เมื่อก่อนเราประกาศกันทุกเดือน ภายหลังเปลี่ยนมาเป็นรายไตรมาส ปีนี้ด้วยความขี้เกียจของผมเอง เอาเป็นทีละครึ่งปีละกันนะครับ (ปีหน้าสงสัยเป็นรายปีแหะ)
สถิติเก่าดูได้จากหน้า Statistics และ Hall of Fame
หมายเหตุ: คลิกที่ภาพเพื่อดูรูปขนาดใหญ่กันเอง
เอาสถิติผู้เข้าชมแบบรวมๆ ก่อน
เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องไกลตัวเราหน่อย แต่ผมเห็นว่ามันน่าสนใจดีเลยแปลเอามาให้อ่านกันครับ
หนึ่งในสมาชิกสภาล่างของสหรัฐพรรค Democrat ได้ออกเรียกร้องให้มีการสนับสนุนให้เก็บภาษีจากการซื้อขายของบนอินเทอร์เน็ตข้ามรัฐ โดยทุกวันนี้นั้นผู้ที่ทำการซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ตจากผู้ค้าที่อยู่อีกรัฐหนึ่งนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องเสียภาษีแต่อย่างใด ในขณะที่การจำหน่ายสินค้าออนไลน์นั้นเพิ่มมากขึ้นทุกที ทำให้รัฐหลาย ๆ รัฐเสียภาษีที่ควรจะได้เป็นมูลค่ามหาศาล
ทาง Mozilla ได้ฉลองการดาวน์โหลด Firefox Add-ons ครบ 2 พันล้านครั้งแล้ว
Mozilla ใช้เวลา 3 ปีสำหรับ 1 พันล้านครั้งแรก โดยเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2008 สำหรับ 1 พันล้านที่สองใช้เวลาเพียง 1 ปีครึ่งเท่านั้น และทุกๆ วันจะมีคนใช้ Add-ons รวมกัน 150 ล้านตัว
เนื่องในโอกาสนี้ ทาง Mozilla ได้คัดเลือก 25 Add-ons ที่น่าสนใจ มาเผยแพร่บน addons.mozilla.org ด้วย ใครสนใจก็เข้าไปดูกันได้ว่ามีตัวไหนบ้างที่ยังไม่เคยใช้
ตำนานของ The Pirate Bay เว็บไซต์ BitTorrent tracker ยอดนิยมระดับโลก ยังไม่จบลงง่ายๆ
หลังจากถูกปิดไปแล้วหลายครั้ง (อ่านรายละเอียดในข่าวเก่าๆ กันเองนะครับ) ล่าสุดทางพรรคโจรสลัด (Pirate Party) ซึ่งมีที่นั่งในรัฐสภายุโรป ได้ประกาศว่าจะเป็น ISP รายใหม่ให้กับเว็บไซต์ The Pirate Bay (เว็บไซต์กับพรรคไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่สนับสนุนอุดมการณ์เดียวกัน)
ฟีเจอร์ใหม่ของ Facebook มาแล้ว ผมรวบสองข่าวเลยนะครับ
ข่าวแรก คนใช้ Twitter คงคุ้นเคยกันดีว่าตอนสมัครใช้ครั้งแรก มันจะขึ้นหน้า suggested account ที่น่าสนใจหรือเป็นคนดังให้เรา follow ตอนนี้ Facebook มีฟีเจอร์แบบเดียวกันแล้ว โดยเรียกมันว่า interests ซึ่งจะแนะนำ Page ที่น่าสนใจให้เราติดตาม อันนี้เฉพาะคนที่สมัครใหม่เท่านั้นถึงจะเห็น - Facebook Blog
Engadget มีเรื่องราวเบื้องหลังว่าความตายของ Kin เกิดจากการเมืองภายในของไมโครซอฟท์เอง
Kin เริ่มต้นในชื่อ "Project Pink" ของ J Allard ผู้สร้าง Xbox และ Zune โดยนำเทคโนโลยีมาจากบริษัท Danger ผู้ผลิต Sidekick ที่ไมโครซอฟท์ซื้อกิจการมา แต่ตอนนั้น Windows Mobile 6.x ยังห่วยมาก Allard เลยเลี่ยงไปพัฒนา Pink แยกเป็นอิสระไม่เกี่ยวข้องกัน
ภายหลัง Allard กินเกาเหลากับ Andy Lees หัวหน้าทีม Windows Mobile และสุดท้าย Lees ดึง Pink มาอยู่ใต้การดูแลของเขา ช่วงนั้น Windows Phone 7 กำลังถูกพัฒนาขึ้นใหม่จากศูนย์ Lees เลยสั่งให้ Pink ปรับโค้ดมาใช้ฐานเดียวกับ Windows Phone 7 ทำให้โครงการช้าออกไปอีก แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จเพราะโค้ดต่างกันมาก
หลังจาก HP ควบกิจการ Palm เสร็จสิ้น เพียงวันเดียว ก็มีข่าววงในว่า HP ได้ปลดพนักงานของ Palm จำนวนหนึ่งทันที
จำนวนการปลดยังไม่แน่นอน ข้อมูลบอกแค่ "หลักสิบ" แต่ไม่ถึงร้อย ส่วนโฆษกของ HP บอกว่านี่เป็นเรื่องปกติหลังควบกิจการ เพราะมีตำแหน่งที่ทำงานซ้ำซ้อนกันอยู่แล้ว
ที่มา - AllThingsD
มีข่าวลือว่าไมโครซอฟท์เตรียมเปิดตัวมัลติทัชเมาส์เร็วๆ นี้ หลายคนคาดการณ์ว่าเมาส์ดังกล่าวเป็นผลจากงานวิจัยที่นำเสนอการออกแบบมัลติทัชเมาส์หลากหลายรูปแบบที่ถูกเรียกว่า Mouse 2.0 (ดูข่าวเก่า) ซึ่งหนึ่งในการออกแบบนั้นมีรูปร่างคล้ายกับ Microsoft Arc Mouse รุ่นเดิมที่วางขายอยู่ (ดูรูปเปรียบเทียบได้ท้ายข่าว)
ที่มา: Neowin.net
ต้นแบบที่คาดว่าไมโครซอฟท์จะนำมาพัฒนาเป็นเมาส์รุ่นใหม่
ไมโครซอฟท์ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งแบตเตอรี่โดยไม่ต้องสนใจขั้วบวกหรือขั้วลบของแบตฯ เรียก InstaLoad ซึ่งการนำไปใช้นั้นจะเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย ใช้แบตเตอรี่หลายก้อน เป็นต้น
InstaLoad นั้นใช้การปรับเปลี่ยนบริเวณขั้วสัมผัสของแบตเตอรี่ สำหรับขนาดแบตเตอรี่ที่รองรับคือ CR123, AA, AAA, C หรือ D ทั้งแบบใช้แล้วทิ้งกับแบบชาร์จไฟซ้ำได้
เทคโนโลยีนี้ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้ว และ Duracell กับ AE Light จะใช้ไลเซนส์ดังกล่าวในการผลิตสินค้าของตน
ที่มา: Electronista
ในที่สุดแอปเปิลก็ต้องออกมายอมรับว่ามีปัญหาบน iPhone 4
แอปเปิลกล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดการแสดงผลกำลังสัญญาณผิดพลาดเนื่องมาจากสูตรคำนวณ
แอปเปิลอธิบายต่อว่า iPhone 4 แสดงแถบสัญญาณมากกว่าปกติ เช่น แสดงเป็น 4 ขีด แต่สัญญาณจริงๆ คือ 2 ขีด เมื่อสัญญาณตกลงไปเล็กน้อยจึงกลายเป็น 1 ขีดซึ่งผู้ใช้จะเห็นว่ามันลดลงจาก 4 ไป 1 แทนที่จะเป็นจาก 2 ไป 1
อย่างไรก็ตาม แอปเปิลยังคงเลี่ยงไม่ตอบคำถาม เรื่องสัญญาณตกและสายหลุดซึ่งมาจาการออกแบบเสาอากาศแบบใหม่บน iPhone 4
แอปเปิลยังยืนยันว่า
We have gone back to our labs and retested everything, and the results are the same- the iPhone 4's wireless performance is the best we have ever shipped.
เป็นข่าวลือที่มีมาได้สักระยะแล้ว แต่กลับไม่ถูกประกาศในงาน WWDC รอบล่าสุด
เว็บไซต์ Boy Genius Report ได้อ้างแหล่งข้อมูลภายในของแอปเปิล ระบุว่า iTunes เวอร์ชันกลุ่มเมฆกำลังจะมา และมันมีฟีเจอร์ 3 อย่างดังนี้
ที่มา - Boy Genius Report
Blognone เคยลงข่าวมือถือตระกูล Sidekick มาแล้วสองครั้ง (ข่าวเก่า 1, ข่าวเก่า 2) ประวัติของ Sidekick ต้องย้อนไปถึงปี 2002 เมื่อมันถูกสร้างโดยบริษัท Danger และขายกับเครือข่าย T-Mobile ในสหรัฐ ภายหลัง Danger ถูกไมโครซอฟท์ซื้อกิจการไปในปี 2008 แต่ Sidekick ก็ยังคงอยู่ ส่วนทีมของ Danger ถูกดึงไปพัฒนา Project Pink หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Kin
เรื่องมีอยู่ว่า เว็บไซต์ Boy Genius Report ได้เผยแพร่อีเมลของสตีฟ จ็อบส์ ที่โต้ตอบกับผู้ชายชื่อ Tom คนหนึ่ง ซึ่งเขียนไปโวยสตีฟ จ็อบส์ เรื่องปัญหาการรับสัญญาณของ iPhone 4
ในจดหมายตอบกลับที่อ้างว่าเป็นของสตีฟ จ็อบส์ นั้นพูดในเชิงว่า "เชื่อข่าวลือมากเกินไป" "อยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณ" "ขอให้รอการแก้ปัญหา" ทั้งสองคนคุยกันหลายครั้ง ก่อนที่ Tom จะบอกว่า "ช่างมันเถอะ ก็แค่โทรศัพท์" แน่นอนว่าคนตอบคอมเมนต์ล้นหลาม
แต่ทางนิตยสาร Fortune ได้สอบถามไปยังโฆษกของแอปเปิล และได้รับการปฏิเสธว่าไม่ใช่อีเมลของสตีฟ จ็อบส์ เลยกลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมาทันที
ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไปผู้ใช้บริการดาต้าโรมมิ่งในยุโรปจะถูกเรียกเก็บเงินไม่เกิน 50 ยูโร ถ้าเกินจากนี้จะต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบและต้องได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งก่อน
สหภาพยุโรป (อียู) ออกกฎดังกล่าวเพื่อปกป้องผู้บริโภคที่ไม่ค่อยสันทัดในเรื่องนี้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้บริการชาวเยอรมันเคยถูกเรียกเก็บเงินสูงถึง 46,000 ยูโร (เกือบสองล้านบาท) หลังจากดูทีวีผ่านมือถือในฝรั่งเศส นอกจากนี้ อียู ยังหวังว่าการออกกฎนี้จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าบริการดาต้าโรมมิ่งในยุโรปถูกลง
Sanjay Kapoor ซีอีโอของ Bharti Airtel ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย เชื่อว่าการลงทุนโครงข่าย 3G ราคาแพงจะทำให้ผู้ประกอบการต้องขึ้นราคาเพื่อความอยู่รอด และตลาดในระยะยาวจะเหลือผู้ให้บริการที่มีกำไรเพียง 3 ราย Kapoor ยังบอกอีกว่าการตั้งราคาในปัจจุบันไม่ได้เป็นไปตามกลไกเศรษฐกิจ (แข่งกันลดราคามากเกินไป) ตอนนี้ผู้ให้บริการทุกรายต้องเริ่มมุ่งทำกำไรจากเงินที่ลงทุนไป (จ่ายค่าคลื่น 3G ไปเกือบห้าแสนล้านบาท) กดดันผู้ให้บริการราคาประหยัด (เพื่อให้มีกำไรมากขึ้น) และผลักดันให้เกิดการควบรวมกิจการระหว่างผู้ให้บริการในตลาดทั้ง 14 ราย
David Pogue คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ The New York Times ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็น "สาวกแอปเปิลตัวพ่อ" คนหนึ่ง ได้รีวิวมือถือคู่แข่งอย่าง Droid X
เขาบอกว่า Droid X เป็น "มือถือ Android ที่ดีที่สุดในตอนนี้" ซึ่งรางวัลนี้เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เมื่อมีมือถือออกใหม่ เขาชมเรื่องการออกแบบภายนอก, จอภาพขนาดใหญ่จนสามารถพิมพ์เครื่องหมายสัญลักษณ์แบบไม่ต้องเปลี่ยนโหมดคีย์บอร์ด, ความเร็วในการทำงาน, แบตเตอรี่, ฟีเจอร์อย่าง Wi-Fi Hotspot และวิทยุ FM
Eric Schmidt ซีอีโอของกูเกิล บินไปพูดในงาน Guardian Activate Conference ที่อังกฤษ ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ The Guardian
คำถามส่วนมากเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ และอนาคตของข่าวออนไลน์ แต่ Schmidt ก็เผชิญกับคำถามว่า Google Me มีอยู่จริงหรือไม่
คำตอบของเขาคือ "ผมจะไม่ตอบเรื่องนี้ ขอให้รอดูแถลงข่าวละกัน" ซึ่งโดนแซวจากผู้ดำเนินรายการว่า นี่คือคำตอบว่า 'yes'
ประเด็นอื่นๆ ที่ Schmidt พูดถึง ได้แก่ Google Wave ยังถูกพัฒนาอยู่, Google Voice จะไปอังกฤษแน่ (และน่าจะเป็นประเทศอื่นๆ ด้วย), โมเดลการทำงานของกูเกิลแบบเปิด เทียบกับแอปเปิลที่เป็นแบบปิด
นอกจากปัญหาจอ Retina Display มีสีเหลือง ตอนนี้เริ่มมีผู้ใช้ iPhone 4 บางราย แจ้งปัญหาว่าภาพที่ถ่ายจากกล้องของ iPhone 4 มีสีออกโทนเหลืองด้วย
ตามข้อมูลบอกว่าปัญหานี้จะเกิดเฉพาะการถ่ายภาพภายใต้สภาพแสงน้อยๆ โดยไม่ขึ้นกับว่าจะเปิดแฟลชหรือไม่ และในบางครั้งภาพมีสีออกโทนเขียวด้วย ทางเว็บไซต์ MacRumors ได้ทดสอบกับ iPhone 3G และ 3GS ใต้สภาพแสงเดียวกัน ก็ไม่เจอปัญหานี้
อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่น่าจะเกิดจากฮาร์ดแวร์ และน่าจะแก้ไม่ยากด้วยการอัพเดต iOS
ที่มา - MacRumors
กูเกิลเริ่มออกช็อปปิ้งรอบใหม่อีกแล้วครับ ล่าสุดประกาศซื้อ ITA Software บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการขายตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ซึ่งมีข้อมูลด้านตารางการบินและผู้โดยสารจำนวนมหาศาล
ITA เป็นบริษัทที่รวบรวมข้อมูลการบินจากสายการบินต่างๆ แล้วนำมาประมวลผล ก่อนขายข้อมูลนี้ให้เว็บรับจองตั๋วเครื่องบินอย่าง Kayak, Expedia, Cheapflights.com และ Bing (รวมถึงขายให้เว็บสายการบินเองด้วย) ดูแผนผังความสัมพันธ์ได้จากกูเกิล
การเข้าซื้อกิจการของกูเกิลทำให้เว็บข้างต้นกังวลว่าจะไม่ได้ใช้ข้อมูลจาก ITA อีก และรวมตัวกันลงขันซื้อ ITA แข่งกับกูเกิล แต่สุดท้ายไม่สำเร็จ กูเกิลได้ไปด้วยมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์
Bob Sutor รองประธานของยักษ์สีฟ้า IBM ประกาศผ่านบล็อกของเขาว่า IBM ได้ประกาศนโยบายให้ Firefox เป็นเบราว์เซอร์หลักของบริษัทแล้ว
เหตุผลที่เลือก Firefox มีหลายอย่าง เช่น โอเพนซอร์ส รองรับมาตรฐานเว็บ ปลอดภัย ฯลฯ โดยคอมพิวเตอร์ใหม่ทุกเครื่องของ IBM จะลง Firefox มาให้ และ IBM จะส่งเสริมให้พนักงานทุกคนใช้ Firefox รวมถึงพาร์ทเนอร์ของ IBM ด้วย
IBM มีพนักงานทั่วโลกประมาณ 4 แสนคนครับ ถ้ามีพนักงานของ IBM ประเทศไทยอ่านอยู่ ช่วยยืนยันหน่อยว่าได้รับนโยบายนี้แล้วหรือยัง
ที่มา - Bob Sutor
เว็บไซต์ขายสินค้า Play.com ในสหรัฐฯ เผยข้อมูลทางเทคนิคของเครื่อง Kinect ซึ่งระบุว่า Kinect จะสามารถติดตามร่างกายผู้เล่นได้ 6 คน แต่มีเพียง 2 คนเท่านั้นที่ active นอกจากนั้นยังมีข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ ดังนี้
รัฐบาลอินเดียประกาศให้เวลา 15 วันแก่ Research in Motion (RIM) ผู้ผลิต Blackberry และ Skype ผู้ให้บริการ VoIP เพื่อเปิดช่องให้รัฐบาลอินเดียสามารถดักฟังข้อมูลที่สื่อสารบนเครือข่ายของทั้งสองบริษัทได้ ส่วน Gmail นั้นมีการสั่งคำสั่งเดียวกันแต่ยังไม่มีกำหนดเวลา
รัฐบาลอินเดียเป็นหนึ่งในรัฐบาลที่วิตกต่อความมั่นคงทางอิเลกทรอนิกส์มากที่สุดในโลก โดยมีการสั่งห้ามนำเข้าเครื่องมือสื่อสารจากจีน
ยังไม่มีข่าวจากทั้ง RIM และ Skype ว่าจะทำตามข้อเรียกร้องนี้หรือไม่ แต่แม้จะยอมทำตามแต่เงื่อนไข 15 วันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
ที่มา - PhysOrg
หลังจากต้องถูกแย่งตลาดไปอย่างต่อเนื่องมายาวนาน เดือนที่ผ่านมาก็เป็นครั้งแรกของปี 2010 ที่ Internet Explorer กลับมาชิงส่วนแบ่งคืนได้อีกครั้ง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้ยอดส่วนแบ่งกลับมาเป็น 60.32% เกินเส้น 60% มาอีกครั้ง
เดือนที่ผ่านมามีผู้เสียส่วนแบ่งตลาดไปคือ Firefox และ Opera ส่วน Chrome นั้นขึ้นมาอย่างนิ่งๆ เฉลี่ยเดือนละ 0.3-0.4% มาตลอดครึ่งปี ด้าน Safari นั้นแม้จะแทบไม่เคลื่อนไหวแต่ก็สามารถทำสถิติสูงสุดได้
ผมว่าถ้า Chrome เกิน 10% เมื่อใหร่ทีม IE ได้งบเพิ่มขึ้นเพียบแน่ๆ
เราเห็นคนดังเปลี่ยนโทรศัพท์และเป็นข่าวกันเรื่อยมา แต่ครั้งนี้ Ricky Cadden หรือ The Guru แห่งเว็บ Symbian-Guru.com ก็ได้ประกาศว่าเขาไม่สามารถทนได้กับโทรศัพท์ของโนเกียอีกต่อไป และซื้อ Nexus One มาใช้งาน
Cadden บ่นถึง Symbian ที่เขาเขียนถึงในเว็บมาตลอดสามปี, ทดสอบโทรศัพท์แทบทุกรุ่น และใช้เองมากกว่าสิบเครื่องว่าเขาไม่สามารถสนับสนุนผู้ผลิตที่ผลิตโทรศัพท์รุ่นใหญ่ออกมาได้แย่เช่นโนเกียได้ เพราะซีพียูที่ไม่แรงพอจะประมวลผลมัลติทาสที่ Symbian รองรับ และหน่วยความจำที่จำกัดจนแทบลงซอฟต์แวร์อะไรไม่ได้
เมื่อ Barnes & Noble เริ่มต้นสงครามราคาไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ทุกอย่างก็ดูจะหยุดไม่ได้แล้วหลังจากที่อเมซอนตัดราคา Kindle 2 ลงมาสู้หลังการลดราคา NOOK ไม่กี่ชั่วโมง วันนี้อเมซอนก็ทำราคาอีกครั้งด้วยการลดราคา Kindle DX ลงมาอีก 110 ดอลลาร์ เหลือ 379 ดอลลาร์หรือประมาณ 12,000 บาท
นอกจากลดราคาแล้ว Kindle DX ยังอัพเกรดเล็กน้อยด้วยการใส่ e-Ink รุ่นปรับปรุงที่อ่านได้ง่ายขึ้นและคอนทราสสูงขึ้น 50% ภายนอกนั้นเปลี่ยนเป็นสีกราไฟต์แทนสีขาวเดิม
หวังว่าของจีนจะลดราคาลงเหลือ 79-99 ดอลลาร์ในเร็ววัน
ที่มา - ArsTecnica