บริษัท Akamai เปิดเผยว่า ตั้งแต่ Akamai ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน นับรวมเวลาได้สิบปี 20% ของปริมาณทราฟฟิกหรือการขนส่งข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตต่างพึ่งพาบริการของบริษัท Akamai
เมื่อเกือบ 1 ปีที่แล้ว Amazon ได้เปิดตัว SimpleDB ซึ่งเป็นบริการฐานข้อมูลแบบง่ายๆ มีตารางเดียว แต่รองรับปริมาณข้อมูลจำนวนมากได้ (หลักการเหมือนกับ BigTable ของกูเกิล) รายละเอียดดูข่าวเก่า Amazon เปิดบริการฐานข้อมูลแบบเก็บเงินตามการใช้งานจริง
วันนี้ SimpleDB หลุดจากสถานะ private beta และเปิดให้คนทั่วไปได้ทดลองใช้งานแล้ว โดย Amazon จะให้เราได้ทดลองใช้งานฟรีเป็นเวลา 6 เดือนนับจากวันนี้ (อาจพิจารณาให้ทดลองใช้ฟรีต่อได้ในอนาคต) เก็บข้อมูลได้สูงสุด 1GB และในแต่ละเดือนจะสามารถใช้งานได้ 25 machine-hours, ส่งข้อมูลเข้าได้ 1GB และส่งออกได้ 1GB เช่นกัน แต่ถ้าใช้งาน EC2 อยู่แล้วจะสามารถโอนถ่ายข้อมูลได้ไม่จำกัดครับ
กระแส Cloud Computing ยังมาแรงไม่ตก ที่ผ่านมาเรารู้จักบริการซอฟต์แวร์ออนไลน์อย่างพวก Google Apps หรือ Salesforce กันมาบ้างแล้ว ตอนนี้ถึงคิวของไมโครซอฟท์ที่จะออกบริการซอฟต์แวร์ผ่านเว็บแบบสมัครสมาชิกเสียที
บริการของไมโครซอฟท์เรียกว่า Microsoft Online Services โดยระยะแรกจะมีซอฟต์แวร์สองตัวให้ใช้ คือ Microsoft Exchange Online กับ SharePoint Online ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ยอดนิยมของไมโครซอฟท์ในตลาดองค์กรอยู่แล้ว ความแตกต่างของรุ่นปกติกับรุ่นออนไลน์ก็มีแค่ว่า รุ่นออนไลน์เราไม่ต้องหาเซิร์ฟเวอร์มารัน Exchange/SharePoint เอง แต่ใช้เซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์ได้เลย ซึ่งไม่ต้องมาวุ่นวายเรื่องการรับโหลดหรือการดูแลเครื่องให้มากนัก
ซัน ไมโครซิสเต็มส์ กำลังปรับปรุงเว็บไซต์ NETWORK.COM เพื่อให้บริการการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ โดยก่อนหน้านี้ ซันเคยใช้เว็บไซต์ดังกล่าวเป็นหน้าหลักของบริการที่ซันเรียกว่า Sun Grid Compute Utility อันเป็นรูปแบบการประมวลผลแบบสาธารณูปโภค (Utility Computing) โดยคิดราคาค่าเช่าการประมวลผลที่ 1 ดอลล่าร์สหรัฐต่อหนึ่งชั่วโมงซีพียู *
บริษัท Enomaly เปิดตัวซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สภายใต้ชื่อ Elastic Computing Platform (ECP) สำหรับการบริหารจัดการทรัพยากรคอมพิวเตอร์บนระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ ทำให้องค์กรทั่วไปสามารถสร้างกลุ่มเมฆส่วนตัว (Private Cloud) เพื่อให้บริการแก่หน่วยงานขององค์กรเองได้ หรือแม้กระทั่งขายบริการแบบกลุ่มเมฆให้กับลูกค้า
รัฐบาลสิงคโปร์เปิดให้บริการการประมวลผลกริดเชิงพาณิชย์ภายใต้ชื่อ Alatum นำโดยสำนักงาน iDA จากภาครัฐ และได้ร่วมมือกับบริษัท SCS และ HP ในการพัฒนาระบบดังกล่าว รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากบริษัทพาร์ทเนอร์หลายบริษัทในการพัฒนาและส่งบริการดังกล่าวถึงมือลูกค้า ตัวอย่างของพาร์ทเนอร์ ได้แก่ Microsoft, Oracle, Redhat, IBM, Salesforce.com, Citrix, และ SingTel เป็นต้น
เว็บไซต์ CIO ทำแบบสอบถามส่งถึงผู้บริหารในสายธุรกิจและเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อถามความเห็นของผู้บริหารที่มีต่อการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) ผลการสำรวจที่น่าสนใจมีดังต่อไปนี้
58% ลงความเห็นเหมือนกันว่า Cloud Computinig จะทำให้เทคโนโลยีสารสนเทศเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคน อันเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในอนาคต
47% เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทของพวกเขากำลังใช้หรือกำลังศึกษา Cloud Computing อยู่
54% ตอบว่า กำลังใช้งาน ศึกษา หรือพัฒนาซอฟต์แวร์ประเภท ERP บน Cloud Computing
59% มองว่าผู้ให้บริการ Cloud Computing ยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยน้อยไป
บริษัท IDC คาดการณ์ว่าในปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) บริการแบบกลุ่มเมฆ * จะมีการเติบโตอย่างมาก ซึ่งบริษัทและหน่วยงานต่างๆจะมีการลงทุนกับบริการแบบกลุ่มเมฆมากถึง 42 พันล้านเหรียญ
จากข่าวเก่า ที่ไมโครซอฟท์เตรียมเปิดตัว Cloud Service ตัวใหม่ ตอนนี้ไมโครซอฟท์ได้เผยชื่ออย่างเป็นทางการออกมาแล้วที่งาน Professional Developers Conference 2008 นั่นคือ Windows Azure
บริการดังกล่าวจะมีที่ตั้งอยู่ที่ศูนย์ข้อมูลของไมโครซอฟท์เอง และสนับสนุนเทคโนโลยีหลักๆ ของไมโครซอฟท์เช่น .NET Framework และ Visual Studio 2008 ซึ่งจะทำให้นักพัฒนาที่คุ้นเคยซอฟต์แวร์เหล่านี้ปรับตัวมาใช้ Cloud ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังในอนาคตยังมีแผนที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีที่เป็นมาตรฐานอื่นๆ เช่น Eclipse, Ruby, PHP และ Python ด้วย
บริการ EC2 ของ Amazon ซึ่งเปิดใช้มาเป็นเวลา 2 ปีในสภาพเบต้า ตอนนี้พร้อมสำหรับการใช้งานจริงแล้ว
Amazon ปลดป้ายเบต้าของ EC2 ออกไป พร้อมกับใส่ Service License Agreement (SLA) ฉบับจริงเข้ามา (เนื่องจากว่า SLA สำคัญมากสำหรับคนที่จะใช้ cloud ในการทำธุรกิจ รันงานจริง ปัญหานี้ App Engine ก็โดนวิจารณ์มาตลอด) นอกจากนี้ EC2 ยังเพิ่มการสนับสนุนวินโดวส์และ MS SQL เข้ามา โดยสองอันนี้ยังมีสภาพเป็นเบต้าอยู่ และจะมีให้ใช้จริงหลังประกาศตัวในงาน PDC ของไมโครซอฟท์สัปดาห์หน้า ก่อนหน้านี้ EC2 สนับสนุนลินุกซ์และ OpenSolaris อยู่แล้ว
Amazon ยังประกาศอีกว่าจะเพิ่มตัว management console, load balancing, automatic scaling และ monitoring ให้กับ EC2 ในอนาคตอันใกล้
สำนักงานการประมวลข่าวทหาร (Defense Information Systems Agency หรือ DISA) ของกระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกา (Department of Defense หรือ DoD) ได้เปิดตัวบริการการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) ภายใต้ชื่อ Rapid Access Computing Environment หรือเรียกสั้นๆว่า RACE เพื่อให้บริการแก่กองทัพทหารระหว่างปฏิบัติภารกิจและใช้ในหน่วยงานของ DoD เอง
สืบเนื่องจากข่าวที่ซีอีโอของไมโครซอฟท์ สตีฟ บัลเมอร์ได้ให้สัมภาษณ์ต่อนักวิเคราะห์จากบริษัทการ์ตเนอร์ในงาน Gartner Symposium/ITxpo โดยบัลเมอร์ได้โน้มน้าวให้คนเปลี่ยนไปใช้ Vista ก่อนที่ Windows 7 จะวางขาย นอกจากนี้ บัลเมอร์ยังอ้างว่า ตอนที่ Vista เปิดตัวมานั้น มีบุคคลและบริษัทเปลี่ยนไปใช้ Vista เร็วกว่าตอนที่ Windows XP เปิดตัววางขายซะอีก แต่ทางนักวิเคราะห์จากการ์ตเนอร์กลับเปิดเผยสถิติว่ามีจำนวนบริษัทเพียง 10% เท่านั้นที่เปลี่ยนไปใช้ Vista
บริษัทการ์ตเนอร์ (Gartner) จัดอันดับเทคโนโลยีทั้งหมด 10 อันดับที่จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการวางแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีสำหรับปีหน้า (พ.ศ. 2552 หรือ ค.ศ. 2009) โดยนักวิเคราะห์จากการ์ตเนอร์เชื่อว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในอีก 3 ปีข้างหน้า และการ์ตเนอร์แนะนำบริษัทต่างๆว่าควรให้ความสนใจกับเทคโนโลยีเหล่านี้ว่าจะนำมาเพิ่มศักยภาพสำหรับการดำเนินธุรกิจในส่วนไหนของบริษัทได้บ้าง มาดูกันครับว่า เทคโนโลยีทั้ง 10 อันดับนี้มีอะไรบ้าง
ข่าวจากบล็อกอย่างเป็นทางการของ Amazon ได้เปิดเผยว่า ก่อนสิ้นปีนี้ บริการการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆภายใต้ชื่อ Amazon EC2 จะสามารถรองรับคอมพิวเตอร์เสมือน (virtual machine) ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows Server ทั้งแบบ 32 บิตและ 64 บิต
แต่เดิม Amazon EC2 สนับสนุนคอมพิวเตอร์เสมือนที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการตระกูล Linux และ Solaris เท่านั้น การสนับสนุน Windows บน Amazon EC2 ครั้งนี้ นับเป็นโอกาสทองของ Amazon ให้สามารถดึงดูดลูกค้าในกลุ่มผู้ใช้ Windows ซึ่งมีจำนวนมากได้ และลูกค้ายังสามารถเข้าไปใช้งานคอมพิวเตอร์เสมือนที่ฝากบน Amazon EC2 ผ่านโปรแกรมอย่าง Remote Desktop Connection หรือ rdesktop ได้อีกด้วย
Steve Ballmer ซีอีโอของไมโครซอฟท์ เปิดเผยถึงระบบปฏิบัติการ Windows ตัวใหม่ภายใต้ชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "Windows Cloud" โดยกลุ่มเป้าหมายของ Windows Cloud คือ ผู้ที่ต้องการพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) และ Windows Cloud จะเปิดตัวและประกาศชื่ออย่างเป็นทางการในงาน Professional Developers Conference (PDC2008) ที่กำลังจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 - 30 ตุลาคม พ.ศ. 2551 นี้ ที่ลอสแอนเจลิส
ยักษ์ใหญ่สีฟ้าไอบีเอ็ม (IBM) เปิดตัวศูนย์การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing Center) พร้อมกันถึง 4 แห่ง คือ เซาเปาโล ประเทศบราซิล, บังกาลอร์ ประเทศอินเดีย, โซล ประเทศเกาหลี, และฮานอย ประเทศเวียดนาม ทั้งนี้ ศูนย์ดังกล่าวสามารถให้บริการการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆให้กับระบบสารสนเทศของหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน และไอบีเอ็มยังได้จ้างนักวิจัยกว่า 200 ตำแหน่ง พร้อมทั้งประกาศลงทุนด้วยงบถึง 100 ล้านเหรียญสำหรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง ไอบีเอ็มทุ่ม 300 ล้านตั้งศูนย์ข้อมูล 13 แห่ง
สองยักษ์ใหญ่ Oracle และ Intel ประกาศร่วมมือกันลุยตลาดการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computinig) ทั้งนี้ Intel ส่งผลิตภัณฑ์ Intel Paralell Studio สำหรับการพัฒนาโปรแกรมเพื่อการประมวลผลแบบขนานและโปรเซสเซอร์ตระกูล Intel เพื่อการประมวลผลของเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล ส่วนทาง Oracle ชูผลิตภัณฑ์ Oracle Database 11g และโซลูชัน Oracle Fusion Middleware กับ Enterprise Manager ร่วมลุยตลาดพร้อมกับ Intel
ข่าวล่าสุด Oracle ยังได้ร่วมมือกับ Amazon ผู้นำตลาด Cloud Computing รายใหญ่ เพื่อเปิดทางให้ลูกค้าสามารถติดตั้งผลิตภัณฑ์ของ Oracle บนบริการ Amazon EC2 และส่งผลิตภัณฑ์สำหรับสำรองข้อมูลบน Amazon S3
หลังจากไมโครซอฟต์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ virtualization นำโดย Hyper-V ในเวลาเดียวกันนี้ ไมโครซอฟต์ได้ประกาศลงทุนด้วยงบ 8 พันล้านเหรียญสำหรับงานวิจัยและพัฒนาด้านบันเทิง, Vista, และ Cloud Computing โดยผลิตภัณฑ์ชูโรงสำหรับบริการ Cloud Computing ของไมโครซอฟต์มีชื่อว่า Microsoft System Center Virtual Machine Manager 2008 (VMM) ที่สนับสนุนการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (data center) และสามารถรองรับคอมพิวเตอร์เสมือน (virtual machine) ที่ใช้เทคโนโลยี Microsoft Hyper-V, Microsoft Virtual Server, และ VMware ESX
ภายในงาน VMworld 2008 ที่ลาสเวกัส บริษัท VMware, Inc. ได้เปิดผ้่าคลุมผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ชื่อ Virtual Datacenter Operating System (VDC-OS) โดย VMware เรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่าเป็นระบบปฏิบัติการเสมือนสำหรับการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (data center) เพื่อรองรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing)
นอกจากนี้ VMware ยังได้เปิดตัวโครงการชื่อ vCloud ที่ทาง VMware ร่วมมือกับบริษัทพาร์ทเนอร์มากกว่า 100 ราย เพื่อการพัฒนาเครือข่ายของบริการ Cloud Computing ขนาดใหญ่ โดยโครงการ vCloud จะใช้ผลิตภัณฑ์ VDC-OS สำหรับการสร้างเครือข่ายดังกล่าว
บริษัท Citrix Systems, Inc. ประกาศผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ชื่อ Citrix Cloud Center (C3) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการบริหารจัดการศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อรองรับการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆหรือ Cloud Computing โดยกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ C3 คือ Cloud Provider หรือลูกค้าที่ต้องการใช้ศูนย์ข้อมูลของตนเพื่อให้บริการ Cloud Computing
สิงคโปร์เปิดตัวศูนย์ SaaS แห่งชาติ ภายใต้ชื่อ AxSaaS Incubation Centre หรือเรียกชื่อย่อว่า AiC โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ A*STAR และ iDA ซึ่งเป็นตัวแทนจากรัฐบาลสิงคโปร์ ส่วนภาคเอกชนประกอบไปด้วยบริษัท Microsoft, HP, SingTel, Singapore Computer Systems (หรือ SCS), GigaSpaces, และ Haley
ศูนย์ AiC แห่งนี้ได้จัดเตรียมแพลตฟอร์มที่ประกอบไปด้วยฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ระบบ เครือข่ายความเร็วสูง และ SaaS application ทั้งนี้ บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์และ ISV สามารถนำ SaaS application ของตนมาติดตั้งและทดสอบบนแพลตฟอร์มนี้ ตลอดจนเปิดบริการ SaaS application ให้กับลูกค้าได้
PEW/INTERNET ศึกษากลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวอเมริกัน พบว่ามีผู้ใช้ถึง 69% ที่กำลังใช้บริการ Cloud Computing อยู่ โดยสถิิิติของจำนวนการใช้บริการ Cloud Computing ที่ได้รับความนิยม 6 อันดับแรก มีดังนี้
บิล เกตส์แสดงความคิดเห็นต่ออนาคตของ Cloud Computing ผ่านนิตยสาร PC Magazine ว่า Cloud Storage จะเติบโตได้เร็วกว่า Cloud Computing โดยเกตส์กล่าวว่า Cloud Storage ทำให้คนเราสามารถจัดเก็บไฟล์ไว้กับผู้ให้บริการ และสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้จากทุกที่ทั่วโลก ส่วนการสำรองข้อมูลก็ยกให้เป็นภาระของผู้ให้บริการ
เกตส์ให้เหตุผลว่า Cloud Computing จำเป็นต้องลงทุนกับต้นทุนบางอย่างที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการประมวลผล อาทิเช่น การลดความหน่วง (latency) และการเพิ่มแบนด์วิธ (bandwidth) เป็นต้น ต่างจาก Cloud Storage ที่ไม่ต้องลงทุนกับปัจจัยเหล่านี้เลย ทำให้ Cloud Storage เป็นเทคโนโลยีที่สามารถเติบโตได้เร็วกว่า Cloud Computing
ผมเห็นว่าบทความของอาจารย์ภุชงค์ "คุยกันเล่นกับชาว HP" ฟังชื่อเหมือนป็นการคุยกันเล่นๆ แต่จริงๆกลับมีคุณค่าอย่างมากในการวางแผนสำหรับโครงการไอทีระยะยาว, การวิจัยและพัฒนา, และการให้ความรู้แก่ผู้ที่จะมาเป็นกำลังสำคัญในการใช้หรือพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป ผมจึงขอนำเสนอผลงานค้นคว้าและวิจัยของบริษัทการ์ทเนอร์ (Gartner) ที่มีความเกี่ยวข้องกับบทความของอาจารย์ภุชงค์ ดังต่อไปนี้
บริษัทการ์ทเนอร์ได้ยกเทคโนโลยี 5 ตัวซึ่งอยู่ใน Hype Cycle * แห่งปี 2008 ได้แก่ Green IT, Cloud Computing, Social computing platforms, Video telepresence, และ Microblogging ว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตมากในปีนี้และอีก 2 - 5 ปีข้างหน้า
ยักษ์ใหญ่สีฟ้าไอบีเอ็ม (IBM) ทุ่มทุน 300 ล้านเหรียญตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) รองรับบริการ Cloud Computing ถึง 13 แห่งภายในปีนี้ ด้วยวัตถุประสงค์หลักเพื่อรับมือกับภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงที่อาจทำให้ศูนย์ข้อมูลแห่งใดแห่งหนึ่ง (หรือหลายแห่ง) เสียหายได้
Mike Riegel รองประธานไอบีเอ็มให้สัมภาษณ์ว่า "เมื่อไหร่ก็ตามที่คอมพิวเตอร์ของลูกค้าล่ม หรือศูนย์ข้อมูลถูกทำลาย ข้อมูลที่เสียหายไปนั้นจะถูกกู้คืนกลับมาภายใน 2 - 6 ชั่วโมง" โดยศูนย์ข้อมูลทั้ง 13 แห่งจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้ถึง 10 ประเทศ ได้แก่ จีน, ญี่ปุ่น, ตุรกี, โปแลนด์, ฝรั่งเศส, และสหรัฐอเมริกา