน่วยงานกำกับดูแลรถยนต์ของเยอรมนี (Federal Motor Transport Authority ตัวย่อ KBA ตามภาษาเยอรมัน) รายงานยอดขายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม 2025

ยอดขายของ Tesla ตกลงถึง 59.5% (เทียบกับเดือนมกราคม 2024) เหลือ 1,277 คัน เทียบกับภาพรวมตลาดรถยนต์ที่ตกลง 2.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน

เว็บไซต์ Electrek รวบรวมข้อมูลยอดขายของ Tesla ในยุโรป พบว่ายอดขายเดือนมกราคม 2025 ตกลงในทุกประเทศ เฉลี่ยแล้วลดลงถึง 50.4% โดยในสเปนลดลงมากที่สุด 75.4%, ฝรั่งเศสลดลง 63.4%

Tesla รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2024 หลังจากรายงานตัวเลขการผลิตและส่งมอบรถไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมีจำนวนลดลงเป็นปีแรก จึงสะท้อนมาที่ตัวเลขการเงินเช่นกัน รายได้รวม 25,707 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน แต่เฉพาะรายได้ของธุรกิจรถยนต์ ลดลง 8% ส่วนที่เติบโตสูงมาชดเชยคือธุรกิจพลังงานและแบตเตอรี ส่วนกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP อยู่ที่ 2,317 ล้านดอลลาร์

เรื่องมีอยู่ว่านักดาราศาสตร์แห่งศูนย์ดาวเคราะห์น้อยแห่ง Harvard-Smithsonian Center รายงานการพบดาวเคราะห์น้อยดวงใหม่เมื่อต้นเดือน ขึ้นทะเบียน 2018 CN41 แต่ในรายงานก็ไม่แน่ใจว่าเป็นดาวเคราะห์น้อยจริงหรือไม่ ซึ่งผลคือข้อมูลนี้ถูกลบออกไม่กี่วันต่อมา

สาเหตุเพราะดาวเคราะห์น้อยที่ว่า ถูกพิสูจน์แล้วว่าก็คือรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Roadster ที่ถูกส่งขึ้นไปกับจรวด Falcon ตั้งแต่กุมภาพันธ์ปี 2018 ทางหน่วยงานก็ชี้แจงว่าเมื่อข้อมูลยืนยันแล้วก็ต้องลบข้อมูลดาวเคราะห์น้อยนี้ออกไป

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป ACEA ออกรายงานสถิติยอดขายรถยนต์ในทวีปยุโรปปี 2024 ภาพรวมขายได้ 10.6 ล้านคัน เติบโต 0.8% จากปี 2023 โดยยอดขายในบางประเทศหดตัว เช่น ฝรั่งเศส -3.2%, เยอรมนี -1% ในขณะที่สเปนเติบโต 7.1%

ถ้าดูสัดส่วนยอดขายตามประเภทของรถยนต์ รถน้ำมันเบนซินยังครองส่วนแบ่งสูงสุด 33%, ตามด้วยรถยนต์ไฮบริด (HEV) 30.9% และรถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) 13.6% ประเด็นที่น่าสนใจคือยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าล้วน BEV เริ่มลดลงในหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส กลายเป็นตลาดรถยนต์ไฮบริด (ทั้ง HEV และ PHEV) เติบโตมากขึ้นแทน

กลุ่มสถาบันการศึกษาและหน่วยงานวิจัยในเยอรมนีและออสเตรีย ประกาศบอยคอตไม่เข้าร่วมใช้งาน X/Twitter และ Tesla หลัง Elon Musk ชาวแอฟริกาใต้ผู้ถือสัญชาติอเมริกัน พยายามยุ่งกับการเมืองของเยอรมนีและหลายประเทศในยุโรป โดยชักชวนให้เลือกพรรคฝ่ายขวาจัด AfD ที่มีอุดมการณ์การเมืองแบบเดียวกับเขา

หน่วยงานหลายแห่งในเยอรมนี ทั้งภาครัฐและเอกชน ทยอยกันลบบัญชี X โดยให้เหตุผลว่าอัลกอริทึมของ X ช่วงหลัง นำเสนอเนื้อหาที่ขัดกับค่านิยมที่องค์กรยึดถือ เรื่องความเปิดกว้าง ความหลากหลาย ความโปร่งใส ประชาธิปไตย

Tesla เปิดจอง Model Y โฉมใหม่ (Launch Series) ในไทย ในราคาเริ่มต้น 1.769 ล้านบาท สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 2.069 ล้านบาท สำหรับรุ่น Long Range สูงกว่า Model Y ตัวเก่าที่ขายในราคา 1.624 ล้านบาท โดยจะพร้อมส่งมอบในเดือน พ.ค. 2025

Model Y Launch Series สามารถวิ่งได้ไกลสุด 551 กม. ตามมาตรฐาน WLTP และยังวิ่งได้ไกลถึง 266 กม. หากชาร์จด้วยความเร็วสูงสุดเพียง 15 นาที

หลังจากที่ Tesla รายงานตัวเลขการผลิตและส่งมอบรถยนต์ในปี 2024 ไปไม่กี่ชั่วโมง บริษัทรถยนต์จีน BYD เผยตัวเลขการผลิตและส่งมอบรถยนต์เช่นกัน โดยพบว่ายอดส่งมอบในไตรมาสที่ 4/2024 แซงหน้า Tesla มากกว่า 20%

BYD ส่งมอบรถ BEV ไปทั้งหมด 595,412 คันในไตรมาสที่ 4/2024 เพิ่มขึ้น 13.1% จากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ในขณะที่ Tesla ส่งมอบรถได้ 495,570 คัน

ส่วนรุ่น PHEV BYD ส่งมอบได้ถึง 918,556 คัน เพิ่มขึ้น 120.7%

Tesla รายงานตัวเลขการผลิตและส่งมอบรถยนต์ของไตรมาสที่ 4 ปี 2024 และของปี 2024 โดยในไตรมาส 4/2024 ผลิตรถยนต์ได้รวม 459,445 คัน ส่งมอบรถได้ 495,570 คัน

ส่วนตัวเลขรวมของปี 2024 ผลิตได้ 1,773,443 คัน และส่งมอบ 1,789,226 คัน เป็นตัวเลขที่ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2023 ซึ่งทั้งการผลิตและการส่งมอบอยู่ที่ 1.8 ล้านคัน โดยเป็นปีแรกที่ Tesla มีตัวเลขลดลง

ในจำนวนรถยนต์ที่ส่งมอบตลอดปี 2024 นั้น แบ่งเป็น Model 3/Y 1,679,338 คัน และรุ่นอื่น 94,105 คัน

Tesla จะรายงานผลประกอบการทั้งรายได้-กำไร ในช่วงเช้าวันที่ 30 มกราคม

หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงมาแรง โดยเมื่อคืนนี้มีสถิติใหม่หลายอย่าง ทั้งดัชนีหุ้น Nasdaq ที่สูงกว่า 20,000 จุดเป็นครั้งแรก จากราคาหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ปรับเพิ่มขึ้น

ราคาของหุ้น 7 นางฟ้า หรือ Magnificent Seven ที่นักลงทุนเรียกรวมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 7 แห่ง ต่างปรับเพิ่มสูงและทำสถิติใหม่สูงสุดหลายบริษัท โดย Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 195.40 ดอลลาร์ ทำสถิติใหม่สูงสุด เช่นเดียวกับ Tesla ที่ 424.77 ดอลลาร์ รวมทั้ง Amazon, Apple และ Meta ราคาหุ้นเมื่อคืนนี้ต่างทำสถิติสูงสุดเช่นกัน ส่วน Microsoft และ NVIDIA แม้ราคาหุ้นปรับขึ้น แต่ยังต่ำกว่าราคาสูงสุดเล็กน้อย

ผู้พิพากษา Kathaleen McCormick แห่งศาลรัฐ Delaware ออกคำสั่งไม่อนุมัติให้ Tesla จ่ายผลตอบแทนมูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์ กับซีอีโอ Elon Musk อีกครั้ง หลังจากศาลเคยออกคำสั่งนี้ไปเมื่อต้นปี

ก่อนหน้านี้ Tesla เคยได้รับการอนุมัติแผนจ่ายผลตอบแทนให้ Elon Musk จากผู้ถือหุ้นเมื่อปี 2018 โดยขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานภายในระยะเวลา 10 ปี ซึ่ง Tesla ก็ทำได้ตามแผนทั้งหมดในเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น บอร์ดของ Tesla ระบุว่าการจ่ายผลตอบแทนนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะ Musk คือคนสำคัญที่ผลักดันให้สิ่งต่าง ๆ ประสบความสำเร็จตามแผน และจะทำให้เขายังทำงานที่ Tesla ต่อไป แต่ศาลรัฐ Delaware ได้ระงับการจ่ายเงินด้วยเหตุผลว่าเป็นเงินที่สูงมากเกินไป รวมทั้งมองขั้นตอนการอนุมัติแผนนี้ว่ามีการใช้อำนาจของ Musk แทรกแซง